ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Because I am the princess~

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 เจรจา (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.45K
      14
      8 เม.ย. 63

    บทที่ 8 เจรจา (รีไรท์)

                ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณห้องทำงานใหญ่ภายในคฤหาสน์ใต้ แม้ภายในห้องเวลานี้จะเต็มไปด้วยผู้มากด้วยศักดิ์ แต่กลับไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา ชายผู้เป็นเจ้าของห้องเอาแค่จ้องร่างบางที่กำลังนั่งจิบชาสบายอารมณ์บริเวณชุดรับแขกอย่างจับผิด ขณะที่คนถูกจ้องก็เพียงนั่งจิบชาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ส่วนเด็กสาวผู้เป็นผู้ร่วมห้องอีกคนก็เอาแต่ก้มหน้านิ่ง หลบสายตาผู้เป็นบิดา

                  สาเหตุที่ทำให้เกิดบรรยากาศเช่นนี้ เป็นเพราะคำขอที่อาเชอร์ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันหลุดออกจากปากผู้เป็นลูกสาวดังขึ้น หลังจากที่โซเฟียพาลอร่าออกไปเที่ยวเมื่อช่วงกลางวัน และนำลอร่ากลับมาส่งในช่วงเย็น คราแรกเขาไม่ได้นึกสงสัยว่าเหตุใดโซเฟียถึงต้องการพาลอร่าออกไปเที่ยวด้านนอกตามลำพังโดยไม่ให้ผู้ใดติดตาม แต่มาตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจอะไรลางๆแล้ว แต่ที่ยังสงสัยคือโซเฟียใช้วิธีอะไรทำให้ลอร่ากล้าเอ่ยขอเขาเช่นนี้

                  “ลอร่า กลับห้องไปซะ”

                  สายตาคมกริบของอาเชอร์ตวัดมองลอร่า พร้อมเปรยเสียงเรียบ ที่ทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้ง ด้วยความหวาดกลัว

                  “ค่ะ”

                  ลอร่ารีบรับคำ ด้วยนางไม่กล้าพอที่จะยืนต่อรองกับท่านพ่อในลักษณะเช่นนี้อีกแล้ว ตั้งแต่นางจำความได้ นางไม่เคยเอ่ยขออะไรท่านพ่อเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งนางเพียงแค่ทำตามคำสั่งของท่าน ไม่ว่าท่านจะสั่งให้ทำอะไรนางก็จะทำ  

                  ลอร่าย่อกายลงลาคนทั้งหมด ก่อนจะรีบเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง การกระทำของลอร่าไม่ได้เหนือความคาดหมายของโซเฟียเลย นางรู้อยู่แล้วว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงดูให้อยู่ภายในกฏเกณฑ์ และกรอบประเพณีของตระกูลผู้รักษาความลับอย่างเคร่งครัดเช่นลอร่าไม่มีทางกล้าขัดคำสั่งท่านลุงแน่ แค่ที่ยอมเอ่ยปากขอตามที่นางบอกนี้ก็มากเกินความคาดหมายแล้ว

                  “เหมือนเจ้าจะละเลยคำเตือนของข้า”

                  คำเปรยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับเจ้าตัวกำลังข่มอารมณ์ที่พร้อมจะปะทุทุกเมื่อ ขณะที่ดวงตาก็ยังจ้องมองร่างบางของหลานสาวจอมแสบเขม็ง

                  “ข้าไม่เคยละเลยคำเตือนของท่านลุง แต่เรื่องนี้กับเรื่องนั้นมันคนละเรื่องกัน”

                  โซเฟียยังสามารถเอ่ยอย่างใจเย็น แม้ว่าจะมีสายตาเย็นยะเยือกจากท่านลุงจ้องมองอยู่ก็ตาม นางวางถ้วยชาที่ถือไว้ก่อนหน้านี้ลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปสบตาท่านลุงอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมเอ่ยยืนยันความแตกต่างของทั้งสองเรื่อง ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

                  “ท่านเตือนให้ข้ารักษาความเชื่อใจของน้องหญิง ซึ่งข้าก็กำลังกระทำอยู่ แต่เรื่องที่น้องหญิงขอร้องท่านนั้น เป็นเรื่องความต้องการของนางเอง”

                  “ลอร่าไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น จนกระทั่งเจ้ายัดเยียดความคิดเหล่านั้นให้กับนาง”

                  อาเชอร์เอ่ยอย่างมั่นใจ ด้วยเขาเป็นผู้เลี้ยงดู และอบรมลอร่ามากับมือ ทำไมจะไม่รู้ว่าลอร่าเป็นอย่างไร ตลอดหลายปีมานี้ลอร่าอยู่กับร่องกับรอยตามที่เขาสั่งสอนมาตลอด นางไม่เคยมีความคิดอยากออกไปนอกคฤหาสน์ ไม่เคยมีความคิดอยากออกไปเรียนที่โรงเรียน หรืออยากมีเพื่อน จนกระทั่งโซเฟียปรากฏตัวขึ้น

                  “ท่านลุงไม่คิดบ้างหรอคะ ว่านี้คือสิ่งที่น้องหญิงต้องการมาตลอด ไม่มีใครชอบการถูกกักขังหรอกค่ะ ข้าว่าถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องปล่อยนกน้อยออกจากกรง”  

                  โซเฟียยังคงเฝ้ามองสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมของท่านลุง แต่ดวงตาฉายชัดว่าไม่ยอมทำตามคำแนะนำของนางแน่

                  “แม้จะรู้ว่าโลกภายนอกน่ากลัวและอันตรายเช่นนั้นรึ”

                  อาเชอร์สวนแทบจะทันทีที่ฟังประโยคของโซเฟียจบ พลางหมุนตัวไปทางหน้าต่าง ซึ่งตั้งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เป็นเชิงบอกว่าไม่คิดจะสนทนาใดใดกับโซเฟียต่อ พร้อมเอ่ยปากไล่โซเฟีย

                  “กลับไปซะ ข้าไม่มีวันยอมให้ลอร่าเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร และอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากับเคเรสคิดจะย้ายอำนาจการดูแลลอร่าให้กองทัพ”

                  การรู้เท่าทันของอาเชอร์ไม่ได้ทำให้โซเฟียแปลกใจ ซ้ำก่อนเข้ามาที่นี้นางออกจะไปทางมั่นใจว่าท่านลุงอาเชอร์ต้องรู้แผนการของท่านลุงเคเรสแน่ มิเช่นนั้นท่านลุงอาเชอร์คงไม่ได้เป็นข้าหลวงที่ใครต่อใครต้องยำเกรงหรอก กระนั้นนางก็เตรียมแผนในการรับมือเรื่องนี้เอาไว้แล้ว

                  “แล้วมันไม่ดีตรงไหนคะ ท่านพูดว่าโลกภายนอกน่ากลัว และอันตรายสำหรับน้องหญิง แต่ท่านน่าจะรู้ว่าน้องหญิงจะปลอดภัยที่สุด ภายใต้การดูแลของกองทัพ”

                  โซเฟียไม่ได้สนใจคำไล่ของอาเชอร์ นางยังคงนั่งอยู่ที่เดิม คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจในกระบวนการคิดของท่านลุงนัก สิ่งเดียวที่นางรับรู้คือความดื้อดึงของอีกฝ่ายเท่านั้น

                  “ข้าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นกองทัพ เอาล่ะ กลับไปได้แล้ว ถึงอยู่ต่อ ข้าก็ไม่คิดจะอนุญาตให้ลอร่าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารอยู่ดี”

                  คำยืนยันหนักแน่นของท่านลุงอาเชอร์ ทำให้โซเฟียนึกเหนื่อยใจ นางถอนหายใจออกมาน้อยๆ ตามจริงนางก็ไม่อยากใช้วิธีบังคับข่มขู่หรอก แต่ในเมื่อท่านลุงดื้อแพ่งเช่นนี้ นางก็ไม่มีทางเลือก

                  “ท่านต้องอนุญาตแน่ค่ะ”

                  โซเฟียกล่าว พลางหยิบซองเอกสารที่นางถือเข้ามาก่อนหน้านี้ นำไปวางบนโต๊ะทำงานท่านลุงอาเชอร์ ที่ยังคงหันหลังให้โต๊ะทำงานอยู่ พร้อมบอกว่าเอกสารที่วางอยู่นั้นคือเอกสารอะไร

                  “ใบสมัครโรงเรียนเตรียมทหาร กับรายละเอียดต่างๆค่ะ ข้าแนะนำให้ท่านจัดการให้เรียบร้อยภายในสุดสัปดาห์นี้”

                  “ข้าบอกว่าไม่...”

                  คำพูดของอาเชอร์ต้องชะงัก เมื่อเขาหันไปเห็นซองจดหมายสีน้ำตาลที่ประทับตราราชวงศ์วางอยู่บนใบสมัคร เขาหยิบซองจดหมายนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน สลับกับเหลือบตามองโซเฟียที่แสดงสีหน้ามั่นใจในซองจดหมายที่เขาถืออยู่ ว่าสามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจได้

                  “ขอตัวค่ะ ข้าคิดว่าท่านลุงอาจต้องใช้เวลาตัดสินใจอีกสักนิด”

                  โซเฟียมองสีหน้าที่แม้จะยังสงบนิ่ง แต่ดวงตากลับวาบโรจน์ ราวกับพร้อมที่จะเผาคนต้นคิดแผนการนี้ให้ตายคาที่ นางรีบค้อมศีรษะลา แล้วเปิดประตูเดินออกไป ก่อนที่นางจะเป็นศพแรกที่โดนท่านลุงอาเชอร์ย่างสด

                  อาเชอร์จ้องบานประตูห้องทำงานตนเองอยู่นาน แม้ว่าโซเฟียจะหายลับไปแล้ว มือหนากำกระดาษจดหมายไว้แน่น ก่อนที่มันจะถูกไฟลุกพรึบขึ้นเผากลายเป็นขี้เถ้าคามืออาเชอร์

                  “เคเรส...”

                 

                  หลังจากที่โซเฟียเดินออกมาจากห้องทำงานของอาเชอร์ นางก็รีบมองหาสาวใช้ที่น่าจะรู้ว่าตอนนี้ลอร่าอยู่ที่ใดมากที่สุด เป็นดังคาดเมื่อนางเขาไปถามหาลอร่ากับสาวใช้คนหนึ่งก็ได้รับคำตอบว่าเวลานี้ลอร่าอยู่ภายในห้องนอนตามที่ท่านลุงสั่งไม่มีผิด จากนั้นนางก็เดินขึ้นไปบนชั้นสองของตัวคฤหาสน์ ซึ่งเป็นส่วนของห้องนอนสมาชิกในตระกูลดักลาส และส่วนของห้องรับรองต่างๆ โซเฟียใช้เวลามองหาห้องนอนของลอร่าไม่นานนัก ด้วยนางคุ้นเคยกับสถานที่นี้ดี แถมเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กยังเคยขึ้นมาเล่นกับลอร่าด้านบนบ่อยๆ ทำให้พอจะรู้ทิศทางภายในคฤหาสน์เป็นอย่างดี โซเฟียเดินตรงเข้าไปยังห้องที่อยู่เกือบในสุดทางเดินปีกซ้าย พลางหมุนลูกบิดประตูเข้าไป โดยไม่คิดขออนุญาตผู้เป็นเจ้าของห้อง ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่า เวลานี้ไม่ว่านางจะขออนุญาตก่อนหรือไม่ก็คงไม่มีเสียงตอบรับใดใดรอดออกมาให้ได้ยิน

                  เมื่อเข้าไปในห้องโซเฟียก็อดรู้สึกประหลาดใจน้อยๆไม่ได้ ด้วยความทรงจำครั้งสุดท้ายที่นางเข้ามาที่นี้ กับสภาพห้องในเวลานี้ช่างให้ความรู้สึกที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน นางจำได้ดีเมื่อครั้งที่ลอร่ายังเป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อย ภายในห้องนอนนี้ให้ความรู้สึกที่แสนอบอุ่น และแวดล้อมไปด้วยตุ๊กตาตัวน้อยใหญ่มากมาย แต่เวลานี้ภายในห้องกลับให้ความรู้สึกเงียบเหงา แม้สภาพในห้องยังคงความเรียบร้อย และได้รับการตกแต่งด้วยม่านลูกไม้ ตามแบบเฉพาะคุณหนูผู้สูงศักดิ์ สมฐานะของผู้เป็นเจ้าของห้อง หากตุ๊กตาและของเล่นทุกสิ่งกลับไม่มีเหลือให้เห็นในห้อง รอบห้องมีเพียงชั้นวางหนังสือ และอุปกรณ์เครื่องเขียนเท่านั้น ภาพเหมือนของผู้เป็นมารดากับเจ้าของห้องหายออกไปจากโต๊ะเขียนหนังสือ และที่น่าแปลกใจที่สุดคือ เจ้าตุ๊กตาหมีตัวยักษ์ที่ผู้เป็นเจ้าของห้องนั้นทั้งรักทั้งหวง เนื่องจากเป็นตุ๊กตาตัวที่ผู้เป็นมารดาเย็บให้กับมือนั้น หายไปจากห้อง จนโซเฟียแทบไม่เชื่อว่าห้องนี้เป็นห้องนอนของลอร่า กระนั้นเมื่อเหลือบสายตาไปทางริมหน้าต่างก็เห็นร่างบางของน้องหญิงที่นางรัก นั่งชมดาวบนท้องฟ้า ด้วยสายตาเศร้าสร้อย ขณะที่มือถือหนังสือเล่มบางเปิดค้างไว้

                  “นั้นเจ้ากำลังอ่านหนังสือ หรือดูดาวกันแน่”

                  โซเฟียเอ่ยทำลายความเงียบ และเรียกความสนใจจากน้องหญิง ที่สติคงหลุดลอยไปไกลพอควร เพราะขณะนางเดินเข้ามาใกล้เพียงนี้ ลอร่ายังไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า

                  “ข้าทำให้ท่านพี่ผิดหวังมาก ใช่มั้ยคะ”

                  ประโยคแรกที่ลอร่าเอ่ย ด้วยน้ำเสียงที่แม้จะไม่ได้แสดงความรู้สึกผิด แต่โซเฟียรู้ดีภายใต้น้ำเสียงที่ราบเรียบนั้น น้องหญิงของนางคงกำลังเสียใจมาก

                  “เปล่าเลย เจ้าเก่งมากตังหากที่กล้าเอ่ยปากขอท่านลุงเช่นนั้น”

                  โซเฟียเดินเข้าไปหาลอร่า พร้อมวางมือไว้บนไหล่ทั้งสองข้างของน้องหญิง ดวงตาจ้องสบประสานอย่างชื่นชม ด้วยความจริงใจ กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้สีหน้าของลอร่าดีขึ้นกว่าเดิมเท่าไร

                  “อย่าปลอบใจข้าเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้ท่านพี่ปลอบใจข้า ก็ไม่ทำให้ข้ากล้าหาญพอที่จะขัดคำสั่งท่านพ่อได้หรอก”

                  ลอร่าเปรยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง หากแววตากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ขณะที่มือปิดหนังสือที่อยู่ในมือลง แล้วนำไปวางเก็บที่ชั้นวางหนังสือตามเดิม ก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียง

                  “ลอร่า เจ้าเป็นเด็กดีมากรู้ตัวมั้ย”

                  โซเฟียถอนหายใจพลางเดินเข้ามานั่งด้านข้างลอร่า พร้อมดึงร่างบางเข้ามาโอบไหล่ ด้วยความรัก ทำให้ลอร่าไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด ด้วยนางไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อออกมา

                  “แต่บางครั้ง เจ้าก็ต้องหัดทำตามใจตัวเองบ้าง ไม่มีใครสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตให้ใครได้ตลอดไปหรอก มีแต่ต้องกำหนดมันด้วยตนเอง”

                   คำเอ่ยของโซเฟียทำให้ลอร่าชะงัก นางไม่เคยคิดว่าตนเองมีสิทธิ์จะกำหนดชีวิตของตนเอง ก็ในเมื่อตั้งแต่จำความได้ ทุกสิ่งที่ท่านพ่อสั่งคือสิ่งที่นางต้องทำอย่างเคร่งครัด ไม่ว่ายากลำบากแค่ไหน นางไม่เคยได้ถามใจตนเองสักครั้งว่าต้องการอะไร เพราะในเมื่อความต้องการของนางล้วนแล้วแต่ทำให้ท่านพ่อไม่พอใจ และมีแต่ทำให้นางถูกลงโทษอย่างหนัก ฉะนั้นตลอดหลายปีมานี้นางจึงใช้ชีวิตตามคำสั่งผู้เป็นพ่อ

                  “ข้ามีสิทธิ์ด้วยรึคะ”

                  ลอร่าย้อนถามเสียงแผ่ว หากก็ไม่รอดพ้นโสตประสาทของโซเฟียที่นั่งอยู่ด้านข้าง

                  “แล้วทำไมถึงไม่มีสิทธิ์ล่ะ ต่อให้เจ้าเป็นดักลาส หรือเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักร หรืออะไรก็ตาม เจ้าก็คือมนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ และหัวใจเฉกเช่นคนอื่นๆ เช่นนี้ทำไมเจ้าจะไม่มีสิทธิ์กำหนดชะตาชีวิตด้วยตัวเจ้าเอง”

                  โซเฟียดันร่างบางของลอร่าออกเล็กน้อย แล้วจับไหล่ทั้งสองข้าง ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาของลอร่าที่ตอนนี้ฉายชัดถึงความประหลาดใจ ทั้งจากการกระทำ และคำพูดของนาง

                  ...หัวใจงั้นรึ...

                  ลอร่าทวนคำในใจ นางไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาบอกว่านางควรจะมีหัวใจ ด้วยตลอดเวลา นางมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อทำตามคำสั่งท่านพ่อ ตั้งแต่จำความได้ท่านพ่อก็พูดเรื่องหน้าที่ต่อราชวงศ์ และหน้าที่ต่อตระกูลให้นางฟังนับครั้งไม่ถ้วน ย้ำเตือนให้นางกระทำทุกอย่างเพื่อราชบัลลังก์ และตระกูล จนคำว่าหัวใจไม่มีความหมายสำหรับนางอีกแล้ว ในเมื่อสิ่งที่ท่านพ่อต้องการมาตลอด คือตุ๊กตาที่มีลมหายใจที่อยู่เพื่อราชวงศ์เท่านั้น และตุ๊กตาก็ไม่จำเป็นต้องมีหัวใจ หรือความรู้สึก

                  “รู้ไหมอะไรเป็นสิ่งที่ข้าห่วงที่สุด ห่วงมาก จนบางครั้งข้าต้องกลับมาถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าคิดถูกรึไม่ ที่ให้เจ้าเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร”

                  เมื่อเห็นลอร่านิ่งไปนาน โซเฟียก็เลื่อนมือที่จับไหล่อยู่ลงมาวางที่มือของลอร่าแทน ทำให้ลอร่าตื่นจะภวังค์แล้วก้มมองมือของโซเฟีย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายเป็นเชิงถาม

                  “ข้าห่วงว่าเจ้าจะเผชิญโลกภายนอกไม่ได้”

                  คำพูดของโซเฟียไม่ได้ทำให้ลอร่าเข้าใจอะไรมากขึ้น ด้วยนางไม่เข้าใจว่าท่านพี่จะห่วงทำไม ในเมื่อนางก็เคยอยู่ที่หอคอยแห่งคำตัดสินตั้งนานสองนาน ฉะนั้นแค่เข้าโรงเรียนคงไม่ทำให้นางขาดอากาศหายใจตายหรอก สุดท้ายลอร่าก็อดที่จะเอ่ยปากถามถึงความเป็นห่วงที่เกินจริงนั้นไม่ได้

                  “ทำไมคะ”

                  “เจ้าน่ะ บริสุทธิ์เกินกว่าที่จะรับรู้เรื่องราวภายนอก”

                  คำเอ่ยของโซเฟียคราวนี้ยิ่งทำให้ลอร่าไม่เข้าใจไปใหญ่

                  “ข้ารึคะ บริสุทธิ์เกินไป”

                  ลอร่าทวน ด้วยความสงสัย แต่นางก็ไม่ได้รับคำอธิบายอะไรมากไปกว่าการที่ท่านพี่พยักหน้ารับ แล้วเสเปลี่ยนไปพูดอีกเรื่อง

                  “ข้ามีข่าวดีจะบอก อยากรู้มั้ย”

                  โซเฟียละมือออกจากมือบาง เปลี่ยนไปโอบเอวของน้องหญิงที่นางแสนรักไว้แทน พลางเอ่ยถามเรียกความสนใจจากลอร่า ซึ่งลอร่าที่ยังตามอารมณ์ของโซเฟียไม่ทัน ก็เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ

                  “อะไรคะ”

                  “เป็นเรื่องที่เจ้าจะต้องดีใจมาก”

                  โซเฟียทำทีเป็นเล่นตัว หวังเรียกสีหน้าตื่นเต้น หรืออยากรู้อยากเห็นจากลอร่า กระนั้นนางก็ต้องผิดหวัง เพราะสีหน้าของลอร่านั้นไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม มีเพียงดวงตาเท่านั้นทีมีประกายขึ้นมาน้อยๆ ซึ่งพอจะทำให้รู้ว่าลอร่าเองก็เริ่มสนใจในสิ่งที่นางจะบอก

                  “ท่านพี่บอกมาเถอะคะ”

                  คำเร่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่สื่ออารมณ์ทำให้โซเฟียรู้สึกว่าหลายปีมานี้นอกจากท่านลุงอาเชอร์จะยึดความสดใสร่าเริงไปจากลอร่าแล้ว ท่านยังยึดสีหน้าและอารมณ์ความรู้สึกไปจากลอร่าด้วย เช่นนี้กระมั้งที่ทำให้ท่านลุงเคเรสต้องคิดหาทางแย่งสิทธิ์ในการดูแลลอร่ามาจากท่านลุงอาเชอร์

                  “ท่านลุงอนุญาตให้เจ้าเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร”

                  คำเฉลยคราวนี้ทำให้ลอร่าถึงกับชะงัก ด้วยนางไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ ลอร่าไม่เคยคิดว่าจะมีใครสามารถทำให้ท่านพ่อเปลี่ยนความคิดได้ กระนั้นนางกลับรู้สึกดีใจ และมีความสุขที่ได้ยินคำนี้ จนอดถามย้ำสิ่งที่ได้ยินมาไม่ได้

                  “จริงรึคะ”

                  “ดูเจ้าจะไม่ดีใจ”

                  โซเฟียพยักหน้ายืนยัน แล้วถามยั่วน้องหญิงที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ราวไม่ยินดียินร้าย ผิดกับดวงตาที่เป็นประกาย อย่างมีความสุข

                  “ดีใจค่ะ ข้าดีใจมาก ท่านพี่ทำอย่างไรท่านพ่อถึงยอมคะ”

                  ลอร่าเอ่ยเสียงเรียบตามปกติ ราวกับไม่ได้รู้สึกตามที่พูด และตามด้วยคำถามที่ตอนแรกโซเฟียกะว่าจะปิดเป็นความลับกับน้องหญิง แต่เมื่อสบสายตากับลอร่า นางก็ต้องยอมบอกสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยโซเฟียไม่ต้องการปิดบังเรื่องอะไรจากน้องหญิงเช่นที่พวกท่านลุงกระทำมาตลอดอีกแล้ว

                  “เจ้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสี่ตระกูลใหญ่มั้ย”

                  คำถามของโซเฟียทำให้ลอร่าต้องพยักหน้ารับ แล้วนั่งฟังคำบอกเล่าของโซเฟียอย่างตั้งใจ ด้วยนางไม่เข้าใจว่าเรื่องคราวนี้เกี่ยวข้องอะไรกับความสัมพันธ์ของสี่ตระกูลปกครอง

                  “ค่ะ”

                  “แล้วรู้มั้ยมันหมายความว่ายังไง”

                  โซเฟียยังไม่ยอมเล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านลุงอาเชอร์จำต้องยอมให้ลอร่าเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ซ้ำนางยังเอ่ยถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งสี่ตระกูลที่ว่า

                  “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สแตรนเรียร์จะไม่ทอดทิ้งดักลาส เช่นเดียวกับที่ดักลาสจะภักดีต่อลิงคอล์น และลิงคอล์นจะเชื่อใจคาสเตอร์ไม่เสื่อมคลาย คาสเตอร์เองก็จะมอบไมตรีแด่สแตรนเรียร์ชั่วนิรันดร์”

                  ลอร่าท่องคำกล่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสี่ตระกูลผู้ปกครองไอริสตามที่เคยได้ยินมาตลอดทั้งชีวิตให้โซเฟียฟัง ด้วยความไม่เข้าใจว่าเรื่องที่นางท่องจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นอย่างไร

                  “ทีนี้รู้รึยังว่าอะไรทำให้ท่านลุงยอมให้เจ้าเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร”

                  คำถามคราวนี้ทำให้ลอร่านิ่งคิดอยู่นาน แต่เมื่อนึกออกจากความดีใจในคราแรกก็เปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ ที่ท่านพ่อถูกคำมั่นสัญญาของบรรพบุรุษข่มขู่ เพื่อยอมให้นางได้เข้าเรียน

                  “ท่านพี่ข่มขู่ท่านพ่อ?”

                  “ข้าเปล่า อย่ามองข้าด้วยสายตาอย่างนั้นสิ สิ่งที่ข่มขู่ท่านลุงคือพระราชบัญชา ข้าเป็นเพียงผู้รับสนองพระราชบัญชาเท่านั้น”

                  โซเฟียเอ่ยแก้ตัวเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจจากน้องหญิง ที่จ้องนางอย่างจับผิด ข้อหาบังคับข่มขู่ท่านลุงอาเชอร์

                  “พระราชบัญชาเกี่ยวอะไรด้วยคะ?”

                  คราวนี้ลอร่างงหนักเข้าไปใหญ่ ตอนแรกก็แค่เรื่องคำมั่นสัญญา มาตอนนี้มีพระราชบัญชาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก จนนางเริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่า การให้นางเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารในครั้งนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง อย่างแน่นอน

                  “ก็ท่านลุงวิลเลียมมีพระราชบัญชาถึงท่านลุงอาเชอร์เรื่องให้เจ้าเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารยังไง ซึ่งเรื่องนี้ท่านลุงวิลเลียมก็ปรึกษากับท่านลุงเคเรสมาเป็นอย่างดีแล้ว ก่อนที่จะมีพระราชบัญชาเช่นนี้มาถึงท่านลุงอาเชอร์”

                  คำอธิบายแบบร่ายยาวของโซเฟียยิ่งทำให้ลอร่ามั่นใจว่าเรื่องคราวนี้เป็นแผนการของท่านลุงเคเรส เพราะไม่มีเหตุผลที่ฝ่าบาทจะทรงทำเช่นนี้

                  “นี้ทำให้พวกท่านมั่นใจใช่มั้ยคะ ว่าท่านพ่อจะไม่ปฏิเสธการเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารของข้า เพราะท่านพ่อก็คือดักลาส ฉะนั้นดักลาสที่เคร่งครัดกับกฏระเบียบ และธรรมเนียมปฏิบัติจะไม่ขัดพระราชบัญชา รวมถึงเพราะเป็นดักลาสจึงไม่สามารถละเลยคำขอของลิงคอล์นได้”

                  ลอร่าเอ่ยสิ่งที่นางเข้าใจออกมาทั้งหมด พลางละสายตาออกจากโซเฟีย เหมือนต้องการสะกดอารมณ์บางอย่าง ตอนนี้นางรู้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น เพราะแผนการของท่านลุง และท่านพี่ ทำให้ลอร่าอดรู้สึกเสียใจไม่ได้ ที่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม

                  “สุดท้ายข้าก็เป็นได้แค่หมากบนกระดานของพวกท่าน....”

                  คำเปรยของลอร่าชะงัก ด้วยอ้อมกอดของโซเฟียที่โอบมาจากด้านหลัง อ้อมกอดที่มักทำให้ลอร่ารู้สึกอบอุ่นเสมอ หากเวลานี้นางกลับไม่เหลือความรู้สึกเช่นนั้น

                  “ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นหมากบนกระดานสักครั้ง แต่ที่ข้าทำไปทั้งหมด เพราะต้องการให้เจ้าหลุดพ้นจากกรงขังนี้”

                  คำเอ่ยของโซเฟียทำให้ลอร่านิ่งฟัง กระนั้นเพราะโซเฟียยืนอยู่ด้านหลังทำให้ไม่เห็นว่าเวลานี้ดวงตาคู่งามของลอร่ามีแววไหววูบเช่นไร

                  “การเข้าโรงเรียนเตรียมทหารจะทำให้ข้าหลุดพ้นจากกรงขังที่ชื่อว่าบ้าน หรือฐานันดรได้จริงๆรึคะ”

                  ลอร่าถามเสียงแผ่ว ด้วยนางรู้ดีว่าไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป แต่ชาติกำเนิดของนางก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่านางจะไปอยู่ที่ไหน ความจริงที่ว่านางคือเจ้าหญิงผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ หรือความจริงที่ว่านางคือคนของดักลาสก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่สามารถหนีไปจากกรงขังเหล่านี้ได้

                  “ข้าไม่ได้หมายถึงสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่ข้าต้องการคือการให้เจ้าได้เห็นโลกกว้าง ได้สัมผัสแสงอาทิตย์ และมองท้องฟ้าในมุมที่ต่างออกไปจากตอนนี้”

                  คำกล่าวประโยคนี้มีผลทำให้ลอร่าแกะมือของโซเฟียที่โอบอยู่ที่เอวของนางออก สร้างความตกใจให้แก่โซเฟีย แต่แล้วโซเฟียก็ต้องประหลาดใจมากกว่าเดิม เมื่อลอร่าหันมามองนางพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนเอ่ย

                  “ก็ได้ค่ะ ข้าจะเชื่อว่าท่านพี่ต้องการให้ข้าสัมผัสความร้อนของแสงอาทิตย์ และมองท้องฟ้าในมุมที่ต่างออกไป”

                  “และข้าจะทำให้เจ้าได้สัมผัสกับทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ น้องหญิงที่รักของข้า”


    จบบทที่ 8 เจรจา (รีไรท์)

    _____________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×