คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 1: False Becomes REAL (99%)
สีฟ้า: ซ่า
สีคราม: บ๊อบแก้แล้ว
สีส้ม: หมิง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
• F A L S E •
โลก ลวง
เสียงฝีเท้าที่ดังไล่ตามมาไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วเบาลง
เส้นทางที่ถูกขนานด้วย กำแพงสองด้านบีบบังคับให้เด็กหนุ่มต้องวิ่งตรงไปเบื้องหน้าเท่านั้น
แสงจากเสาไฟสาดให้เห็นเงาของผู้ไล่ตาม บ่งชัดถึงจำนวนที่มีเกือบสิบ
ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเหลียวกลับไปมองโฉมหน้าของพวกมันว่าเป็นใคร
แต่สิ่งเดียวที่เขามั่นใจคือ...
พวก มันไม่ใช่คน
เสียงกู่ร้องดังก้องมาจากด้านหลังฉุดให้เขาหันไปมองอย่างลืมตัว
มนุษย์จำนวนหนึ่งย่างเข้ามาหมายจะต่อสู้
หากถูกลำแสงปริศนาฉีกกระชากร่างกายแหลกละเอียดไปในคราวเดียว
ขาของเขาแข็งทื่อราวกับว่าสมองไม่อาจสั่งการให้มันขยับหนีไปไหนได้
ปล่อยให้เขาจ้องมองการเข่นฆ่ามนุษย์ตรงหน้าเยี่ยงสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่ง
ดวงตาสีแดงฉานของพวกมันฉายแววป่าเถื่อน
ความเย็นยะเยือกพลันแล่นวาบขึ้นมาตามสันหลัง
สองเท้าค่อย ๆ ก้าวถอยจนกระทั่งสะดุดเข้ากับบางสิ่ง
เขารู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของตนกำลังพิงอยู่บนกำแพงอิฐอันเย็นเยียบ
ร่างของเหยื่อถูกบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจมองเห็นฉีกกระชากกลางอากาศ
ทั้งที่พวกมันไม่ได้แตะต้องตัวเหยื่อเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง
เหมือนกับว่าสติที่ใช้คิดใคร่ครวญด้วยเหตุผลจะสูญหายไป
ในดวงตาคู่นั้นมีเพียงภาพของปีศาจกระหายเลือดที่คำรามลั่นอย่าง พึงพอใจที่ได้เข่นฆ่าผู้คน
แล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยหมายจะขยี้ร่างนี้ให้แหลกสะบั้น ไม่ต่างจากผู้โชคร้ายก่อนหน้านี้
ID: 545879431356053240523a
Name: Ralf Baldwin
Gate-in Time: 2 hrs 23 min 45.25842 sec
Protect Capacity: 83%
--------------------------------------------------------------
เสียงหอบเบา ๆ ดังมาจากร่างที่นั่งชันเข่าพิงหลังแนบไปกับอนุสาวรีย์หินรูปร่างแปลกตาบนพื้นหญ้าสั้น ๆ หูทั้งสองเปิดโสตประสาทเตรียมรับฟัง เสียงต่าง ๆ ที่อาจจะบ่งบอกว่า บางสิ่งที่อยู่เหนือจากจุดที่เขาอยู่ขณะนี้ขึ้นไปกำลังจะพุ่งลงมา โดยไม่คิดสนและไม่รับรู้ถึงรอยแผลกรงเล็บที่เฉี่ยวแขนขวาของเขาจนเป็นรอยเลือดเลยแม้แต่น้อย
...ทำไมถึงซวยอย่างนี้นะ...
เสียงนาฬิกาบนข้อมือที่กำลังนับถอยหลังน้อยลงทุกที ทำให้ไม่มีเวลาจะคิดทบทวนอะไรมากมาย นอกจากเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น...ถึงจะไม่อยากให้มันต้องเป็นแบบนี้ก็ตาม...
สิบ...
พลัน! เสียงแปลก ๆ ดังลอยมาจากฟากฟ้าทำให้เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า แล้วต้องรีบตัวเบี่ยงตัวออกข้างอย่างรวดเร็ว! เพราะสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือหางยักษ์ของสัตว์ร้ายที่เหวี่ยงฟาดทำลายอนุสาวรีย์หินจนล้มโครม อีกทั้งยังเลยมาเฉียดศีรษะของเขาไปอย่างเฉียดฉิว
...นี่ถ้าหลบช้ากว่านี้ อีกนิด...ไม่อยากคิดภาพหัวตัวเองเลยจริง ๆ...
เจ็ด...
ราล์ฟ บาล์ดวิน จ้องมองศัตรูร่างมหึมาของเขาอย่างตื่นตระหนก ถึงแม้มันจะเคลื่อนไหวบนท้องฟ้าสลับกับพื้นดินได้อย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่ทันก็ตาม เขาทะลึ่งตัวขึ้นแล้วออกวิ่งวนรอบสิ่งก่อสร้างยักษ์ใหญ่นั้นอย่างสุดแรงเกิด ราล์ฟกัดฟันกรอดเมื่อมือขวาที่บัดนี้จับด้ามอาวุธไว้กลับไม่มีกำลังพอที่จะยกมันได้ดังใจ จึงได้แต่ปล่อยให้มันลากไปกับพื้น
ไม่สิ มันหนักกว่าที่ควรจะเป็น
เมื่อเขามองไปที่อาวุธคู่กายที่เขากำลังถือไว้อย่างหนักหน่วง เขาก็พบว่ามันคือ...
ห้า... สี่...
"โทปริโอ้!!" หนุ่มน้อยที่คิ้วขมวดด้วยความเครียดจนแทบผูกกันเป็นเงื่อน ตะโกนใส่เพื่อนของเขาที่กำลังรีบร้อนหาทางหลบเจ้ามังกรยักษ์เช่นกัน "ไม้เกาหลังอาวุธแกน่ะอยู่นี่ รีบมาเอาเดี๋ยวนี้เลย!"
สาม...
เขาคิด… ความสามารถของโทปริโอ้มีผลได้เพียงแค่ 20 วินาที เท่านั้น ถึงแม้ในห้วงเวลานี้เจ้าสัตว์เลื้อยคลานยักษ์จะไม่สามารถมองเห็นพวกเราได้ แต่กลิ่นและเสียงยังคงหลงเหลืออยู่ อันเป็นคำตอบที่ว่าทำไมมันไม่สามารถหาทางพิฆาตเราได้ในทันที
สอง...
วัยรุ่นชายผิวเข้ม นามโทปริโอ้ ร้อนรนพุ่งออกมาจากทางด้านหลังของหินก้อนหนึ่งมาทางเขา เขาถือดาบที่ใบมีดหักงอตรงกลางเป็นมุมคล้ายสามเหลี่ยม ซึ่งยาวเกือบเท่าลำตัวของเจ้าของอาวุธเสียด้วยซ้ำ และเกือบจะปะทะเข้ากับหน้าเขาอย่างจังจนทั้งคู่เผลอปล่อยอาวุธออกจากมือ
หนึ่ง…
“บัดซะ…” โทปริโอ้สบถ
แต่ยังไม่ทันขาดคำ เจ้ามังกรสีเขียวน้ำทะเลก็มองเห็นพวก เขาแล้ว! มันชูคอขึ้นราวกับงูพิษที่กราดเกรี้ยว ก่อนจะใช้กรงเล็บตะปบกวาดอนุสาวรีย์หินจนราบเป็นหน้ากลอง โชคยังดีที่หนุ่มทั้งสองอยู่นอกรัศมีคมเล็บนั้นจึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นมาตั้งตัวได้และหยิบอาวุธขึ้นมาอย่างเร่งรีบเพื่อตั้งท่ารับการโจมตีจากกิ้งก่ายักษ์นี้
“เฮ้ย นี่มันสโตนเฮนจ์นะเว้ย เจ้าดรีมชาร์ด!”
“ยืนบื้อทำซากอะไรอยู่ ด่าไปมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก” ราล์ฟตะคอกพร้อมใช้ ด้ามไม้เกาหลังใหญ่กระแทกอกของโทปริโอ้ “นี่ของแก ไปจัดการมันกัน”
แต่ทั้งคู่ก็ไม่ต้องวิ่งเข้าหาศัตรูให้เหนื่อยแรง เพราะมันเป็นฝ่ายบินดิ่งเข้ามาหาเองด้วยหมายจะโฉบเหยื่อทั้งสองให้ติดกรงเล็บไป สองหนุ่มเผ่นหวือกันไปคนละทาง มังกรโฉบพลาดไป มันสยายปีกเหินขึ้นฟ้าอีกครั้งพร้อมคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พลาดจากเหยื่อ ราล์ฟและโทปริโอ้ฉวยโอกาสนั้นวิ่งเข้ามารวมกันอีกครั้ง
“เอาไงดีเนี่ย ถ้ามันบินตลอดเราก็ทำอะไรมันไม่ได้เลยสิ”โทปริโอ้พูดเร็วปรื๋อ
“ตอนนี้หลบก่อนเหอะ”
“หลบ?”
“เออ แหกตาดูมั่งสิว่ามันกำลังจะพ่นไฟมาน่ะ!”
ราล์ฟพูดจบก็กระชากโทปริโอ้เข้ามาหลบหลังหินใหญ่ก้อนหนึ่งได้ทันเวลา ก่อนเปลวไฟจะพุ่งผ่านที่ที่พวกเขายืนอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนพอดี ความร้อนมหาศาลที่ได้สัมผัสแม้เพียงเฉียด ๆ ทำเอาโทปริโอ้กลืนน้ำลายเอื้อก ถ้าเมื่อครู่ราล์ฟดึงเขาหลับไม่ทัน มีหวังเกตเอาท์ในสิบวิแน่
“เหลือ Protect เท่าไหร่”
“ราว ๆ 80% แต่ถ้าโดนจัง ๆ ก็แทบเกลี้ยงล่ะนะ”
“แล้วจะเอาไงต่อ”
“ไม่รู้”
“ขอบใจที่ตอบตามตรงนะ ราล์ฟ ให้ตายสิ เดี๋ยวก็ได้โดนมันย่างเป็นหมูหันทั้งคู่หรอก!”
“อย่างมากก็โดนบังคับเกตเอาท์ในสิบวินาทีกับเจ็บตัวนิดหน่อย กลัวทำไม”
“แต่ระหว่างที่กำลังจะเกตเอาท์ เกิดโดนเข้าจังๆอีกทีก็ถึงตายได้นะเว้ย!”
“ก็หาทางอย่าให้โดนสิ”
“แล้วถ้าคิดออกจะถาม แกทำ...”
โทปริโอ้พูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกราล์ฟกระชากให้ลงไปหมอบกับพื้น ด้วยกัน เขารู้สึกได้ถึงกรงเล็บของที่มันอยู่ห่างหลังเขาไม่ถึงครึ่งเมตร
“ถ้ามีเวลามาโวยวาย ก็ช่วยเอาเวลานั้นมาระวังตัวเองหน่อยเหอะ ไม่งั้นโดนเกตเอาท์จริงๆแน่”
สองหนุ่มลุกขึ้นยืน และคอยจับตามองมังกรสีเขียวน้ำทะเลที่บินวนอยู่สูงขึ้นไปหลายสิบฟุตอย่างระแวดระวัง
“คราวนี้ถ้ามันพุ่งมา โจมตีก็สวนเลยนะ” ราล์ฟนัดแนะโดยไม่ละสายตาจากเจ้าสัตว์เลื้อยคลานมีปีกที่ยังบินอยู่เหนือหัว
“ได้เลย ถ้ามีโอกาสล่ะก็นะ...”ประโยคหลังโทปริโอ้พึมพำ แต่ก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมโดยดี
เจ้ามังกรร้ายบินวนหาจังหวะอยู่ไม่นานก็พุ่งดิ่งลงมาอีกครั้ง ราล์ฟและโทปริโอ้กระชับอาวุธในมือให้แน่นเข้า ตั้งใจหาโอกาสโจมตีสวนกลับ แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่งร้อยเมตร ทั้งสองกลับชะงักและพากันเผ่นหนีกระเจิง เมื่อเจ้ามังกรอ้าปากแล้วส่งเปลวไฟออกมาอีก
“ขืนเป็นแบบนี้เราคงไม่ได้โจมตีมันแน่ ทำยังไงดี” ราล์ฟพิงหินก้อนใหญ่แล้วเอ่ยขึ้นอย่างท้อใจ
“ฉันนึกอะไรดี ๆ ออกแล้ว” โทรปริโอ้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อะไรล่ะ?”
“แกออกไปวิ่งล่อมัน ไว้ ส่วนฉันจะอ้อมไปโจมตีจากด้านหลัง โอเคไหม?” โทปริโอ้พูดพลางชี้นิ้วไปมา
“โอเคกับผีอะไรเล่า! ทำไมฉันต้องไปเสี่ยงอะไรแบบนั้นด้วย!”
“เออน่า อย่าป๊อดสิวะ ถ่วงเวลาให้ฉัน 30 วิก็พอ รับรองเวิร์ค”
“...ถ้าตูเกตเอาท์นะ พรุ่งนี้แกโดนแน่”
ราล์ฟใช้มือขวาไปจับ แขนซ้ายของตนซึ่งมีรอยสักรูปร่างแปลกตาสักไว้ แล้วทำทีราวกับว่าจะดึงรอยสักนั้นออกมา ซึ่งมันก็เป็นจริง รอยสักเล็ก ๆ ตอนนี้กำลังแกว่งไกวไปมาบนอากาศและแปรสภาพ จนกลายเป็นแผ่นกระดาษสีหม่นขนาดใหญ่ที่มีทั้งข้อความรูปภาพและลวดลายลานตา
ก่อนที่มังกรจะพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง ราล์ฟพลันรีบวิ่งถอยไปตั้งหลักหลังหินยักษ์อีกก้อน แน่นอนว่า “บุ๊กเล็ต” แผ่นกระดาษที่รวบรวมคำสั่งมากมายนั้นก็ลอยตามเขามาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เขาใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ช่องสี่เหลี่ยมที่มีคำว่า Equipment and Belongings จากนั้นรูปภาพสิ่งของต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่หน้ากระดาษ เขาใช้มือหยิบรูปกระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แล้วดึงมันขึ้นมา มันคือแสตมป์รูปเสือชีต้าห์ธรรมดาๆ ซึ่งดูไม่มีพิษสงอะไร
เขาใช้ลิ้นเลียด้านหลังของแสตมป์แล้วแปะไปที่ขาของตน ทันใดนั้นก็เกิดประกายไฟขึ้นที่ขาทั้งสองข้างของเขาทันที ก่อนที่จะสะมัดมือซ้ายของตนใส่แผ่นกระดาษยักษ์จนบุ๊กเล็ตนั้นหายไป และแขนซ้ายก็มีรอยสักปรากฏขึ้นดังเดิม
“เอาล่ะ มาดูซิว่าแกจะไวได้แค่ไหน...”
ราล์ฟพุ่งออกมาจากที่ซ่อน แล้วขว้างดาบไปที่ศีรษะของมังกรอย่างตรงเผงเพื่อหันเหความสนใจของมัน ซึ่งก็ได้ผล มังกรเริ่มกางปีกแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะพุ่งลงมาโจมตีใส่ราล์ฟอย่างรวดเร็ว
แต่คราวนี้ หนุ่มนัยน์ตาสีเขียวถีบตัวเข้าหามันเสียเอง ด้วยความเร็วที่เร็วยิ่งกว่าเจ้ามังกรเสียเองด้วยซ้ำ กรงเล็บที่พุ่งตะปบเข้ามาได้จั่วลมสวนกับทิศทางของราล์ฟ ชายหนุ่มสะบัดหน้ามาพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก พลังขาตอนนี้ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนก่อนหน้านี้!
ราล์ฟวิ่งเป็นนกต่อของเจ้ามังกรด้วยความเร็วที่เกินขีดจำกัดของมนุษย์ ความคล่องแคล่วนั้นราวกับเป็นเสือชีต้าร์ก็ไม่ปาน เจ้ามังกรบินไล่หลังเขามาติด ๆ ราวกับต้องการจะทึ้งร่างของเขาเป็นชิ้น ๆ
จังหวะนี้เองที่โทรปริโอ้ปีนขึ้นมาจนถึงยอดของสโตนเฮนจ์ที่ยังไม่ถูกทำลายได้เป็นผลสำเร็จ
“ราล์ฟ! ล่อมาทางนี้!” โทรปริโอ้ส่งเสียงตะโกน
ราล์ฟวิ่งล่อมังกรไปทางทิศที่โทปริโอ้ยืนจังก้าอยู่บนยอดหินเมื่อเจ้ามังกรบินเข้ามาใกล้ โทรปริโอ้ก็กระโดดจากยอดสโตนเฮนจ์แล้วเงื้อไม้เกาหลังของตนขึ้นสุดแขน ก่อนจะฟาดใส่เข้ากลางหลังของมังกรสุดแรง
ถ้ามองจากมุมมองของราล์ฟ มันเหมือนโทรปริโอ้กำลังฆ่าตัวตายอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย เอาไม้เกาหลังไปเกาหลังให้มังกรกลางอากาศเนี่ย แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ถึงความสามารถของไม้เกาหลังนั้น นั่นก็คือพลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าหากโจมตีใส่ด้านหลังของศัตรู
โทปริโอ้หัวเราะ อย่างสาแก่ใจที่ได้เล่นงานศัตรูอย่างจังราวกับแค้นเคืองกันมานาน
การโจมตีนั้นบังเกิดผล มังกรที่บินอยู่ถึงกับชะงึกแล้วร่วงหล่นลงไถลไปกับพื้นดิน มันส่งเสียงร้องซึ่งชวนให้ทั้งสมเพชและสาแก่ใจในคราวเดียวกัน ส่วนของโทรปริโอ้นั้น... ร่วงลงกระแทกพื้นพร้อมกับมังกร
“โอ๊ย!”
ราล์ฟมองแล้วแอบหัวเราะในใจโดยไม่คิดจะยื่นมือเข้าช่วยเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่จะกางแขนชูบนฟ้า แล้วคว้าดาบของตนที่ลอยกลับมาราวกับบูมเมอแรงได้อย่างพอดิบพอดี
ชายหนุ่มนัยน์ตาเขียวดึงดาบเข้ามาแทงแขนซ้าย หรือควรจะเรียกว่า 'เก็บ' ในแขนซ้ายเสียมากกว่า พลันดาบรูปร่างประหลาดนี้ก็ค่อย ๆ แตกตัวเป็นส่วนหนึ่งของรอยสักบนแขนไป เขาเดินไปหาร่างเจ้ามังกรที่ไม่ได้สติและทับโทปริโอ้ไว้ ขณะที่มีเสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาเป็นระยะ
“เฮ้ย ราล์ฟ รีบ ๆ ใช้ Memorize ซักทีสิ” โทปริโอ้ตะคอกใส่ราล์ฟอย่างเร่งรีบ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่แยแสเท่าไหร่นัก
“ถ้าให้ใช้ Memorize ตอนนี้ ดรีมชาร์ดตัวนี้ต้องเป็นของฉัน เอามั้ยล่ะ” ราล์ฟเสนอข้อแลกเปลี่ยน
“เออ ๆ ก็ได้ แต่ตัวต่อไปต้องเป็นของฉันนะ อย่าลืมซะล่ะ” โทรปิ โอ้ตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
ราล์ฟยิ้มที่มุมปาก จนอีกฝ่ายเห็นได้ชัดเจนเป็นเชิงยียวน ก่อนที่จะดึงบุ๊กเล็ตของเขาออกมาอีกครั้งแล้วหยิบวัตถุสีขาวแปลกตาที่มองดูคล้ายปืนออกมา โดยมีข้อความกำกับในแผ่นกระดาษลอยว่า iSender จากนั้นเขาก็เล็งไป ยังมังกรเขียวที่สลบไสลอยู่ ก่อนที่จะเก็บใส่บุ๊กเล็ตอีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หืม...?” โทปริโอ้ถามด้วยความฉงน ด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่ราล์ฟทำอยู่ “นั่นนายทำอะไรของนาย รีบ ๆ จัดการเจ้ากิ้งก่ายักษ์ซักที ความหนักนี่ มันเป็นของจริงนะเฟ้ย!”
“ถ้าคิดว่ามันไม่หนัก มันก็คือไม่หนักน่า ที่นี่คือยูโทเปียนะ ไม่ใช่โลกจริง” ราล์ฟตอบอย่างไม่ใส่ใจ สายตาเขาโฟกัสไปที่บุ๊กเล็ต ก่อนที่นิ้วของเขาจะมาสัมผัสกับภาพกล่องสี่เหลี่ยมที่เขียนว่า Memorize บนแผ่นกระดาษสีหม่น “เอ้า รอซักครู่ละกัน”
ทันใดนั้นเอง ก็มีลำแสงเล็ก ๆ สีฟ้ายิงลงมายังที่ตัวมังกรดรีมชาร์ดจากฟากฟ้า มันเหมือนถูกหยุดเวลาและความเคลื่อนไหวไปชั่วครู่ ทั่วทั้งตัวของมันมีเส้นจาง ๆ แบ่งลำตัวซึ่งเต็มไปด้วยเกล็ดออกเป็นท่อน ๆ ราวกับลูกเต๋าจำนวนมากเรียงต่อกันเป็นรูปร่าง เมื่อแสงจากฟากฟ้ามาต้องส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกายของเจ้ามังกร ก้อนสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาดเล็กตรงจุดนั้นก็หายไป เหมือนจิ๊กซอว์ที่ถูกถอดออกไปที่ละชิ้น
ราล์ฟแหงนหน้าไปมองบนฟ้าแล้วคิด ทุกครั้งที่เขาใช้คำสั่ง Memorize เขาก็ยังไม่เคยรู้ซักทีว่าลำแสงนี้มาจากไหน แล้วส่งดรีมชาร์ดต่าง ๆ ไปไว้ไหน
จนกระทั่งในที่สุด สัตว์เลื้อยคลานยักษ์มีปีกก็หายไป โทปริโอ้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเสียงดังก่อนที่จะนอนแผ่หลาลงบนพื้นอย่าง เหน็ดเหนื่อย
บนบุ๊กเล็ตของราล์ฟ จากปุ่มคำสั่ง Memorize ก็เป็นรูปภาพและข้อ ความใหม่ขึ้นมาแทนที่แทน
} |
ยูโทเปีย } |
คุณได้ทำการ Memorize ดรีมชาร์ดนาม อะแบร็กซัส สำเร็จแล้ว ขอขอบคุณที่ได้ใช้บริการจากโครงการ False |
Awakening นี้ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกตรวจสอบและกลั่นกรองในฐานข้อมูลรัฐบาลกลาง แล้วจะส่งกลับให้แก่ผู้ใช้บริการ |
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป |
ชื่อดรีมชาร์ด – อะแบร็กซัส <ยังไม่มีในฐานข้อมูล> |
หมวดหมู่ทางกายภาพที่ใกล้เคียงที่สุด - มังกรแผ่นดินตะวันตก |
น้ำหนักที่เป็นไปได้ – 3561kg สติปัญญาที่เป็นไปได้ – IQ58 อัตราความเป็นเท็จ – 86.78% |
สถานที่ค้นพบ – เอ็มไพร์ โอฟีเลีย |
จำนวนดรีมชาร์ดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน – 4 |
ความรู้จำเพาะ: |
1) โครงสร้างทางสรีรศาสตร์ <กดปุ่มเพื่ออ่านรายละเอียด> |
2) ความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ – อ้างอิงฐานข้อมูลรัฐบาล <กดปุ่มเพื่ออ่านรายละเอียด> |
3) ความเชื่อและตำนาน – อ้างอิงฐานข้อมูลรัฐบาล <กดปุ่มเพื่ออ่านรายละเอียด> |
ปริมาณพลังงาน i2 ที่คุณได้รับ – 5468i |
ข้อมูลความรู้ที่ได้รับการวิเคราะห์และกลั่นกรองดรีมชาร์ดเป็นส่วนหนึ่งของบริการจากรัฐบาล |
ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนเงิน $0.30 โดยจะหักค่าธรรมเนียมผ่านบัญชีของคุณ ราล์ฟ บาล์ดวิน โดยตรง |
ปัจจุบันเหลือเงินในบัญชีของคุณ $87651.46 |
อนึ่ง เราได้สร้างรหัสขึ้นมาหนึ่งชุดเพื่อนำไปขึ้นรางวัลสลากกินแบ่งพิเศษของรัฐบาลได้ ซึ่งรางวัลจะมีทั้ง |
เงิน ของกำนัล และอื่น ๆ |
#5e89r99e3626536830560fkedu3e8o0rt93923893wii292# |
ให้บริการโดย รัฐบาลกลางแห่งจักรวรรดิอิมเพอราทริกซ์ |
" นี่ก็ไม่ใช่ของจริงอีกแล้วสินะ"ราล์ฟพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ดูเหมือนจะแว่วไปถึงหูโทปริโอ้ เพราะเขาผงกหัวขึ้นมานิดหนึ่ง
"แกว่าอะไรนะราล์ฟ"
"เปล่านี่ แกมันเหนื่อยจนหูแว่วไปเองล่ะมั้ง"
"เออ เหนื่อยจริงไม่เถียงว่ะ เมื่อยด้วย ใครมันปล่อยให้มังกรบ้านั่นทับฉันอยู่ตั้งนานล่ะ"
"อยากไปคิดว่ามันหนักทำไมล่ะ แทนที่จะคิดว่ามันเบา" ราล์ฟยังบ่นไม่เลิก “อาวุธแกมันก็ดีไซน์ห่วยแตกเหลือเกิน คิดยังไงเนี่ยเอาไม้เกาหลังมาเป็นอาวุธ”
"ไม่รู้เว้ย เกตเอาท์เหอะ กลับๆ" โทปริโอ้พูดอย่างเหนื่อยหน่าย
"แกกลับไปก่อนละกัน เดี๋ยวตามไป"
"เออ ตามใจ ฉันไปนอนพักล่ะ ปวดเนื้อปวดตัวไปหมดแล้ว ไปล่ะ"
ว่าเสร็จโทปริโอ้ก็จับนาฬิกาติดโซ่ที่ห้อยคอเขาขึ้นมา แล้วดึงเข็มชั่วโมงออก เข็มที่เหลือบนหน้าปัดจากนั้นก็หมุนอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนอากาศรอบ ๆ เริ่มเป็นลอนคลื่นโปร่งแสงออกมา จนมองเห็นตัวอักษรและสัญลักษณ์บนอากาศนั้น นั่นคือบุ๊กเล็ตของโทปริโอ้นั่นเอง เขายื่นไม้เกาหลังยักษ์ของเขาไปในพื้นที่โปร่งแสงนั้นแล้วก็ถูกกลืนเข้ากับอากาศในที่สุด
หนุ่มผิวเข้มใช้เข็มนาฬิกาที่อยู่บนมือเขาจิ้มไปยังกล่องข้อความที่มีขนาดใหญ่ว่าจุดอื่น ๆ “Gate-out” จากนั้นก็มีตัวเลขสีแดงอ่อนแสดงวินาทีขึ้นมากลางตัวของเขา จากสิบวินาที แล้วลดลงมาถึงศูนย์ ตัวของเขามีแสงสีแดงจาง ๆ รอบตัว เท้าของเขาค่อย ๆ แตกตัวเป็นผลึกโปร่งแสงตอนที่จะหายไปในอากาศ แล้วก็ไล่ขึ้นไปตั้งแต่เท้าจรดศีรษะของเขา พร้อม ๆ กับบุ๊กเล็ตของเขาที่สลายไปในอากาศ
ราล์ฟมองเฉยๆอย่างคุ้นเคยดี ป่านนี้โทปริโอ้คงกลับไปถึงโลกแห่งความจริงแล้ว แต่ตัวเขาคงจะอยู่ต่ออีกหน่อย อย่างน้อย ๆ ก็มีเพื่อนเขาคนนึงรออยู่ที่ “ตัวเมือง”
แสงสีขาววาบเข้ามากระทบดวงตาสีเขียวอ่อน หรืออย่างน้อยที่สุด เขาก็คิดว่าแบบนั้น เพียงชั่วครู่ทุกอย่างก็กลับไปสู่ความมืด ทันทีที่ราล์ฟลืมตาขึ้นมา ทิวทัศน์อาคารบ้านเรือนอันประกอบจากหินสีเหลืองนวลสะท้อนแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ก็มากระทบโสตสัมผัสของเขา แม้ตามท้องถนนหินลาดนั้นจะมีผู้คนมากมายคับคั่งคอยลบล้างแสงสีทองเหล่านั้นส่วนหนึ่งก็ตาม
เขาเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์นัก แต่เขาพอจำได้ว่าอาคารหินสูงตระหง่านพร้อมมีรูปปั้นแกะสลักแบบหยาบ ๆ เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของอารยธรรมแห่งยุโรปยุคกลาง ชื่อไบแซนไทน์หรืออะไรซักอย่างกระมัง เมืองที่ราล์ฟยืนอยู่ ณ บัดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของมหาอาณาจักรนามจักรวรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์
ว่ากันว่าสิ่งก่อสร้างมากมายที่นี่คือมีตัวตนอยู่ในเอนโทรเปีย หรือถ้าให้เรียกว่าโลกจริงคงจะถนัดปากกว่า แต่บัดนี้มันดำรงตัวตนในรูปแบบที่ไม่ต่างอะไรกับดรีมชาร์ด
...เป็นเพียงสิ่งที่เกิดจากความทรงจำและความเชื่อของคนมากมายเท่านั้น
ราล์ฟนั่งรอที่บันไดของมุมปราสาทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่นี่คือสถานที่นัดพบที่กลุ่มเพื่อนเขาใช้กันเป็นประจำ ฉะนั้นอีกไม่นานเจ้าตัวก็จะ...
“มาซักทีสินะยะ” เสียงแหลม ๆ เจื้อยแจ้วที่เด็กหนุ่มแสนคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังเขา เธอมาไวเท่าความคิดเลยล่ะ “ให้สาวน้อยบอบบางคนนี้รออยู่คนเดียวตั้งนานได้ไงคะคุณสุภาพบุรุษ”
“ก็อยากไม่ยอมมากับพวกเราเองนี่ อเซลิน” ราล์ฟพูดปัด ๆ ไปเชิงรำคาญ
เพี้ยะ เด็กหญิงตบแขนของอีกฝ่ายอย่างจัง ผมยาวเป็นลอนดูเป็นคุณหนูของเธอขัดแย้งกับท่าทีกระโดกกระเดกยิ่งนัก ราล์ฟถึงกับสะดุ้งทันที
“ก็ฉันไม่ใช่พวกบ้าพลังแบบผู้ชายบางคนแถวนี้น่ะสิ อยากตายไปเป็นดรีมชาร์ดรึไงยะ”
“แล้วจู่ ๆ หล่อนมาตีทำไม มันเจ็บนะ” เมื่ออีกฝ่ายจะเงื้อมือตีอีกครั้งเขารีบคว้าแขนทันที “หยุดเดี๋ยวนี้เลย คนอย่างฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า... แล้วไหนล่ะของที่ว่าไว้”
“เอ้านี่ เอาไปเลย” อเซลินยื่นห่อผ้าสีบรอนซ์เงาขนาดเท่าลูกแมวให้ราล์ฟ น้ำเสียงเธอค่อย ๆ อ่อนลงมา “อาวุธของนายน่ะซ่อมเสร็จแล้ว ทีหลังอย่าบุ่มบ่ามล่าดรีมชาร์ดไม่เข้าเรื่องอีกละกัน”
“อืม ขอบใจนะ เธอเกตเอาท์ไปได้แล้วล่ะ” ราล์ฟรับของโดยที่ไม่แสดงสีหน้ายินดียินร้ายเท่าไหร่
“นี่ พอหลอกใช้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เสร็จก็เฉดหัวทิ้งสินะ ใช่สิฉันมันไม่ได้ไม่ประโยชน์อะไร...” น้ำเสียงทำเป็นสะอื้นของอเซลินทำให้ราล์ฟรีบพูดเชิงป้องกันตัวทันที
“ฮะ...เฮ้ หยุดเดียวนี้เลย เดี๋ยวคนเขาเข้าใจผิดกันหมด”
“ล้อเล่นน่า ฮ่า ๆ” อเซลินรีบเปลี่ยนท่าทีแสดงความเริงร่าทันทีหลังจากได้แกล้งคน “นี่ ราล์ฟ คราวหน้าฉันอยากจะลองฝึกสู้กับดรีมชาร์ดมั่งอ่ะ นายช่วยมาสอนฉันหน่อยได้เปล่า”
“ไปขอโทปริโอ้สิ หมอนั่นออกจะบ้าพลัง แถมยังชอบโชว์พาวต่อหน้าสาวด้วย” ฝ่ายชายรีบปัดภาระทันที
“ไม่เอาอ่ะ อยากไปกับราล์ฟมากกว่า” เด็กหญิงยังคงยืนกราน “ไหน ๆ ฉันก็ช่วยนายมาแล้วไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณกันเลยรึไง”
ราล์ฟสะอึกไปทันที ในฐานะที่เขาถูกลุงพร่ำสอนเรื่องทำนองนี้มาตลอดจึงทำให้เขารับข้อตกลงแต่โดยดี “ก็ได้ ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุยกันอีกทีละกัน ขอฉันเกตเอาท์ออกก่อน เหนื่อยละ”
“อื้ม” อเซลินยิ้มแป้น “งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
ราล์ฟดึงบุ๊กเล็ตของเขาออกมาจากแขนซ้าย ก่อนที่จะกดคำสั่ง Gate-out แล้วร่างกายก็เปล่งแสงสีแดงอ่อน ก่อนที่จะค่อย ๆ สลายไปจากร่างกายท่อนล่างสุดไล่ขึ้นมา ส่วนที่ค่อย ๆ หายไปก็ไร้ความรู้สึกเหมือนกึ่งอัมพาต ก่อนที่สติของเขาจะจางหายไปในที่สุด
ในห้องเล็ก ๆ แสงสลัว ๆ ห้องหนึ่ง หากมองเพียงผิวเผิน ห้องนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นห้องของเด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมดาเมื่อดูจากสภาพห้องที่มีของใช้วางไว้เกลื่อนจนเกือบจะเรียกได้ว่ารก ทั้งรองเท้าผ้าใบที่เขาถอดทิ้งไว้เมื่อจะเข้านอน โทรทัศน์โฮโลแกรมจอเล็กแบบพาพกถูกตั้งไว้บนโต๊ะข้างหน้าต่างทรงกลม ท่ามกลางกองหนังสือจำนวนมากซึ่งคละกันไปทั้งหนังสือเรียน หนังสืออ่านนอกเวลา
...และยังมีหนังสือแบบเด็กผู้ชายที่เขาซ่อนไว้ใต้เตียง
หากแต่เมื่อสำรวจดูใกล้ๆก็จะพบกับรองเท้าคอมแบตที่วางอยู่ในชั้นล่างของตู้เสื้อผ้า พร้อมเครื่องแบบนักเรียนทหารที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เครื่องหมายต่าง ๆ ถูกวางเรียงกันเป็นแถวราวกับเป็นความภาคภูมิของวีรบุรุษสงครามคนหนึ่งก็ไม่ปาน
ราล์ฟรู้สึกตัวอีกครั้งบนเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลแดงที่ถูกดีไซน์เป็นลอนคลื่นแสดงความโค้งที่เหมาะเจาะ ร่างกายของเขามีเยลลี่โปร่งแสงสีเหลือบฟ้าจาง ๆ ปกคลุมอยู่ทั่งทั้งร่างกาย ในมือของเขาถืออุปกรณ์เล็ก ๆ สีงาขาวที่กำลังดูดเยลลี่เข้าไปเรื่อย ๆ จนหมดสิ้น
PLUG คือชื่อเรียกโดยทั่วไปของมัน มาจากคำเต็มว่า Personal Linking-to-Utopia Gate ซึ่งก็คืออุปกรณ์สำหรับเกตอินเข้าสู่ยูโทเปียนั่นเอง
ราล์ฟลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกตัวหนัก ๆ อาจเป็นเพราะว่าแรงโน้มถ่วงในเอนโทรเปียแห่งนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้นั่นเอง เขาดันตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้ววางอุปกรณ์บนมือของเขาบนโต๊ะ
“ฮ้า~~ว” เขาบิดขี้เกียจไปมา สายตาของเขายังรู้สึกง่วง ๆ เล็กน้อย ก่อนที่ราล์ฟจะก้าวไปที่ประตูผลึกแก้วซึ่งผนังของมันค่อย ๆ แตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ เลื่อนออกมาเป็นช่องกว้างขนาดเท่าตัวเด็กหนุ่มพอดี จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากห้องของเขา
“หวัดดีลุง ยังทำงานอยู่อีกเหรอ” ราล์ฟทักทายไปยังชายหนุ่มร่างเล็กที่กำลังหมกมุ่นกับงานบางอย่างที่ในมุมมืดของอีกห้องหนึ่ง รอบ ๆ ตัวของเอลเมอร์ บาลด์วินคือเครื่องจักรรูปร่างแปลกตามากมาย มีแผงหน้าปัดที่เรืองแสงสีฟ้าอ่อนตัดกับความมืดของห้องและเสียงเดินเครื่องดังเบา ๆ ดังหึ่ม ๆ เสียงเรียกของหลานชายทำให้เขาหยุดชะงักงานอันละเอียดอ่อนเบื้องหน้าแล้วหันหลังออกมา
“อ้าว เกตเอาท์ออกมาแล้วสินะราล์ฟ” น้ำเสียงของเขาฟังดูชราภาพมากกว่าภาพลักษณ์ภายนอกของเขา สีผมและหนวดที่ยังดกดำทำให้เขาดูอายุไม่น่าเกินสี่สิบต้น ๆ ในสายตาคนปกติ “ลุงได้วิเคราะห์ข้อมูลของดรีมชาร์ดกลุ่มล่าสุดแล้ว คิดว่าอีกไม่นานก็จะได้ข้อมูลเพียงพอสำหรับงานวิจัยชิ้นนี้”
ราล์ฟรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขารีบเดินไปหาลุงของเขาและยืนอยู่เบื้องหลัง ถึงแม้เขาจะพยายามมองสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของเครื่องจักรเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “ถ้าเราขายลิขสิทธิ์งานวิจัยนี้ได้ เราก็จะรวยกันเลยใช่มั้ยลุง”
“ใช่แล้วล่ะหลานรัก สมแล้วกับที่เราทำโครงการนี้มาหลายปีนัก” เอลเมอร์พูดเบา ๆ อย่างเชื่องช้าแต่ก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นแกมยินดี “พ่อแม่ของหลานก็คงจะดีใจ ที่อีกไม่นานจะมีอนาคตที่สดใสกว่าเดิมมาก”
“เราไปกินมื้อเย็นกันเถอะ” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นมาจากที่นั่งแล้วเดินไปยังห้องอีกห้องพร้อมกับราล์ฟ บ้านของราล์ฟมีสามเขตใหญ่ ๆ นั่นคือห้องส่วนตัวของราล์ฟ ห้องทำงานของเอลเมอร์ และห้องรับแขกที่จะใหญ่ที่สุดและเก็บเครื่องใช้อำนวยความสะดวกรวมไปถึงครัวด้วย เอลเมอร์ไม่มีห้องนอนส่วนตัวเพราะเขาจะหลับบนที่นั่งทำงานของเขาทั้งอย่างนั้นไม่ก็โซฟาสำเร็จรูปทุกวัน
ในห้องรับแขกนั้นจะมีเครื่องใช้อำนวยความสะดวกอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของห้อง โดยตัดบรรยากาศกับกระถางต้นไม้และกรอบภาพวาดที่ประดับแซมทำให้ภายในห้องนี้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าจุดอื่น ราล์ฟเดินไปกดสวิตซ์โทรทัศน์โฮโลแกรมที่อยู่กลางห้อง จากนั้นภาพสามมิติก็ปรากฎออกมาราวกับเกิดเหตุการณ์จริงภายในห้องพร้อมกับเสียงที่ฟังชัดเจน แล้วเขาก็เดินไปหยิบลูกบอลสีเทาเล็ก ๆ ขึ้นมา เมื่อกดปุ่มสีแดงบนลูกบอลออกไป ลูกบอลก็ขยายใหญ่และแปรสภาพออกมาเป็นโต๊ะไร้น้ำหนักพร้อมเก้าอี้ลอยได้อีกสองตัว
ในอีกด้านหนึ่ง ฝั่งเอลเมอร์ก็เดินไปยังเครื่องจักรสีขาวสูงเท่าเอวคน มีป้ายเล็ก ๆ แปะด้านข้างว่า “อุปกรณ์ CODE สำหรับประกอบอาหาร” เมื่อเขาทาบมือลงไปก็มีหน้าต่างคำสั่งสีเหลืองอ่อนขึ้นมา
โปรดเลือกเมนูอาหารที่คุณต้องการ พลังงาน i2 ที่เหลืออยู่: 34,796i
ชื่ออาหาร (กดเพื่อดูภาพประกอบ) | i2 ที่ต้องการ |
VVVVVVVVVVVVVVVV | 6,000i |
NONONONONONONONO | 4,500i |
TTTTTTTTTTTTTTTTTTT | 3,200i |
eeeeeeeeeeeeeeeee | 5,680i |
น้ำเปล่า | 2,000i |
คุณสามารถดาวน์โหลดลิขสิทธิ์สูตรอาหารได้ <กดที่นี่>
เอลเมอร์กดไปที่ชื่ออาหารที่เขาต้องการ แล้วจากนั้นเสียงเครื่องจักรก็ดังหึ่ม ๆ เบา ๆ แล้วจากนั้นฝาด้านบนของมันก็ลอยขึ้นมาบนอากาศราวกับถูกผลักด้วยมือที่มองไม่เห็น เหนือเครื่องจักรนั้นคือจานอาหารที่เขาได้เลือกเอาไว้นั่นเอง
CODE คือเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของมนุษย์ในขณะนี้ มาจากคำว่า Capacity Of Data Exportation ถ้าให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือ สามารถนำสิ่งที่อยู่ในจินตนาการหรือความนึกคิดมาเป็นสิ่งที่มีตัวตนจริงได้ หากมีพลังงานและข้อมูลที่เพียงพอ และ i2 ก็คือพลังงานที่ว่าซึ่งมาจากการล่าดรีมชาร์ดในยูโทเปียนั่นเอง
เวลารับประทานอาหารของทั้งสองดำเนินไปอย่างเรียบง่าย เสียงโทรทัศน์เข้ามาทำลายความเงียบภายในห้องจึงทำให้ไม่รู้สึกเงียบเหงาแต่อย่างใด
“ถ้าได้ข้อมูลดรีมชาร์ดจำพวกมังกรจากแถว ๆ เอ็มไพร์นิรวานะก็คงจะสมบูรณ์แล้วล่ะ” เอลเมอร์ได้เอ่ยขึ้น เอ็มไพร์คือชื่อเรียกโซนขนาดใหญ่ต่าง ๆ ในยูโทเปีย เจ้ามังกรที่ราล์ฟเพิ่งสู้ไปก็มาจากเอ็มไพร์ที่ชื่อว่าโอฟีเลีย “ถึงหลังฐานทางประวัติศาสตร์หลายอย่างจะยืนยันว่ามังกรไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง แต่งานวิจัยของเราก็จะทำให้ความเชื่อเก่า ๆ ถูกล้มล้างทันที”
“หมายถึงงานวิจัยพันธุวิศวกรรมในการสร้างมังกรให้มีอยู่จริงน่ะเหรอครับ” ราล์ฟถามด้วยความฉงน เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจงานของลุงเขาเท่าไหร่
“ใช่แล้ว” ลุงเขาตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้น “และก็ยังไม่มีใครวิจัยมาสำเร็จมาก่อนด้วย นั่นหมายความว่าเราจะได้รายได้เป็นกอบเป็นกำจากค่าลิขสิทธิ์นี้”
แต่แทนที่เอลเมอร์จะแสดงความดีใจออกมา จู่ ๆ เขาก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
“ราล์ฟ ระวังอย่าให้เรื่อง iSender ของเรารั่วไหล” น้ำเสียงที่เบาลงทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาฉับพลัน “อย่าลืมว่าการใช้อุปกรณ์ที่ดึงข้อมูลดรีมชาร์ดโดยตรงโดยไม่ผ่านรัฐบาลนั้นผิดกฏหมาย ตอนนี้เราก็มีข้อมูลเพียงพอแล้ว คงไม่ต้องใช้มันอีก”
“ครับผม” หนุ่มน้อยกลืนน้ำลายเอื๊อกทันที อุปกรณ์พิเศษที่ลุงให้เขาใช้นั้นมีไว้เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับวิจัยโดยเฉพาะ ซึ่งเขาจะใช้ทุกครั้งที่ไปล่าดรีมชาร์ด “ผมกินข้าวเสร็จแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นกลับเข้าห้องตัวเองราวกับไม่อยากจะคิดมากในสิ่งที่ลุงเขาพูด
“ราล์ฟเอ้ย” เอลเมอร์พูดพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ฉันจะเก็บความลับกับแกไว้ได้ถึงไหนกันนะ...”
ยามตีสี่ของวันต่อมา คือช่วงเวลาที่ราล์ฟจะต้องเร่งรีบเตรียมตัวเพื่อไปโรงเรียน ระบบการศึกษาของโลกยุคนี้จะบังคับให้ทุกคนเข้าเรียนตั้งแต่อายุสี่ปีถึงยี่สิบปี โดยตั้งแต่อายุสิบสี่ปีขึ้นไปจะต้องเรียนสายอาชีพ ราล์ฟเลือกสาขาการทหารและยุทธศาสตร์ ดังนั้นกฎระเบียบและความหนักหน่วงของการเรียนจึงมีมากกว่าการนั่งเลคเชอร์ในห้องเรียน
หลังจากเด็กหนุ่มรับประทานมื้อเช้าและเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเดินออกตรงไปยังประตูผลึกแก้วซึ่งเปิดช่องว่างเท่าตัวเขาพอดี ภายนอกบ้านของเขาคือระเบียงขนาดไม่กว้างนัก แต่หากมองจากระเบียงมาทางบ้านก็จะมองเห็นว่าบ้านราล์ฟนั้นเป็นห้องอพาร์ตเมนต์ส่วนหนึ่งบนตึกสูงระฟ้าสีน้ำเงินที่มีดีไซน์ทรงโค้งดูทั้งประหลาดและสวยงามไปในตัว ห้องของราล์ฟนั้นสูงนับพันเมตรจากระดับน้ำทะเลซึ่งหากมองไปยังเบื้องล่างก็คงจะมองไม่เห็นตัวคนเสียด้วยซ้ำ
บนระเบียงหน้าห้องราล์ฟมีเครื่องจักรสูงซักสองเมตรกว่าตั้งอยู่ ด้านหน้าเป็นกระจก ตรงกลางมีที่นั่งและคันจับ ราล์ฟขึ้นไปนั่งแล้วเอามือไปวางบนหน้าปัด จากก็มีข้อความขึ้นมาบนกระจกว่า Authentication OK แล้วเครื่องจักรนั้นก็ส่งเสียงดังบรืน ๆ ทันที พร้อมกับลอยตัวขึ้นมาจากพื้น เมื่อเขาบิดคันเร่ง เครื่องจักรแอร์ไบค์ก็พุ่งทยานไปข้างหน้าทันที
ลมที่พัดตีหน้าของราล์ฟได้ลบล้างความง่วงของเขาไปหมดสิ้น เบื้องหน้าของเขาคือสิ่งก่อสร้างทรงปีระมิดขนาดมหึมาที่ทั้งกว้างและสูงหลายกิโลเมตร แม้แต่ยานเหาะที่ใหญ่เท่าตึกที่เขาอยู่ พอเคลื่อนที่เข้าใกล้ตึกยักษ์นี้ก็ดูราวกับมดตัวเล็ก ๆ บนต้นไม้ทันที เขาขี่พุ่งเข้าไปยังผนังด้านที่มีช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่บนตึกปีระมิดนี้ ด้านในของมันคือโดมขนาดใหญ่ที่มีตึกอาคารมากมายอยู่ข้างในอีกที ใช่แล้ว ทั้งโดมปีระมิดนี้ คือโรงเรียนของเขาที่จักรวรรดิอิมเพอราทริกซ์ รัฐบาลแห่งเดียวในโลก เป็นผู้ดำเนินการโดยตรง
“เอ้า! รีบวิ่งสิวะเฮ้ย!” เสียงทุ้ม ๆ ดุดันจากครูฝึกที่กำลังตะโกนใส่เหล่านักเรียนอย่างเมามัน ทุก ๆ เช้าก่อนรุ่งสางจะมีการออกกำลังกายก่อนเสมอ ซึ่งบางครั้งเหมือนการรีดพลังเด็ก ๆ ให้เรียนไม่รู้เรื่องตั้งแต่เช้ามากกว่า “มีคนช้า!! วิ่งรอบสนามอีกสิบรอบ!!!”
“ครูแม่งบ้าพลังตั้งแต่เช้าอีกละ เหนื่อยจะตายห่านแล้ว” โทปริโอ้ในชุดฝึกสีฟ้าเข้มบ่นพึมพำเบา ๆ แต่พอให้คนแถวข้าง ๆ ได้ยิน
“เดี๋ยวขึ้นห้องเรียนจะได้ไปนอนเต็มที่ไง” ราล์ฟพูดกึ่งหอบพลางใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อที่ค่อย ๆ ไหลอยู่บนใบหน้าเขา
“ไม่นอนเว้ย ขึ้นห้องเรียนเมื่อไหร่ก็ได้เวลาส่องสาวอ่ะ” โทปริโอ้เอามือลูบปาก “ตอนเรียนหนังสือคือช่วงเรียนรวมชายหญิงไง หึหึ”
“เฮ้ย สองคนนั้นคุยไรวะ!! ออกมานี่เดี๋ยวนี้เลย!!!”
...ซวยล่ะกรู...
ห้องเรียนของพวกราล์ฟจพมีรูปร่างแบบเปลือกหอยและมีที่นั่งคล้ายอัฒจันทร์ในสนามกีฬา ซึ่งจะสามารถกระจายเสียงของครูผู้สอนไปได้ทั่วถึง แต่อย่างน้อย ๆ ก็มีอยู่คนนึงล่ะที่ไม่ได้รับรู้คำสอนของครูเสียเท่าไหร่ ราล์ฟกำลังก้มหน้าโต๊ะแล้วนอนเคลิ้มเพราะเขารู้ดีว่าคาบนี้ครูไม่ได้สนใจว่านักเรียนจะเรียนรู้เรื่องหรือไม่ บวกกับความเหนื่อยจากการลงโทษเมื่อเช้านี้ ขณะที่โทปริโอ้ตัวต้นเหตุก็คงกำลังส่องสาวอยู่ที่ห้องอื่น การเรียนของพวกเขาจะสลับห้องเรียนตามวิชาเพื่อทำให้นักเรียนไม่มีเพื่อนคุย
“โลกปัจจุบันได้ก้าวสู่ยุคเทคโนโลยีจินตภาพ หลังจากเมื่อราวร้อยห้าสิบปีก่อนได้เกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นจนพวกเราสูญเสียอารยธรรมไปจนสิ้น และมนุษย์ก็เหลือเพียงน้อยนิด เราจึงได้เริ่มต้นศักราชใหม่จาก 0000 นับจากวันสิ้นสุดสงคราม
มนุษย์เข้าสู่ยุคมืดอีกครั้งจนกระทั่งปี 0097 ก็มีเผ่าพันธุ์นามคิเมร่าปรากฎตัวขึ้นมาโดยที่ไม่มีคนรู้ที่มา แล้วมาร่วมมือกับมนุษย์ที่เหลือรอดในการสร้างวิทยาการที่สามารถกอบกู้ความรู้ที่หายไปให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ ก็คือวิธีการเข้าถึงโลกจินตภาพ หรือที่ปัจจุบันเราเรียกว่ายูโทเปียนั่นเอง และเกิดการก่อตั้งรัฐรวมของโลกนามจักรวรรดิอิมเพอราทริกซ์แห่งนี้
ยูโทเปียเป็นทั้งโลกแห่งความทรงจำ ความคิด และความเชื่อ เราใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า PLUG ในการส่งจิตเราเข้าสู่ยูโทเปียเพื่อสกัดข้อมูลจากสิ่งที่เรียกว่า ดรีมชาร์ด ซึ่งก็คือสิ่งที่เกิดจากความคิดความเชื่อของผู้คนนั่นเอง หากแต่เมื่อมนุษย์เริ่มใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้มากขึ้น เผ่าพันธุ์คิเมร่าก็ได้วางแผนที่จะควบคุมจิตใจมนุษย์ผ่าน PLUG
มนุษยชาติจึงต้องประกาศทำสงครามกับคิเมร่า และเป็นฝ่ายชนะในที่สุด แม้สงครามจะจบลงเมื่อปี 0146 หรือ 12 ปีก่อน แต่พวกคิเมร่าที่หลงเหลืออยู่ก็ยังคงก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้การฝึกวิชาทหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อ... ”
ครูประจำวิชาประวัติศาสตร์ยังคงพูดต่อเนื่องโดยไม่คิดแม้แต่จะเหลียวมองด้วยซ้ำว่านักเรียนฟังรู้เรื่องกันหรือไม่...
ปรี๊ดดดดดดดดดดด ปรี๊ด ๆ ๆ ปรี๊ดดดด เสียงนกหวีดดังเป็นจังหวะคือสัญญาณบอกว่าได้เวลาเลิกเรียนแล้ว ในขณะที่ราล์ฟกำลังเดินบนระเบียงเพื่อจะขี่แอร์ไบค์กลับบ้าน อเซลินก็เข้ามาทักจากด้านหลังพอดี
“นี่ ๆ ราล์ฟ” เสียงใส ๆ เชิงวิงวอนของเธอทำให้คนถูกทักรู้ทันทีเป็นเป็นใคร “เมื่อวานสัญญาแล้วนะว่าจะพาไปฝึกต่อสู้ในยูโทเปียอ่ะ”
“อ่ะ เออ เกือบลืมแล้วนะเนี่ย” ราล์ฟเกาหัว “ดูเหมือนวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำพอดีเลยด้วย แล้วจะไปเอ็มไพร์ไหนดีล่ะ”
“ตามใจราล์ฟได้เลยค่า” อเซลินยิ้มแป้น
“อืม...” เด็กหนุ่มนึกถึงคำพูดของลุงเขาแล้วก็นึกได้ “ที่นิรวานะน่าจะดีนะ พอดีมีธุระแถวนั้นด้วย แล้วตอนนี้มีใบอนุญาตระดับอะไรล่ะ”
ใบอนุญาตคือบัตรผ่านสำหรับเข้ายูโทเปียในเขตที่มีดรีมชาร์ดที่ดุร้าย ซึ่งจะแบ่งระดับความอันตรายตั้งแต่ A ถึง D โดยของราล์ฟจะเป็นระดับ B
“ได้ระดับ D อ่ะ เพิ่งไปสอบใบอนุญาตมา”
“อื้ม ระดับนี้กำลังเหมาะเลย ไม่ยากเท่าไหร่ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วทักมานะ”
“ได้เลยจ้า งั้นจะรีบกลับละ บ๊ายบาย”
ราล์ฟลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงของเขา รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่กลับตาสว่างเต็มที่เพราะไปนอนในห้องเรียนมาเต็มอิ่มแล้ว หลังจากที่ไปล้างหน้าและเปลี่ยนชุด อีกซักพักฝ่ายนั้นก็คงทักมาพอดี
(ราล์ฟ ๆ ว่างมั้ยเอ่ย)
เสียงอเซลินดังกึกก้องขึ้นในหัวของเขา ซึ่งเป็นสัญญาณโทรจิตผ่านอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยี CODE เช่นเดียวกับเครื่องครัวและอุปกรณ์อื่น ๆ
(อ้าว เตรียมตัวเสร็จแล้วเหรอ) ราล์ฟคิดตอบกลับไป การโทรจิตนั้นจะต้องเพ่งความคิดระดับหนึ่ง หากคิดในใจอยู่อีกฝ่ายก็จะไม่ได้ยิน
(อื้ม เจอกันที่นิรวานะใช่มั้ย เอาเป็นแถวไหนดีล่ะ)
(ที่วัดเส้าหลินละกัน)
(โอเค เดี๋ยวเจอกันในยูโทเปียนะ) จากนั้นก็มีเสียงปี๊ดเบา ๆ เป็นสัญญานว่าการสนทนาได้จบลงแล้ว ราล์ฟลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบอุปกรณ์เล็ก ๆ คล้ายมือถือขึ้นมา ซึ่งก็คือ PLUG นั่นเอง เมื่อราล์ฟกดใช้คำสั่ง Gate-in ตัวอุปกรณ์ก็ค่อย ๆ ปล่อยเยลลี่โปร่งใสสีฟ้าจาง ๆ ออกมาคลุมทั่วทั้งตัวของราล์ฟ เยลลี่นี้จะห่อหุ้มผิวเพียงบาง ๆ เท่านั้น เขารู้สึกเย็น ๆ ทั่วทั้งตัว แต่ถึงแม้มันจะคลุมทั้งปากและจมูกของเขาก็ยังสามารถหายใจได้ปกติ จากนั้นเขาก็รู้สึกง่วง ๆ ขึ้นมาทันทีทำให้เด็กหนุ่มต้องหลับตาลง เหตุผลที่อุปกรณ์ PLUG ใช้เยลลี่พิเศษในการติดต่อเข้าสู่ยูโทเปียก็มีอยู่ด้วยกัน สองอย่าง หนึ่งคือจะไม่มีวิธีการขัดขวางสัญญาณหรือการแกล้งกัน เช่นการดึงสายออกถ้าใช้ในรูปแบบสายเสียบ อีกเหตุผลคือเยลลี่เหล่านี้จะรักษาร่างกายไม่ให้หิวเร็วเกินไปหรือเกิดสภาพ อันตรายอื่น ๆ หากเข้ายูโทเปียนานไป สติสัมปชัญญะราล์ฟค่อย ๆ หายไป แขนขาของเขาสูญสิ้นความรู้สึกใด ๆ เมื่อความรู้สึกหนักอึ้งและความมืดเริ่มเข้ามาแทนที่ ...ก่อนที่ความมืดนั้นจะค่อย ๆ ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง Gate-in Processing… Your genetic ID is 545879431356053240523a [ U T O P I A ] The world our souls are connected ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น