คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ไม่ได้ !!!
ณ บ้านของตระกูลเวิร์นเนอร์ ประตูเข้าบ้านที่ประดับด้วยเพชรพลอยหายาก และพนักงานรับใช้ในบ้านที่มีจำนวนมากกว่าร้อยชีวิตที่แสดงถึงความองอาจของตระกูลนี้ว่าไม่ใช่ตระกูลที่ธรรมดา แต่หากริคกับรีสชอบทำตัวแบบเด็กธรรมดาทั่วไปต่างหาก พ่อบ้านประจำตระกูลได้มาทำการต้อนรับการกลับมาของคุณชายทั้งสองคน ซึ่งทางบิดาของเขาดำรงตำแหน่งระดับสูงในสภาความมั่นคงแห่งเอกภพ
“ไม่ได้”
เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับทำท่าทางที่ดุดันใส่เด็กหนุ่มทั้งสองคนและเสียงนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจาก เรนเชอร์ เวิร์เนอร์ ผู้เป็นบิดาของ ริค และ รีส เวิร์นเนอร์
“พ่อไม่ยอมให้แกสองคนไปทำสงครามข้ามดินแดนอะไรนั้นหรอก” ผู้เป็นพ่อพูดใส่ใข่เพื่อให้ มาเรีย เวิร์นเนอร์ ผู้เป็นภรรยาเห็นด้วยแต่กับทำให้มาเรียเห็นว่าเป็นการปิดกั้นอนาคตของลูก
“นี่คุณเรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เราจะได้ส่งลูกของเราให้ได้เจริญก้าวหน้ามากขึ้นกว่านี้” คำพูดนี้ทำให้เด็กผู้เป็นลูกทั้งสองฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง แต่ผู้เป็นพ่อกับสวนกลับมาว่า
“พอสักทีเถอะ.... ไอ้เรื่องที่จะให้ลูกของเราเป็นเด็กเลิศเป็นทุกด้านน่ะ ริคสอบได้คะแนนสูงที่สุดในด้านกลยุทธ์ทางการรบและไหวพริบทางด้านการต่อสู้ในหนึ่งในสิบโรงเรียนชั้นเยี่ยมบนดาว G- 5 ดวงนี้ และรีสก็เก่งที่สุดในโรงเรียนสอนการต่อสู้แห่งโซเรียน่า ซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับท็อปของดาว G - 5 แห่งนี้ มันก็น่าจะบอกได้ว่าลูกของเราน่ะแตกต่างจากเด็กธรรมดาทั่วไปแล้ว” ผู้เป็นพ่อสาธยายสรรพคุณของเด็กทั้งสองให้ภรรยาฟัง ซึ่งผู้เป็นแม่ก็เห็นด้วยกับพ่อ
“งั้นก็คงจะช่วยไม่ได้นะครับเนี่ย งั้นผมคงต้องเลิกล้มโครงการนี้เสียแล้วนะครับ” ริคพูดด้วยแววตาที่ปลงต่อโลกแต่ยังซ่อนความฉลาดอยู่เล็กน้อย แล้วหันไปบอกหน้าน้องชายเล็กน้อยเพื่อสกัดความโวยวายของน้องชายเอาไว้ พร้อมกับพาน้องชายลุกขึ้นและเดินจากไป
การกระทำของริคในครั้งนี้ถึงกับทำให้ เรนเชอร์ เวิร์นเนอร์ ผู้เป็นพ่อต้องถึงกับคิดหนักเพราะเท่าที่ผ่านมากลูกชายคนนี้ถ้าตัดสินใจทำอะไรแล้ว ไม่เคยทำไม่สำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว และหันไปมอง มาเรีย เวิร์นเนอร์ ผู้เป็นภรรยาด้วยความเป็นกังวลว่าลูกชายของเขาจะคิดแผนการอะไรขึ้นมาอีก
“นี่คุณ คุณว่าครั้งนี้เจ้าริคมันคิดแผนการอะไรของมันขึ้นมาอีกหรือป่าวเนี่ย” ผู้เป็นพ่อถามความเห็นจากผู้เป็นแม่
“อืม ฉันว่าต้องคิดแน่เลยล่ะค่ะ เพราะที่ผ่านริคเคยถูกปฏิเสธมามากมายจากคุณ แต่สุดท้ายแล้วคุณเองต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายยอมด้วยวิธีการวางแผนที่ได้รับฉายาว่า ความฉลาดแห่งเทพเจ้า น่ะค่ะ” คำพูดนี้ถึงกับต้องทำให้ผู้เป็นพ่อคิดหนักมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
หลังจากที่ริคพารีสน้องชายฝาแฝดของเค้าแยกออกมาแล้ว ทั้งคู่ก็กำลังจะเดินกลับไปที่ห้องของพวกเขา แต่รีสน้องชายผู้ใจร้อน ทนไม่ไหวกับเหตุการณ์เมื่อครู่จึงพูดขึ้น
“นี่ผมไม่เข้าใจเลยนะ ว่าทำไมพี่ไม่พยายามพูดให้พ่อกับแม่ยอมรับให้ได้ล่ะ” รีสท้วงพี่ชายตลอดทางที่เดินกลับห้องนอนมาตลอด สาเหตุที่เค้าให้คำแทนตัวเองอย่างสุภาพ แล้วเรียกคำนำหน้าพี่ชายฝาแฝดด้วยคำว่า พี่ นั้นแสดงถึงว่าเขานับถือพี่ชายของตนมาก
“ใจเย็นๆน่า ถึงจะได้รับอนุญาตแล้วก็ตามทีเถอะแต่ว่าเราก็ต้องมีกันตั้งสามคนนะถึงจะเข้าเรียนโรงเรียนนี้ได้” ผู้เป็นพี่ปลอบน้องชายที่กำลังร้อนรนด้วยสายอันใจเย็นและปลงต่อโลกเป็นอย่างมาก แต่ท่าทางความใจเย็นนี้ทำให้น้องชายนึกร้อนร้นมากขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า
“สามคนงั้นรึ แสดงว่าต้องลงเป็นทีมสินะถึงจะได้เข้าสอบได้น่ะ”
“อื้อ....ถูกต้องแล้ว คุณรีส เวิร์นเนอร์ นายก็รู้จักใช้สมองเหมือนกันนี่” ริคพูดอย่างเบื่อๆ แต่ฝ่ายน้องชายกับทำท่าทางไม่พอใจอย่างยิ่งกับท่าทีใจเย็นของพี่ชาย
“อ้าว...พี่พูดแบบนี้คิดจะมีปัญหากับนักเรียนอันดับหนึ่งทางด้านการต่อสู้อย่างผมงั้นรึ” รีสผู้เป็นน้องพูดจาท้าทายพี่ชายแต่คำเหล่านั้นคงไปไม่ถึงต่อมกระตุ้นความโกรธของริคผู้พี่ที่ปลงต่อโลกแล้วได้แน่
“งั้นพี่มีแผนการอะไรต่อล่ะในครั้งนี้น่ะ” รีสถามพี่ชายจอมวางแผนของเขา หลังจากที่แผนการครั้งที่ผ่านเกือบทำให้เค้าได้ไปเยี่ยมนรกแล้ว
“ก่อนอื่นเลยนะ เราต้องไปตามหาคนที่สามในทีมของเราก่อนเพื่อจะได้ครบทีม” ริคอธิบายแผนการให้น้องฟังแบบง่ายๆ
“แล้วถ้าพ่อกับแม่ไม่อนุญาตแล้วมันจะมีผลอะไรล่ะ” ผู้เป็นน้องท้วง โดยใช้สมองทุกส่วนทำงานเต็มที่เพื่อการตอบคำถามในครั้งนี้ “แล้วเราก็ยังมีพวกเล็ตตราสอีกนิ ยังไงก็ครบสามคนอยู่แล้ว”
“อืม ก็ใช่นะแต่ว่าทางโรงเรียนนั้นกำหนดมาว่ามีมากสุดได้เจ็ดคนน่ะ” ริคพูดด้วยแววตาเฉยเรียบ
“อ้าว นี่หมายความว่าเราจะส่งลงเจ็ดคนเหรอ แบบนี้เราก็ต้องไปหาคนที่เจ็ดอีกน่ะสิ” รีสพูดอย่างเร็วด้วยความใจร้อนผิดกับพี่ชายของเขาที่ดูท่าทางใจเย็นผิดปรกติเกินไปแล้ว
“อืม....ใช่ เราจะลงให้ครบเจ็ดคน” ริคพูดแล้วเดินต่อไป ทิ้งให้น้องชายยืนงงอยู่อย่างนั้น
“ส่วนแผนการนั้นน่ะ ไม่ยากหรอกก็คืออย่างแรกน่ะทำเป็นเล่นละครต่างๆนาๆ เพื่อให้พ่อกับแม่เห็นว่าเราเนี่ยรักการเป็นสายลับ การต่อสู้ การผจญภัย เพื่อที่จะได้ใจอ่อนแล้วทำตามใจของเราในที่สุด แต่การกระทำแบบนี้อาจใช้ไม่ได้ผลเพราะที่ปรึกษาส่วนตัวของพ่อซึ่งเป็นพี่ชายของเรานี้เอง เอลริค เวิร์นเนอร์ อย่าลืมว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดดังนั้นแล้วแผนการที่พี่อธิบายมาข้างต้นก็ใช้งานได้แค่ 1 ใน 3 ส่วนเท่านั้น” ริคอธิบายให้น้องชายผู้ฉลาดน้อยฟังอยากง่ายที่สุดเท่าที่คิดออกมากได้ในตอนนี้ ส่วนที่ปรึกษาคนเก่าก็โดนริค เวิร์นเนอร์ป่วนประสาทจนต้องลาออกไป เพราะรีสขอร้องให้พ่อให้ขึ้นค่าขนมให้ แต่ที่ปรึกษาคนเก่าของพ่อดันไม่ยอม รีสเลยร้องให้ริคช่วยจนที่ปรึกษาคนนั้นถึงกับจะเป็นโรคประสาทจนต้องลาออกไป
“แล้วพี่มีแผนการจะจัดการขั้นเด็ดขาดยังไงล่ะ” น้องชายพยายามรวบรวมสมองตอบกลับไป “หรือจะให้ผมไปจัดการ เอลริค เวิร์นเนอร์ พี่ใหญ่ของตระกูลเราน่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทำไม่ได้ล่ะเพราะพี่เขาเก่งทั้งสติปัญญาและด้านการต่อสู้” คำพูดของน้องชายถึงทำให้ผู้เป็นพี่นึกถึงหน้าอันยิ้มแย้มของพี่ใหญ่ของตระกูลที่แฝงความอันตรายไว้อย่างมากมาย
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ เรื่องพี่เอลริคพี่จะจัดการเองแต่ทางด้านคุณพ่อกับแม่น่ะพี่ยกให้นายจัดการเลย” พี่ชายพูดจบแล้วจับไหล่น้องชายอย่างให้กำลังใจ
“โห้...พี่ริคจะจัดการพี่เอลริคงั้นรึโดยไม่ให้น้องชายอย่างผมช่วยเนี่ยนะ” รีสกล่าวอย่างแปลกใจ แต่ทางด้านริคจอมวางแผนกับรู้สึกปวดหัวกับน้องชายที่ทั้งหัวสมองมีแต่การต่อสู้ และเขาก็ไม่คิดจะไปต่อสู้ฆ่าฟันอะไรกับพี่ชายคนโตที่อายุห่างกันถึง 4 ปีอยู่ แต่ก็พยักหน้ารับน้องชาย เพราะถ้าอธิบายไปก็คงจะยาวกันอีกแน่และคงจะไม่เข้าใจแน่
“งั้นนายไปนอนก่อนก็แล้วกันแล้วพรุ่งนี้เช้าพี่จะนำแผนการที่จะให้นายทำไปบอกให้” รีสฟังคำพูดของพี่ชายแล้วแยกกันตรงหน้าห้องของทั้งสองคน ขณะที่รีสเวิร์เนอร์น้องชายกำลังหลับสบายริค เวิร์นเนอร์ พี่ชายจอมวางแผนกำลังวางแผนเพื่อจัดการกับพี่ชายคนโตของตระกูลทั้งวันทั้งคืน
ความคิดเห็น