ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เจ้าหญิงแห่งแอ็ดลาส
    “ทรงเป็นอะไรไปน่ะ”
    “อ๋อ  อืมฉันรู้พอจำอะไรได้บ้างแล้วล่ะ  เหมือนกับมีตัวเริ่มก่อนซะยังงั้น”ฉันรู้สึกเหมือนมีตัวเริ่มบ้างอย่างที่ทำให้ฉันรู้ว่าตัวตนที่แท้จนิงเป็นเจ้าหญิง
    “ตัวเริ่มนั้นคือปากกาที่ทรงถืออยู่นั้นแหละ”เลโมธีชี้มาที่ปากกาที่ฉันถืออยู่
    “ปากกานั้นเป็นปากกาที่กษัตริย์แห่งแอ็สลาสสั่งให้ประดิษฐ์โดยคนที่ทำขึ้นมานั้นคือกระหม่อมเอง (อึ้งรอบสาม) ทรงกำชับไว้ว่าจะหมอบปากกานั้นแก่พระธิดาซึ่งก็คือพระองค์ (ทำไมตำแหน่งเริ่มสูงขึ้นทุกทีอ่ะ)
ปากกานั้นไม่ใช่ปากกาธรรมดาแต่เป็นปากกาดังใจนึกว่าเป็นไปตามความต้องการของพระองค์ว่าจะทรงให้มันเป็นอะไร  ที่ปากกานั้นพบพระองค์แสดงว่าทรงจะกลับมาที่เอเดนอีกครั้ง”เลโมธีอธิบายจนฉันต้องเรียบเรียงให้ตัวเองเข้าใจ  จนฉันเข้าใจหลายๆอย่างเกียวกับปากกาด้ามนี้  มิน่าล่ะฉันถึงได้สะดุดตาเรื่องหัวขโมยแห่งบารามอสและปากกาด้ามนี้
    “เลโมธี”
    “กระหม่อม”
    “ช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะ  เมื่อถึงเวลาที่ควรรู้ความจริง
ก็ต้องบอกพวกเขาไปจริงๆแล้วล่ะ”
    “กระหม่อม  แล้วทรงรู้รึยังว่าพ่อกับแม่ของพระองค์ที่อยู่บนโลกมนุษย์น่ะเป็นแค่หุ่นธรรมดาเท่านั้น”เลโมธีบอก
    “อ้าว  เอ่อๆเรื่องนั้นo.k.จบ  แล้วนี่ฉันยังงงอยู่เลยนะเนี่ยว่าพ่อจะส่งฉันไปโลกมนุษย์ทำไม”ฉันเริ่มงงยิ่งขึ้น
    “ในเอเดนเรานั้น  เหล่าเจ้าชายรัชทายาทจะต้องออกไปเร่ร่อนก็จริง  แต่ในกรณีพระองค์ที่เป็นเจ้าหญิง  องค์ราชินีอยากให้พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นภายนอกมากกว่านี้เลยให้หม่อมฉันจัดการทุกอย่าง”อึ้งอีกรอบ  คง...ไม่มีอะไรน่าตกใจไปมากกว่านี้
    “o.k.  เอาล่ะ  คงไม่มีความจริงจะพูดอีกแล้วใช่ไหมเพราะวันนี้
ฉันนับสถิตติการอึ้งถึง 4 ครั้งด้วยกันแล้ว”ฉันพูดขึ้น
    “ดอร์มินิค  เอดาร์ลาส”
    “ใครอีกล่ะ  ญาติเหรอ”
    “พี่ชายฝาแฝดของพระองค์”อึ้งรอบห้า
    “อ๋อ  ใช่  พี่ชายฉันคงครองบัลลังก์แล้วสินะ”ฉันพูดไปนู้น
    “อยู่ที่ป้อมอัศวินกระหม่อม”รอบที่หก
    “แล้ว  อย่าบอกนะว่าฉันต้องไปอยู่.....”
    “ป้อมอัศวิน”เลโมธีตอบแทนฉันแล้ว
    ...เช้าวันใหม่ที่ห้องอาหารดราก้อน...
    “หาววววววววววววววววว...”เฟรินหาวอย่างกับคนเบื่อโลก  ขณะเดินไปหาที่นั่ง
    “เฟริน  แกเลิกหาวซักทีไดไหม  ไม่อายคนอื่นเลย”คิลทำท่าประสานมือที่ท้ายท้อย
    “ก็เมื่อคืนน่ะสิ  มันช่วยไม่ได้เลยอ่ะ  ฉันกะจะนอนเร็วหน่อยแต่ไอ้คาโลมันนั่งอ่านหนังสืออยู่  จะให้นอนได้ไง”เฟรินเถียงต่อ  ที่นี้ลามไปถึงคนที่เลียบมาตอลทาง
    “ม่านตานายบอบบางมากนักหรือไงเฟริน”คาโลตอบกลับไป
    “แล้วไง  ว่าแต่นายเหอะอ่าวนหนังสืออะไร  ไม่เคยเห็น”เจ้าตังดีเริ่มอยากรู้อยากเห็น
    “ประวัติเจ้าชายเจ้าหญิงรัชทายาททุกพระองค์”คาโลตอบเสียงเรียบ
    “อ่านไปทำไมก็ไม่รู้”เฟรินพูดเสียงยาว
    “ผู้หยิงคนนั้นน่ะ  สีของตา.....มันแปลกเกินไปสำหรับคนธรรมดา”
    “ตา?  สีของตาเป็นสีอะไร”เฟรินพูดต่อ
    “สีนะ......”
    “เอาล่ะ  นักเรียนป้อมอัศวินทุกคนฟังทางนี้หน่อย”เสียงของเลโมธีดังขึ้นที่ประตูทางเข้าห้องอาหาร  ทุกคนจึงหันไปฟัง
    “วันนี้  เราจะมีสมาชิกใหม่มาเข้าป้อมอัศวินของเรา  ขอให้ทุกคนปรบมือต้อนรับสมาชิกใหม่  ยูโดริ  อาร์ดาเลส  เดอะวิทช์  ออฟ  แอ็ดลาส”เสียงปรบมือดังขึ้น  ฉันจึงค่อยๆก้าวเดินออกไปต่อหน้าทุกคน  ตาของฉันถูกเวทมนต์ของเลโมธีเปลี่ยนเป็นสีดำ  ให้เข้ากับผมสีดำที่ถูกผูกแกะสองด้านเอาไว้ข้างหลังกับชุดนักเรียนที่มีปากกาเสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ
    “ที่นี้  เรามีปัญหาอยู่  นั้นคือ  ห้องพักเรานั้นเต็มทุกห้องจึงอยากขออาสาว่าใครจะให้เธออยู่ได้บ้าง”แค่นั้นแหละสามสาวป้อมอัศวินก็ยกมือทันที
    “เราขออาสาให้เธออยู่กับเราค่ะ”เรนอนตะโกน
    “นานๆทีจะมีเพื่อนที่เป็นแม่มดด้วยกันสักที”แองจี้พูดบ้าง
    “พวกเราขอตอนรับเข้าสู่ป้อมอัศวินนะจ๋า”มาทิลด้าสวนต่อทันทีที่มีเสียงปรบมือตอนรับฉันอีกครั้ง
    “ขอบคุณค่ะ  ทุกคน”ฉันก้มหัวต่อหน้าทุกคนและเดินไปนั่งข้างๆแองจี้
    “เธอมาจากแอ็ดลาสเลยเหรอเนี่ย”แองจี้คุยกับฉันเป็นคนแรก
    “ใช่จ๊ะ”ฉันตอบ
    “อ๋อที่เธอแวบมา (ที่โผล่มาตอนนั้นน่ะ) นั้นก็คือมาจากแอ็ดลาสเหรอ”มาทิด้าถามต่อ
    “อืม”
    “ที่ป้อมเราก็มีคนมาจากแอ็ดลาสคนหนึ่ง  ชื่อดอร์มินิค  เอดาร์ลาส
เดอะปรินซ์  ออฟ  แอ็ดลาสเป็นเจ้าชายจ๊ะ”เรนอนชี้ไปที่ผู้ชายคนหนึ่งผู้มีนัยต์ตาสีทองสว่างจ้า  ผมสีดำ  หน้าตาคล้ายฉัน (ก็ฝาแผดนิ)
    “อืม.....หน้าตาเหมือนเธอเลยนะ  ยู”มาทิลด้ามองหน้าฉันกับดอร์มินิคสลับกันไปมา
    “เหรอ.......อืม.....”ฉันพึมพำ
    นับวันพวกเราสี่คนก็สนิทกันยิ่งขึ้นแม้เวลาเรียนเวทมนต์แองจี้
จะเป็นคนช่วยฉันตลอด  มาทิลด้าจะชอบสอนการโต้ตอบพวกผู้ชาย
ส่วนใหญ่    จนเดียวนี้ใครเถียงฉันฉันก็เถียงกับได้สบาย (เรื่องเตะต่อยก็ไม่ใช่ย่อย) และเรนอนเมื่อเห็นฉันเรียนกับมาทิลด้จนห้าวเลยจับเข้าครัว
สอนทำอาหารจนได้หลายเมนู
    “อ๋อ  อืมฉันรู้พอจำอะไรได้บ้างแล้วล่ะ  เหมือนกับมีตัวเริ่มก่อนซะยังงั้น”ฉันรู้สึกเหมือนมีตัวเริ่มบ้างอย่างที่ทำให้ฉันรู้ว่าตัวตนที่แท้จนิงเป็นเจ้าหญิง
    “ตัวเริ่มนั้นคือปากกาที่ทรงถืออยู่นั้นแหละ”เลโมธีชี้มาที่ปากกาที่ฉันถืออยู่
    “ปากกานั้นเป็นปากกาที่กษัตริย์แห่งแอ็สลาสสั่งให้ประดิษฐ์โดยคนที่ทำขึ้นมานั้นคือกระหม่อมเอง (อึ้งรอบสาม) ทรงกำชับไว้ว่าจะหมอบปากกานั้นแก่พระธิดาซึ่งก็คือพระองค์ (ทำไมตำแหน่งเริ่มสูงขึ้นทุกทีอ่ะ)
ปากกานั้นไม่ใช่ปากกาธรรมดาแต่เป็นปากกาดังใจนึกว่าเป็นไปตามความต้องการของพระองค์ว่าจะทรงให้มันเป็นอะไร  ที่ปากกานั้นพบพระองค์แสดงว่าทรงจะกลับมาที่เอเดนอีกครั้ง”เลโมธีอธิบายจนฉันต้องเรียบเรียงให้ตัวเองเข้าใจ  จนฉันเข้าใจหลายๆอย่างเกียวกับปากกาด้ามนี้  มิน่าล่ะฉันถึงได้สะดุดตาเรื่องหัวขโมยแห่งบารามอสและปากกาด้ามนี้
    “เลโมธี”
    “กระหม่อม”
    “ช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วยนะ  เมื่อถึงเวลาที่ควรรู้ความจริง
ก็ต้องบอกพวกเขาไปจริงๆแล้วล่ะ”
    “กระหม่อม  แล้วทรงรู้รึยังว่าพ่อกับแม่ของพระองค์ที่อยู่บนโลกมนุษย์น่ะเป็นแค่หุ่นธรรมดาเท่านั้น”เลโมธีบอก
    “อ้าว  เอ่อๆเรื่องนั้นo.k.จบ  แล้วนี่ฉันยังงงอยู่เลยนะเนี่ยว่าพ่อจะส่งฉันไปโลกมนุษย์ทำไม”ฉันเริ่มงงยิ่งขึ้น
    “ในเอเดนเรานั้น  เหล่าเจ้าชายรัชทายาทจะต้องออกไปเร่ร่อนก็จริง  แต่ในกรณีพระองค์ที่เป็นเจ้าหญิง  องค์ราชินีอยากให้พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นภายนอกมากกว่านี้เลยให้หม่อมฉันจัดการทุกอย่าง”อึ้งอีกรอบ  คง...ไม่มีอะไรน่าตกใจไปมากกว่านี้
    “o.k.  เอาล่ะ  คงไม่มีความจริงจะพูดอีกแล้วใช่ไหมเพราะวันนี้
ฉันนับสถิตติการอึ้งถึง 4 ครั้งด้วยกันแล้ว”ฉันพูดขึ้น
    “ดอร์มินิค  เอดาร์ลาส”
    “ใครอีกล่ะ  ญาติเหรอ”
    “พี่ชายฝาแฝดของพระองค์”อึ้งรอบห้า
    “อ๋อ  ใช่  พี่ชายฉันคงครองบัลลังก์แล้วสินะ”ฉันพูดไปนู้น
    “อยู่ที่ป้อมอัศวินกระหม่อม”รอบที่หก
    “แล้ว  อย่าบอกนะว่าฉันต้องไปอยู่.....”
    “ป้อมอัศวิน”เลโมธีตอบแทนฉันแล้ว
    ...เช้าวันใหม่ที่ห้องอาหารดราก้อน...
    “หาววววววววววววววววว...”เฟรินหาวอย่างกับคนเบื่อโลก  ขณะเดินไปหาที่นั่ง
    “เฟริน  แกเลิกหาวซักทีไดไหม  ไม่อายคนอื่นเลย”คิลทำท่าประสานมือที่ท้ายท้อย
    “ก็เมื่อคืนน่ะสิ  มันช่วยไม่ได้เลยอ่ะ  ฉันกะจะนอนเร็วหน่อยแต่ไอ้คาโลมันนั่งอ่านหนังสืออยู่  จะให้นอนได้ไง”เฟรินเถียงต่อ  ที่นี้ลามไปถึงคนที่เลียบมาตอลทาง
    “ม่านตานายบอบบางมากนักหรือไงเฟริน”คาโลตอบกลับไป
    “แล้วไง  ว่าแต่นายเหอะอ่าวนหนังสืออะไร  ไม่เคยเห็น”เจ้าตังดีเริ่มอยากรู้อยากเห็น
    “ประวัติเจ้าชายเจ้าหญิงรัชทายาททุกพระองค์”คาโลตอบเสียงเรียบ
    “อ่านไปทำไมก็ไม่รู้”เฟรินพูดเสียงยาว
    “ผู้หยิงคนนั้นน่ะ  สีของตา.....มันแปลกเกินไปสำหรับคนธรรมดา”
    “ตา?  สีของตาเป็นสีอะไร”เฟรินพูดต่อ
    “สีนะ......”
    “เอาล่ะ  นักเรียนป้อมอัศวินทุกคนฟังทางนี้หน่อย”เสียงของเลโมธีดังขึ้นที่ประตูทางเข้าห้องอาหาร  ทุกคนจึงหันไปฟัง
    “วันนี้  เราจะมีสมาชิกใหม่มาเข้าป้อมอัศวินของเรา  ขอให้ทุกคนปรบมือต้อนรับสมาชิกใหม่  ยูโดริ  อาร์ดาเลส  เดอะวิทช์  ออฟ  แอ็ดลาส”เสียงปรบมือดังขึ้น  ฉันจึงค่อยๆก้าวเดินออกไปต่อหน้าทุกคน  ตาของฉันถูกเวทมนต์ของเลโมธีเปลี่ยนเป็นสีดำ  ให้เข้ากับผมสีดำที่ถูกผูกแกะสองด้านเอาไว้ข้างหลังกับชุดนักเรียนที่มีปากกาเสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ
    “ที่นี้  เรามีปัญหาอยู่  นั้นคือ  ห้องพักเรานั้นเต็มทุกห้องจึงอยากขออาสาว่าใครจะให้เธออยู่ได้บ้าง”แค่นั้นแหละสามสาวป้อมอัศวินก็ยกมือทันที
    “เราขออาสาให้เธออยู่กับเราค่ะ”เรนอนตะโกน
    “นานๆทีจะมีเพื่อนที่เป็นแม่มดด้วยกันสักที”แองจี้พูดบ้าง
    “พวกเราขอตอนรับเข้าสู่ป้อมอัศวินนะจ๋า”มาทิลด้าสวนต่อทันทีที่มีเสียงปรบมือตอนรับฉันอีกครั้ง
    “ขอบคุณค่ะ  ทุกคน”ฉันก้มหัวต่อหน้าทุกคนและเดินไปนั่งข้างๆแองจี้
    “เธอมาจากแอ็ดลาสเลยเหรอเนี่ย”แองจี้คุยกับฉันเป็นคนแรก
    “ใช่จ๊ะ”ฉันตอบ
    “อ๋อที่เธอแวบมา (ที่โผล่มาตอนนั้นน่ะ) นั้นก็คือมาจากแอ็ดลาสเหรอ”มาทิด้าถามต่อ
    “อืม”
    “ที่ป้อมเราก็มีคนมาจากแอ็ดลาสคนหนึ่ง  ชื่อดอร์มินิค  เอดาร์ลาส
เดอะปรินซ์  ออฟ  แอ็ดลาสเป็นเจ้าชายจ๊ะ”เรนอนชี้ไปที่ผู้ชายคนหนึ่งผู้มีนัยต์ตาสีทองสว่างจ้า  ผมสีดำ  หน้าตาคล้ายฉัน (ก็ฝาแผดนิ)
    “อืม.....หน้าตาเหมือนเธอเลยนะ  ยู”มาทิลด้ามองหน้าฉันกับดอร์มินิคสลับกันไปมา
    “เหรอ.......อืม.....”ฉันพึมพำ
    นับวันพวกเราสี่คนก็สนิทกันยิ่งขึ้นแม้เวลาเรียนเวทมนต์แองจี้
จะเป็นคนช่วยฉันตลอด  มาทิลด้าจะชอบสอนการโต้ตอบพวกผู้ชาย
ส่วนใหญ่    จนเดียวนี้ใครเถียงฉันฉันก็เถียงกับได้สบาย (เรื่องเตะต่อยก็ไม่ใช่ย่อย) และเรนอนเมื่อเห็นฉันเรียนกับมาทิลด้จนห้าวเลยจับเข้าครัว
สอนทำอาหารจนได้หลายเมนู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น