ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Because I am the princess~

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 การพบเจอ (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 63


    บทที่ 1 การพบเจอ

                  เสียงฝีเท้าดังกระทบกับพื้นของห้องใต้ดินอันมืดมิด เป็นจังหวะกลางราตรีอันเงียบสงัดชายหนุ่มผมสีแดงเข้มกำลังมุ่งหน้าสู่ประตูห้องขังที่อยู่ลึกเข้าไปในทางเดินอับชื้น กลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว แต่นั้นไม่อาจทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างไร ซ้ำเมื่อเขาเดินมาถึงประตูบานหนาบานหนึ่ง เขาก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้น มือหนาหยาบกรานยื่นออกไปสัมผัสบานประตู พร้อมพึมพำคาถาสองสามคำ บานประตูก็เปิดออก

                  ชายหนุ่มผู้ถือวิสาสะเข้ามาในห้องเยี่ยงแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณห้อง แล้วเบ้หน้าลงอย่างไม่ชอบใจนัก ด้วยภายในห้องมีเพียงเศษฟาง และโซ่ตรวนเก่าๆทิ้งระเกะระกะไว้เต็มพื้นห้อง แต่เมื่อสายตาเขาสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคน ที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บริเวณมุมห้อง รอยยิ้มอันน่ารังเกียจก็ปรากฏขึ้น ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปหาราวกับรอคอยสิ่งนี้มานานแสนนาน

    “วันนี้เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก สาวน้อย”

    ชายหนุ่มผมแดงจ้องมองเด็กสาวที่ยังคง ทำใจลอย ไม่สนใจผู้มาเยือนยามวิกาลเช่นเขา แต่นั้นไม่อาจทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวลงแต่อย่างใด ซ้ำยังรู้สึกสนุกขึ้นไปอีก สายตาที่คราแรกเต็มไปด้วยความสมเพช แปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่เปี่ยมด้วยความตื่นเต้นท้าทาย เขาแสยะยิ้มอันน่าขยะแขยง ก่อนตรงหรี่เข้าหาเด็กสาวผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หมายจะรวบร่างบางเข้าสู่วงแขนแข็งแรงของตน

                  หากเด็กสาวที่ควรนั่งเฉยๆ กับตวัดตัวรวดเดียว ก็สามารถหลุดพ้นการประทุษร้ายได้อย่างง่ายดาย ทำให้ชายหนุ่มนิ่งไปนิด เขากระตุกยิ้มอย่างชอบใจในการดิ้นรนของอีกฝ่าย ที่นานๆทีเขาจะเห็นสักครั้ง เพราะส่วนใหญ่แค่เขาก้าวเข้ามาในห้อง ก็มักจะเสร็จเขาทุกราย ก่อนที่จะเริ่มขัดขืนด้วยซ้ำ

    จะหนีไปไหน สาวน้อย

    ชายหนุ่มคนนั้นว่า ทั้งๆที่เขายังไม่ยอมหันไปมองหน้าคู่สนทนาที่จ้องมองมาทางเขาอย่างเย็นชาแกมสมเพช สักพักชายหนุ่มที่หันหลังอยู่ ก็หมุนตัวรวดเดียวกลับมาทางด้านหลัง หมายจะรวบร่างบางที่ยืนนิ่งเมื่อครู่ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน แต่...มันช้าไปเสียแล้ว เมื่อร่างบางที่เขาคิดว่าไม่ทันตั้งตัว กลับก้มตัวลงเพียงเล็กน้อย พร้อมหมุนหลบเงื้อมมือ จนทำให้เขาที่กำลังโน้มตัวไปด้านหน้าไถลตัวไปชนเข้ากับกำแพง

    หน็อย! ยัยเด็กบ้า

    ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย ขณะที่ยกมือกุมหัวที่ปูดขึ้นเป็นลูกมะนาวจากการโขกเข้ากับกำแพงหิน สายตาจ้องมองร่างบางที่วิ่งออกไปจนเกือบถึงบันไดทางขึ้นอย่างเดือดดาล พร้อมออกวิ่งไล่ตามเด็กสาวไป

     

    เฮ้อ...

    เสียงทอดถอนใจจากหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียว เส้นผมที่ถูกปล่อยรับลมปลิวไหวไปตามแรงลมที่ถูกพัดเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับลมอยู่ตรงหัวมุมระเบียง ใกล้ๆบันไดที่พาดลงไปยังห้องขังชั้นใต้ดิน หญิงสาวทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังคิดถึงอะไรบางอย่างที่นางได้รับรู้มันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ก่อนที่นางจะถูกส่งโด่งมายังหอคอยแห่งคำตัดสิน ยิ่งนึกก็ยิ่งพาลให้อารมณ์นางขุ่นมัว และหงุดหงิดมากขึ้น แล้วพาลให้นึกถึงคำพูดบ้าๆของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีครามน้ำทะเล  ยิ่งคิดก็พาลให้ดวงหน้างามของหญิงสาวเบ้ลง อย่างขัดใจ หากก็เพียงไม่นาน เพราะพอนึกถึงคำพูดต่อมาดวงหน้างามก็ขึ้นสีระเรื่อมาเสียเฉยๆ

    ตึก...ตึก...ตึก...

    เสียงฝีเท้าคนวิ่งขึ้นมาตามบันได ทำให้หญิงสาวที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง รีบปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติ แล้วจึงตวัดสายตาไปยังบันไดทางขึ้น อย่างรอคอย ผู้บังอาจหนีออกจากคุก หากเมื่อร่างของผู้คิดหลบหนีปรากฏขึ้น นางก็จำต้องเอื้อมมือไปดึงร่างบางที่วิ่งพรวดพราดขึ้นมา แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ จนเกือบตกบันไดลงไปอีกรอบ หากนางดึงไว้ไม่ทัน

                  เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองคนช่วยนางไม่ให้ตกบันไดไปอีกรอบนิ่ง จนคนถูกมองอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เพราะมีคนไม่มากนัก ที่กล้ายืนจ้องตานางตรงๆเช่นนี้

    ยัย...

     ชายหนุ่มที่วิ่งตามขึ้นมาถึงกับตกใจ เมื่อเห็นเด็กสาวที่เขาวิ่งไล่ขึ้นมา ยืนอยู่กับท่านผู้บังคับบัญชาการสูงสุดที่พึ่งย้ายมาประจำการที่นี้ชั่วคราว ชายหนุ่มรีบชิดเท้าแล้วก้มตัวลงต่ำยิ่ง เพื่อทำความเคารพ หญิงสาวตรงหน้า ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีมรกตของท่านผู้บังคับบัญชาการสาว แล้วต้องรีบก้มหลบสายตานั้นอย่างตื่นกลัว ร่างสูงสั่นระริก เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกท่านผู้บังคับการสาว จ้องมองแบบไม่วางตา

    เกิดอะไรขึ้น 

    โซเฟีย สแตรนเรียร์ หรือผู้บังคับบัญชาการหอคอยคำตัดสินเอ่ยถามเสียงเรียบ ไม่สื่ออารมณ์ใด แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มที่ยืนชิดเท้าตรงหน้า ก็ยังคงสั่นไปทั้งตัว แถมยังไม่ยอมตอบอะไรออกมาสักคำ นั้นยิ่งทำให้อารมณ์ที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วของโซเฟีย ยิ่งไม่ดีหนักเข้าไปอีก โซเฟียจ้องมองชายหนุ่มที่ทำให้นางหงุดหงิดมากขึ้นด้วยสายตาคมกริบแสนน่ากลัว ซึ่งสายตาที่ว่า มันน่ากลัวยิ่งกว่าสายตาเรียบเฉยเมื่อครู่หลายเท่า แต่ไม่นานโซเฟียก็ทนไม่ไหว กับท่าทางกลัวเกินเหตุของชายหนุ่ม นางจึงเอ่ยปากไล่ ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงโซเฟีย กับเด็กสาวคนข้างๆ

                  ความเงียบอันน่าอึดอัดเข้าปกคลุมบริเวณระเบียงทางเดินอีกครั้ง หากนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนทั้งสองเอ่ยปากพูดสิ่งใดออกมา นอกจากจ้องตากันไปมา เวลาผ่านไปหลายนาที จนโซเฟียคิดว่าการเล่นจ้องตากับเด็กสาวคนนี้ หาได้เกิดประโยชน์อันใด นางจึงเปลี่ยนจากเล่นจ้องตา เป็นพยายามเพ่งพินิจ ร่างบางตรงหน้าแทน แสงจันทร์ที่สาดส่องมากระทบเด็กสาว ไม่ได้ทำให้โซเฟียมองเห็นอะไรถนัดขึ้น เพราะคืนนี้ไม่ใช่คืนจันทร์เพ็ญ ทำให้โซเฟียต้องใช้ความพยายามอย่างสูง จึงสามารถมองเห็นลักษณะรูปร่างของเด็กสาวได้ชัดเจน สีผมและสีตาที่สะท้อนแสงจันทร์ ทำให้โซเฟียเริ่มรู้ว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง เป็นเด็กสาวตัวต้นเรื่องที่ทำให้นางถูกเตะโด่งมาถึงที่นี้

    “เจ้าตามข้ามา”

    โซเฟียเอ่ยทำลายความเงียบ แล้วเดินนำเด็กสาวขึ้นไปยังชั้นสาม ซึ่งเป็นห้องพักที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ ระหว่างทางเดินโซเฟียพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเด็กสาวคนที่ตามหลังนางมาต้อยๆนี้คงเป็นนักโทษที่ถูกขังเอาไว้ที่ห้องใต้ดิน แต่เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ทำให้เด็กสาวคนนี้หนีออกมาได้ก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจ เพราะที่หอคอยแห่งคำตัดสินขึ้นชื่อเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม ขนาดที่ว่าจะมีการส่งทหารจากหน่วยต่างๆเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยสลับกันไปมาอย่างเข้มงวด แถมห้องขังใต้ดินของที่นี้ ยังขึ้นชื่อว่ามีระบบคุมขังชนิดที่ว่าถ้าไม่รู้วิธีการเปิดที่ถูกต้องแล้ว ไม่มีทางเปิดห้องขังออก ต่อให้มีพลังเวทที่กล้าแข็งเพียงใด ก็ไม่สามารถทำลายระบบที่ว่าลงได้ แล้วนี้ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงได้หนีออกมาได้...เหตุผลเดียวที่นางนึกได้ในขณะนี้ คือ นายทหารคนเมื่อครู่เป็นผู้เปิดห้องขังให้    

    บริเวณระเบียงทางเดินของชั้นสาม มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงเวทที่ถูกจุดเอาไว้เพื่อให้แสงสว่างแก่บริเวณชั้นนี้  ซึ่งเป็นห้องพักของเหล่านายทหารชั้นสูง ตอนนี้ทางเดินที่ทอดยาวเงียบกริบ แสดงถึงการเข้าสู่นิทราไปแล้วของผู้พักอาศัย โซเฟียปรายตามองเด็กสาวที่เดินตามหลังนางมาเล็กน้อย เพื่อยืนยันสีผมและสีตาที่นางเห็นสะท้อนแสงจันทร์เมื่อครู่ ซึ่งผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน ทำให้โซเฟียมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นตัวต้นเรื่องให้นางต้องอพยพตนเองมาที่นี้ แต่ที่น่าแปลกคงเป็นอาการนิ่งเฉยจนผิดสังเกตของเด็กสาวด้านหลัง

     ตลอดทางภาพดวงตาสีม่วงอมแดงยังฉายชัดในหัวสมองของโซเฟียอย่างยากที่จะห้าม ภาพน้องหญิงตัวน้อยที่นางจากมาเมื่อ 10 ปีก่อนปรากฏขึ้นในห้วงความทรงจำ ตอนนั้นโซเฟียจำได้ดีว่าดวงตาคู่นั้นสดใสไร้เดียงสา ทุกครั้งที่นางเข้าไปหา ไปเล่นด้วย ไม่มีครั้งใดเลย ที่น้องหญิงจะทำท่าทีเฉยชากับนางเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ โซเฟียหยุดยืนอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง ประตูไม้สักอย่างดีปิดสนิท ก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปด้านใน 

                  ภายในห้องมืด เนื่องจากไม่มีแสงไฟจากคบเพลิงส่องสว่างเช่นระเบียงทางเดินด้านนอก แต่มันตกอยู่ในความมืดไม่นานนัก ทันทีที่โซเฟียดีดนิ้ว แสงไฟจากคบเพลิงที่ถูกจัดวางไว้ตามมุมห้อง ต่างลุกพรึบขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ความมืดจึงถูกแทนที่ด้วยแสง จากไฟเวท ทำให้ห้องดูสว่างไสวขึ้นมาทันตา โซเฟียก้าวเท้าเข้าไปในนั้นโดยไม่หันกลับมามองเด็กสาวที่ยืนนิ่งเหมือนกำลังรอให้นางเอ่ยปากอนุญาตให้เข้ามาได้หรืออะไรทำนองนั้น

    เข้ามาสิ

    โซเฟียเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ที่ถูกตั้งไว้ติดกับผนังที่มีประตูอีกห้องหนึ่งตั้งอยู่

    เด็กสาวสาวเท้าเข้าไปอย่างแช่มช้ามั่นคง อย่างผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี โซเฟียมองท่าทางการเดินของเด็กสาวอย่างสนใจ เพราะเด็กสาวสามารถเดินได้สง่างามจนน่าแปลกใจ ถ้าเทียบกับฐานะนักโทษตามที่เป็นอยู่ในขณะนี้ โซเฟียเลื่อนสายตาขึ้นมองดวงหน้างามของเด็กสาวที่ตอนนี้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน โซเฟียมองภาพเด็กสาวตรงหน้าอย่างอ่อนโยน แสนคิดถึง ยิ่งเมื่อมองเลยขึ้นไปยังเส้นผมสีชมพูอ่อน ที่ถูกมัดเอาไว้ลวกๆ แล้วก็ยิ่งทำให้โซเฟียมั่นใจ ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นน้องหญิงนางไม่ผิดเพี้ยน น้องหญิงที่ทำให้นางยอมรับงานดูแลเด็กตามที่ท่านลุงขอ ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่น โซเฟียจะรีบปฏิเสธทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด โซเฟียจับจ้องอากัปกิริยาของเด็กสาวที่ตอนนี้นางเชื่อเต็มร้อยว่าเป็นน้องหญิงนางไม่ผิดแน่ อย่างสนใจ เด็กสาวมองซ้ายขวาอย่างต้องการที่จะสำรวจทุกซอกทุกมุมของห้องๆนี้ และเมื่อโซเฟียเห็นดังนั้น จึงตัดสินใจแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเด็กสาว เพราะจากที่ดูเด็กสาวก็คงจำนางไม่ได้เช่นกัน แต่ยิ่งนางมองภาพเด็กสาวคนนี้มากเท่าไร ช่วงความทรงจำที่ได้สนุกสนานไปกับเด็กหญิงตัวน้อยเมื่อตอนนั้นก็ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ


               
    พี่หญิงคะ ดูนี้สิ

                เด็กหญิงผมชมพูอ่อนรีบวิ่งหรี่ตรงมาหานาง พลันจับชายกระโปรงที่ยาวระพื้นขึ้นเล็กน้อย แล้วรีบวิ่งเอามงกุฎดอกไม้เข้ามาให้นางดู เด็กหญิงตัวน้อยฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เมื่อพี่หญิงของนางรับมงกุฎดอกไม้ไป

                สวยไหมคะ

                เด็กหญิงถามเสียงใส แล้วจ้องมองเด็กสาวที่อายุห่างจากนางสัก10 ปีด้วยแววตาใสซื่อไร้เดียงสา

                สวยสิ น้องหญิงข้าทำซะอย่าง

                เด็กสาวว่า พร้อมทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหญ้านุ่ม มือบางฉุดร่างบางของน้องหญิงตัวน้อยให้ลงมานั่งด้านข้าง ก่อนจะหยิบมงกุฎดอกไม้ที่นางวางไว้ด้านข้างขึ้นมาสวมบนศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยแพรไหมสีชมพูอ่อน อย่างนุ่มนวล

                การกระทำของเด็กสาว ทำให้น้องหญิงหันมองด้วยความประหลาดใจ กระนั้นเธอก็ยังหันมายิ้มกว้างกับพี่สาว อย่างน่ารัก จนคนเป็นพี่อดดึงร่างบางเข้าไปกอดไม่ได้

                ยิ่งสวมมงกุฎดอกไม้นี้ เจ้ายิ่งน่ารักน่ากอดเสียจริง

                เด็กสาวคลายอ้อมกอดเล็กน้อย พลางเอ่ยชมน้องสาวอีกครั้ง 

                เจ้าออกมานี้ บอกท่านป้าเลเนียส หรือพี่อลิธหรือยัง ฮึ

                เหมือนนึกขึ้นได้ อยู่ๆเด็กสาวก็หันไปถามเสียงดุกับน้อง อย่างรู้ทันว่าแอบหนีออกมาด้านนอก โดยไม่บอกใคร     อย่าดุสิคะ

                เด็กหญิงเบ้หน้า เมื่อถูกพี่หญิงจับได้ว่าหนีออกมาเที่ยวเล่น

                แล้วทำไมเจ้าไม่บอกท่านป้ากับพี่อลิธก่อนล่ะ

                เด็กสาวว่าต่อทำให้เด็กหญิงผมชมพูอ่อน ยิ้มรับคำตำหนิแห้งๆ อย่างไม่รู้จะแก้ตัวว่ากระไรดี

                ก็ถ้าบอกแล้วจะได้ออกมารึคะ

                เด็กหญิงว่า แล้วแลบลิ้นปิ้นตาใส่เด็กสาว ก่อนจะออกวิ่งไปทั่วสวนดอกไม้ภายในเขตคฤหาสน์ใต้          

                 
                  ภาพทั้งหมดจางหายไป เมื่อโซเฟียนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง แต่ยังมีเด็กสาวขี้สงสัยอยู่ด้วยอีกคน

                   นั่งลงสิ

                  โซเฟียเอ่ยขึ้นในที่สุด หลังจากที่ประมวลดูแล้วว่าขืนปล่อยให้เด็กสาวคนนี้สำรวจห้องนางต่อ มีหวังห้องนางได้เป็นรูพรุนแน่ เพราะดูเหมือนเด็กสาวที่นางรู้จักคนนี้ จะเพิ่มดีกรีความช่างสงสัยขึ้นมากทีเดียว

    เด็กสาวหันกลับมาจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ แล้วจึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่อีกฝั่งของ
    โต๊ะอย่างช้าๆงดงามไม่แพ้ทวงท่าการเดิน เมื่อสักครู่ เด็กสาวนั่งนิ่งบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ อย่างรอคอย ดวงหน้างามราบเรียบไม่สื่ออารมณ์ใดใด ดวงตาที่ทอดมองมายังนาง ดูว่างเปล่า หากก็มีประกายหยิ่ง และทระนงในศักดิ์ และศรีแห่งตน

    โซเฟียจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีม่วงอมแดงอย่างหาคำตอบ แต่ไม่ว่าจะจ้องยังไง ดวงตาที่เคยมีแต่ความร่าเริงและ ความไร้เดียงสาของเด็กหญิงเมื่อตอนนั้นก็ไม่มีเหลือแล้ว ตอนนี้ภาพในดวงตาคู่เดียวกัน มีเพียงความเย็นชา และว่างเปล่า อย่างยากที่จะหยั่งถึง นอกจากนั้นโซเฟียยังสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอีกประการที่เด่นชัดไม่แพ้กัน นั้นคือ ท่าทางสดใสร่าเริง และไร้เดียงสาในตอนนั้น ได้จางหายไปจากตัวของเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่เหลือเค้าแม้แต่น้อย เด็กสาวตรงหน้ามีเพียงท่าทีสุขุมเยือกเย็น และสง่างาม สมฐานะบุตรีข้าหลวงแห่งคฤหาสน์ใต้เท่านั้น แต่อะไรกันที่เปลี่ยนเด็กหญิงช่างเจรจา และขี้อ้อนให้กลายเป็นเด็กสาวที่สงวนคำพูดคำจาและไร้ความรู้สึกเช่นนี้

    ลอร่า

    โซเฟียเอ่ยเสียงแผ่ว ขณะจับจ้องเด็กสาวตาไม่กระพริบ

    เด็กสาวที่ถูกเรียกชื่อ เงยหน้าขึ้นมองคนเรียกชื่อนาง อย่างสงสัย แต่ไม่ถึงนาทีดวงตาที่แสดงความสงสัยงงงวยก็จางหายไป เหลือแต่ดวงตาที่ดูว่างเปล่าไร้ความรู้สึกดังเดิม ลอร่าจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีมรกต เพื่อหาคำตอบ ของคำถามที่ว่า หญิงสาวคนนี้รู้ชื่อนางได้อย่างไร

    โซเฟียเห็นเด็กสาวจ้องมาที่ตนไม่เลิก ทำให้พอจะเข้าใจได้ว่าน้องหญิงคงลืมนางไปแล้วจริงๆ นั้นทำให้นางอดรู้สึกน้อยใจขึ้นมานิดๆไม่ได้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นเด็กสาวอายุเท่าไรก็ทำให้นางหายน้อยใจได้ไม่ยาก เพราะตอนนั้น เด็กสาวยังอายุเพียงขวบสองขวบเท่านั้น แล้วอย่างงี้คงจำคนที่ไม่ได้เจอกันมากว่า10ปีได้หรอก โซเฟียเดินตรงไปที่แกรนเปียโนสีดำเครื่องใหญ่ที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง นางนั่งลงบนเก้าอี้เปียโนช้าๆ แล้วหลับตาลง เหมือนนึกอะไรสักอย่างอยู่ เด็กสาวผมชมพูอ่อนมองอากัปกิริยาของหญิงสาวอยู่ตลอดจนกระทบ หญิงสาวค่อยๆวางมือลงบนคีย์เปียโนสีขาว แล้วกดมันลงช้าๆ จนเกิดเป็นบทเพลงที่เด็กสาวจำมันได้ มันเป็นบทเพลงที่ครั้งหนึ่งใคร คนหนึ่งเคยเล่นให้นางฟังเมื่อครั้งที่นางยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย จากนั้นภาพความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองของเด็กสาว นางจำภาพของใครคนหนึ่งที่ทำให้นางอบอุ่นได้เสมอ บทเพลงที่เริ่มบรรเลงไปแล้วนั้นยิ่งทำให้บรรยากาศที่เด็กสาวรู้สึกคุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง นางได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆอย่างมีความสุขของเด็กหญิงตัวน้อยในตอนนั้น รอยยิ้มที่นางลืมเลือนไปนานแล้วกลับมาฉายชัดอีกครั้ง พลันภาพเด็กสาวผมเขียวดวงตาสีมรกตก็ปรากฏขึ้น นั้นทำให้หัวใจที่แข็งกระด้างและเย็นชาของเด็กสาวกลับมารู้สึกถึงความอบอุ่นอีกครั้ง แม้ภาพเด็กสาวคนนั้นจะไม่แจ่มชัดในความทรงจำ แต่นางเชื่อว่าอีกไม่นานมันจะต้องชัดแน่ ขอเพียงตอนนี้หัวใจดวงน้อยของนางรู้สึกถึงความอบอุ่นอีกครั้ง นั้นก็ดีถมไปแล้ว แต่แล้วเมื่อเด็กสาวลืมตาขึ้นภาพของหญิงสาววัยกลางคน อีกคนกลับฉายทับหญิงสาวที่นั่งบรรเลงเปียโนอยู่อย่างคาดไม่ถึง ริมฝีปากบางขยับเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่นางเพียรจะลบเลือนไปหากมันก็ยากเย็นเสียเหลือเกิน

    ท...ท่าน...แม่

    เด็กสาวขยับริมฝีปากอีกครั้งจนเกิดเสียงที่แผ่วเบา แต่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวที่กำลังบรรเลงเพลง หันกลับมามองอย่างสงสัย

    หญิงสาวมองหน้าเด็กสาวที่ก้มหน้านิ่ง พลางนึกถึงหญิงสาวอีกคนที่นางจำได้ดี ว่ามีความสำคัญกับเด็กสาวตรงหน้านางมากเพียงไร แล้วความคิดก็เริ่มประติประต่อเรื่องราว และข่าวลือที่ผู้คนกล่าวอ้าง นั้นยิ่งทำให้หญิงสาวพอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวนางนั้น และนั้นก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหญิงที่แสนน่ารักของนาง สูญเสียรอยยิ้มที่มีอยู่เป็นนิจไป

    ลอร่า มานั่งนี้สิ

    โซเฟียเอ่ย อย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นดวงหน้างามก้มหน้านิ่ง และริมฝีปากบางก็เริ่มสั่น เนื่องจากเด็กสาวไม่ต้องการให้ใครรับรู้ว่าตอนนี้นางรู้สึกเจ็บปวดเช่นไร เด็กสาวที่ถูกเอ่ยชื่อเงยหน้าขึ้น แล้วจับจ้องดวงหน้างามของโซเฟีย นางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยนั้น ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปนั่งข้างๆตามคำเชิญ


     

    จบบทที่ 1 การพบเจอ (รีไรท์)

    ___________________________________________________
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×