ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Because I am the princess~

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 โลกภายนอก (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.62K
      9
      7 เม.ย. 63

     บทที่ 7 โลกภายนอก (รีไรท์)

    ห้องครัวของโรงเรียนเตรียมฯ ก็เหมือนห้องครัวทั่วไป แม่ครัวซึ่งกำลังเตรียมอาหารอยู่นั้น หันมามองผู้มาเยือนคนใหม่ ที่มาพร้อมกับบรรดาครูที่สอนอยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้ แต่นั้นไม่ได้ทำให้ลอร่าตกเป็นเป้าสายตาได้เท่ากับการที่โซเฟียบอกกับทุกคนว่า นางเป็นบุตรีข้าหลวงดักลาส และวันนี้จะมาช่วยทำอาหารเที่ยง อย่างไรก็ตาม พวกแม่ครัวทั้งหลายก็แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งให้เด็กสาว แล้วรับปากกับท่านผู้บังคับบัญชาการกองบินแห่งไอริสว่าจะช่วยดูแลเด็กสาวให้ ในระหว่างที่พวกท่านออกไปรอชิมฝีมือ

                  “ป้าค่ะ ซุปนี้ได้ที่แล้วค่ะ จะเอาไว้ไหนดีคะ

                  ลอร่าถาม ดวงตาที่เคยราบเรียบ มีประกายขึ้นน้อยๆ เมื่อก้มมองหม้อซุปตรงหน้า

    “ไว้นั้นแหละจ๊ะ แค่ดับไฟก็พอ”  

    ป้าคนนั้นตอบ จากนั้นลอร่าก็หันไปจัดการกับอาหารอีกชนิด

    วันนี้ภายในโรงอาหารเต็มไปด้วยผู้คนทั้งนักเรียนชั้นปีต่างๆ ที่ต้องเข้ามาเตรียมงานรับน้อง สภานักเรียนที่โดนเรียกกลับมาฝึกพิเศษก่อนเปิดภาคเรียน ครูฝึกที่ประจำการอยู่ภายในโรงเรียน รวมไปถึงนายทหารระดับชั้นต่างๆ ที่ไม่รู้อะไรดลใจให้อยากมารับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารแห่งนี้ ทั้งๆที่ปกติมักจะไปที่โรงอาหารของปราสาทวายุ หรือไม่ก็ออกไปหาอาหารกลางวันรับประทานกันในเมือง

    “เสร็จแล้วค่ะ ที่เหลือก็แค่จัด”

    ลอร่าเอ่ย แล้วเดินไปช่วยป้าแม่ครัวจัดเตรียมถาดอาหาร

    “ลองไปดูข้างนอกสิจ๊ะ”

    ป้าแม่ครัวเอ่ยอย่างใจดี แล้วชี้ไปทางแถวที่ยืนต่อกันยาวเหยียด

                  ทำไมคนถึงเยอะนักคะ

                  ลอร่าถามอย่างประหลาดใจ เพราะเท่าที่นางจำได้ตอนไปเดินเที่ยวกับโซเฟีย นักเรียนและครูฝึกในโรงเรียนก็ไม่ได้มากถึงเพียงนี้

                  จะไม่เยอะได้ไงค่ะ ก็พวกท่านโซเฟียเล่นป่าวประกาศไปทั่วโรงเรียนว่าคุณหนูทำอาหารกลางวันเลี้ยง ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี้

                  เฮ้อ...ข้าขอตัวนะคะ

                  ลอร่าถอนหายใจน้อย เมื่อเห็นจำนวนผู้คนที่หลงเชื่อคำชวนของโซเฟีย

                  “คุณหนูไม่ออกไปตักอาหารหรือคะ

                  แม่ครัวคนหนึ่งเสนอ ด้วยรู้ว่าสาเหตุของจำนวนคนที่แห่กันมาแน่นโรงอาหารแบบผิดหูผิดตานั้น เป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้นต้องการจะยลโฉมคุณหนูคนสวย แห่งคฤหาสน์ใต้ ที่ไม่เคยออกไปปรากฏตัวที่ใดมาก่อน

                  ไม่ดีกว่าค่ะ

                  ลอร่าปฏิเสธอย่างนุ่มนวล แล้วเดินหลบออกมาจากห้องครัว

                  หลังจากลอร่าเดินออกจากห้องครัวทางด้านหลัง นางก็ถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วพับวางไว้บนชั้นที่เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับแม่ครัว ก่อนเดินเลยไปทางด้านหลังที่มีสวนหย่อมเล็กๆ ซึ่งนางคิดว่าพอจะเป็นสถานที่พักผ่อนได้บ้าง เพราะนอกจากบริเวณนี้จะเงียบแล้ว ยังร้างไร้ผู้คนอีกด้วย

                  เฮ้อ...

                  ลอร่าถอนหายใจน้อยๆ ดวงหน้างามเงยขึ้นมองท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่ ที่นางไม่ค่อยมีโอกาสได้มองชัดๆเช่นนี้ นางจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้สัมผัสความรู้สึกปลอดโปร่งเช่นนี้มันเมื่อไร...

                  ครั้งสุดท้ายคงเป็นเมื่อตอนนั้นสินะ

                  ลอร่าพึมพำเบาๆ แล้วปล่อยให้ตนจมลงสู่ห้วงความทรงจำ

     

                เสียงฝีเท้าที่ดังก้องเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ใกล้เข้ามาภายในห้องๆหนึ่ง ทำให้เด็กหญิงวัยห้าปี ที่อาศัยอยู่ภายในห้องมืด เหลือบสายตามองดูประตูทางเข้าเพียงหนึ่งเดียว ที่ยังไม่เปิดออก หากนางรู้ดีว่าอีกไม่ช้าจะต้องถูกใครบางคนเปิดแน่นอน

                เป็นอย่างไรบ้าง

                คำถามเรียบๆ ไม่สื่ออารมณ์ใดใด ที่ดังจากภายนอกทำให้เด็กหญิงพอจะเดาได้ว่า ผู้ใดคือผู้พูด

                เหมือนเดิมขอรับ นี้ก็สองอาทิตย์แล้ว ข้าเป็นห่วงว่าคุณหนูจะทนไม่ไหวนะขอรับ

                ถ้าไม่เป็นเจ้าหญิง นางก็ไม่จำเป็นจะต้องมีชีวิต

                คำตอบนั้น ทำให้เด็กหญิงที่อยู่ภายในห้อง เจ็บในดวงใจ

                ...เจ็บ ที่คำพูดนั้น ออกมาจากปากผู้เป็นพ่อ...

                ...เจ็บ ที่รู้ว่าตนเองมีค่าเพียงแค่นั้น...   

                แสงสว่างที่สาดเข้ามาในห้อง ทำให้เด็กหญิงต้องหันไปทางอื่น ด้วยยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนในเวลานี้

                ตัดสินใจได้รึยัง

                คำถามเรียบๆนั้น ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อย แหลกออกเป็นเสี่ยง

                ฆ่าข้าเถอะค่ะ ข้าจะไม่ทำมันอีกแล้ว...

                น้ำคำที่ตอบออกมานั้น เต็มไปด้วยกระแสเสียงแห่งความเจ็บช้ำ หากดวงหน้างามกลับไม่มีหยดน้ำตาสักหยดไหลริน เพราะน้ำตามันได้แห้งเหือดไปตั้งแต่วินาทีที่ท่านพ่อจับนางมาขังอยู่ในห้องมืดตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนแล้ว

                หึ ต่อให้เจ้าตาย ข้าก็ต้องหาคนอื่นมาแทน เจ้าอยากโยนความรับผิดชอบให้คนอื่นก็ตามใจ

                คำพูดของผู้เป็นบิดา ไม่ได้ทำให้ลอร่ารู้สึกเจ็บมากกว่าที่เป็นอยู่

                ...นั้นสินะ ข้าก็มีค่าเพียงเท่านั้น....

                “ถ้าคิดว่าการอดอาหารประชด สามารถทำให้เจ้าหนีจากชะตากรรมที่ต้องแบกรับได้ ก็คิดผิด เพราะไม่ว่ายังไง เจ้าก็ไม่สามารถหนีความรับผิดชอบของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักร หรือหน้าที่ของดักลาสได้”

                คำพูดของอาเชอร์นั้นจรดลึกในห้วงความทรงจำของลอร่าเสมอมา เช่นเดียวกับความเจ็บปวดที่นางจำต้องรับไว้อย่างไม่มีทางเลือก ความเจ็บปวดของการเป็นสมบัติราชวงศ์

               

                  ลอร่าจำได้ดี หลังจากนั้นอีกสามวันนางก็จำต้องยอมทำตามที่เป็นผู้เป็นบิดาต้องการ นางยอมเข้าพิธีกรรมเพื่อฟื้นฟูอำนาจของอาณาเขตโบราณ ที่ใช้ปกป้องอาณาจักรไอริสมาแต่บรรพกาลอีกครั้ง แม้นางจะรู้ว่าการเข้าพิธีดังกล่าวจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด ราวกับร่างกายถูกฉีกทึงออกเป็นส่วนๆ กระนั้นนางก็เลือกที่จะรับมัน เมื่อสิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้นางมีประโยชน์ในสายตาของผู้เป็นพ่อ นางไม่เคยจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในพิธีนั้น สิ่งเดียวที่นางจำได้คือความรู้สึกเจ็บปวด และหวาดกลัว ที่จรดลึกในความรู้สึกหลังจากที่นางฟื้นขึ้นที่ห้องนอนในคฤหาสน์ใต้ พร้อมคำสั่งห้ามไม่ให้ก้าวเท้าพ้นเขตทางออกของตัวคฤหาสน์อีกเลย จากผู้เป็นพ่อ

     

                  มีค่าแค่นั้นสินะ

                  คำเปรยแสนแผ่ว และอาการใจลอยทั้งหมดของลอร่า อยู่ภายใต้สายตาของโซเฟีย ที่เดินเข้ามาใกล้ร่างบาง ที่ยังไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบมองอยู่

                  เป็นอะไรไป

                  โซเฟียถามเสียงอ่อน พร้อมรวบร่างบางเข้ามาให้อ้อมกอด ทำให้ลอร่าตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่อง หากเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใด สายตาที่เอาเรื่อง จึงแปรเปลี่ยนเป็นสายตาสงสัยใคร่รู้

    “เห็นเจ้าไม่ออกมาสักทีเลยเข้ามาตาม”

    โซเฟียตอบ เมื่อเห็นสายตาเป็นเชิงถามของลอร่า

    ไม่ต้องระแวง มา...ไปกินข้าวกัน”

    ไม่ว่าเปล่า โซเฟียฉุดข้อมือบาง แล้วออกเดินไปทางป่า อย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธแต่อย่างไร

                  “มาแล้วหยอ กะจะไม่รอพวกเจ้าแล้วนะเนี่ย”

                  ชายคนหนึ่งเอ่ย เมื่อเห็นโซเฟียลากลอร่ามาถึงบริเวณที่พวกเขากำลังนั่งรับประทานอาหาร

                  “ก็ลองดูสิ”

                  โซเฟียเอ่ยเสียงเขียว แล้วแยกเขี้ยวใส่

                  “กินกันได้แล้ว ข้าหิว”

                  ชายอีกคนเอ่ย แล้วหันไปจัดการอาหารทันที

    “เฮ้อ…”

    ลอร่าถอนหายใจน้อยๆ แล้วเริ่มจัดการอาหารส่วนของตนที่ โซเฟียส่งให้

                  “เป็นไรไป ถอนใจทำไม๊”

                  ชายที่นั่งข้างนางหันมาถาม ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะ (เสื่อ) ทั้งหมดหันมามองด้วยความสงสัยใคร่รู้เต็มที่

                  “เปล่าค่ะ แค่เหนื่อย”

                  ลอร่าตอบเสียงเรียบ แล้วเลิกสนใจสายตาที่มองมา

    “งั้...คงไปขี่มังกรกับข้าไม่ไหวแล้วมั้ง”

    โซเฟียแกล้งเอ่ยเสียงเรียบ ทำให้ลอร่าตวัดสายตาขึ้นมอง อย่างเข้าเรื่อง หากอีกฝ่ายผิดสัญญา

                  “ไหวค่ะ”

                  ลอร่าเถียงขึ้นมาแทบจะทันที

                  “ก็เจ้าเหนื่อยไม่ใช่รึ?”

                  โซเฟียแกล้งถาม แล้วเลิกคิ้วขึ้น เหมือนคนไม่เข้าใจ แต่ทั้งหมดนั้นลอร่ารู้ดีว่าโซเฟียแค่แกล้งยั่วนางเล่น

                  “เดี๋ยวก็หายค่ะ”

    “ข้ายอมเจ้าก็ได้”

    โซเฟียเอ่ย แล้วจัดการอาหารต่อ      

    โดยตลอดการรับประทานอาหารทุกคนต่างสนุกกับการถูกลอร่ากัดให้แสบๆคันๅ เพราะดันชอบไปแหย่ลอร่าเล่นด้วยความเอ็นดู๊เอ็นดู กันบ่อยมากเกินพอดี

     

                  ตามทางเดินที่โซเฟีย และลอร่าเดินผ่านมา ล้วนแต่ดูรกร้างเสียยิ่งกว่าบริเวณป่าเมื่อครู่ แต่พอลอร่าถามโซเฟียว่าทำไมพามาทางนี้ โซเฟียก็บอกเพียงว่าจะได้สนุกขึ้นไง ซึ่งมันก็ไม่ได้สนุกอย่างที่คิดหรอก เพราะกว่าจะเข้ามาถึงบริเวณโรงเลี้ยงสัตว์ ก็ทำเอานางเหนื่อยไม่น้อย แต่เมื่อถึงลอร่าก็รู้สึกว่า ที่อุตส่าห์ทนเหนื่อยมานั้นคุ้ม เพราะสัตว์แต่ละชนิดล้วนแล้วแต่ดูน่าตื่นตาเสียยิ่งกว่าอะไร ทั้งมังกรสีนิลตัวใหญ่ กริฟฟินซึ่งยืนอย่างสงบ และสง่างาม โดยปีกคู่มหึมาหุบเก็บไว้ข้างลำตัว ส่วนหัวที่เป็นนกอินทรียักษ์เชิดขึ้นเล็กน้อย แล้วยังมีดิริคอร์ลขนาดใหญ่ ซึ่งถ้านางจำไม่ผิดเจ้าตัวนี้มันไม่น่าจะบินได้ แต่ไหงมาอยู่ที่คอกแถวนี้ได้ก็ไม่รู้ แต่ไม่นานโซเฟียก็ทำให้นางหายข้องใจ เพราะเจ้าตัวนี้มันเป็นพันธุ์ที่ถูกดัดแปลกให้บินได้ ต่อมาก็สฟิงซ์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอีกตัวที่ไม่ใคร่จะสนใจใคร เพราะมันเอาแต่หมอบอยู่กับพื้นเฉยๆ นอกจากนี้แล้วยังมีสัตว์ที่นางไม่เคยเห็นอยู่อีกหลายชนิดทีเดียว

                  “ลอร่า...

                  โซเฟียร้องเรียก หลังจากกลับออกมาจากคอกสัตว์ พร้อมมังกรสีนิลตัวยักษ์

                  คะ

                  ลอร่าขานรับ แล้วรีบเดินเข้าไปหาโซเฟียที่ขึ้นไปรออยู่บนหลังของเจ้ามังกรก่อนแล้ว

                  “ขึ้นมาสิ”

                  โซเฟียส่งมือให้ลอร่าจับ แล้วช่วยฉุดขึ้นมานั่งด้านหน้าของนาง

                  “ขอบคุณค่ะ”

    “พร้อมยัง”

    โซเฟียเอ่ยถาม แล้วกระชับสายบังเหียที่จับอยู่ และเมื่อลอร่าพยักหน้า นางวางมือลงบนคอเจ้ามังกรเบาๆ พร้อมกระซิบเสียงแผ่ว ราวกับมังกรตัวนั้นเข้าใจว่านางสื่ออะไร เพราะไม่นานจากนั้นปีกขนาดมหึมาก็กางออก แล้วเริ่มไต่ระดับความสูง ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า อย่างรวดเร็ว จนลอร่าที่ไม่ชินถึงกับหลับตาปี๋  

                  หายใจเข้าลึกๆ

                  โซเฟียกระซิบที่ข้างหูลอร่าเบาๆ เมื่อเจ้ามังกรสามารถไต่ระดับขึ้นมาบินด้วยความสูงคงที่แล้ว

                  “ข้าขอบังคับได้ไหมคะ”

                  ลอร่าถามเสียงอ่อน เป็นเชิงออดอ่อน หากครั้งนี้โซเฟียดูเหมือนจะไม่ให้ เพราะนางรู้ว่าถึงลอร่าจะเก่งสักแค่ไหน แต่การจะให้เด็กอายุเท่านี้บังคับมังกรที่ทั้งดื้อทั้งขี้หงุดหงิด เป็นอะไรที่เสี่ยงมาก แถมนางก็กลัวว่าลอร่าจะสนุกจนไม่ยอมลง

                  “ไม่ได้ เจ้ายังไม่ผ่านการอบรม”

                  โซเฟียตอบเสียงเข้ม ทำเอาลอร่าหน้าหมองลงเล็กน้อย แต่เมื่อลอร่าหันไปเห็นคนกำลังยิงปืนอยู่เบื้องล่าง ก็ทำให้ลอร่ากลับมายิ้มอีกครั้ง อย่างตื่นเต้นใคร่รู้

                  “แล้วนั้นเขาทำอะไรกันคะ น่าสนุกจัง”

                  ลอร่าชี้ลงไปด้านล่าง เพื่อให้โซเฟียเห็นว่าอะไรที่นางบอกว่า น่าสนุก

                  “นั้น คือ นักบินฝึกหัด ที่กำลังฝึกยิงปืนกันอยู่”

                  โซเฟียตอบยิ้ม

                  “นักบินฝึกหัดรึคะ”

                  “ใช่”

                  “ถ้าเป็นนักบินฝึกหัด ข้าก็จะได้เล่นอะไรสนุกๆใช่มั้ยคะ”

                  คำถามนั้นทำให้โซเฟียยิ้มรับน้อยๆ กับคำว่า สนุกๆ ของลอร่า

                  “ใช่”

                  “แล้วก็ได้บังคับเจ้านี้ด้วยใช่มั้ยคะ”

                  “ถูกต้อง”

                  “งั้นข้าอยากเป็นนักบินค่ะ”

                  นี้คงเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ลอร่าเอ่ยสิ่งที่ตนเองปรารถนาออกมา ซึ่งโดยที่นางไม่รู้ตัว โซเฟียก็โอบกระชับร่างบางให้แน่นขึ้น ก่อนกระซิบที่ข้างหูเสียงแผ่ว

                  “ก็เอาสิ แล้วข้าจะสอนให้”

                  “ท่านเป็นนักบินรึคะ”

                  คำถามนั้น เรียกให้โซเฟียต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม ยิ่งโซเฟียได้ยินน้ำเสียงกระตือรือร้น ตื่นเต้นของลอร่าเท่าไร นางก็รู้สึกว่าอะไรๆช่างดูสดใส ยิ่งเมื่อเห็นสายตาทอประกาย ยามที่มองดูท้องฟ้า นางก็ยิ่งรู้สึกอยากพาลอร่าออกมารู้จักโลกกว้างให้มากกว่านี้ 

                  “แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ”

                  คำย้อนถามนั้นไม่ได้ทำให้ลอร่ารู้สึกอะไรนอกจากประหลาดใจ ก็ในเมื่อโซเฟียอยู่ที่หอคอยแห่งคำตัดสิน แล้วทำไมถึงเป็นนักบินได้ล่ะ

    “งั้ทำไมท่านถึงไปอยู่ที่หอคอยแห่งคำตัดสินได้ล่ะคะ”

                  “เฮ้อ...ก็พวกท่านลุงนั้นแหละ สั่งให้ข้าไปดูแลเด็กที่ไหนไม่รู้ ทั้งดื้อทั้งซน แถมยังไม่ค่อยจะยอมพูดอะไรอีก ทำเอาข้าล่ะหนักใจ”

                  โซเฟียบ่นแกมประชด ซึ่งลอร่าก็ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หาย เมื่อโซเฟียใช้มือข้างหนึ่งกอดลอร่าไว้แน่นพื่อไม่ให้ตกลงไป ตอนที่มังกรผ่านช่องแคบไปเมื่อครู่ ซึ่งลอร่าไม่ได้ทำใจก่อน นางจึงหลับตาปี๋อย่างตกใจ

                  “แล้วทำไมไปเอาป่านนั้นคะ”

                  ลอร่าเอ่ยถามโซเฟีย เมื่อตั้งสติได้แล้ว

                  “ก็ข้าไม่ได้ว่าง ขนาดนั้นนิ ที่ได้คำสั่งปุ๊บก็สามารถไปได้ทันที”

                  โซเฟียตอบ แล้วมองดูลอร่าที่ทำหน้าสะใจนิด เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายงานยุ่งแค่ไหน

                  “ไม่ต้องแอบสะใจข้าเลย ไม่งั้นกลับไปข้าจะรายงานท่านลุงว่าเจ้าทำอะไรไว้บ้าง”

                  โซเฟียขู่เสียงเรียบ แล้วแกล้งบังคับมังกรให้บินส่ายไปส่ายไป จนลอร่าต้องเกาะแขนนางไว้แน่น

                  “พอเถอะค่ะ”

                  ลอร่าว่า เพราะนางเองก็เริ่มเวียนหัวแล้ว ทำให้โซเฟียยอมหยุด แล้วคลายแขนที่กอดลอร่าออกเล็กน้อย

    เจ้าบอกว่าอยากเป็นนักบินสินะ

    โซเฟียเปลี่ยนเรื่อง แล้วทำท่าครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง

    “แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เจ้าก็ต้องจบโรงเรียนเตรียมทหารก่อน...แล้วนี้ยังอยากเป็นอยู่มั้ย”

    คำถามลองเชิง ทำให้ลอร่าต้องนิ่งคิดเล็กน้อย เพราะการให้นางเข้าโรงเรียนอย่างเด็กทั่วไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งโรงเรียนที่ว่าเป็นโรงเรียนของกองทัพด้วยแล้ว

    “ข้าอยากเป็นเหมือนท่าน...แต่...”

    น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นราบเรียบทำให้โซเฟียต้องกอดร่างบางที่นางแสนหวงแหนแน่นขึ้น เพราะรู้ว่าอะไรทำให้เด็กสาวตัวน้อยของนางลังเลใจ

    “ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ถ้าเจ้าอยากเป็นนักบิน เจ้าก็จะต้องได้เป็นเชื่อข้าสิ”

    คำปลอบโยนหนักแน่น ทำให้ลอร่าอดสงสัยไม่ได้ ว่าอะไรทำให้หญิงสาวคนนี้เชื่อเช่นนั้น เพราะไม่ว่าใครก็รู้ว่าการโน้นน้าวให้ท่านข้าหลวงดักลาสเปลี่ยนความคิดนั้นยากแค่ไหน

    “ค่ะ”

    หากแม้จะรู้เช่นนั้นลอร่ากลับเลือกที่จะวางความเชื่อใจไว้ที่คนด้านหลัง นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดจึงทำเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะรอยยิ้ม และความอบอุ่นที่คนด้านหลังมอบให้นาง ได้ทลายป้อมปราการที่นางสร้างไว้ก็เป็นได้

    “แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เจ้าก็ต้องจบปี 4 ก่อน รู้มั้ย”  

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ ข้าจะเรียนให้จบภายในหนึ่งปี แล้วมาเป็นนักบินเหมือนท่าน”

    ลอร่าเอ่ยเสียงใส ทำเอาโซเฟียหัวเราะลั่น เพราะความใสซื่อของเด็กสาว

                   “ก็เอาสิ ถ้าทำได้นะ”

                  โซเฟียเอ่ย แล้วลูบหัวมังกรเล็กน้อย

                  “แล้วทำไมข้าจะทำไม่ได้คะ”

                  ลอร่าถาม แล้วโผงกหัวลงเล็กน้อย

                  “ก็ขนาดคนเก่งอย่างข้า กว่าจะจบปี4ได้ก็ปาเข้าไป 2ปี แล้วเด็กอย่างเจ้าจะจบภายใน1ปีได้ไง”

                   โซเฟียเอ่ยอย่างภูมิใจ ทำเอาลอร่านึกหมั่นไส้

                  “ท่านก็ค่อยดูแล้วกัน ถ้าข้าทำได้ท่านต้องสอนข้าให้เก่งๆด้วย”

                  ลอร่าเอ่ยอย่างมั่นใจ โดยที่ไม่รู้เลย ว่าคำพูดนั้นมันจะส่งผลถึงอนาคตอันใกล้

                  “ได้ แล้วข้าจะคอยวันนั้น”

                  โซเฟียเอ่ย แล้วมองลอร่าอย่างเอ็นดู นางกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกอะไรได้

                  “ลอร่า...ข้าขอไรเจ้าอย่างได้ไหม”

                  โซเฟียเอ่ยเสียงแผ่วเหมือนไม่มั่นใจให้สิ่งที่กำลังจะเอ่ยนัก

                  …นางจะยังรับข้าอีกไหม ถ้ารู้ความจริง...

                  คำถามที่ไม่มีใครตอบได้ ดังขึ้นในใจโซเฟีย

                  “คะ?”

                  เด็กสาวเอ่ย แล้วเลิกคิ้วขึ้น ครั้นจะหันข้างไปมองหน้าก็กลัวจะตก จึงได้แต่เหลือบตามองไปด้านข้างเล็กน้อย

                  “เจ้าจำได้ไหม ว่าเมื่อ10 ปีก่อน เจ้าเคยมีพี่สาว...”

                  โซเฟียเกริ่นนำ

                  “ไม่คะ ทำไมรึคะ”

                  ลอร่าส่ายหัวปฏิเสธ นั้นยิ่งทำให้โซเฟียลังเลใจที่ะพูดมากขึ้น

                  “แล้วเจ้ายังจำได้ไหมว่าเจ้ามีพี่ชายอีกสองคน”

                  โซเฟียถามต่อ

                  ค่ะ ท่านพี่คีเรส กับท่านพี่เวนรอนไงคะ?”

                  ลอร่าตอบ คำๆนั้นยิ่งทำให้โซเฟียอดน้อยใจไม่ได้

                  “เจ้าจำไม่ได้จริงๆรึ ว่าเจ้ายังมีพี่สาวอีกคน”

                  โซเฟียถามย้ำ เหมือนอยากให้คำตอบของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปจากเดิม

                  “ไม่ค่ะ

                  “เฮ้อ...ข้าจะไม่ว่า หากเจ้านึกเกลียดข้า แต่ข้าขอให้เจ้าตั้งใจฟังสิ่งที่ข้ากำลังพูด”

                  โซเฟียเอ่ยขึ้น

                  ค่ะ

                  “ข้าเป็นพี่สาวของเจ้าอีกคน”

                  โซเฟียสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูด

                  “งั้นรึคะ”

                  ลอร่ารับเรียบๆ เหมือนไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย

                   “ไม่ตกใจรึ ว่าทำไมข้าถึงไม่เคยมาหาเจ้า มาดูแลเจ้าเช่นที่คนเป็นพี่สมควรทำ”                โซเฟียกลับต้องเป็นฝ่ายถามกลับด้วยความแปลกใจ เต็มที่

                  “ไม่คะ เพราะอย่างไร ตอนนี้ท่านก็ดูแลข้าแล้วนิคะ ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยเป็นเด็กๆหรอกคะ จะช้าจะเร็วไม่สำคัญ อย่างไรท่านก็มา...”

                  ลอร่าพูดเสียงนุ่ม 

                  “ถ้าเจ้าไม่คิดรังเกียจข้า เจ้าก็อย่าเรียกข้าว่า ‘ท่าน’ อีกนะ มันดูห่างเหินเกินไป”

                  โซเฟียเอ่ยอีกครั้ง ทำให้ทั้งคู่เงียบอยู่นานจนกระทั่งลอร่าเอามือวางลงบนมือเรียวของโซเฟียที่กำลังจับสายบังเหียนอยู่

                  ค่ะ พี่หญิง”

                  ลอร่ารับเสียงใส ทำให้โซเฟียยิ้มแหย่ๆ เพราะลอร่าดันเรียกนางว่าพี่หญิง ซึ่งนางก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไร

                  “เรียกท่านพี่ก็พอ เรียกพี่หญิงแล้วมันขนลุก”

                  โซเฟียเอ่ย แล้วทำท่าขนลุกให้ลอร่าดู จากนั้นนางก็เปลี่ยนไปกุมมือลอร่าแทน

                  “ก็ท่านเป็นผู้หญิง เรียกพี่หญิงก็ถูกแล้วนิคะ”

                  ลอร่าเถียง ด้วยความใสซื่อ ด้วยรู้ว่าโซเฟียไม่ชอบให้เรียก จึงแกล้งแหย่เล่น แล้วอีกข้อคือ ก็ท่านแม่สอนในเรียกพี่สาวอย่างนี้นินา

                  “งั้นข้าว่า ข้าคงไม่ว่างไปขอท่านอาเชอร์ให้เจ้าแล้วละ”

                  โซเฟียเอ่ย อย่างรู้ทันว่าลอร่า จะต้องให้ตนช่วยขอเป็นแน่ ด้วยรู้นิสัยลอร่าดี ว่าไม่มีทางกล้าขออะไรท่านพ่อตัวเองหรอก

                  “ก็ได้คะ ข้าเรียกท่านพี่เฉยๆก็ได้”

                  ลอร่าเอ่ยอย่างจำยอม

                  “ถึงแล้ว”

                  โซเฟียเอ่ย เมื่อมังกรร่อนสู่พื้นดินอีกครั้ง ลอร่าทำหน้างงๆ

                  “ตั้งแต่เมื่อไรกันค่ะ”

                  ลอร่าถาม พร้องเลิกคิ้วขึ้น 

                  “เมื่อกี้ไง”

                  โซเฟียตอบยิ้มๆ แล้วอุ้มลอร่าลงจากหลังมังกร

                  “รอแป๊บนะ”

                  โซเฟียเอ่ย แล้วจูงมังกรเข้าไปในคอก ลอร่ายืนรออยู่หน้าคอกสัตว์ครู่หนึ่ง แล้วจึงมองไปรอบๆ ซึ่งนางก็เห็นว่าบนยอดเขามีปราสาทอะไรบางอย่างตั้งอยู่ด้วย

                  “นั้นปราสาทวายุ เป็นที่ฝึกนักบิน และศูนย์บัญชาการบิน”

                  โซเฟียเดินออกมา แล้วเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นลอร่ายืนมองไปทางปราสาทสีขาว

                  “สวยจังนะคะ”

                  ลอร่าเอ่ยต่อด้วย น้ำเสียงเหมือนกำลังเพ้อฝัน ถึงปราสาทของเจ้าหญิงนิทรายังไงอย่างไง ลอร่าหันไปมองมันเป็นครั้งสุดท้าย ก็จะหันกลับมาหาโซเฟีย

                  “กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวข้าไปส่ง”

                  โซเฟียเอ่ย แล้วจูงมือลอร่าเดินเข้าไปยังโรงเรียนเตรียม ซึ่งคนทั้งคู่เดินออกมาเมื่อเที่ยง จากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางกลับสู่คฤหาสน์ทางใต้...


     จบบทที่ 7 โลกภายนอก (รีไรท์)

    ______________________________________________________________________________


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×