ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปากกา...วิเศษ?
    สวัสดีค่ะ  ฉันชื่อยูโดริ(ไม่ค่อยพูดถึงนานสกุล)เป็นแค่เด็กสาวปี3ที่หน้าตาo.k. เพียวแค่สีของตาข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า(ข้างซ้าย)อีกข้างเป็นสีเขียว(ข้างขวา)เพราะว่าฉันมีสายเลือดเป็ฯแม่มดแค่ 1 ใน 50 เท่านั้น(แม่-แม่มด+พ่อ-มนุษย์)ได้รับจากแม่มาน้อยนิด  ฉันเป็นพวกที่ชอบอ่านหนังสือแนวแฟนตาซี  เรื่องที่ฉันสะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็น หัวขโมยแห่งบารามอสของRabbit
    ตอนนี้......ฉันต้องอยู่คนเดียวเนื่องจากแม่ไปงานรับน้องใหม่ 2 เดือน  ส่วนพ่อก็จากฉันไปนานแล้ว  ด้วยเหตุนี้ทำให้ฉันต้องอยูคนเดียว
    ... 2 วันผ่านไป...
    ปากกาหมึกหมด...........เหออ
    ฉันก็เลยไปร้านเวทมนต์ที่มีแต่แม่มดพ่อมดเท่านั้นที่รู้และของในร้านก็ใช้ได้เพียงแม่มดพ่อมดเท่านั้น
    ฉันผลักประตูเข้าไป(ร้านในตอนนี้ไม่มีคน)และตรงไปที่แผนกเครื่องเขียน  ฉันเริ่มหยิบนู้นหยิบนี่ ฉับ...(เสียงหยิบปากกา)ฉับ...ฉับ...ฉับ...ทั้งหมด 13 ครั้งตอนนั้นฉันกำลังจะเดินไปจ่ายเงินแต่ก็ต้องหยุดแล้วหันไปมองที่ข้างล่างแท่นว่างปากกาทั้งหมดตัวปากกามีรูปร่างเพรียวสีน้ำตาล+ดำ  ฉันมองมันเหมือนกับว่ามันเรียกให้เอาฉันไปน่า  ฉันจึงเหมือนถูกมนต์สะกดตราตรึงให้เดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินไปจ่ายเงินอย่างได้สติ
    “ 152 บาทค่ะ”คนขายพูดขึ้น
    ‘ห๊ะ  ถึง 100 เลยเหรอ (งบประมาณที่แม่ให้ไว้2000)’แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะหยิบมาเป็นกำ  ฉันเลยจ่ายเงินแล้วรีบรับของพร้อมออกไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มและคำพึมพำของคนขายว่า”เอ็ดลาส  เอ็ดลาส”
    ...ที่บ้าน...
    “เหออ  ซื้อปากกามาแล้วก็..............ลองใช้เลยดีกว่า”ฉันเริ่มค่อยๆหยิบมาลองใช้ดูที่ละด้ามมาเขียนนู้นเขียนนี่  จนในที่สุดฉันก็หยิบด้ามที่สะดุดตาที่สุดมาเขียนคำว่า’หัวขโมยแห่งบารามอส’เพียงจบแค่หางของส.เสือฉันก็เงยหน้าขึ้นมา
เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่ที่..........และมันก็เป็นความจริง
    ภาพข้างหน้าฉันไม่ใช่โต๊ะเขียนหนังสือที่ฉันกำลังนั่งอยู่(ตอนแรกอ่ะนะ)แต่เป็นโต๊ะอาหารแวกลางของห้องที่กำลังงว่าที่ไหนแต่ภาพมันคุ้นๆอยู่ทั้งห้องนี้และคนที่กำลังมาทางฉัน  แค่นั้นแหละฉันก็ตะโกนออกมาว่า
    “ห้องอาหารดราก้อน”
    “ใช่ที่นี้คือห้องอาหารดราก้อน”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังอยู่ข้างๆฉันและเมื่อหันไป
    “เฟริน  เดอเบอโรว์  เดอะทีฟ  ออฟ  บารามอส”ฉันตะโกนอีกครั้งพร้อมยืนขึ้นชี้หน้าเฟรินที่ยังทำหน้างง
    “แล้วไง  ที่ฉันสงสัยน่ะคือเธอต่างหากเป็นใคร  อยู่ดีๆก็โผล่มาตรงนี้”เฟรินพูดกับฉัน  ตอนนี้ฉันได้มองไปรอบๆตัวที่มีแต่นักเรียนป้อมอัศวินข้างๆฉันคือคาโลที่ทำท่าจะกอดเฟรินที่อยูอีกข้างหนึ่งของฉัน  ภาพนี้ทำให้ฉันหัวเราะออกมาได้ในตอนที่อึ้งว่ามาอยู่ที่นี่ได้ไงจนทุกคนงงและฉันก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น
    “มีอะไรเหรอเฟลิโอน่า” ‘ปราชญ์เลโมธี’
    “อ๋อคือว่าในระหว่างที่พวกหนูกำลังกินข้าวอยู่ก็เกิดแสง
ประหลาดขึ้นมาข้างๆแล้วพอหันไปก็เจอผู้หญิงคนนี้แล้ว”เฟรินตอบกลับ
    เลโมธียืนจ้องตาฉันอยู่นานจนเอ่ยปากเป็นเสียงที่ไม่มีใครสามารถได้ยินได้นอกจากฉันเพราะใช้เวทมนต์
    “นัยต์ตาสีใสมรกต  บรรจบกับฟ้าคราม”เลโมธีหลับตาสักพักหนึ่งและลืมตาจ้องฉันอีกครั้งพร้อมเดินไปรอบๆตัวของฉัน
    “อืม........เธอน่ะมากับฉันหน่อยทางนี้สิ”เลโมธีเรียกฉันให้เดินตามไป  ฉันได้ออกมานอกห้องอาหารดราก้อนตามเลโมธีไปเรื่อยๆ เรื่อยๆและเรื่อยๆจนมาถึงห้องที่มีประตูบานใหญ่ทำจากไม้อยูตรงหน้า  เลโมธีพูดอะไรบ้างอย่างออกมาเป็นภาษาที่พวกแม่มดอย่างฉันไม่ค่อยได้ยิน (ฉันรู้จักทุกภาษาด้วยเวทมนต์) แต่เหมือนเคยได้ยินที่ไหนซักแห่ง ภาษา....ภาษา....นึกยังไงก็นึกไม่ออก
    “เข้ามา”เลโมธีเรียกให้ฉันข้าไปในห้องทำงาน+ห้องนอนที่ออกเก่าแก่
    “มานั่งสิ”เขาเรียกอีกครั้งให้ฉันไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน
    “ขอต้อนรับสู่ปราสาทเอดินเบิร์กอีกครั้ง”
    “อีกครั้ง ? พูดยังกับว่าฉันเคยมางั้นแหละ”ฉันทำหน้าเบ้
    “ท่านคงจำอะไรไม่ค่อยได้หรอกใช่ไหม”แค่นั้นแหละฉันถึงกับทำตาโตเท่าไข่ห่านยักษ์คูญ 2 เมื่อได้ยินคำว่า ‘ท่าน’ออกจากปากผู้สูงอายุอย่างเลโมธี
    “ถ้าจะใช่  เพราะท่านดูโตเป็นผู้ใหญ่มากคงจำอดีตไม่ค่อยได้”
    “อดีต ? อดีตอะไร” แนในตอนนี้ถึงกับมีคำว่า ‘งงอย่างจัด’อยู่ในสมองถึง 1000000 คำ
    “ว่าท่านเป็นใคร”เลโมธีพูดต่อ
    “แล้วฉันเป็นใคร  ทำไมท่านถึงรู้”ฉันถามต่อเป็นชุด
    “ยูดอนร่า  เอดาร์ลาส  เดอะปรินเซส  ออฟ  เอ็ดลาสแล้วทำไมกระหม่อมถึงรู้ก็เพราะสีตาของท่าน”...............อึ้ง...อึ้งจนไม่รู้จะพูดว่าไงแล้ว ‘ยูดอนร่า  เอดาร์ลาส  เดอะปรินเซส  ออฟ  เอ็ดลาส’ชื่อนี้มันก้องไปทั่วหัวของฉันจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรนต่อไปแล้ว 
วูบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
    ตอนนี้......ฉันต้องอยู่คนเดียวเนื่องจากแม่ไปงานรับน้องใหม่ 2 เดือน  ส่วนพ่อก็จากฉันไปนานแล้ว  ด้วยเหตุนี้ทำให้ฉันต้องอยูคนเดียว
    ... 2 วันผ่านไป...
    ปากกาหมึกหมด...........เหออ
    ฉันก็เลยไปร้านเวทมนต์ที่มีแต่แม่มดพ่อมดเท่านั้นที่รู้และของในร้านก็ใช้ได้เพียงแม่มดพ่อมดเท่านั้น
    ฉันผลักประตูเข้าไป(ร้านในตอนนี้ไม่มีคน)และตรงไปที่แผนกเครื่องเขียน  ฉันเริ่มหยิบนู้นหยิบนี่ ฉับ...(เสียงหยิบปากกา)ฉับ...ฉับ...ฉับ...ทั้งหมด 13 ครั้งตอนนั้นฉันกำลังจะเดินไปจ่ายเงินแต่ก็ต้องหยุดแล้วหันไปมองที่ข้างล่างแท่นว่างปากกาทั้งหมดตัวปากกามีรูปร่างเพรียวสีน้ำตาล+ดำ  ฉันมองมันเหมือนกับว่ามันเรียกให้เอาฉันไปน่า  ฉันจึงเหมือนถูกมนต์สะกดตราตรึงให้เดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินไปจ่ายเงินอย่างได้สติ
    “ 152 บาทค่ะ”คนขายพูดขึ้น
    ‘ห๊ะ  ถึง 100 เลยเหรอ (งบประมาณที่แม่ให้ไว้2000)’แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะหยิบมาเป็นกำ  ฉันเลยจ่ายเงินแล้วรีบรับของพร้อมออกไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มและคำพึมพำของคนขายว่า”เอ็ดลาส  เอ็ดลาส”
    ...ที่บ้าน...
    “เหออ  ซื้อปากกามาแล้วก็..............ลองใช้เลยดีกว่า”ฉันเริ่มค่อยๆหยิบมาลองใช้ดูที่ละด้ามมาเขียนนู้นเขียนนี่  จนในที่สุดฉันก็หยิบด้ามที่สะดุดตาที่สุดมาเขียนคำว่า’หัวขโมยแห่งบารามอส’เพียงจบแค่หางของส.เสือฉันก็เงยหน้าขึ้นมา
เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่ที่..........และมันก็เป็นความจริง
    ภาพข้างหน้าฉันไม่ใช่โต๊ะเขียนหนังสือที่ฉันกำลังนั่งอยู่(ตอนแรกอ่ะนะ)แต่เป็นโต๊ะอาหารแวกลางของห้องที่กำลังงว่าที่ไหนแต่ภาพมันคุ้นๆอยู่ทั้งห้องนี้และคนที่กำลังมาทางฉัน  แค่นั้นแหละฉันก็ตะโกนออกมาว่า
    “ห้องอาหารดราก้อน”
    “ใช่ที่นี้คือห้องอาหารดราก้อน”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังอยู่ข้างๆฉันและเมื่อหันไป
    “เฟริน  เดอเบอโรว์  เดอะทีฟ  ออฟ  บารามอส”ฉันตะโกนอีกครั้งพร้อมยืนขึ้นชี้หน้าเฟรินที่ยังทำหน้างง
    “แล้วไง  ที่ฉันสงสัยน่ะคือเธอต่างหากเป็นใคร  อยู่ดีๆก็โผล่มาตรงนี้”เฟรินพูดกับฉัน  ตอนนี้ฉันได้มองไปรอบๆตัวที่มีแต่นักเรียนป้อมอัศวินข้างๆฉันคือคาโลที่ทำท่าจะกอดเฟรินที่อยูอีกข้างหนึ่งของฉัน  ภาพนี้ทำให้ฉันหัวเราะออกมาได้ในตอนที่อึ้งว่ามาอยู่ที่นี่ได้ไงจนทุกคนงงและฉันก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น
    “มีอะไรเหรอเฟลิโอน่า” ‘ปราชญ์เลโมธี’
    “อ๋อคือว่าในระหว่างที่พวกหนูกำลังกินข้าวอยู่ก็เกิดแสง
ประหลาดขึ้นมาข้างๆแล้วพอหันไปก็เจอผู้หญิงคนนี้แล้ว”เฟรินตอบกลับ
    เลโมธียืนจ้องตาฉันอยู่นานจนเอ่ยปากเป็นเสียงที่ไม่มีใครสามารถได้ยินได้นอกจากฉันเพราะใช้เวทมนต์
    “นัยต์ตาสีใสมรกต  บรรจบกับฟ้าคราม”เลโมธีหลับตาสักพักหนึ่งและลืมตาจ้องฉันอีกครั้งพร้อมเดินไปรอบๆตัวของฉัน
    “อืม........เธอน่ะมากับฉันหน่อยทางนี้สิ”เลโมธีเรียกฉันให้เดินตามไป  ฉันได้ออกมานอกห้องอาหารดราก้อนตามเลโมธีไปเรื่อยๆ เรื่อยๆและเรื่อยๆจนมาถึงห้องที่มีประตูบานใหญ่ทำจากไม้อยูตรงหน้า  เลโมธีพูดอะไรบ้างอย่างออกมาเป็นภาษาที่พวกแม่มดอย่างฉันไม่ค่อยได้ยิน (ฉันรู้จักทุกภาษาด้วยเวทมนต์) แต่เหมือนเคยได้ยินที่ไหนซักแห่ง ภาษา....ภาษา....นึกยังไงก็นึกไม่ออก
    “เข้ามา”เลโมธีเรียกให้ฉันข้าไปในห้องทำงาน+ห้องนอนที่ออกเก่าแก่
    “มานั่งสิ”เขาเรียกอีกครั้งให้ฉันไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน
    “ขอต้อนรับสู่ปราสาทเอดินเบิร์กอีกครั้ง”
    “อีกครั้ง ? พูดยังกับว่าฉันเคยมางั้นแหละ”ฉันทำหน้าเบ้
    “ท่านคงจำอะไรไม่ค่อยได้หรอกใช่ไหม”แค่นั้นแหละฉันถึงกับทำตาโตเท่าไข่ห่านยักษ์คูญ 2 เมื่อได้ยินคำว่า ‘ท่าน’ออกจากปากผู้สูงอายุอย่างเลโมธี
    “ถ้าจะใช่  เพราะท่านดูโตเป็นผู้ใหญ่มากคงจำอดีตไม่ค่อยได้”
    “อดีต ? อดีตอะไร” แนในตอนนี้ถึงกับมีคำว่า ‘งงอย่างจัด’อยู่ในสมองถึง 1000000 คำ
    “ว่าท่านเป็นใคร”เลโมธีพูดต่อ
    “แล้วฉันเป็นใคร  ทำไมท่านถึงรู้”ฉันถามต่อเป็นชุด
    “ยูดอนร่า  เอดาร์ลาส  เดอะปรินเซส  ออฟ  เอ็ดลาสแล้วทำไมกระหม่อมถึงรู้ก็เพราะสีตาของท่าน”...............อึ้ง...อึ้งจนไม่รู้จะพูดว่าไงแล้ว ‘ยูดอนร่า  เอดาร์ลาส  เดอะปรินเซส  ออฟ  เอ็ดลาส’ชื่อนี้มันก้องไปทั่วหัวของฉันจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรนต่อไปแล้ว 
วูบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น