ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Because I am the princess~

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 ชีวิตใหม่ (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      7
      6 เม.ย. 63

    บทที่ 6 ชีวิตใหม่ (รีไรท์)

                  ลึกเข้าไปยังห้องทรงพระอักษรใหญ่ ภายในพระตำหนักใหญ่ แห่งองค์กษัตริย์ ตอนนี้มีร่างสูงของคนสองคนกำลังนั่งดื่มชาบริเวณโต๊ะรับแขก โดยที่ภายในห้องปราศจากนางกำนัล หรือแม้กระทั้งทหารองครักษ์แม้แต่คนเดียว ด้านหลังเป็นโต๊ะเอกสารตัวใหญ่ที่มีกองเอกสารมากมายวางอยู่ แต่ดูเหมือนว่าผู้เป็นเจ้าของจะไม่ใคร่สนใจมันเท่าไร เพราะในขณะนี้ผู้เป็นเจ้าของสนใจที่จะสนทนาของชายหนุ่มอีกคน ที่แวะเวียนเข้ามาหาถึงภายในพระราชวังมากกว่า

                  เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ถึงได้ดึงโซเฟียเข้ามายุ่งเรื่องนี้

                  เสียงทุ่มของชายผู้มีอำนาจสูงสุดในไอริสเอ่ยถาม

    คิดว่าไงล่ะวิลเลียม เจ้าคิดว่าพี่หญิงที่รักน้องยิ่งชีพอย่างโซเฟียจะสามารถปั่นป่วนหมากบนกระดานอาเชอร์ได้แค่ไหนกัน

    เคเรสถามพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี เมื่อเขานึกย้อนไปถึงตอนที่นำเรื่องโซเฟียไปบอกเจ้าอาเชอร์ เขาจำได้ดีว่าตอนนั้นเจ้าบ้านั้นแทบจะเผาเขาทั้งเป็น

    เจ้ารู้ใช่มั้ย ตอนนี้โซเฟียไม่ใช่เด็กอีกแล้ว

    คำถามนี้ไม่ได้ทำให้เคเรสรู้สึกอะไร เพราะเขาเพียงยิ้มรับบางๆอย่างอารมณ์ดี

    ก็เพราะไม่ใช่เด็กข้าถึงต้องใช้นางอย่างไร

    แล้วทีนี้เจ้าจะคุมหมากตัวใหม่นี้ยังไง เจ้าน่าจะรู้ว่าโซเฟียไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครบงการง่ายๆ อย่างลอร่าหรอกนะ

    ไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะคุมโซเฟียหรอก แต่ข้าจะให้นางร่วมเดินหมากครั้งนี้ด้วย

    เคเรสตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่มักทำให้วิลเลียมอดหวาดเสียวกับความคิดบ้าบิ่นของผู้เป็นเพื่อนไม่ได้ จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่มันมีรอยยิ้มแบบนี้ ก็ตอนที่เตะโด่งลูกชายตัวเองออกนอกอาณาจักรด้วยเหตุผลเพียงแค่ เบื่อขี้หน้า ส่วนไอ้คนเป็นลูกชาย ดันยอมรับเอาง่ายๆ เพียงเพราะต้องการเปิดหูเปิดตา และอยู่ให้ไกลจากผู้เป็นพ่อ

    ท่านข้าหลวงสแตรนเรียร์ ขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ

    นายทหารราชองครักษ์เข้ามารายงาน ซึ่งแน่นอนว่าวิลเลียมต้องอนุญาต

    พูดถึงก็มา ข้าละอยากรู้ว่าเจ้าจะตอบคำถามนางยังไง

    วิลเลียมเอ่ยเสียงเรียบ แล้วเหลือบมองผู้เป็นเพื่อน ที่ยังนั่งจิบชาอย่างอารมณ์ดี ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าการมาในครั้งนี้ของหลานหญิงอีกคน คงไม่พ้นเรื่องที่พวกเขาปิดบังเรื่องราวบ้างอย่างจากนางมาตลอดหลายปี

                  เป็นอย่างไรหลานหญิง สบายดีมั้ย

                  เมื่อเห็นร่างบางของหลานหญิงอีกคน ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งข้าหลวงแห่งคฤหาสน์ตะวันออก วิลเลียมก็เอ่ยทักทันที

                  สบายตามสมควรค่ะ

                  โซเฟียตอบเสียงเรียบ แล้วตวัดสายตาไปทางท่านลุงอีกคนที่ยังนั่งดื่มชาได้หน้าตาเฉย โดยไม่สนใจสายตาเอาเรื่องจากนางแม้แต่น้อย

                  ท่านลุงเคเรสคะ จะบอกข้าได้รึยังว่าปิดเรื่องอะไรข้าไว้บ้าง

                  โซเฟียกดเสียงต่ำ อย่างคนที่เพียรพยายามสกัดกั้นอารมณ์อยากบีบคอคนเต็มแก่

                  เจ้าอยากรู้เรื่องไหนล่ะ ชนเผ่ารัตติกาล เลเนียส ลอร่า หรือคาริมหวานใจเจ้า...

                  เคเรสเงยหน้าขึ้นจากถ้วยชามองโซเฟีย ขณะตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน ไม่ทุกข์ร้อน ซึ่งวิลเลียมที่นั่งร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัดสินว่ามันกวนประสาทดีแท้

                  เอ้า ทำไมหน้าแดงงั้นล่ะ เอ๋...หรือว่าเขินเรื่องคาริม

                  เคเรสยังแซวไม่เลิก แม้จริงๆสีหน้าตอนนี้ของโซเฟียจะห่างไกลจากคำว่าเขินราวฟ้ากับเหว

                  ปึก!

                  เสียงตบโต๊ะดังลั่นห้องทรงพระอักษร เมื่อเส้นอารมณ์ของหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องขาด ดวงตาสีมรกตตวัดขึ้นมองผู้เป็นลุงอย่างเอาเรื่อง ข้อหากวนประสาทนางเกินพอดี

                  ชนเผ่ารัตติกาล กับท่านป้า ข้าจัดการเองได้ ส่วนน้องหญิง ไม่ว่าท่านจะปิดบังอะไรไว้ นับจากวินาทีนี้ข้าจะปกป้องน้องหญิงด้วยวิธีข้า อีกอย่างคาริมมันไม่ใช่หวานใจข้า โปรดทำความเข้าใจเสียใหม่ ข้าขอตัว!”

                  โซเฟียเอ่ยรวดเดียวจบ แล้วหมุนตัวเดินออกไป ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว  

                  ถ้าอยากปกป้องลอร่า ทำไมไม่พยายามแย่งมาจากอาเชอร์ล่ะ

                  คำพูดทิ้งท้ายนั้นทำให้โซเฟียชะงักไปนิด

                  แน่นอนค่ะ

                  สิ้นคำร่างบางก็หายลับไปจากห้อง

                  เจ้าหมายความว่าไง ที่ว่าให้แย่งลอร่ามาจากอาเชอร์

                  วิลเลียมเอ่ยถาม พร้อมจ้องสบอีกฝ่ายอย่างจับผิด ด้วยเขามั่นใจว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังคิดจะยืมมือโซเฟียทำเรื่องบางอย่าง

                  ลืมไปแล้วหรอ ทหารกับพลเรือนไม่ควรก้าวก่ายกัน

                  คำตอบนั้นทำให้วิลเลียมเข้าใจเหตุผลของการดึงโซเฟียเข้ามาอยู่ในแผนการครั้งนี้ทันที ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าบ้านี้ ต้องการย้ายการดูแลลอร่าทั้งหมดให้กองทัพ แน่นอนว่าทันทีที่ทำเช่นนั้น ถึงอาเชอร์อยากจะก้าวก่ายเรื่องของลอร่ามากเท่าไร ก็ไม่สามารถทำได้

                  เล่นอย่างงี้ไม่กลัวอาเชอร์มันเผาคฤหาสน์เจ้าหรอ

                  เคเรสไม่ตอบ เขาเพียงยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใคร่สนใจคำเตือนของผู้เป็นเพื่อน ขณะที่ดวงตาหันมองออกไปนอกหน้าต่าง ราวกับกำลังคิดแผนการขั้นต่อไป กระนั้นเพื่อนผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยังจ้องหน้าเขาไม่วางตา

                  “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าคนอย่างอาเชอร์จะยอมมอบสิทธิ์ในการดูแลลูกให้กองทัพง่ายๆรึ”

                  คำเปรยของวิลเลียมที่ยังจ้องเขาไม่เลิก ไม่ได้ทำให้เคเรสแปลกใจอะไร ด้วยเขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ความดื้อดึง และเด็ดขาดของข้าหลวงแห่งคฤหาสน์ใต้เป็นสิ่งที่ทุกคนในอาณาจักรรู้ กระนั้นเขาก็มีวิธีจัดการกับความหัวแข็งของอาเชอร์

                  “อย่าลืมสิ อาเชอร์ก็เป็นดักลาส”

                  คำปริศนาที่หลุดออกจากปากของเคเรส พร้อมกับที่อีกฝ่ายเลื่อนสายตามาสบเข้ากับดวงตาของคู่สนทนา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากให้วิลเลียมยิ่งนึกหวั่นใจ ก่อนที่ความหวั่นใจของเขาจะเป็นจริง เมื่อเขาเอ่ยสิ่งที่เขาคิดออกไป และเคเรสก็พยักหน้ารับด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน

                  “เจ้าต้องการให้ข้าใช้สิทธิ์ความเป็นกษัตริย์ และความเป็นตระกูลลิงคอล์นกับอาเชอร์”

                  “ถ้าเจ้าใช้รับรองว่าอาเชอร์ไม่มีทางปฏิเสธได้อย่างแน่นอน”

                  เคเรสย้ำ ด้วยเขารู้ดีว่าคนที่เคร่งครัดในกฏเกณฑ์ และธรรมเนียมปฏิบัติอย่างอาเชอร์ไม่มีทางปฏิเสธพระราชบัญชาจากผู้เป็นกษัตริย์ อีกทั้งตระกูลดักลาส กับตระกูลลิงคอล์นก็มีสายใยบางอย่างที่เชื่อมกันอยู่ จากทั้งสองเหตุผล การขโมยสิทธิ์ในการดูแลลอร่าจากอาเชอร์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

                  “อีกเรื่อง เมื่อวานนี้ข้าพึ่งส่งจดหมายไปเรียกตัวคีเรสกลับมา คิดว่าอีกไม่นานเจ้าตัวแสบคงรีบวิ่งแจ้นกลับมา ยิ่งช่วงหลังๆบ่นว่าคิดถึงน้องหญิงมากด้วย”

                  คำเปรยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเคเรส ยิ่งทำให้วิลเลียมรู้สึกปวดหัว เนื่องด้วยนอกจากเจ้านี้มันคิดจะย้ายสิทธิ์ในการดูแลลอร่าให้กองทัพแล้ว ยังคิดจะเอาไม้กันหมาอย่างคีเรสเข้ามายุ่งด้วยอีก รับรองว่างานนี้เจ้าอาเชอร์คงไม่เป็นอันทำอะไรแน่

                  “เจ้านี้มัน...”

                  “อยากรู้จริง เจ้าอาเชอร์จะจัดการกับพี่ชายจอมหวงน้องยังไง”

     

                  หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างเชื่องช้าในสายตาลอร่า วันทุกวันเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ นางรู้สึกว่าหลังจากกลับมายังคฤหาสน์ใต้ความน่าเบื่อ และมืดมิดเช่นที่ประสบมามันช่างหนักหนากว่าก่อนหน้านี้ ไม่รู้เป็นเพราะหลายวันมานี้โซเฟียไม่ยอมแวะเวียนมาหานางเลย หรือเป็นเพราะท่านพ่อไม่ยอมกลับมาที่คฤหาสน์เลยกันแน่ ลอร่าทอดสายตามองท้องฟ้าผ่านกระจกหน้าต่างในห้องนอนอย่างที่ทำมาตลอดอย่างเหม่อลอย แม้วันนี้แสงแดดจะเจิดจ้า แต่สำหรับลอร่า นางกลับมองไม่เห็นความอบอุ่นของแสงสว่างที่ว่า

    ก๊อกๆ

    เสียงเคาะประตูไม่ได้ทำให้ลอร่าที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าหันไปมองร่างบางที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องก่อนที่นางจะอนุญาต ด้วยลอร่ารู้อยู่แล้วว่าคนเพียงคนเดียวที่แวะเวียนเข้ามาหานางในห้องนี้เป็นใคร

                  คุณหนูคะ ท่านอาเชอร์เรียกหาค่ะ

                  อลิธเดินเข้ามาในห้องนอนของลอร่า ดวงตาของหญิงวัยกลางคนกวาดมองไปทั่วห้อง ไม่นานนางก็พบกับร่างบางของคุณหนูแสนรัก นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง ซึ่งเป็นที่โปรดของคุณหนูตั้งแต่เด็ก

                  เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่เลี้ยงบอก ลอร่าหันมามองพี่เลี้ยงนิ่ง ก่อนจะเดินออกจากบริเวณริมหน้าต่าง พร้อมรวบผ้าคลุมไหล่เข้าด้วยกัน แล้วส่งให้พี่เลี้ยงที่เดินเข้ามารับอย่างรู้หน้าที่

                  “ท่านพ่อกลับมาจากส่วนกลางแล้วรึคะ?

                  ลอร่าถาม ขณะเดินตามพี่เลี้ยงออกไปจากห้อง

                  “ค่ะ พึ่งมาถึงเมื่อเช้า”

                  คำตอบของอลิธ ทำให้ลอร่าอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เพราะไม่บ่อยนักที่ท่านพ่อจะเรียกหานาง

                  ภาพวาดและสถาปัตยกรรมที่ประดับตกแต่งยาวตามทางเดินภายในตัวคฤหาสน์ไม่ได้ทำให้ลอร่ารู้สึกตื่นตาอะไร ด้วยนางเห็นสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่จำความได้ สองข้างทางมีสาวใช้ที่รีบหลบออกจากทางเดิน เมื่อเห็นลอร่าเดินผ่าน พร้อมทำความเคารพอย่างเคยชิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในความสนใจของลอร่าแม้แต่น้อย  สิ่งที่ทำให้ลอร่าสนใจตอนนี้มีเพียงสาเหตุของการเรียกหาของท่านพ่อ ด้วยร้อยวันพันปี  ถ้าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ก็ไม่เคยเรียกหา นางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ท่านพ่อเรียกหาเป็นตอนที่นางถูกสั่งให้ไปอยู่ที่หอคอยแห่งคำตัดสิน

                  เสียงใครบางคนที่ลอร่ารู้สึกคุ้นหูดังรอดออกมาจากบานประตูห้องทำงานของท่านพ่อ ที่ตอนนี้นางเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้า หัวใจของลอร่าก็พองโตขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ กระนั้นนางก็ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ภายใน ก่อนจะลงมือเคาะประตูห้องสองครั้ง เมื่อเสียงท่านพ่อเอ่ยอนุญาตดังขึ้นจากด้านใน ลอร่าจึงเปิดประตูเดินเข้าไป

                  อาเชอร์ซึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เหลือบตาขึ้นมองลอร่าที่เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเกร็งๆ ดวงตาสีเดียวกันที่เผลอเงยขึ้นสบตากับเขารีบก้มหลบสายตาอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจ

    สบายดีมั้ย ลอร่า

    เสียงทักของโซเฟีย พร้อมรอยยิ้มสดใส ทำให้ลอร่ากลับมาได้สติอีกครั้ง นางย่อกายลงทำความเคารพคนทั้งคู่ จากนั้นก็หันไปยิ้มให้โซเฟีย อย่างเกร็งๆ ด้วยภายในห้องมีท่านพ่ออยู่ด้วย ทำให้ลอร่าไม่กล้าแสดงสีหน้าหรือท่าทางดีใจจนออกนอกหน้า

                  โซเฟียจะพาไปเที่ยว จะไปมั้ย

                  อาเชอร์ถามเรียบ แล้วจ้องมองลอร่าเล็กน้อย

                  ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วห้องทำงานอีกครั้ง ด้วยลอร่าไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามเช่นนี้จากผู้เป็นพ่อ นางหันไปสบตากับท่านพ่อ ราวกับต้องการถามความคิดเห็นว่านางสมควรจะตอบคำถามนั้นอย่างไร และอะไรเป็นสิ่งที่ท่านพ่อต้องการจะได้ยิน  

                  ไม่ไป?”

    ท่านลุงอนุญาตแล้ว ไม่ต้องกลัว

    โซเฟียเสริม อย่างรู้ทันท่าทีลังเลใจของลอร่า

                  ไปค่ะ

                  ลอร่าตอบเสียงแผ่ว เหมือนไม่มั่นใจนัก เพราะจริงๆแล้วนางไม่เคยถูกใครถามความเห็นมาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้เป็นพ่อ โดยไม่มีสิทธิคัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็น อีกอย่างไม่ว่านางจะรู้สึกเช่นไร มันก็แทบไร้ความหมาย เพราะท่านพ่อไม่เคยคิดจะสนใจความรู้สึกนางแม้แต่น้อย ทำให้นางเริ่มไม่สนใจความรู้สึกตนเองเช่นกัน

                  ...จะสนใจไปใย ในเมื่อมันไร้ความหมาย...

                  รีบไปเปลี่ยนชุด อย่าให้โซเฟียรอนาน

                  อาเชอร์สั่งลูกสาวตน ด้วยเสียงที่เรียบเฉยตามแบบฉบับ และไม่มีรอยยิ้มใดใดประดับอยู่บนใบหน้าเช่นปกติ

                  ค่ะ

                  ลอร่ารับคำสั้นๆ แล้วย่อกายลงทำความเคารพทั้งสองคนอีกครั้ง ก่อนจะเดินหายลับไป แล้วกลับออกมาด้วยชุดกางเกง คล้ายกางเกงขี่ม้า เสื้อสีฟ้าตัวใน ถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ยาวถึงเข่า ผมที่เคยปล่อยสยายไว้ ถูกถักเป็นเปียสองข้างแลดูน่ารัก

                  “เจ้าขี่ม้าเป็นมั้ย?

                   น่าจะเป็นค่ะ

                  ลอร่าตอบแบบไม่มั่นใจนัก เพราะถึงจะพอรู้ทฤษฎีอยู่บ้าง แต่นางก็ไม่เคยขี่จริงๆสักครั้ง ก็ท่านพ่อไม่เคยให้นางออกนอกตัวคฤหาสน์นินา อีกอย่างขืนบอกว่าไม่เป็นมีหวังโซเฟียไม่ยอมให้นางขี่ม้าแน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเสียดายโอกาสที่จะได้ลองขี่ม้าจริงๆ

                  “เดี๋ยวสอนให้แล้วกัน ไม่ยากหรอก”

                  โซเฟียมองสีหน้าไม่มั่นใจของลอร่าอย่างเอ็นดู แค่มองนางก็รู้แล้วว่าจริงๆแล้วลอร่าไม่เคยหัดขี่ม้ามาก่อน แต่เมื่อเห็นดวงตาที่ทอดประกายอย่างมีความหวังว่าตนเองจะได้ขี่ม้าสักครั้งในชีวิต ก็ทำให้โซเฟียยอมตามใจลอร่า อย่างที่นางมักจะทำเมื่อตอนที่ลอร่าเป็นเด็กๆ ด้วยนางทั้งรัก ทั้งหวง น้องสาวสุดหัวใจ

     

                “พี่หญิง อุ้ข้าหน่อยนะคะ”

                เสียงหวานเล็กแหลมดังขึ้น พร้อมกับที่ร่างเล็ก วิ่งมเกาะชายเสื้อคลุมนาง รอยยิ้มบางประดับบนดวงหน้าอ่อนเยาว์นั้น

                “ทำไมไม่เดินเองล่ะ”

                โซเฟียบ่น แต่ก็ยอมอุ้มอีกฝ่าย แต่โดยดี เมื่อเห็นรอยยิ้มน่ารัก

                “ก็ข้าอยากให้พี่หญิงอุ้นิคะ”

                ลอร่าเถียงเสียงใส พร้อมรอยยิ้มที่นางแพ้ทางมากที่สุด    

                แพ้…แบบยังไม่ทันได้สู้ด้วยซ้ำ

     

                  เมื่อทำการตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย โซเฟียจึงอุ้มลอร่าขึ้นนั่งบนหลังม้า แม้ในคราแรกลอร่าจะไม่ยอมให้อุ้มขึ้นไปนั่ง เพราะนางอยากลองขึ้นม้าเอง แต่เมื่อเจอคำขู่ของโซเฟียที่ว่า หากดื้อจะไม่พาไปเที่ยว เท่านั้นแหละ ลอร่าถึงกับปิดปากเงียบ แล้วยอมให้อีกฝ่ายอุ้มขึ้นม้าแต่โดยดี

                  จะไปไหนรึคะ

                  ลอร่าเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าทางที่โซเฟียนำไป ล้วนแต่เป็นป่าทึบ แถมตอนนี้ก็เดินทางกันมาตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววของสถานที่ที่น่าจะเป็นที่เที่ยวสักนิด

                  โรงเรียน

                  คำตอบสั้นเรียบ ทำให้ลอร่าชะงักไปนิด อย่างไม่เข้าใจนัก

     “ไหนท่านว่าจะพาไปเที่ยวไงคะ”

    ลอร่าเอ่ยทวนสัญญา อย่างเอาเรื่อง หากโซเฟียคิดกลับคำ

                  “ก็ไปเที่ยวโรงเรียนไง”

                  โซเฟียตอบ ด้วยรอยยิ้ม และสายตาขบขัน ขณะหันไปมองสีหน้าบูดบึ้ง และอาการนิ่งเงียบ คล้ายกำลังงอนของน้องหญิง

                  “จะถึงแล้วนั้นไง เห็นที่เป็นกำแพงสูงๆมั้ย

                  โซเฟียถาม อย่างร่าเริงผิดกับสีหน้าบูดบึ่งของลอร่า

                  ...

                   เงียบ...มีเพียงอาการนิ่งเงียบเป็นคำตอบ ลอร่ายังทำเมินโซเฟีย ไม่ใช่ว่านางไม่อยากไป เพียงแต่ความกลัวมันมีมากกว่า นางกลัวที่จะต้องเจอสิ่งแปลกใหม่ กลัวถูกเกลียดชัง กลัวที่จะต้องใกล้ชิดกับผู้อื่น เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้าหรือวางตัวเช่นไร ตลอดหลายปีมานี้ ลอร่าไม่เคยได้ใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าเลยสักครั้ง

                  “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ใครว่าข้าจะไม่พาไปเที่ยวล่ะ”

                  ความเงียบของลอร่า ทำให้โซเฟียต้องหันมามอง แล้วทำการง้ออีกฝ่าย เพราะคิดว่าสีหน้าบูดบึงของลอร่ามีสาเหตุมาจากการที่นางไม่ยอมพาอีกฝ่ายไปเที่ยว ตามที่เคยสัญญาไว้

                  น้า...เข้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวก็รู้ ว่ามันมีอะไรน่าสนุกกว่าไปเที่ยวตลาดตั้งเยอะ”

                  โซเฟียเอ่ย พร้อมรอยยิ้ม แล้วขี่ม้านำลอร่าเข้าไปข้างใน

                  “ท่านโซเฟีย”

                  นายทหารคนหนึ่งตบเท้า แล้วโค้งตัวลงต่ำยิ่ง จากนั้นก็ทำการตรวจหาอาวุธ ส่วนลอร่าก็โดทหารอีกคนตรวจค้นเช่นกัน ซึ่งนางก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว

                  “เชิญ ครับผม!”

                  นายทหารทั้งสองตบเท้า แล้วโค้งให้อีกครั้ง โซเฟียพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วขี่ม้านำลอร่าเข้าไป

                  เมื่อโซเฟียขี่ม้าเข้ามาถึงบริเวณคอกสัตว์ นางก็ตวัดตัวรวดเดียวลงจากหลังม้า พร้อมส่งสายบังเหียรให้ผู้ดูแล ก่อนจะเหลือบตามองนายทหารที่ยืนเฝ้าระวังอยู่แถวนั้น ที่ทำท่าว่าจะเดินเข้ามาช่วยอุ้มลอร่าลงจากหลังม้าเป็นเชิงบอกว่าเดี๋ยวนางจัดการเอง โซเฟียเดินเข้ามาหาลอร่า พร้อมอุ้มร่างบางของลอร่าลงมาจากหลังม้าอย่างง่ายดาย และวางร่างบางลงกับพื้น ก่อนส่งสายบังเหียรม้าของลอร่าให้ผู้ดูแลอีกคน จากนั้นก็เดินจูงมือลอร่าเข้าไปในตัวอาคารหลังหนึ่ง ที่อยู่ไกลจากบริเวณคอกสัตว์ไม่มากนัก

                  “ไหนที่น่าเที่ยวของท่านคะ”

                  ลอร่ากระซิบถามเสียงแผ่ว เมื่อโซเฟียเดินจูงนางเข้าไปภายในตัวอาคารได้สักพัก โดยไม่เอ่ยสิ่งใด

                  เดี๋ยวก็รู้

                  โซเฟียตอบปัดๆ แล้วกึ่งลากกึ่งจูงลอร่าเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง ที่อยู่สุดทางเดินชั้นหนึ่ง

                  ภายในห้อง มีโต๊ะทำงานมากมายตั้งอยู่ อย่างเป็นระเบียบ โต๊ะแต่ละตัวมีนายทหารหลายคนจับจองหนาตา และทันทีที่โซฟียก้าวเข้าไปในห้องทุกสายตาก็จับจ้องผู้มาใหม่ ก่อนจะเลยไปด้านหลังที่มีร่างบางของเด็กสาวหลบอยู่ เด็กสาวแม้จะมีสีหน้าเรียบเฉย จนยากที่จะหยั่งถึง หากสำหรับคนที่เห็นและคลุกคลี่กับเด็กมามาก สามารถเดาได้ไม่ยาก ว่าเด็กสาวคนดังกล่าวกำลังเขินอาย และทำตัวไม่ถูก เมื่อถูกคนแปลกหน้าจำนวนมากจ้อง

                  “เจ้าไปลักเอาลูกใครเามา หึ ดูนั้นกลัวใหญ่แล้ว”

                  เสียงพูดกลั้นหัวเราะจากชายคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้โซเฟียต้องแย้มยิ้ม หลังจากเหลือบไปมองน้องหญิงที่หลบอยู่ด้านหลัง

                  “โถ่...ใครมันจะไปกล้าลักบุตรีท่านข้าหลวงดักลาสกัน”

                  โซเฟียตอบ ด้วยน้ำเสียงที่ดัดจนแหลมสูง ทำให้อีกฝ่ายต้องรีบยกมือขึ้นปิดหู ทำให้โซเฟียหัวเราะออกมาน้อยๆ อย่างอารมณ์ดีที่สามารถแกล้งคนได้ ตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามา

                  แม้ตอนนี้โซเฟียจะมีฐานะ และตำแหน่งสูงกว่าผู้ที่นั่งอยู่ในห้องนี้มาก แต่อย่างไรคนพวกนี้ก็เป็นเพื่อน เป็นรุ่นพี่กันมาตั้งแต่ครั้งอยู่เตรียมทหาร อีกทั้งเวลานี้ก็ไม่ได้อยู่ในเวลางาน แล้วนางจะมานั่งถือตัวทำไมกัน

                  “นี้คือ ลอร่า น้องหญิงข้าเอง”

                  โซเฟียแกะมือลอร่าออก แล้วพาอีกฝ่ายออกมายืนด้านหน้า พร้อมเอ่ยแนะนำลอร่ากับคนทั้งห้อง ทำให้คนในห้องยิ่งสนใจในตัวลอร่ามากยิ่งขึ้น ด้วยไม่ค่อยมีเด็กน้อยน่ารัก ราวตุ๊กตาเดินได้เข้ามาบ่อยนัก

                  ~นี้ข้าไปเป็นน้องหญิงท่านตั้งแต่เมื่อไรคะ~

                  ลอร่าเหลือบตามองโซเฟียอย่างไม่เข้าใจ พร้อมเอ่ยถามอีกฝ่ายทางความคิด แต่ไม่นานนางก็ต้องรีบย่อกายลงเล็กน้อย เพื่อทำความเคารพคนทั้งหมดอย่างเสียไม่ได้ ลอร่าเหลือบตามองโซเฟียที่กำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขณะที่นางเริ่มทำหน้าไม่ถูก อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ด้วยนางรู้แล้วว่าตนเองได้เสียรู้อีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

                  ~ท่านกะเอาข้ามาอวดตั้งแต่แรกแล้ว ใช่มั้ยคะ~

    น้องหญิงน่ารักขนาดนี้ ใครจะอดใจไม่เอามาอวดได้ล่ะ

    เมื่อได้ยินเสียงรู้ทันของลอร่าทางความคิด โซเฟียก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น แล้ววางมือไว้บนศีรษะของลอร่า ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินเพียงสองคน

                  ท่าน...

    โครม!

                  ลอร่าไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใด เสียงประตูที่เปิดออกอย่างแรง ก็ทำให้ลอร่าถึงกับสะดุ้ง เอื้อมมือไปคว้าเอวโซเฟียด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองผู้มาใหม่ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                  “พวกเจ้าไม่ทำงานทำการกันหรือไง ถึงได้เสียงดังออกไปถึงข้างนอกโน้น!

                  เสียงตวาดกร้าว อย่างอารมณ์เสียดังขึ้นที่หน้าประตู เมื่อมันถูกเปิดออก ทำเอาคนภายในห้องตบเท้าโค้งทำความเคารพแทบไม่ทัน เมื่อเห็นหน้าผู้มาเยือนชัดๆ  

                  “โถ่ ครูจีเดสค๊าบ... นานๆที จะมีตุ๊กตา...เอ้อ...เด็กน่ารักๆ มาสักที”

                  ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงยานคาง พร้อมส่งสายตาปริบๆไปให้ อย่างน่าสงสาร แต่ดูเหมือนคนเป็นครูจะไม่ใคร่สนใจ เพราะเขาเพียงปรายตามองร่างสูงโปร่งของโซเฟีย แล้วไล่ลงมายังร่างบางของเด็กสาวอีกคน ที่กำเอวโซเฟียไว้แน่น

                  นี้ครูทำน้องข้าตกใจหมดแล้วรู้มั้ยคะ

                  โซเฟียเอ่ยเสียงหวาน อย่างต้องการตำหนิอีกฝ่าย หากจีเดสก็เพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะแม้ท่าทีจะคล้ายกับหวาดกลัว หากสีหน้าที่ราบเรียบก็ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าอีกฝ่ายกำลังตกใจอยู่

                  มาให้พี่กอดเรียกขวัญหน่อยน้า

                  โซเฟียเอ่ยเสียงหวาน แล้วดึงลอร่าเข้ามากอดท่ามกลางสายตาของใครๆ จนจีเดสอดหมั่นไส้ไม่ได้ ยิ่งเห็นดวงหน้างามน่ารักขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความอายด้วยแล้ว เป็นใครก็ต้องหมั่นไส้โซเฟีย

                  ฮะแฮ่ม...ได้ยินว่าเจ้าเอาลูกสาวท่านข้าหลวงดักลาสมาเที่ยวรึ เด็กคนนี้ใช่มั้ย

                  จีเดสถาม แล้วพินิจเด็กสาวที่เวลานี้โดนโซเฟียดึงให้เข้าไปหลบอยู่ด้านหลังนาง อย่างเอ็นดู

     ค่ะ

    โซเฟียรับ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากมือลอร่า

                  เอาล่ะ พวกเจ้าจะไปทำอะไรก็ไป เดี๋ยวแม่หนูคนนี้ ข้าดูแลเอง

                  จีเดสออกคำสั่งเสียงดัง คำสั่งที่ทำเอาคนทั้งห้องถึงกับเงียบ ก่อนจะหัวเราะออกมากันจนตัวงอ ทำให้ได้รับสายตาดุๆกลับไปเป็นของกำนัลกันตามระเบียบ

                  อะไรข้าสั่งไม่ได้ยินรึไง

                   จีเดสถามย้ำ ทำให้พวกที่พึ่งรู้ความจริง ว่าท่านก็ต้องการเล่นกับแม่ตุ๊กตาตัวน้อย รีบอพยพตัวเองออกไปทันที เพราะไม่อยากเจอระเบิดที่กำลังจะลง จากศึกแย่งตุ๊กตาของพวกท่านผู้ใหญ่ทั้งหมด

                  วันนี้เจ้ามีฝึกพิเศษให้พวกปี 4 นิ

                  จีเดสเอ่ยเสียงเรียบ เป็นเชิงไล่โซเฟีย ที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากลอร่า ราวกับกลัวว่าหากปล่อย อาจโดนคนแถวนี้ฉกเอาไปได้

                  ค่ะ งั้นขอตัว

                  โซเฟียตอบพร้อมรอยยิ้ม แล้วเดินออกไป พร้อมมือบางของน้องหญิงที่นางยังคงกำไว้แน่

                  เจ้ากะจะเอาแม่หนูนี้ไปด้วยงั้นรึ

                  จีเดสไม่ยอมเปิดทางให้อีกฝ่ายง่ายๆ

                  มีปัญหาอะไรรึคะ ลอร่ามากับข้าก็ต้องไปกับข้าสิคะ

                  โซเฟียย้อนถามได้อย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุดในสายตาจีเดส แต่นั้นคงไม่ทำให้ผู้เคยเป็นครูยอมเปิดทางให้ง่ายๆหรอก

                  เจ้านี้เผด็จการจริงนะ ไม่คิดจะถามแม่หนูนั้นสักนิดรึ ว่าอยากไปรึเปล่า

                  จีเดสเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ ที่โซเฟียเริ่มหวั่นใจ ว่างานนี้นางมีสิทธิแพ้สูง

                  เจ้าอยากไปกับข้าใช่มั้ย

                  โซเฟียก้มตัวลงเล็กน้อยให้อยู่ในระดับสายตาของลอร่า พลางเอ่ยถามเสียงอ่อน และแววตาขอความเห็นใจ เพราะไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่อยากให้ลอร่าอยู่ห่างตัว แหม...หากเกิดเรื่องไรขึ้นมา ท่านลุงไม่เอานางตายก็ให้รู้ไป ท่านลุงยิ่งหวงลูกสาวคนเดียวอยู่ด้วย แถมงานนี้ถ้าลอร่าเป็นอะไรไป มีหวังนางโดนสหบาทาแบบไม่ต้องสงสัย ก็ใครมันใช้ให้น้องหญิงนางเป็นที่รักของท่านลุงท่านป้า และเจ้าน้องชายอีกสองคนล่ะ

                  แต่ท่านบอกว่าจะพาข้าไปเที่ยวนิคะ

                  ลอร่าทวงสัญญาเสียงใส แล้วทำหน้าคุ้นคิดเล็กน้อย ทำให้จีเดสแย้มยิ้มขึ้นน้อยๆ อย่างผู้มีชัย

                  งั้นสอนเสร็จเดี๋ยวพาไปเที่ยวเลยอ่ะ เจ้าอยากไปไหนจะพาไปหมดเลย

                  โซเฟียต่อรอง

                  อีกอย่างตอนสอน ท่านต้องทำหน้าน่ากลัวแน่เลย

                  ลอร่าเอ่ยเสียงเรียบ อย่างรู้ทัน อีกอย่างนางก็อยากแกล้งโซเฟียเหมือนกัน เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา นางมักโดนโซเฟียแกล้งอยู่บ่อยๆ และนางคิดว่าครูจีเดสก็ดูเป็นคนที่น่าวางใจคนหนึ่ง ฉะนั้นคงไม่เป็นไรหากนางอยู่กับท่านสักพัก

                  ก็ได้ วันนี้ข้าจะไม่ทำหน้าน่ากลัวแล้วอ่ะ

                  โซเฟียเอ่ยอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมลงให้ลอร่าเล็กน้อย

                  อีกอย่างท่านชอบแกล้งนักเรียนด้วยนะคะ อย่าลืมสิ

                  ลอร่าเอ่ยพร้อมรอยยิ้มสดใส เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของโซเฟีย

                  ไม่ได้แกล้งแค่สั่งสอน

                  โซเฟียเถียง อย่างไม่ยอมแพ้ ทำเอาผู้สูงวัยอย่างจีเดสถึงกับกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง ก็จะมีใครสักกี่คน ที่สามารถเถียงชนะหญิงสาวตรงหน้า แถมยังสามารถชนะได้อย่างขาดลอยอีกตั้งหาก

                  ก็เหมือนกันแหละค่ะ

                  ลอร่าเถียง แล้วทำท่าจะแกะมือของโซเฟียออก แต่ดูเหมือนโซเฟียจะไม่ยอมง่ายๆ เพราะนางยิ่งดึงลอร่าเข้ามากอดแน่น  

                  ไม่ได้ ยังไงเจ้าก็ต้องไปกับข้า ขอตัวค่ะ

                  โซเฟียเอ่ย พร้อมรอยยิ้มอย่างมีชัย พลางกึ่งลากกึ่งจูงลอร่าออกไปจากห้อง โดยไม่สนใจสายตาขบขันของคนในห้อง หรืออาการประทุษร้ายของน้องหญิงที่ตนลากไปด้วย

                  เฮ้อ...ค่อยสมเป็นเจ้าหน่อย

                  จีเดสถอนหายใจน้อยๆ เมื่อเห็นสภาพโซเฟียตอนนี้ ตอนแรกที่เขาได้ยินว่าโซเฟียจะมานี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะได้ยินว่าหลังจากรับตำแหน่งข้าหลวงแห่งคฤหาสน์ตะวันออก เจ้าตัวก็มีอาการซึมเศร้า ไม่ค่อยพูดจากับใครอย่างเก่า แถมยังหนีเที่ยวเป็นว่าเล่นอีก นั้นทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้

                  ด้านโซเฟียที่ตอนนี้กำลังอารมณ์ดี เพราะสามารถชนะผู้เป็นครูได้ แถมน้องหญิงแม้จะมีหน้าหยิกงอ แต่สุดท้ายเด็กสาวก็เลิกประทุษร้ายนาง แล้วยิ่งพอเจอเจ้าพวกทโมนที่นางต้องมาฝึกพิเศษให้ ก็ยิ่งเข้าไปหลบหลังนาง อย่างเขินอาย ภาพที่เห็นทำให้เจ้าพวกทโมนถึงกับอมยิ้ม หากก็ไม่กล้าหัวเราะออกมาดังๆ เพราะคงจะเกรงนางไม่น้อย กระนั้นแถวที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อยกลับกลายเป็นแถวที่ดูระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ เมื่อมีนักเรียนบางคนเผลอชะโงกหน้ามองเด็กสาวที่หลบอยู่ด้านหลังโซเฟีย แถมบางคนถึงขนาดดันร่างเพื่อนคนข้างหน้าออกอย่างลืมตัว

                  อยู่ในระเบียบแถว ใครสั่งให้ยิ้ม!”

                  โซเฟียตะโกนถามเสียงก้อง พร้อมกวาดตามองเจ้าพวกนักเรียนแบบเรียงตัว ทำให้เจ้าพวกนั้นสะดุ้งรีบหุบยิ้มลงทันที และรีบจัดแถวให้กลับมาเรียบร้อย เพราะเกรงว่าจะโดนลงโทษ

                  อยู่นี้แป๊บนะ

                  โซเฟียยอมปล่อยมือลอร่าออก ก่อนจะหันมองเจ้าพวกทโมน ที่ตอนนี้ก็ยังพยายามแอบมองดวงหน้างามของน้องหญิงนางตาไม่กระพริบ แถมบางคนถึงกับส่งยิ้มให้แบบลืมเกรงใจนาง จนโซเฟียเริ่มทนไม่ไหว ต้องกระแอมกระไออยู่หลายรอบ หากก็ไม่เป็นผล

                  ใครอนุญาตให้ทำสายตาอย่างนั้นหึ อยากตายรึไง!”

                  โซเฟียตวาดพวกนักเรียนลั่น ข้อหามองน้องหญิงสุดที่รักนางมากเกินจำเป็น

                  เจ้าก็ห้ามทำหน้าน่ารักด้วย

                  โซเฟียหันกลับมาจัดการตัวต้นเรื่อง ที่เพียงยืนเฉยๆ ด้วยสีหน้างงงวย ที่แก้มทั้งสองข้างมีสีแดงจางๆ เพราะยังไม่หายอายจะการถูกคนจำนวนมากมองตาไม่กระพริบ

                  “อยู่ตั้งปี 4 แถมยังเป็นนักเรียนชั้นบังคับบัญชาแต่ไม่มีระเบียบ ยึดพื้น 20 ครั้ง!

                  คำสั่งเฉียบขาดของโซเฟีย ทำให้เหล่านักเรียนที่ริอาจมองดอกฟ้า อย่างน้องสาวท่านผู้บังคับบัญชาการกองบิน ต้องรีบมองหาที่ว่างเตรียมยึดพื้นตามคำสั่ง อย่างรวดเร็ว กระนั้นด้วยความที่จำนวนนักเรียนในแถวมีมาก ทำให้การจะหาที่ว่างเฉพาะตัวทำได้ยาก จนแต่ละคนชนกันไปชนกันมา จนดูเหมือนพวกเขายึกยักไปมา

                  “แค่หาที่ว่างจะต้องใช้เวลาแค่ไหน เร็ว นอนลง เตรียมยึดพื้น”

                  นักเรียนทั้งหมดรีบหมอบลงในท่าเตรียม โดยที่บางคนยังยืนซ้อนกับอีกคน กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าอิออด ด้วยกลัวว่าจากยึดพื้นแค่ 20 ครั้ง จะทวีคูณขึ้นไปอีก ด้วยความอดทนที่ลดลงของผู้บังคับบัญชาการกองบิน

                  “เตรียม!!!”

                  “ยึดพื้น 20 ครั้ง”

                  “ยึดพื้น 20 ครั้ง!!

                  เสียงทวนคำสั่งดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงจากนักเรียนที่อยู่ในท่าเตรียมวิดพื้น

                  “ปฏิบัติ”

                  1…2…3…

                  เสียงที่ดังไล่ตามมาหลังจากโซเฟียเอ่ยอนุญาต พร้อมกับที่นักเรียนทั้งหมดยึดพื้นตามคำสั่งอย่างพร้อมเพียง จนครบตามจำนวน ก็กลับขึ้นมายืนตรงเข้าแถวตามเดิม อย่างเป็นระเบียบ

                  เกิดอะไรขึ้นรึ เสียงดังไปถึงโน้น

                  เสียงทักที่โซเฟียรู้สึกคุ้นหู ทำให้นางเหลือบตาไปมองแล้วเห็นร่างสูงของชายที่นางคุ้นเคยดี กำลังฉีกยิ้มกว้าง เดินตรงมาทางนี้ หากทันทีที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวตวัดสายตามองเจ้าพวกนักเรียนที่กำลังยืนอยู่กลางสนาม พวกนักเรียนก็รีบตบเท้าทำความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียง

                  เจ้ามาได้ไง

                  โซเฟียถามเสียงห้วน โดยไม่คิดสบตาอีกฝ่าย

                  แหมได้ยินว่าพาน้องสาวมาเที่ยวถึงนี้ ก็ว่าจะมาดูเสียหน่อยว่าเหมือนเจ้าแค่ไหน อือ...นั้นใช่มั้ย จะไม่แนะนำให้รู้จักสักหน่อยรึ

                  คำตอบนั้น ทำให้เด็กสาวที่หลบหลังโซเฟียอยู่ยิ่งหลบมากขึ้น มือบางกำชายเสื้อคลุมโซเฟียแน่น

                  เฮ้อ...นี้ลอร่า

                  โซเฟียถอนหายใจน้อยๆ หากเมื่อประมวลถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การที่ให้สองคนนี้รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหาย นางจึงดึงน้องหญิงให้มายืนด้านหน้า

                  สวัสดีค่ะ

                  ลอร่าเอ่ยเสียงเรียบ ดวงหน้างามราบเรียบ พร้อมย่อกายลงน้อยๆ ตามมารยาทอันดี

                  สวัสดี ข้าชื่อคาริม เจ้าช่างโชคดีเหลือเกินที่ไม่เหมือนพี่สาวเจ้า

                  คำทักนั้นทำให้โซเฟียคิ้วกระตุก แล้วจ้องอีกฝ่ายเขม็ง อย่างเอาเรื่อง ข้อหาวิพากษ์วิจารณ์นิสัยนาง

                  ในเมื่อรู้จักกันแล้ว งั้นข้าฝากฝึกเจ้าพวกนี้แทนข้าด้วยแล้วกัน จะฝึกอะไรก็ตามใจ ข้ายกให้เจ้า

                  คำฝากฝังกลายๆ ทำให้พวกที่โดนฝากยิ่งหน้าซีด เพราะรู้ความหมายโดยนัยของคำพูดนั้น แหมใครจะไม่รู้ล่ะ ก็ที่เมื่อกี้พวกเขาไปส่งยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ให้น้องสาวท่าน สงสัยท่านคงไม่ชอบใจเท่าไร เลยสั่งให้จัดหนัก แบบไม่ต้องยั้งกันทีเดียว

                  นั้นสินะ...

                  คาริมเปรย ดวงตาพินิจร่างบางที่กลับไปยืนก้มหน้าหลบอยู่หลังโซเฟียพร้อมรอยยิ้ม อย่างนึกสนุก ด้วยเขาพอจะรู้ว่า โซเฟียนั้นหวงน้องหญิงขนาดไหน ก็ใครมันจะไม่รู้ล่ะ ก็เล่นจะจัดการเจ้าทโมนที่บังอาจมองหน้าน้องหญิงตัวเองมากเกินไป แบบไม่ยั้งขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องรู้ทั้งนั้น

                  ฝากด้วยแล้วกัน

                  โซเฟียทิ้งท้ายเพียงเท่านั้น แล้วจูงมือลอร่าเดินหายเข้าไปในตัวอาคาร  

                  คราวนี้ก็ตาพวกเจ้าล่ะนะ ไหนๆเมื่อกี้ก็ได้ดูของสวยๆงามๆไปแล้ว ตอนนี้ก็มาเที่ยวนรกหน่อยเป็นไง

                  เสียงหัวเราะ และน้ำเสียงที่กระตือรือร้นเป็นพิเศษของคาริม ยิ่งทำให้พวกที่กำลังโดนเชื้อเชิญแกมบังคับให้ไปทัวร์นรกแบบฟรีๆ หน้าซีดเผือด  

                  เมื่อโซเฟียจัดการโยนงานให้คนอื่นเป็นที่เรียบร้อย นางก็จัดแจกพาน้องหญิงในอ้อมแขนไปเดินชมรอบโรงเรียนอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่สนใจสายตาของเหล่านักเรียน หรือนายทหารที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับคนถูกจูง ที่หน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว 

                  กลับมาแล้วรึ

                  คำทักเรียบๆ ของจีเดสดังขึ้น แทบจะทันทีที่เขาเห็นร่างสูงโปร่งของโซเฟีย

                  ค่ะ

                  แหมไม่ปล่อยมือเลยนะ ไม่คิดจะให้แม่หนูเดินเองบ้างหรือไง

                  จีเดสล้อ เมื่อเห็นอาการหวงน้องสาวเกินพอดีของโซเฟีย                 

                  นี้ลอร่า...ไหนๆก็ไม่เที่ยวมาแล้ว เที่ยงนี้ก็ทำอาหารเลี้ยงพวกเราด้วยสิ

                  คำขอที่ดังขึ้น ทำให้ลอร่าทำตัวไม่ถูก ต้องหันมองโซเฟียเป็นเชิงถาม แต่ดูท่าว่างานนี้โซเฟียคงเห็นดีไปด้วยแน่นอน

                  เอาสิ น้องข้าทำอาหารอร่อยน้า

                  โซเฟียตอบแทน แบบไม่คิดจะถามเจ้าคนที่ถูกอุปโลกน์ให้ทำอาหารอร่อยแม้แต่น้อย ทำเอาลอร่าถึงกับค้อนอีกฝ่ายวงใหญ่  การกระทำนั้นทำให้คนในห้องหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ด้วยความเอ็นดู และสะใจที่เห็นคนที่สามารถชนะโซเฟียได้แบบขาดลอย ในทุกสถานะการณ์มีสีหน้าลำบากใจ

                  ทำไมต้องทำด้วยล่ะคะ

                  เมื่อเห็นคนในห้องหัวเราะกัน ลอร่าก็เริ่มไม่มั่นใจว่าตนเองควรทำตามที่โซเฟียบอกมั้ย อีกอย่างนางก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำอาหารออกมาให้ถูกใจคนทั้งห้องมั้ย ทำให้ลอร่าต้องพยายามเลี่ยงที่จะทำตาม โดยลอร่าเอ่ยกระซิบกับโซเฟียเสียงแผ่ว

                  “ข้าอยากกินอาหารฝีมือเจ้านิ”

                  คำขอดื้อๆของโซเฟีย ทำให้ลอร่านิ่งไปนิด ด้วยนางไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไร เมื่ออีกฝ่ายเล่นบอกความต้องการออกมาตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมสักนิด

                  “แต่ข้าเหนื่อย”

                   ลอร่าต้องพยายามคิดหาข้อแก้ตัว จนสุดท้ายนางก็คิดว่าข้อแก้ตัวนี้คงพอมีน้ำหนักบ้าง

                  งั้นบ่ายนี้คงไปขี่มังกรไม่ไหวแล้วมั้ง

                  ข้อเสนอใหม่ของโซเฟีย ทำให้ลอร่าต้องกลับมาใคร่ครวญอีกครั้ง

                  เฮ้อ...ก็ได้ค่ะ แต่ท่านต้องพาข้าไปขี่มังกรนะ

                  ลอร่าต่อรอง ซึ่งนั้นสามารถเรียกรอยยิ้มกว้างจากโซเฟียยิ้ม   

                  “คอยดูเถอะ เดี๋ยวข้าจะใส่ยาพิษให้กิน”

                  คราวนี้ลอร่าจงใจเอ่ยเสียงดังให้คนในห้องได้ยิน แถมยังทำหน้าเหมือนแม่มดใจร้ายในนิทานประกอบ หากแทนที่มันจะสามารถเรียกสีหน้าสยองขวัญจากคนในห้อง กลับกลายเป็นยิ่งเพิ่มเสียงหัวเราะเข้าไปใหญ่ จนคนที่จงใจทำหน้าตาน่ากลัวถึงกับหน้างอ ด้วยความไม่พอใจ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×