คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สู่แสงสว่าง
“....เล็ตตราส....” ริคอุทานขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มผมขาวที่ยืนอยู่ข้างหน้า แล้วเค้ายังจัดการกับพวกลูกน้องของเจ้ามาเฟียจำนวนสิบคนได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็สบายๆ
“ไปเซฟข้อมูลมาซะแล้วจากนั้นพวกเราจะไปจากที่นี้กัน นี้ฉันนึกว่านายน่าจะวางแผนมาดีซะอีกนะ ส่วนเรื่องฉันมาที่นี้ได้ไงฉันจะเล่าให้ฟังตอนหลังแล้วกันนะ” เล็ตตราสพูดอย่างสบายๆ ทั้งที่กำลังอยู่ในแดนของศัตรูอยู่
“เดี๋ยวสิ ฉันกำลังปลดล็อกห้องภาพมายานั้นก่อน เพื่อที่จะให้พวกนักวิทยาศาสตร์ ออกไปได้” ริคพูดขณะกำลังเร่งกดคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ
“เล็ตตราส...” รีสที่ตอนนี้พึ่งรู้สึกตัว หันไปมองหน้าเล็ตตราสเหมือนมีอะไรจะพูดบางอย่าง “มะ มันยังไม่หมดแค่นี้ จะ เจ้ามาเฟียยังมีลูกน้องอยู่อีกคนหนึ่ง” จากนั้นรีสก็หมดสติไปเพราะเสียเลือดมากอีกครั้งหนึ่ง
“มีอีกคนหนึ่งเหรอ ริค” เล็ตตราสหันไปถามริคที่กำลังรั่วคีย์บอร์ดอย่างเร่งรีบ
“ใช่ ดูเหมือนว่าคนที่รีสพูดถึงจะเป็นผู้ใช้เวทที่เก่งมากเลย เพราะช่วงเวลาที่เราแฝงตัวเข้ามานี้ รีสสามารถจับความรู้สึกของพลังอันแข็งแกร่งจากตัวเจ้านั่นได้น่ะ” ริคพูดด้วยสีหน้าไร้ความกังวล เพราะตอนนี้เค้ายังมีเพื่อนที่พึ่งพาได้อยู่ข้างๆ อีกคนหนึ่ง
“น่าสนใจดีนะ” เล็ตตราสพูดแล้วเอามือกอดอก พยายามนึกภาพคนที่รีสพูดถึง
ทางด้านพวกนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังหลบหนี
“ ไม่มีทางรึ เราไม่มีทางหนีจากห้องสร้างภาพมายานี้เลยรึไง” นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งพูดขึ้น ขณะกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในเขาวงกตภาพมายานี้
ทันใดนั้นเอง ภาพมายาตรงหน้าก็ได้หายไป แล้วกลับกลายเป็นห้องที่มีผนังใส ขดเขี้ยวเลี้ยวไปมา แต่มันก็ไม่ยากเกินความสามารถของคนที่จะเดินไปถึงปลายอีกด้านหนึ่งได้อย่างสบาย พวกนักวิทยาศาสตร์ต่างดีใจ
“เจ้าหนุ่มนั้นทำสำเร็จอีกไม่นานเราก็จะได้ออกไปจากขุ่มนรกนี้แล้ว” นักวิทยาศาสตร์ ที่เดินนำหน้ากลุ่มพูดขึ้น แล้วก็เรียบเร่งฝีเท้าเดินออกไป อย่างดีใจ
เมื่อเดินมาถึงหน้าทางเข้าของฐานทัพลับของเจ้ามาเฟีย ข้างหน้าฐานทัพเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลที่มองดูแล้วเหมือนกันกำลังมองทะเลที่มีหญ้าสีเขียวขึ้นอยู่ข้างบน แสงตะวันในตอนบ่ายที่กำลังสอดส่องลงมา เหมือนกับช่วยชุบชีวิตที่ตายไปแล้วของพวกนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ที่ในห้องทดลองนรกนั้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของทุกคนผุดขึ้นกันทั่วหน้า
แต่อีกไม่นานก็ต้องตกใจเมื่อพบบุรุษที่ดูเหมือนไม่น่าจะมาอยู่ข้างหน้าฐานทัพนี้ได้ แต่ดูเหมือนว่าบุรุษคนนี้จะมารอพวกเขาอยู่นานแล้วเหมือนกับว่ารู้ว่าพวกเค้าจะสามารถหนีออกมาได้ยังไงยังงั้น
“ฮึๆๆๆ พวกแกบังอาจหักหลังฉันรึ” เจ้ามาฟียพูดขึ้นด้วยความโกรธแค้น แล้วจากนั้นหยิบปืนพกขึ้นมาจากเอว และเล็งไปที่นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด
“ไม่มีทาง ฉันเห็นแกโดนเด็กนั้นอัด กระเด็นไปแล้วนิ แล้วก็ไม่มีทางที่แกจะออกมาจากฐานได้ เพราะมีทางออกทางเดียวเท่านั้นก็คือทางที่พวกเราพึงมาเมื่อกี้” นักวิทยาศาสตร์คนที่ถูกเล็งปืน มาพูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดจนเห็นได้ชัด
“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เจ้าโง่นี้แกมาอยู่กับฉันตั้งหลายปี ไม่รู้รึไงว่าฉันน่ะ มีลูกน้องอยู่อีกคนหนึ่ง ฮ่าๆๆๆๆ คราวนี้เจ้าพวกเด็กนั้นจะได้รับรู้ว่าการมาทำลายแผนการของฉันมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ฮ่าๆๆๆ” เจ้ามาเฟียพูดขึ้นแล้วจากนั้น เหนี่ยวไกปืนออกไป ลูกกระสุนวิ่งที่ไปนักวิทยาศาสตร์ด้วยความเร็ว
“โล่น้ำแข็ง”
เกิดโล่น้ำแข็งขนาดเท่าตัวมาบังกระสุนของเจ้ามาเฟียไว้ ถึงกระสุนจะมีความเร็วมหาศาลแต่ก็ไม่สามารถทำให้โล่น้ำแข็งนั้นเป็นรอยได้เลย แสดงถึงพลังเวทที่แข็งแกร่งของคนที่สร้างมันขึ้นมา
และอีกไม่นานตรงระหว่างเจ้ามาเฟียกับนักวิทยาศาสตร์ก็ปรากฏเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถือดาบซามูไรยาวไว้ข้างกาย เด็กหนุ่มคนนี้มีผมสีดำยาวถึงกลางหลัง รูปร่างหน้าตาเหมือนกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเสียอีก
“การทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้นี้ ไม่ใช่วิถีของนักสู้เลยนะ คุณมาเฟีย” เสียงเด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันไปพูดกับนักวิทยาศสตร์ที่อยู่ข้างหลัง “ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมชื่อ เดวิด เป็นพวกเดียวกับพวกเด็กฝาแฝดคู่นั้น”
“แก เป็นพวกเดียวกับเจ้าเด็กนั้นรึ” เจ้ามาเฟียพูดด้วยความโกรธแค้น เพราะแผนการของพวกเขาจะมาพังเพราะเด็กเพียงไม่กี่คน “แกอย่าอยู่อีกเลย”
ปัง ปัง ปัง ปัง !!!!!
กระสุนปืนถูกยิงออกไปอีกสี่นัดอย่างรวดเร็ว แล้วก็กำลังพุ่งเข้าไปหาเดวิด
พลึบ !!!!
กระสุนปืนทั้งหมดโดนผ่าครึ่ง กลางอากาศแล้วร่วงลงสู่พื้นดิน เพียงเวลาแค่เสียววินาทีเท่านั้น
“กะ แก ปะ เป็นใครเนี่ย” เจ้ามาเฟียพูดขึ้นด้วยความตกใจที่เห็นความสามารถเกินมนุษย์ ของเด็กหนุ่มที่อยู่ตั้งหน้า ภาพที่มันเห็นคือกระสุนปืนวิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มแล้วจากนั้นมันก็ร่วงลงพื้น ทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มนั้นไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด
“อย่างแกน่ะไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” เดวิดพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น แล้วค่อยๆ เดินไปหาเจ้ามาเฟีย
“กะ...แกจะทำอะไร ยะ...อย่านะฉันมีตัวประกันเป็นลูกเมียของพวกนั้นอยู่นะ ถ้าทำร้ายฉันล่ะก็ พวกนั้นตายแน่” เจ้ามาเฟียพูดขึ้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทุกคนต่างตกใจเพราะเค้าไม่สามารถหนีออกจากที่นี้ได้อยู่ดี
“อ่ะ นี้พี่ให้ขนมนะ” เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีผมสีทอง มีดวงตาสีน้ำตาล ร่างกายสูงใหญ่ ผิวสีขาวออกเหลืองนิดๆ แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำอย่างดี กำลังพูดอยู่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง
“เฮ้ สตีฟนั้นมันขนมของฉันนะ” เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดขึ้น เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ต้องเตี้ยๆ ตัวเล็กมาก เมื่อเทียบกับสตีฟ เด็กหนุ่มตัวเล็กคนนี้มีดวงตาที่แหลมคม ผมสีน้ำตาล ตัดรองทรงสั้นไว้แค่ต้นคอ ที่มุมปากทั้งสองมีเขี้ยวสั้นๆ
“อ้าว สตีฟ ไซโล มาแล้วเหรอ” เดวิสกล่าวทักทายเพื่อนของเค้าทั้งสอง “นายพามาด้วยรึป่าว” เดวิสพูดแล้วหันไปมองข้างหลังสตีฟและไซโลก็ต้องยิ้มอย่างดีใจ หลังจากที่ทำหน้าเย็นชามานาน
“นี้ไงพวกเราพามาแล้ว” สตีฟพดแล้วผายมือออกไปทางข้างหลัง แล้วเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังสตีฟ เจ้ามาเฟียถึงกับตกใจเพราะว่าข้างหลังสตีฟนั้นมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มีแต่ผู้หญิงกับเด็ก และเค้าจำได้ดีเพราะนั้นคือลูกเมียของนักวิทยาศาสตร์ที่เค้าสั่งให้ลูกน้องจับไว้เป็นตัวประกัน แต่ตอนนี้ดันมาอยู่ที่นี่ซะแล้ว
“พ...พวก..กะ แก.” เจ้ามาเฟียพูดด้วยความโมโหสุดขีด พร้อมกับหยิบปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่เดวิสอีกทีหนึ่ง
แต่ก่อนที่เจ้ามาเฟียจะทำอะไรมันรู้สึกว่าร่างกายเริ่มแข็งจนไม่สามารถจะขยับตัวได้ แข็งจนเหมือนกับโดนน้ำแข็งมาเกาะที่ตัว
“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่แช่แข็งแกไว้เท่านั้น” เดวิสพูดอย่างเย็นชา เมื่อเห็นท่าทีตกใจของเจ้ามาเฟีย จากนั้นเขาก็ตวัดมือไปทางเจ้ามาเฟียที่ยืนแข็งทืออยู่
ทันใดนั้นร่างกายของเจ้ามาเฟียก็มีน้ำแข็งมาเกาะรอบตัวเต็มไปหมด เจ้ามาเฟียหมดทางหนีรอดไปได้ในที่สุด
จากนั้นสตีฟกับไวโลก็ปล่อยให้พวกลูกเมียของนักวิทยาศาสตร์ได้พบกับหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ได้เจอหน้ากันเสียนาน ทุกครอบครัวต่างดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ต่อไปนี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างปรกติ แล้วเด็กหนุ่มทั้งสามคนก็ยิ้มอย่างดีใจไปด้วยกับทุกครอบครัวของนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้น
อีกด้านหนึ่งของฐานทัพ ในห้องทดลองอาวุธ
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว” ริคพูดขึ้นเมื่อทำการก๊อปปี้ข้อมูลการทพอุธของเจ้ามาเฟียเสร็จแล้ว “พวกเราออกจากที่นี้กันเถอะ”
“แต่เดี๋ยวก่อนนะ ฉันว่านี่มันง่ายไปนะ” รีสที่ตอนนี้ได้สติแล้ว พูดอย่างไม่สบายใจเพราะว่าเขายังไม่เห็นลูกน้องผู้ใช้เวทที่เขากำลังหวาดกลัวเลย “ฉันกำลังคิดว่าเจ้านักใช้เวทนั้น หายไปไหนน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อีกอย่างเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วนิ พวกเรารีบไปจากที่นี้กันเถอะ” เล็ตตราสพูดขึ้นแล้วกำลังจะเดินไปที่ทางออก ก็ต้องตกตะลึ่งกับภาพต้องหน้า ก็คือเจ้ามาเฟียยืนขวางประตูทางออกอยู่
“ฮึๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ แกคิดว่าการอัดฉันแรงๆ เพียงแค่ครั้งเดียวจะสามารถล้มฉันได้อย่างงั้นรึ” เจ้ามาเฟียพูดขึ้น แล้วร่างกายของมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นจอมเวทวัยกลางคน ที่ดูท่าทางมีพลังเวทสูงมากทีเดียว
จอมเวทที่ยืนขวางประตูอยู่มีรูปร่างหน้าน่าเกรงขามอย่างยิ่ง จอมเวทผู้นี้อยู่ในชุดผู้คลุมสีดำสนิท มีเรือนผมสีดำยาวถึงไหล่
“ฉันคือจอมเวทที่แกหวาดกลัวยังไงล่ะ” จอมเวทพูดขึ้นแล้วหันไปมองน้องรีสที่อัดร่างแปลงกายของมันจนติดกำแพงเมื่อครู่นี้
“เอาล่ะ จะจอมเวทอะไรฉันไม่สนง่ะนะ ถ้าไม่เปิดทางให้เราก็อย่าหาว่ารุนแรงก็แล้วกัน” เล็ตตราสพูดขึ้นแล้วเตรียมตั้งท่าเพื่อที่จะต่อสู้ แล้วหันไปทางเพื่อนทั้งสอง “พวกนายออกไปก่อนนะ ฉันจะเปิดทางให้”
“เอาอย่างงั้นก็ได้เข้ามาเลย เด็กน้อย” เจ้าจอมเวทพูดขึ้นพร้อมกับขวักมือเรียกให้เล็ตตราสเข้ามา
ปัง !!!!
“....เล็ตตราส....” ริคอุทานขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มผมขาวที่ยืนอยู่ข้างหน้า แล้วเค้ายังจัดการกับพวกลูกน้องของเจ้ามาเฟียจำนวนสิบคนได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็สบายๆ
“ไปเซฟข้อมูลมาซะแล้วจากนั้นพวกเราจะไปจากที่นี้กัน นี้ฉันนึกว่านายน่าจะวางแผนมาดีซะอีกนะ ส่วนเรื่องฉันมาที่นี้ได้ไงฉันจะเล่าให้ฟังตอนหลังแล้วกันนะ” เล็ตตราสพูดอย่างสบายๆ ทั้งที่กำลังอยู่ในแดนของศัตรูอยู่
“เดี๋ยวสิ ฉันกำลังปลดล็อกห้องภาพมายานั้นก่อน เพื่อที่จะให้พวกนักวิทยาศาสตร์ ออกไปได้” ริคพูดขณะกำลังเร่งกดคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ
“เล็ตตราส...” รีสที่ตอนนี้พึ่งรู้สึกตัว หันไปมองหน้าเล็ตตราสเหมือนมีอะไรจะพูดบางอย่าง “มะ มันยังไม่หมดแค่นี้ จะ เจ้ามาเฟียยังมีลูกน้องอยู่อีกคนหนึ่ง” จากนั้นรีสก็หมดสติไปเพราะเสียเลือดมากอีกครั้งหนึ่ง
“มีอีกคนหนึ่งเหรอ ริค” เล็ตตราสหันไปถามริคที่กำลังรั่วคีย์บอร์ดอย่างเร่งรีบ
“ใช่ ดูเหมือนว่าคนที่รีสพูดถึงจะเป็นผู้ใช้เวทที่เก่งมากเลย เพราะช่วงเวลาที่เราแฝงตัวเข้ามานี้ รีสสามารถจับความรู้สึกของพลังอันแข็งแกร่งจากตัวเจ้านั่นได้น่ะ” ริคพูดด้วยสีหน้าไร้ความกังวล เพราะตอนนี้เค้ายังมีเพื่อนที่พึ่งพาได้อยู่ข้างๆ อีกคนหนึ่ง
“น่าสนใจดีนะ” เล็ตตราสพูดแล้วเอามือกอดอก พยายามนึกภาพคนที่รีสพูดถึง
ทางด้านพวกนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังหลบหนี
“ ไม่มีทางรึ เราไม่มีทางหนีจากห้องสร้างภาพมายานี้เลยรึไง” นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งพูดขึ้น ขณะกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในเขาวงกตภาพมายานี้
ทันใดนั้นเอง ภาพมายาตรงหน้าก็ได้หายไป แล้วกลับกลายเป็นห้องที่มีผนังใส ขดเขี้ยวเลี้ยวไปมา แต่มันก็ไม่ยากเกินความสามารถของคนที่จะเดินไปถึงปลายอีกด้านหนึ่งได้อย่างสบาย พวกนักวิทยาศาสตร์ต่างดีใจ
“เจ้าหนุ่มนั้นทำสำเร็จอีกไม่นานเราก็จะได้ออกไปจากขุ่มนรกนี้แล้ว” นักวิทยาศาสตร์ ที่เดินนำหน้ากลุ่มพูดขึ้น แล้วก็เรียบเร่งฝีเท้าเดินออกไป อย่างดีใจ
เมื่อเดินมาถึงหน้าทางเข้าของฐานทัพลับของเจ้ามาเฟีย ข้างหน้าฐานทัพเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลที่มองดูแล้วเหมือนกันกำลังมองทะเลที่มีหญ้าสีเขียวขึ้นอยู่ข้างบน แสงตะวันในตอนบ่ายที่กำลังสอดส่องลงมา เหมือนกับช่วยชุบชีวิตที่ตายไปแล้วของพวกนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ที่ในห้องทดลองนรกนั้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของทุกคนผุดขึ้นกันทั่วหน้า
แต่อีกไม่นานก็ต้องตกใจเมื่อพบบุรุษที่ดูเหมือนไม่น่าจะมาอยู่ข้างหน้าฐานทัพนี้ได้ แต่ดูเหมือนว่าบุรุษคนนี้จะมารอพวกเขาอยู่นานแล้วเหมือนกับว่ารู้ว่าพวกเค้าจะสามารถหนีออกมาได้ยังไงยังงั้น
“ฮึๆๆๆ พวกแกบังอาจหักหลังฉันรึ” เจ้ามาฟียพูดขึ้นด้วยความโกรธแค้น แล้วจากนั้นหยิบปืนพกขึ้นมาจากเอว และเล็งไปที่นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด
“ไม่มีทาง ฉันเห็นแกโดนเด็กนั้นอัด กระเด็นไปแล้วนิ แล้วก็ไม่มีทางที่แกจะออกมาจากฐานได้ เพราะมีทางออกทางเดียวเท่านั้นก็คือทางที่พวกเราพึงมาเมื่อกี้” นักวิทยาศาสตร์คนที่ถูกเล็งปืน มาพูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดจนเห็นได้ชัด
“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เจ้าโง่นี้แกมาอยู่กับฉันตั้งหลายปี ไม่รู้รึไงว่าฉันน่ะ มีลูกน้องอยู่อีกคนหนึ่ง ฮ่าๆๆๆๆ คราวนี้เจ้าพวกเด็กนั้นจะได้รับรู้ว่าการมาทำลายแผนการของฉันมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ฮ่าๆๆๆ” เจ้ามาเฟียพูดขึ้นแล้วจากนั้น เหนี่ยวไกปืนออกไป
ปัง !!!!
ลูกกระสุนวิ่งที่ไปนักวิทยาศาสตร์ด้วยความเร็ว
“โล่น้ำแข็ง”
เกิดโล่น้ำแข็งขนาดเท่าตัวมาบังกระสุนของเจ้ามาเฟียไว้ ถึงกระสุนจะมีความเร็วมหาศาลแต่ก็ไม่สามารถทำให้โล่น้ำแข็งนั้นเป็นรอยได้เลย แสดงถึงพลังเวทที่แข็งแกร่งของคนที่สร้างมันขึ้นมา
และอีกไม่นานตรงระหว่างเจ้ามาเฟียกับนักวิทยาศาสตร์ก็ปรากฏเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถือดาบซามูไรยาวไว้ข้างกาย เด็กหนุ่มคนนี้มีผมสีดำยาวถึงกลางหลัง รูปร่างหน้าตาเหมือนกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเสียอีก
“การทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้นี้ ไม่ใช่วิถีของนักสู้เลยนะ คุณมาเฟีย” เสียงเด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันไปพูดกับนักวิทยาศสตร์ที่อยู่ข้างหลัง “ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมชื่อ เดวิด เป็นพวกเดียวกับพวกเด็กฝาแฝดคู่นั้น”
“แก เป็นพวกเดียวกับเจ้าเด็กนั้นรึ” เจ้ามาเฟียพูดด้วยความโกรธแค้น เพราะแผนการของพวกเขาจะมาพังเพราะเด็กเพียงไม่กี่คน “แกอย่าอยู่อีกเลย”
ปัง ปัง ปัง ปัง !!!!!
กระสุนปืนถูกยิงออกไปอีกสี่นัดอย่างรวดเร็ว แล้วก็กำลังพุ่งเข้าไปหาเดวิด
พลึบ !!!!
กระสุนปืนทั้งหมดโดนผ่าครึ่ง กลางอากาศแล้วร่วงลงสู่พื้นดิน เพียงเวลาแค่เสียววินาทีเท่านั้น
“กะ แก ปะ เป็นใครเนี่ย” เจ้ามาเฟียพูดขึ้นด้วยความตกใจที่เห็นความสามารถเกินมนุษย์ ของเด็กหนุ่มที่อยู่ตั้งหน้า ภาพที่มันเห็นคือกระสุนปืนวิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มแล้วจากนั้นมันก็ร่วงลงพื้น ทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มนั้นไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด
“อย่างแกน่ะไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” เดวิดพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น แล้วค่อยๆ เดินไปหาเจ้ามาเฟีย
“กะ...แกจะทำอะไร ยะ...อย่านะฉันมีตัวประกันเป็นลูกเมียของพวกนั้นอยู่นะ ถ้าทำร้ายฉันล่ะก็ พวกนั้นตายแน่” เจ้ามาเฟียพูดขึ้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทุกคนต่างตกใจเพราะเค้าไม่สามารถหนีออกจากที่นี้ได้อยู่ดี
“อ่ะ นี้พี่ให้ขนมนะ” เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีผมสีทอง มีดวงตาสีน้ำตาล ร่างกายสูงใหญ่ ผิวสีขาวออกเหลืองนิดๆ แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำอย่างดี กำลังพูดอยู่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง
“เฮ้ สตีฟนั้นมันขนมของฉันนะ” เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดขึ้น เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ต้องเตี้ยๆ ตัวเล็กมาก เมื่อเทียบกับสตีฟ เด็กหนุ่มตัวเล็กคนนี้มีดวงตาที่แหลมคม ผมสีน้ำตาล ตัดรองทรงสั้นไว้แค่ต้นคอ ที่มุมปากทั้งสองมีเขี้ยวสั้นๆ
“อ้าว สตีฟ ไซโล มาแล้วเหรอ” เดวิสกล่าวทักทายเพื่อนของเค้าทั้งสอง “นายพามาด้วยรึป่าว” เดวิสพูดแล้วหันไปมองข้างหลังสตีฟและไซโลก็ต้องยิ้มอย่างดีใจ หลังจากที่ทำหน้าเย็นชามานาน
“นี้ไงพวกเราพามาแล้ว” สตีฟพดแล้วผายมือออกไปทางข้างหลัง แล้วเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังสตีฟ เจ้ามาเฟียถึงกับตกใจเพราะว่าข้างหลังสตีฟนั้นมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มีแต่ผู้หญิงกับเด็ก และเค้าจำได้ดีเพราะนั้นคือลูกเมียของนักวิทยาศาสตร์ที่เค้าสั่งให้ลูกน้องจับไว้เป็นตัวประกัน แต่ตอนนี้ดันมาอยู่ที่นี่ซะแล้ว
“พ...พวก..กะ แก.” เจ้ามาเฟียพูดด้วยความโมโหสุดขีด พร้อมกับหยิบปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่เดวิสอีกทีหนึ่ง
แต่ก่อนที่เจ้ามาเฟียจะทำอะไรมันรู้สึกว่าร่างกายเริ่มแข็งจนไม่สามารถจะขยับตัวได้ แข็งจนเหมือนกับโดนน้ำแข็งมาเกาะที่ตัว
“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่แช่แข็งแกไว้เท่านั้น” เดวิสพูดอย่างเย็นชา เมื่อเห็นท่าทีตกใจของเจ้ามาเฟีย จากนั้นเขาก็ตวัดมือไปทางเจ้ามาเฟียที่ยืนแข็งทืออยู่
ทันใดนั้นร่างกายของเจ้ามาเฟียก็มีน้ำแข็งมาเกาะรอบตัวเต็มไปหมด เจ้ามาเฟียหมดทางหนีรอดไปได้ในที่สุด
จากนั้นสตีฟกับไวโลก็ปล่อยให้พวกลูกเมียของนักวิทยาศาสตร์ได้พบกับหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ได้เจอหน้ากันเสียนาน ทุกครอบครัวต่างดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ต่อไปนี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างปรกติ แล้วเด็กหนุ่มทั้งสามคนก็ยิ้มอย่างดีใจไปด้วยกับทุกครอบครัวของนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้น
อีกด้านหนึ่งของฐานทัพ ในห้องทดลองอาวุธ
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว” ริคพูดขึ้นเมื่อทำการก๊อปปี้ข้อมูลการทพอุธของเจ้ามาเฟียเสร็จแล้ว “พวกเราออกจากที่นี้กันเถอะ”
“แต่เดี๋ยวก่อนนะ ฉันว่านี่มันง่ายไปนะ” รีสที่ตอนนี้ได้สติแล้ว พูดอย่างไม่สบายใจเพราะว่าเขายังไม่เห็นลูกน้องผู้ใช้เวทที่เขากำลังหวาดกลัวเลย “ฉันกำลังคิดว่าเจ้านักใช้เวทนั้น หายไปไหนน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อีกอย่างเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วนิ พวกเรารีบไปจากที่นี้กันเถอะ” เล็ตตราสพูดขึ้นแล้วกำลังจะเดินไปที่ทางออก ก็ต้องตกตะลึ่งกับภาพต้องหน้า ก็คือเจ้ามาเฟียยืนขวางประตูทางออกอยู่
“ฮึๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ แกคิดว่าการอัดฉันแรงๆ เพียงแค่ครั้งเดียวจะสามารถล้มฉันได้อย่างงั้นรึ” เจ้ามาเฟียพูดขึ้น แล้วร่างกายของมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นจอมเวทวัยกลางคน ที่ดูท่าทางมีพลังเวทสูงมากทีเดียว
จอมเวทที่ยืนขวางประตูอยู่มีรูปร่างหน้าน่าเกรงขามอย่างยิ่ง จอมเวทผู้นี้อยู่ในชุดผู้คลุมสีดำสนิท มีเรือนผมสีดำยาวถึงไหล่
“ฉันคือจอมเวทที่แกหวาดกลัวยังไงล่ะ” จอมเวทพูดขึ้นแล้วหันไปมองน้องรีสที่อัดร่างแปลงกายของมันจนติดกำแพงเมื่อครู่นี้
“เอาล่ะ จะจอมเวทอะไรฉันไม่สนง่ะนะ ถ้าไม่เปิดทางให้เราก็อย่าหาว่ารุนแรงก็แล้วกัน” เล็ตตราสพูดขึ้นแล้วเตรียมตั้งท่าเพื่อที่จะต่อสู้ แล้วหันไปทางเพื่อนทั้งสอง “พวกนายออกไปก่อนนะ ฉันจะเปิดทางให้”
“เอาอย่างงั้นก็ได้เข้ามาเลย เด็กน้อย” เจ้าจอมเวทพูดขึ้นพร้อมกับขวักมือเรียกให้เล็ตตราสเข้ามา
ความคิดเห็น