คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : "แผนการสำเร็จแล้ว"
หลังจากนั้นริคก็พยุงน้องชายฝาแฝดของเขาที่ถูกยิงจนขาเจ็บพร้อมกับสลบไป รีบค่อยๆ เดินออกไปข้างนอก แต่ดูเหมือนหนทางจะไม่ค่อยใกล้เท่าไหร่นัก แต่ว่าต่อมาอีกไม่นานเขาก็เห็นประตูทางออกแล้ว
“อีกไม่ไกลแล้ว ทำไมหมอนี่ตัวหนักจังเลย” ริคบ่นอย่างไม่พอใจ เพราะเขาต้องมาพยุงน้องชายที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกับเขา ทำให้แต่ล่ะก้าวที่เขาเดินไปนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก
จากนั้นริคก็พยุงรีสออกมาข้างนอกสำเร็จจนได้ ทำให้เขาพบกับเพื่อนอีกสามคนของเขา ที่จำกัดการพวกข้างนอก แล้วก็ไปนำตัวประกันที่โดนจับไปมาสำเร็จ จนทำให้ริคเริ่มโล่งอก เมื่อรู้ว่าแผนการใกล้จะสำเร็จเต็มที่แล้ว
“อ่าว ทำเจ้านั้นถึงได้เป็นน้ำแข็งแบบนั้นล่ะ” ริคถามเพื่อนๆ เมื่อเห็นเจ้ามาเฟียที่จมอยู่ในน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่ล้อมรอบตัวอยู่
“ก็เจ้านี่ถ้าไม่ทำแบนี้ล่ะก็ ก็คงจะไม่หยุดสร้างความน่ารำคาญน่ะสิ” เดวิสตอบแล้วทำท่าทางเบื่อๆ “มีน้ำยาแค่เนี่ยจะมาใช้ชื่อ มาเฟีย โธ่เอ้ย” เดวิสพูดจาอย่างดูถูก เพราะก็จริงเพราะว่าคนที่ถูกเรียกว่ามาเฟียไม่น่าจะถูกจัดการได้ง่ายๆ แบบนี้
“ริคคคคค ฉันทำสำเร็จแล้วทำตามที่นายบอกหมดเลย” ไซโลที่ไปช่วยตัวประกันมา รีบพุ่งเข้ามาหาริค ที่ตอนนี้กำลังยืนอย่างหมดแรง อยู่ข้างๆ ประตูของฐานทัพของเจ้ามาเฟีย
“ไม่ๆ ไซโล อย่า...”
โครมมม !!!!!
ร่างของริคปลิวลอยไปไกลเกือบสิบเมตร พร้อมกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเขา ที่ทั้งเจ็บทั้งเหนื่อย ทรมานที่สุด
“อ่าว ทำไมนายเป็นแบบนี้ล่ะ ปรกติก็เห็นรับลูกทีบของฉันได้ทุกที นี่น่า” ไซโลพูดพรางมองริคอย่างสงสัย
“ก็....คราว...นี้..มัน..ต่างนิด....” ริคพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็สลบไปเพราะลูกทีบของเพื่อนผู้หวังดู ที่จะช่วยทดสอบพลังของเพื่อนให้
“นายก็ไม่น่าไปทำแบบนั้นเลยนะ นายก็รู้ว่าริคบอบบางที่สุดในกลุ่มของเรานะ” สตีฟที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่นานพูดขึ้น เพราะก็คงไม่มีใครที่ทักทายเพื่อนได้รุนแรงแบบนี้แล้ว “เอาล่ะ พวกคุณนักวิทยาศาสตร์แล้วก็ครอบครัวขึ้นรถได้เลยนะครับ” สตีฟพูดพรางส่งมือให้เด็กๆลูกของนักวิทยาศาสตร์ ที่เค้าเอารถมารับให้ถึงที่ เรียกได้ง่าบริการกันสุดๆ
รถที่สตีฟเอามารับนั้น เหมือนกับๆ รถบัสธรรมดาๆ นี่เอง แตกมันต่างกันตรงที่ มันไม่มีล้อ แต่ดันมีไอพ่นมาแทนที่ นั้นก็คือหมายความว่า รถคันนี่สามารถลอยได้ แล้วคนที่จะซื้อรถแบบนี้ไว้ในครอบครองได้ล่ะก็จะต้องเป็นคนที่บ้านมีเงินมหาศาลอย่างแน่นอน แต่คำเหล่านั้นน้อยไปสำหรับสตีฟ เพราะบ้านของเขาธรรมธุรกิจโดยต้องเรื่องการขายยานสปีดเดอร์หรือว่ารถที่ลอยได้นี้นั้นแหละ
“ให้ตายสิ บ้านฉันง่ะนะซื้อแค่คันเดียวก็คงจะต้องเป็นหนี้ไปหลายปีเลย แต่หมอนี่ดันเอามารับคนถึง 8 คัน ฉันอย่างเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี่จริงๆ เลยนะ” เดวิดพูดอย่างอิจฉา พรางดูเจ้าคนรวยมันช่วยเหลือเด็กด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม
“ไม่เอาน่า เดวิสยังไงเราก็เคยให้ริควางแผนปล้นบ้านของสตีฟมาแล้วครั้งหนึ่งนิ คราวนั้นเราก็ได้เงินมาเยอะเหมือนกันนะ แล้วจนถึงตอนนี้สตีฟก็ยังไม่รู้ตัวด้วย” ไซโลพูดขึ้นพราง นึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเข้าไปปล้นบ้านของเพื่อนรักของเขา เพียงเพื่อจะเอาตังมาซื้อขนมกินเล่นๆ เท่านั้น
“อืม ก็จริงนั้นแหละ มีเพื่อนรวยๆ มันก็สบายแบบนั้ล่ะน่า ฮ่าๆๆ” เดวิสพูดขึ้นแล้วก็กัวเราะอย่างพอใจ “แล้วทางด้านเล็ตตราสเป็นไงบ้าง เพราะนายคนเดียวเลยทำให้เจ้าริคมันสลบไปไม่งั้นเราก็คงรู้เรื่องเร็วกว่านี้หรอก” เดวิสเรียบเปลี่ยนเป็นเรื่องจริงจังทันทีแล้วสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วย
“ไม่ เอาน่าตั้งแต่พวกเรารู้จักเล็ตตี้ มาเนี่ยเราก็ยังไม่เคยเห็นใครคนไหนเอาชนะเล็ตตี้ได้เลยนิ” ไซโลพูดด้วยท่าทางสดชื่นอย่างสุดๆ และก็ไม่ได้มีอาการสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อยกับการกระทำของตนเอง ที่ต้องทำให้คนที่จะเล้าเรื่องสลบไป
ตุบ !!!
เสียงร่างของคนล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง เลือดของคนที่ล้มลงพื้นนองเต็มพื้นไปหมด
“อะ...อะไร..กะ...กัน..ทำไม....กะ..แก..ถึง..ได้มี..พลัง..ขะ..ขนาด..นะ...นี้” เจ้าจอมเวทลูกน้องของเจ้ามาเฟียพูดขึ้น เพราะตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับนักเวทที่เด็กกว่าตนเกือบเท่าตัว ก่อนที่จะหมดสติไป
“ให้ตายสิ ก็อย่างที่เดวิสบอกนั้นแหละ พวกนี้ไม่ได้เรื่องเอาสักอย่าง ขนาดแค่เด็กแค่หกคนก็ยังล้มไม่ได้เลย ไม่ไหวๆ” เล็ตตราสพูดพรางมองจอมเวทที่เขาอัดสักไม่เหลือซาก แต่เขากับได้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่ก็มีแค่ลอยเสื้อที่ฉีกขาดไปนิดหน่อยเท่านั้น
จากนั้นเล็ตตราวก็ต้องแบกร่างไร้สติของจอมเวทผู้นั้นออกมาอีกคนหนึ่ง เพื่อตามไปหาเพื่อนๆ
“โอย ถ้ากลับบ้านได้ล่ะก็ ฉันจะไปนวดหน้า นวดตัว แล้วก็ไปหาผู้หญิงจับสักหน่อย เหอๆๆๆ” เล็ตตราสเริ่มมีอาการน้ำลายไหลเมื่อพูดถึงเรื่องผู้หญิง “แล้วทำไมฉันต้องมาแบก ร่างของเจ้านี่ด้วยเนี่ยยยย” เล็ตตราสบ่นอย่างไม่พอใจ เพราะว่าถ้ากลับเหตุการณ์กันถ้าเขาพ่ายแพ้ เจ้าจอมเวทนี้จะแบกเขาออกมาด้วยรึป่าวก็ไม่รู้
หนึ่งเดือนต่อมาพวกริคก็สามารถ เอาผิดกับเจ้ามาเฟียและพวกลูกน้องของมันได้จนพวกมันติดคุกหัวโตกันทั้งแก็งค์ พวกชาวบ้านที่ไปฟังคำตัดสินที่ศาลด้วย ถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าเจ้าพวกมาเฟียที่พวกเค้าหวาดกลัวกันจะ ถูกจัดการด้วยเด็กเพียงแค่หกคนเท่านั้นเอง
“นี่ หนูพวกหนูเป็นใครกันเหรอ” คุณยายคนหนึ่งที่มารวบฟังคำตัดสิน ถามริคที่กำลังจะเดินออกจากศาลไปตามเพื่อนๆ ของเขาไป
“อ๋อ งั้นเรียกพวกเราว่า ทีม ไวเปอร์ ก็แล้วกันนะครับคุณยาย” ริคตอบพร้อมกับโบกมือลาคุณยายทำให้ยายตาของยายถึงกับเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำตอบ
“นี่ เดี๋ยวสิหนู ทีมของพวกเธอเคยช่วยพวกเราไว้ใช่มั้ย ไม่นึกว่าจะเป็นแค่เด็กเพียงเท่านี้ นี้เดี๋ยว” คุณยายพูดพร้อมกับรีบวิ่งตามริคไป แต่ก็คงไม่ทันเสียแล้วร่างของรีคหายไปพร้อมกับแสงที่ส่องผ่านเข้ามาทางประตูของศาล
“แผนการสำเร็จแล้ว” ริคพูดพร้อมกลับก้าวออกมาจากประตู โดยไม่หันไปกลับไปดูอีกเลย
“เฮ้ๆๆ ทำเท่ห์อยู่คนเดียวนะ” สตีฟส่งเสียงล้อมา ทางริคที่พึ่งเดินออกจากประตูมา “ขึ้นมาเถอะ ได้เวลาพักผ่อนหน่อยแล้ว” สตีฟพร้อมกับกวักมือเรียกริคให้ไปขึ้นยานที่เขาเตรียมมาให้ แล้วก็อีกแล้วเป็นยานอวกาศที่ดูเหมือนจะมีราคาแพงที่สุด เมื่อเทียบกับยานอวกาศที่จอดอยู่ของพวกชาวบ้านที่มาฟังคำตัดสินของศาล
ความคิดเห็น