ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Because I am the princess~

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 11 การทดสอบ (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 63


    บทที่ 11 การทดสอบ (รีไรท์)

                   “โอ๊ย!   

                  เสียงครางบางๆ ขณะที่ร่างบางบนเตียงกลิ้งกลับไปกลับมาด้วยความปวดเมื่อย จากการฝึกหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งวันหลังๆมานี้ลอร่าต้องออกแรงมากกว่าการฝึกในวันแรกๆหลายเท่า และโซเฟียก็ไม่มีทีท่าจะเห็นใจนางสักนิด มีแต่จะฝึกมากขึ้น และหนักขึ้นเท่านั้น ทำเอาร่างกายนางล้าจนแทบไม่เหลือเรียวแรง กระนั้นเมื่อเริ่มมีสติร่างบางที่กำลังกลิ้งไปมาอยู่นั้น ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ พลางลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

                  “โอ๊ย...”

                  เป็นอีกครั้งที่ลอร่าต้องร้องครางออกมาเบาๆ ขณะที่นางขยับร่างลุกออกจากเตียง ซึ่งนั้นทำให้นางนึกออกว่าอะไรเป็นที่มาของผ้าพันแผลที่พันอยู่ตามแขนขานางเวลานี้ กระนั้นนางก็จำต้องฝืนกัดฟันทน เมื่อวันนี้เป็นวันทดสอบเข้าเรียนหลักสูตรเร่งรัด ลอร่าเดินเข้าไปหยิบผ้าขนหนูผืนหนา ก่อนหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ก่อนออกมาเปลี่ยนชุดเครื่องแบบนักเรียน ที่นางนำออกมาแขวงรอไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

                  เครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนเตรียมทหารแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ คือ เครื่องแบบนักเรียนทั่วไป และเครื่องแบบปฏิบัติการ โดยเครื่องแบบทั่วไปจะใช้สำหรับใส่เรียนภาคทฤษฎี และเข้าร่วมพิธีการต่างๆ ซึ่งตอนเข้าร่วมงานหรือพิธีการนั้นจะมีเสื้อคลุมตัวยาวสีแดงเลือดหมูสวมทับเสื้อสูทสีดำอีกชั้น ด้านในเป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาว ผูกด้วยเนกไทสีเขียว เสื้อเชิ๊ตสีขาวใส่ไว้ในกระโปรงจับจีบสีดำรอบตัว แล้วสวมเสื้อสูทสีดำทับในฤดูหนาว ถุงเท้ายาวสีดำยาวขึ้นมาถึงเข่า และรองเท้าหนังขัดมันสีดำสนิท ที่ปกเสื้อเชิ๊ตมีเข็มกลัดแสดงชั้นปี  ส่วนเครื่องแบบปฏิบัติการนั้น จะเป็นเสื้อยืดแขนยาวสีเขียวเข้ม ที่ปลายแขนมีแถบสีคาดตามชั้นปี กางเกงขายาวทรงกระบอกสีน้ำตาลเข้ม สวมเข็มขัดหนังสีดำคาดที่เอว รองเท้าผ้าใบสีดำ หาเป็นการฝึกปฏิบัติภายนอก หรือการซ้อมรบ จะเป็นรองเท้าบู๊ทหนังสีดำหุ้มข้อ และมีเกราะอ่อนสวมทับด้านนอก

                  ลอร่ารีบจัดการสวมเครื่องแบบนักเรียน แล้วเดินลงไปยังห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารก่อนเข้ารับการทดสอบ ด้วยหากนางไม่มีอะไรตกถึงท้อง วันนี้นางคงไม่รอดจากการทดสอบที่ว่าแน่ แต่เมื่อลอร่าเดินไปถึงก็เจอเหล่ารุ่นพี่ที่ลงมาที่ห้องอาหารก่อนแล้วส่งยิ้มอย่างให้กำลังใจ ซึ่งลอร่าก็ไม่คิดว่ากำลังใจเหล่านั้นจะช่วยให้นางผ่านการทดสอบตรงไหน ในเมื่อไม่ว่าจะเป็นภาคทฤษฎี หรือปฏิบัตินางล้วนแล้วแต่ต้องใช้การตัดสินใจที่แน่วแน่ทั้งนั้น

                  “พร้อมแล้วใช่มั้ย”

                  รินเดินเข้ามาหาลอร่าที่นั่งอยู่กับเจนน่า และจีน่าที่ด้านหนึ่งของโต๊ะอาหาร หลังจากเห็นว่ารุ่นน้องปีหนึ่งทั้งสามคนรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว

                  “ค่ะ”

                  “ข้าจะพาไปที่ห้องสอบ”

                  รินเอ่ย พร้อมเดินนำเด็กทั้งสามไปยังสนามสอบ ซึ่งทั้งเจนน่า และจีน่าก็พร้อมใจกันเดินไปส่งลอร่าถึงหน้าห้องสอบ ด้วยพวกนางอยากให้กำลังใจลอร่าจนวินาทีสุดท้าย ก่อนที่ลอร่าจะเดินไปในห้องสอบ

                  การสอบภาคทฤษฎีจะใช้เวลาสอบตลอดช่วงเช้า ซึ่งจัดสอบที่ห้องประชุมเล็ก ชั้นสี่อาคารเรียนร่วม ซึ่งเวลานี้ด้านนอกห้องถูกรุมล้อมไปด้วยนักเรียนชั้นปีต่างๆจำนวนมหาศาลที่อยากรู้ อยากเห็นการทดสอบหลักสูตรเร่งรัดกันเหลือเกิน เนื่องจากหลักสูตรดังกล่าวไม่ค่อยมีใครยื่นความจำนงเรียนนัก อีกอย่างหลักสูตรที่ว่าก็ไม่เคยมีนักเรียนปีหนึ่งคนไหนกล้ายื่นความจำนง เห็นจะมีก็แต่คนดังประจำโรงเรียนที่กล้าทำเช่นนั้น  สาเหตุที่หลักสูตรนี้ไม่ค่อยเป็นที่สนใจของคนทั่วไป คงเป็นเพราะความหิน และโหดเกินสามัญสำนึกของคนปกติ อีกอย่างการใช้ชีวิตภายในรั้วโรงเรียนสี่ปีก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวนัก เมื่อเทียบกับการจบออกไปภายในปี หรือสองปี ฉะนั้นหลักสูตรเร่งลัดจึงไม่เป็นที่สนใจนัก

                  ลอร่าที่เดินตามพี่รินมาจนถึงหน้าห้องสอบ ก็ปรายตามองคนที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องอย่างไม่เข้าใจนัก สีหน้าทุกคนที่ยืนอยู่นั้นมองนางราวกันนางเป็นตัวประหลาด หรือไม่ก็ของแปลกที่พวกเขาไม่เคยพบ มีบางที่นางได้ยินเสียงซุบซิบที่ดังมาตามสายลม คล้ายคำอวยพรให้โชคดี กระนั้นมันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของลอร่า มากเท่ากับมือของจีน่าที่เอื้อมมากุมมือนางไว้ ขณะที่นางกำลังยืนรออยู่หน้าห้องสอบ

                  ขณะที่หน้าห้องสอบกำลังสวดภาวนาให้คนที่จะต้องเข้ารับการทดสอบในวันนี้รอดชีวิตออกมา ภายในห้องสอบเองก็เกิดความวุ่นวายไม่แพ้กัน เมื่อคณะกรรมการคุมสอบ ที่นั่งประจำที่เป็นรูปตัวยู ล้อมโต๊ะสอบตัวขนาดกลางที่ตั้งอยู่ใจกลางวงล้อมได้รับเอกสารแจกแจงประวัติผู้ยื่นความจำนงขอเรียนหลักสูตรเร่งลัดในปีนี้ สีหน้าของผู้คุมสอบคนแรกที่ได้รับเอกสารฉบับนั้น ปรากฏแววประหลาดใจไม่น้อย ซึ่งกิริยาดังกล่าวเผื่อแผ่ไปยังผู้ที่ได้รับเอกสารที่ว่าต่อๆกันมาอย่างทั่วหน้าจนครบจำนวน จะมีก็แต่บุคคลที่อยู่ในห้องตอนที่องค์กษัตริย์เสด็จมาที่โรงเรียนเท่านั้น ที่ยังมีสีหน้าสงบนิ่ง

                  “เด็กคนนี้...”

                  ครูฝึกคนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ร่วมเป็นคณะกรรมการทดสอบด้วยอุทานด้วยความแปลงใจ แล้วหันไปมองผู้ที่นั่งอยู่กึ่งกลางรูปตัวยูบริเวณหน้าห้องสอบ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโรงเรียนนี้

                  “มีอะไรรึ”

                  ซีอุสแสร้งถาม อย่างไม่เห็นว่าเด็กคนที่ว่าจะมีอะไรที่ผิดแปลกไปจากเด็กทั่วๆไปตรงไหน 

                  “เป็นบุตรีท่านข้าหลวงดักลาส?

                  คราวนี้ครูฝึกที่เป็นตัวแทนจากกองทัพบกหันไปมองหน้าผู้มีตำแหน่งสูงที่นั่งมองท่าทางของคณะกรรมการคนอื่นๆ ที่แสดงสีหน้าแปลกใจนิ่ง ราวไม่คิดจะอธิบายอะไรมาไปกว่าสิ่งที่เขียนในเอกสารตรงหน้านี้

                  “ไหนท่านโซเฟียว่าเป็นน้องสาวไงครับ”

                  ตัวแทนจากปราสาทวายุหันไปถามผู้เป็นนายที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของซีอุส อย่างไม่ค่อยเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่ว่านัก สายตาของเขาคนนั้นจ้องไปที่โซเฟีย อย่างไม่วางใจ ด้วยรู้นิสัย และวีรกรรมของหญิงสาวคนที่ว่าเป็นอย่างดี

                  “ไทดัส แล้วข้าเคยบอกมั้ยล่ะ ว่านางไม่ได้เป็นบุตรีท่านข้าหลวงด้วย”

                  คำตอบเสียงเรียบอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกของโซเฟีย เริ่มทำให้คนที่ยอมมาเป็นกรรมการคุมสอบแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอยากลุกถอนตัวออกเสียตั้งแต่ตอนนี้ ด้วยพวกเขาเริ่มรู้ถึงเค้าลางที่ไม่น่าวางใจ กระนั้นไทดัสก็ไม่สามารถหยุดความสงสัยของตนเองได้ โดยเฉพาะเมื่อเขารู้จักนิสัยของคนตรงหน้าเป็นอย่างดี

                  “เฮ้อ! แล้วงี้ท่านไปเอาบุตรีท่านข้าหลวงมาเป็นน้องสาวได้ไงละครับ”             

                  “เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่านางเป็นน้องสาวที่ข้ารัก และเอ็นดูมากก็พอ”               

                  โซเฟียตอบแบบเหมือนจะไม่จริงจัง แต่ก็สามารถทำให้ไทดัสรู้สึกขนพองขึ้นมาได้ไม่ยาก ยิ่งเมื่อเขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของท่านคาริมที่นั่งอยู่ใกล้ๆกันด้วยแล้ว เขาเริ่มรู้สึกสงสารเด็กสาวเจ้าของชื่อขึ้นมาจับใจ

                  “ท่านจะเอ็นดู หรือจะทำนางช้ำในกันแน่”

                  ไทดัสประชดทีเล่นทีจริง ซึ่งโซเฟียก็ยิ้มรับ แล้วไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ

                  “ได้เวลาแล้ว ให้ลอร่าเข้ามาเถอะ”

                  ซีอุสตัดบท พลางพยักหน้าให้กรรมการคุมสอบที่นั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุดเดินออกไปเรียกผู้เข้ารับการทดสอบเข้ามาในห้องสอบได้

                  ลอร่าที่กำลังยืนรออยู่หน้าห้องสอบ พร้อมด้วยพวกเจนน่า และจีน่า กวาดมองคนที่ยืนอออยู่เช่นเดียวกับนาง อย่างไม่เข้าใจ จนสุดท้ายนางก็เลิกสนใจ และหันมาทำสมาธิก่อนเข้าห้องสอบ

                  “เข้ามา”

                  ร่างสูงของครูฝึกคนหนึ่งเดินออกมา พร้อมมองหาเด็กสาวคนที่จะเข้ารับการทดสอบในวันนี้ ซึ่งก็ไม่ต้องเสียเวลานาน เมื่อเด็กสาวคนนั้นยืนรออยู่บริเวณทางเข้าก่อนแล้ว

    เมื่อลอร่าเดินเข้าไปภายในห้องสอบก็ต้องแปลกใจ กับสายตากรรมการผู้คุมสอบทุกท่าน ที่จ้องมทางนาง ตาไม่กะพริบ แถมไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือเปล่าว่า พวกท่านเหล่านั้นกำลังมองมาที่นาง ราวกับว่านางเป็นตัวประหลาดก็ไม่เชิง ซึ่งสายตาที่ว่ามันช่างคล้ายกับสายตาของบรรดาคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเสียจริง แต่เมื่อนางเลื่อนสายตาไปมองชายร่างสูงที่สวมเครื่องแบบนักบิน ที่เวลานี้กำลังส่งรอยยิ้มราวในกำลังใจมาให้ กระนั้นลอร่ากลับมองว่ามันเป็นอะไรที่น่าขนลุกชอบกล ถัดมาก็ท่านพี่ที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของท่านซีอุส รอยยิ้มของท่านพี่เวลานี้ทำให้นางรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง เลยมาหน่อยก็ท่านผู้บังคับบัญชาการเหล่าทัพ ที่กำลังจ้องมาที่นางจนนางรู้สึกราวกับกำลังขาดอากาศหายใจ บรรยากาศที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นสิ่งที่ลอร่าไม่นึกชอบใจแม้แต่น้อย ก็รังสีอำมาหิตที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกท่านกำลังทำให้นางไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืน

                  เข้ามาสิ

                  เสียงเรียกของซีอุสเรียกสติของลอร่าให้กลับคืนมา ทำให้ลอร่าจำต้องเดินเข้าไปยังใจกลางวงล้อม ซึ่งเป็นที่ตั้งของโต๊ะเขียนหนังสือ บนนั้นมีข้อสอบปึกหนึ่งวางอยู่ แต่ก่อนที่ลอร่าจะได้นั่งลงทำข้อสอบ นางก็จำต้องตบเท้า ค้อมกายลงทำความเคารพกรรมการผู้คุมสอบทุกท่าน

                  “นั่งลง”

                  ซีอุสเป็นตัวแทนกรรมการคุมสอบทั้งหมด กล่าวอนุญาตให้ลอร่านั่งลงได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นอธิบายกฎระเบียบในการเข้ารับการทดสอบครั้งนี้

                  “เวลาทำข้อสอบ คือ 3 ชั่วโมง เมื่อได้ยินสัญญาณหมดเวลาให้วางปากกาลงทันที ทราบ!”

                   “ทราบค่ะ”

                  ลอร่ารับคำเสียงเรียบ พลางมองข้อสอบที่ถูกคว่ำหน้าวางอยู่บนโต๊ะด้านหน้า พร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ

                   “ก่อนหมดเวลาห้านาที ข้าจะให้สัญญาณ เอาล่ะ เริ่มได้”

                  ซีอุสหันไปมองเหล่ากรรมการคุมสอบอีกครั้ง อย่างขอความเห็นก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้เริ่มต้นทำการทดสอบได้

                  สิ้นสัญญาณเริ่มการทดสอบ ลอร่าก็ลิกข้อสอบขึ้น แล้วสำรวจข้อสอบทุกหน้าอย่างรอบคอบ จำนวนหน้าของข้อสอบทำให้ลอร่าถึงกับชะงักไปนิด เมื่อเหลือบตามองคำถามแต่ละข้อ ยิ่งทำให้สีหน้าของลอร่าเปลี่ยนไป ตอนนี้นางรู้ความหมายของสิ่งที่ท่านพี่บอกแล้ว หากนางไม่แน่วแน่กับทางเดินที่ตัวเองเลือก นางก็คงไม่สามารถทำข้อสอบตรงหน้าได้ ก็ข้อสอบตรงหน้ามันคือคำเตือนของท่านพ่อ เหตุการณ์ หน้าที่ และคำทำนายล้วนเป็นสิ่งที่ถูกถามในนั้น ภาษาโบราณของทั้งหกชนเผ่าเป็นเสมอสิ่งย้ำเตือนความสูญเสียในอดีต และชะตากรรมที่นางต้องแบกรับ ทุกสิ่งล้วนรวมอยู่ในข้อสอบชุดนี้

                  ...นี้เป็นคำตอบของข้าค่ะ ท่านพ่อ...

                  ลอร่าคิด ขณะที่เหลือบตามองท่านพี่ที่นั่งมองมาทางนาง ด้วยแววตาที่แฝงความห่วงใย ก่อนจะสูดหายใจเข้าเล็กน้อย เพื่อเรียกสติ และเริ่มลงมือทำข้อสอบตรงหน้า ด้วยสีหน้าที่สงบมากขึ้น

                  แม้ลอร่าจะพยายามทำใจให้สงบ แต่ความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของกรรมการคุมสอบก็ทำให้ลอร่าต้องพยายามครองสติของตนเองไว้ให้มากที่สุด ลอร่าต้องพยายามคิดว่าคนที่นั่งอยู่รอบตัวนางนั้นเป็นเพียงตุ๊กตาหน้าโหด ที่สามารถปล่อยรังสีอำมหิตออกมาได้เท่านั้น ซึ่งนั้นก็พอทำให้ลอร่ารู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง และหากลอร่าได้รู้ความจริงว่าหนึ่งในคนที่กำลังนั่งหน้าโหดตรงข้ามนางนั้นได้ไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้ว คงทำให้ลอร่ารู้สึกผ่อนคลายมากกว่านี้

                  …เฮ้อ จะมองอะไรกันนักนะ…

                  คำบ่นของลอร่าดังขึ้นในใจ เมื่อนางเผลอเหลือบตาขึ้นไปมองผู้นั่งอยู่หน้าห้อง ที่มองลอร่าราวจับผิดตลอดเวลา จนนางรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ด้วยนางเกลียดสายตาเช่นนี้ที่สุด

                  …ทำไม ท่านพี่ต้องมองข้าแบบนั้น…

                  ลอร่าคิด แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจสายตาอีกฝ่าย นางก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบปึกหนาตรงหน้าจนเสร็จ ด้วยเวลาที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำเสร็จ

                  ตอนนี้เวลาผ่านไปเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น เหลือเวลาในการทำข้อสอบที่ใครๆคิดว่ามันต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงในการทำเสร็จอีกตังชั่วโมง ทำให้บรรดากรรมการคุมสอบที่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเด็กสาวตรงหน้าออกอาการอึ้ง และทึ่งในความสามารถที่ไม่เหมือนใคร แถมหลังจากทำเสร็จแล้ว ลอร่ายังกลับมานั่งทบทวนสิ่งที่ทำไปอีกครั้ง ทำเอาบรรดากรรมการคุมสอบที่พึ่งเคยเห็นของแปลกรู้สึกสนใจ ด้วยตั้งแต่พวกเขาคุมสอบมา ไม่สิถ้าจะให้ถูกแม้แต่ตอนที่พวกเขาเรียน ตอนทำข้อสอบเสร็จพวกเขายังไม่เคยคิดจะทวนมันอีกรอบเลย แค่ทำได้ และทำทันแค่นั้นก็บุญแล้ว อีกอย่างข้อสอบที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ เช่นนี้คงต้องบอกว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะที่พวกจอมเวทมองหากว่าสิบปีเป็นแน่ แต่แล้วนางกลับเดินเข้ามาในทางที่ยากลำบากยิ่งกว่าเช่นโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งความสามารถระดับนี้แทบจะไม่ได้ถูกหยิบขึ้นมาใช้

                  นี้ท่านข้าหลวงดักลาสเลี้ยงลูกด้วยตำรารึยังไง

                  เสียงที่ดังขึ้นในหัวโซเฟียไม่ได้เป็นของใครที่ไหน นอกจากท่านครูใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านข้างนางที่แม้สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ลอร่า กระนั้นท่านก็ยังอดเอ่ยถามนางด้วยความสงสัยทางความคิดไม่ได้

                  ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงค่ะ ท่านซีอุส

                  ไม่นานหลังจากที่โซเฟียตอบคำถามซีอุส เสียงที่ดังเข้ามาในความคิดอีกเสียงก็เริ่มทำให้นางรู้สึกเหนื่อยใจกับการมีน้องสาวที่มีความสามารถประหนึ่งต้มตำรากินเป็นของว่าง

                  แน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้สลับข้อสอบช่วยน้องเจ้า

                  ใครจะบ้าทำงั้น เจ้าควรรู้ว่าลอร่าน่ะ ต้มตำราเป็นอาหาร แถมไม่ใช่แค่เล่มสองเล่มนะ แต่เป็นทั้งห้องสมุด

                   ความสามารถที่เกินกว่าที่ใครจะสามารถหาคำบรรยายได้ทำให้โซเฟียตกเป็นจำเลยของคนที่แอบไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งแต่ไม่กี่นาทีแรกของการสอบ ที่พอตื่นมาก็ทำเอานางอย่างหาของแข็งๆมาทุบให้สลบไปอีกครั้ง ข้อหาตั้งคำถามสิ้นคิด จากนั้นนางก็เหลือบตาไปมองน้องหญิงผู้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าขณะนี้ตนกำลังโดนนินทาระยะเผาขน ที่กำลังอ่านทบทวนคำตอบอีกรอบอย่างตั้งใจ จนไม่รู้เลยว่าความสามารถที่น่าทึ่งนี้ กำลังทำให้บรรดาครูๆทั้งหลายเดือดร้อน โดยเฉพาะโซเฟียที่อาจจะต้องมานั่งคิดหลักสูตรหลังจากการทดสอบวันนี้สิ้นสุดลงว่า จะทำอย่างไรกับวิชาเรียนของน้องหญิงที่รัก

                  “เหลือเวลาอีกห้านาที!”

                  เสียงที่ดังขึ้น ไม่ได้ทำให้ลอร่าตกใจแต่อย่างไร เพราะตอนนี้นางก็ใกล้จะตรวจทานรอบที่สองเสร็จเรียบร้อย

                  “หมดเวลา วางปากกาลง”

                  ซีอุสเอ่ยเสียงเรียบ แล้วจับจ้องอากัปกิริยาของร่างบาง ที่ทำเพียงวางปากกาขนนกลง แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะตบเท้า ค้อมกายลงทำความเคารพคนทั้งหมด อย่างสง่า แล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องสอบ ตามระเบียบแบบแผนของนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร

                  หลังจากที่ลอร่าเดินหายลับไปจากห้อง กรรมการคุมสอบบางท่านที่เมื่อครู่ไปเฝ้าพระอินทร์ก็เริ่มรู้สึกตัว บางคนมองไปทางข้อสอบปึกหนาที่วางไว้บนโต๊ะ ซึ่งพวกเขามั่นใจว่ามันถูกเขียนตอบทุกหน้า และก็ยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้น เมื่อคาริมเดินไปหยิบชุดข้อสอบที่ว่าขึ้นดู ด้วยสีหน้าและแววตาไม่เชื่อเต็มที เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในคนที่เห็นข้อสอบชุดที่ว่ามาก่อนหน้านี้ แถมยังเห็นแบบละเอียดซะด้วย และเมื่อคาริมตรวจเช็กเรียบร้อยชุดข้อสอบก็ถูกส่งไปให้ท่านซีอุสรับไปดูเป็นคนต่อมา และส่งเรื่อยไปจนทั่วห้อง ให้บรรดากรรมการคุมสอบได้ทึ่งกันอีกครั้ง

                  “ข้าว่าแทนที่จะให้น้องเจ้าอยู่ที่นี้ สู้ส่งให้พวกโรงเรียนเวทมนตร์ไม่ดีกว่าหรอ พวกนั้นคงแทบจะส่งการ์ดเชิญให้น้องเจ้าเข้าเรียนเชียวล่ะ”

                  คาริมเอ่ยถามโซเฟีย หลังจากเห็นข้อสอบที่ลอร่าทำ และคำตอบที่เขากวาดตามองคร่าวๆก็รู้ได้ว่ามันถูกมากกว่าห้าสิบเปอร์เซนต์ ส่วนที่เหลือเป็นข้อที่เขาเองก็ไม่มั่นใจในคำตอบ

                  “ไม่ได้ เจ้าก็น่าจะรู้ว่ามีแค่ที่นี้เท่านั้นที่ปลอดภัยสำหรับลอร่า ลืมไปแล้วรึว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ลอร่าต้องอยู่ที่นี้”

                  โซเฟียกัดฟันกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน ด้วยนางไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มากไปกว่านี้ ยิ่งคนรู้มากเท่าไร ลอร่าก็จะไม่ปลอดภัยมากเท่านั้น เพราะนอกจากนางจะต้องระวังท่านลุงแล้ว ยังต้องระวังพวกชนเผ่าต้องสาป ที่เข้ามาป้วนเปี้ยนแถวสภาการปกครองกลางจนไม่น่าวางใจ

                  “งั้นข้าจะช่วยดูแลน้องสาวเจ้าด้วยความรัก ความเอ็นดูเป็นพิเศษเชียว”

                  คำพูดต่อมาของคาริม ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับขนลุกซู่ พร้อมกับทำสีหน้ากลืนไม่เข้ากลืนไม่ออก ยิ่งเมื่อเห็นสายตาหมายมั่นเต็มทีของท่านผู้บังคับบัญชาการกองเรือด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าคนที่กำลังจะได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษจากทั้งท่านผู้บังคับบัญชาการกองบิน และท่านผู้บังคับบัญชาการกองเรือนั้นกำลังจะชะตาขาดเต็มที ใครก็รู้ว่าคำว่าเอ็นดูเป็นพิเศษของพวกท่านนั้น หมายถึง ดีกรีความโหดที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากเดิมที่พวกนักเรียนก็ขยะกันจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว 

                  ...ช่างน่าสงสาร มาได้ไม่กี่วันก็โดนปีศาจช่างแกล้งหมายหัวเอาแล้ว...

                  ไทดัสคิด ขณะที่มองสายตาของท่านคาริมที่แววตากำลังเป็นประกายราวกับกำลังเจอของเล่นที่ถูกใจ ส่วนท่านโซเฟียนั้นก็ดูเหมือนกำลังถูกอกถูกใจในความสามารถของน้องสาวตนเอง ส่วนท่านครูอลาสทอลนั้นแม้ยังนิ่งเฉย หากแววตาก็มีประกายที่น่ากลัวบางอย่าง ประกายที่เขารู้สึกได้ว่างานนี้เด็กสาวคนนั้นคงไม่รอดจากการเป็นเหยื่อของปีศาจทั้งสามแน่นอน


                  หลังจากที่ลอร่าเดินออกมาจากห้องสอบนางก็เห็นทั้งเจนน่า และจีน่านั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเดินแถวหน้าห้อง บริเวณที่เมื่อช่วงเช้ามีคนออกันอยู่เต็ม แต่เวลานี้เหลือเพียงเจนน่าและจีน่า ทันทีที่ลอร่าเดินออกมา สายตาของเด็กทั้งสองก็หันมามองเพื่อนสาวทันทีก่อนที่เด็กทั้งหมดจะชักชวนกันไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร ก่อนที่ลอร่าจะต้องเข้ารับการทดสอบภาคปฏิบัติในช่วงบ่าย

    โรงอาหารกลางในเวลานี้ เต็มไปด้วยนักเรียนจำนวนมหาศาลที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวัน เพื่อรอชมการทดสอบภาคปฏิบัติในช่วงบ่าย โดยเจ้าคนที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนายอดนิยมก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนที่ตกเป็นข่าวแบบไม่เว้นแต่ละวันตั้งแต่มาเข้าเรียน ที่เวลานี้กำลังนั่งตีหน้าเรียบกินอาหารกลางวันอยู่ที่โต๊ะตัวในสุด โดยมีเพื่อนสาวร่วมชั้นปีอีกสองคนนั่งประกบข้างไม่ห่าง

    เสียงพูดคุยของนักเรียนดังสนั่นไปทั่วโรงอาหารกลาง แบบไม่เกรงใจใคร ด้วยวันนี้ยังไม่ถือเป็นวันเปิดภาคเรียนอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้บรรดาครูทั้งหลายทำทีเป็นมองไม่เห็นการกระทำที่ขาดระเบียบวินัย อีกทั้งเวลานี้พวกพี่สภานักเรียน และนักเรียนชั้นปีอื่นๆก็ตื่นเต้นไปกับการทดสอบในช่วงบ่าย ทำให้ไม่มีรุ่นพี่คนไหนสนใจความไร้วินัยของพวกน้องๆ ทำให้ทุกคนส่งเสียงพูดคุยแบบไม่เกรงใจใคร จนคนที่มักจะอยู่ในโลกแห่งความสงบเช่นลอร่าเริ่มรู้สึกหงุดหงิด กระนั้นสีหน้าของนางกลับไม่ได้แสดงออกถึงอาการดังกล่าว ดวงหน้างามยังคงราบเรียบ หากบรรยากาศขมุกขมัวรอบกายที่เจ้าตัวบรรจงแผ่ออกมาแบบไม่รู้ตัว ก็ทำให้ทั้งเจนน่า และจีน่ารับรู้ได้ถึงความไม่สบอารมณ์ของลอร่าเป็นอย่างดี ซึ่งนั้นทำให้ทั้งสองรู้สึกอึดอัด และอดทึ่งกับความอดทนของเพื่อนตรงหน้าไม่น้อย เพราะหากพวกนางเจอเสียงนินทาที่ลอยมากับลมแบบไม่คิดปิดบัง และสายตาสอดรู้สอดเห็นอย่างไม่เกรงใจเช่นที่ลอร่ากำลังประสบอยู่นั้น พวกนางคงลุกขึ้นไปจัดการคนพวกนั้นให้กลับไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มให้รู้แล้วรู้รอด ไม่ปล่อยให้นินทาเอานินทาแบบไม่เกรงใจเช่นนี้หรอก

    ลอร่าต้องใช้ความพยายามไม่น้อยในการทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนินทาพวกนั้น แม้ว่าแท้จริงนางจะอยากตอบโต้คำนินทาพวกนั้นให้รู้แล้วรู้รอด แต่ด้วยฐานะของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักร ทำให้นางไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ ทุกสิ่งต้องคิดให้รอบคอบ ไม่ว่าจะได้ยินสิ่งใดมา หากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ก็ต้องทำประหนึ่งไม่เคยได้ยิน นั้นคือสิ่งที่นางเรียนรู้มาตั้งแต่จำความได้

     

    ลูกรัก ลูกเป็นคนของดักลาส และเป็นเจ้าหญิงแห่งไอริส คำพูดและการกระทำของเจ้าจะต้องเชื่อถือได้ ดังนั้นจงคิด และไตร่ตรองทุกการกระทำของเจ้าให้ดี เพราะทุกการกระทำของเจ้าจะหมายถึงไอริส ความผิดพลาดของเจ้าแม้เพียงน้อยนิดก็จะไม่ได้รับการให้อภัย...

    นี้เป็นคำสอนของท่านแม่ ที่นางได้ยินมาตั้งแต่จำความได้ คำสอนที่ทำให้นางต้องระลึกไว้เสมอว่า ก่อนกระทำสิ่งใด จะต้องไตร่ตรองให้ดี ห้ามปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกเป็นตัวตัดสินแทนที่สมอง 

     

                   “เฮ้อ...”

                  ลอร่าระบายลมหายใจออกมาน้อยๆ อย่างเหนื่อยหน่าย จนคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยอย่างเจนน่า และจีน่ารู้สึกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง

                  “ไม่เป็นไรนะ”

                  “ถ้าเจ้ารำคาญ เดี๋ยวข้าจัดการให้เอามั้ย”

                  เจนน่าเสนอตัว ด้วยนางเองก็รู้สึกรำคาญกับสายตาพวกนั้นไม่น้อยเหมือนกัน แต่ลอร่ากับทำเพียงปฏิเสธเสียงเรียบ พร้อมรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกันเป็นสัญญาณการจบมื้ออาหารนี้

                  “ไม่ต้อง”

                  “งั้นไปเถอะ อากาศข้างนอกคงทำให้เจ้ารู้สึกสดชื่นขึ้น”

                  จีน่าชวน เมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนสิ้นสุดมื้ออาหารแล้ว อีกอย่างหากยังนั่งอยู่ในนี้ต่อไป ก็คงมีแต่จะทำให้พวกนางรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น ฉะนั้นออกไปสูดอากาศด้านนอกให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวสำหรับการทดสอบช่วงบ่ายดีกว่า ซึ่งความคิดนี้ก็ได้รับความเห็นชอบจากทั้งคู่ ทำให้เด็กสาวทั้งสามคนเดินออกไปด้านนอกโรงอาหาร

                  “รู้เรื่องการทดสอบช่วงบ่ายรึยัง”

                  คำถามของจีน่าดังขึ้นเมื่อทั้งสามคนเดินออกมาพ้นเขตโรงอาหาร ไกลมากพอที่จะไม่ได้ยินเสียงนินทาไม่รู้จบ

                  “เจ้าไปรู้อะไรมาอีกล่ะ”

                  เจนน่าแซว ด้วยรู้ว่าจีน่ามีความสามารถด้านการเก็บข้อมูลที่ไม่เป็นรองใคร ก็เพื่อนนางคนนี้นั้น หูดีเป็นที่หนึ่ง แถมไอ้อาการนิ่ง เวลาที่เพื่อนๆคุยกัน แท้ที่จริงเจ้าตัวกำลังเก็บข้อมูลอยู่

                  “ได้ยินพวกพี่ลาซูลีคุยกันตอนนั่งรอลอร่าด้วยกันกับเจ้านั่นแหละ เรื่องผู้ที่จะทำการทดสอบในช่วงบ่าย”

                  จีน่าเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ ที่รู้ในสิ่งที่เจนน่าไม่รู้ แม้ว่าทั้งคู่จะนั่งอยู่ด้วยกันตลอดเมื่อช่วงเช้าก็ตาม กระนั้นเจนน่าก็เพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ด้วยรู้จักกันมานาน และนางก็รู้ด้วยว่าจีน่านั้นเป็นประเภทหูดีเกินเหตุ บางครั้งก็จะได้ยินในสิ่งที่นางไม่ได้ยิน

                  “สรุปได้ยินมาว่าไง”

                  “คนที่ทำการทดสอบในช่วงบ่าย จะเป็นพวกรุ่นพี่ที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละด้านไง ได้ยินว่าพวกท่านครูเป็นคนคัดเลือกเองกับมือ ฉะนั้นคงเดาได้นะว่าจะหินขนาดไหน ตอนบ่ายก็สู้เขานะ ลอร่า”

                  จีน่าตอบ ด้วยน้ำเสียงที่แฝงความน่ากลัวไว้ในที สายตาเหลือบมองคนที่จะต้องเจอของหินในช่วงบ่าย อย่างเห็นใจ กระนั้นคนที่จะต้องเจอของยากกลับยังมีสีหน้าสงบนิ่ง

                  “ข้าก็ไม่ได้หวังว่าจะเจอของง่ายอยู่แล้ว”

                  ลอร่าเปรย อย่างไม่เห็นว่าเรื่องที่จีน่าได้ยินมาจะแปลกประหลาดตรงไหน ด้วยนางรู้อยู่แล้วว่าการทดสอบนี้ มันไม่มีอะไรที่ง่ายสำหรับนางสักอย่าง

                  “ถามจริงเถอะ ข้อสอบเมื่อเช้ายากมั้ย”

                  เจนน่าพยักหน้ารับคำเปรยของลอร่าน้อยๆ อย่างเห็นใจ แล้วอดเอ่ยปากถามถึงข้อสงสัยที่นางได้ยินมาตลอดระยะเวลาที่นั่งอยู่ที่โรงอาหารไม่ได้ แม้ในใจจะรู้ว่าลอร่าเป็นประเภทอัจฉริยะก็ตาม

                  “ยาก”

                  คำตอบสั้นง่ายได้ใจความของลอร่า เป็นเครื่องยืนยันความยากของข้อสอบได้เป็นอย่างดี เพราะคำว่ายากของลอร่านั้น ความหมายว่าถ้าให้คนปกติทั่วไปทำ ระดับความยากที่ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกสองถึงสามเท่า ฉะนั้นเจนน่าจึงหมายมั่นว่าชีวิตนี้นางจะไม่ขอเรียนหลักสูตรเร่งรัดเป็นอันขาด

                  “ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”

                  เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่จะต้องไปทดสอบแล้ว ลอร่าจึงขอตัวกลับไปเปลี่ยนชุด ซึ่งเจนน่ากับจีน่าก็พยักหน้ารับ พร้อมโบกมือลา และอวยพรให้ลอร่าเล็กน้อย

                  “เจอกันที่สนาม ขอให้โชคดีนะ”

                  “อือ”

     

                  แม้แสงแดดหลังเที่ยงวันจะแรงกล้าเพียงใด แต่ก็ไม่ทำให้เหล่านักเรียนชั้นปีต่างๆ ที่สนใจใคร่รู้ และอยากติดตามการทดสอบภาคปฏิบัติของหลักสูตรเร่งรัดหนีกลับไปพักผ่อนที่หอพักแต่อย่างไร เวลานี้รอบสนามฝึกใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางโรงเรียนถูกนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารจับจ้องโดยรอบ เช่นเดียวกับเหล่าครูฝึกที่บางคนก็นั่งอยู่ภายในเต็นท์ที่ทางสภานักเรียนจัดเตรียมไว้ให้ หรือไม่ก็แฝงตัวอยู่ตามกลุ่มนักเรียน

                  สาเหตุที่ทำให้การทดสอบนี้เป็นที่สนใจของทุกคนคงหนีไม่พ้นข่าวลือเรื่องความหินของหลักสูตรที่ว่าจนไม่มีใครยื่นความจำนงขอเรียนมาเป็นเวลานาน และคะแนนสอบภาคทฤษฎีที่สูงชนิดทำลายสถิติของผู้ยื่นความจำนงขอเรียน รวมไปถึงการที่คนที่ว่าเป็นดาวเด่นที่ใครๆต่างจับตามองตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในโรงเรียน ทำให้ความสนใจของผู้คนยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนท่านประธานนักเรียนของใครๆ เกิดความคิดอยากทำให้การทดสอบที่ว่านี้กลายเป็นความบันเทิงแก่ทุกคน ก่อนการเปิดภาคเรียนในวันพรุ่งนี้

                  ภายในเต็นท์ที่จัดเตรียมไว้สำหรับกรรมการคุมสอบ มีร่างสูงของท่านครูใหญ่ และท่านผู้บังคับบัญชาการทั้งสามเหล่าทัพนั่งอยู่แถวหน้าสุด ถัดลงมาเป็นคณะกรรมการชุดเดิมกับเมื่อเช้า ที่กำลังนั่งพูดคุยเพื่อรอเวลา กระนั้นบริเวณดังกล่าวก็ไม่มีนักเรียนคนใดกล้าย่างก้าวเข้ามาใกล้ ด้วยไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งเกี่ยวหรืออยากเจอหน้าท่านครูผู้นั่งเป็นประธานอยู่ด้านหน้ามากนัก

                  “สวัสดีทุกคนคร๊าบบบบ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้ว พร้อมที่จะรับชมความสนุกกันรึยังเอ่ย!!!

                  เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรเดินเข้ามายังกลางสนาม แล้วหันหน้าไปทางเต็นท์ของกรรมการคุมสอบ ก่อนจะตบเท้าค้อมกายลงทำความเคารพผู้ที่นั่งเป็นประธานอยู่ในเต็นท์ และทันทีที่ซีอุสพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้ทำการทดสอบช่วงบ่ายได้ เขาก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายทันที

                  “ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูรายการ และกติกาสำหรับการทดสอบในช่วงบ่ายกันดีว่า เริ่มจาก...”

                  เสียงพิธีกรยังคงดังอย่างต่อเนื่อง สร้างความหรรษาให้กับผู้ชมรอบสนาม กระนั้นมันก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากเหล่ากรรมการคุมสอบภายในเต็นท์ได้ เพราะตอนนี้ความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่บทสนทนาระหว่างท่านผู้บังคับบัญชาการกองเรือ และท่านผู้บังคับบัญชาการกองบินแห่งไอริส   

                  “เจ้าลาซูลี มันทำซะ อย่างกับรายการโชว์เลยแฮะ”

                  เสียงทุ้มของชายที่มีอำนาจสูงสุดในกองทัพเรือเอ่ยขึ้น อย่างขบขัน ขณะมองพิธีกรภาคสนามกำลังสร้างความสนุกหรรษาให้แก่เหล่าเพื่อนนักเรียน

                  “ก็ใครใช้ให้เจ้าปล่อยข่าวลือประหลาดๆนั้นกันล่ะ”

                  โซเฟียเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก หลังจากที่รู้ว่าคนข้างๆแอบไปหย่อนระเบิดไว้กลางโรงอาหารหลังจากที่พวกนางออกมาจากห้องสอบเมื่อเช้า แถมข่าวลือที่ว่ายังแพร่ไปทั่วโรงเรียนเร็วซะอย่างกะไฟล่ามทุ่ง จนพวกนักเรียนเชื่อเป็นจริงเป็นจัง 

                  “ใครมันจะไปรู้ ว่ามันจะแพร่เร็วขนาดนี้ รู้งี้น่าจะบอกว่านอกจากจะได้คะแนนเต็มแล้ว ยังเป็นบุตรสาวคนสวของท่านข้าหลวงดักลาสด้วย เอ๋...หรือจะให้บอกว่าเป็นน้องหญิงที่ท่านผู้บังคับบัญชาการกองบินเกรงนักหนาดี

                  คาริมเปรยอย่างไม่ทุกข์อะไร กับคำกล่าวหา และสายตาไม่สบอารมณ์ของโซเฟีย ทำให้ตอนนี้โซเฟียรู้สึกอยากถีบคนช่างกวนให้ตกเก้าอี้คอหักตายไปให้รู้แล้วรู้รอด จะได้รู้ซะบ้างว่าใครเกรงใคร

                  “หุบปากซะคาริม เจ้าไม่ควรกระจายข่าวอะไรทั้งนั้น อีกอย่างคะแนนภาคทฤษฎีก็ยังไม่ออก อย่าทำให้น้องข้าต้องรำคาญใจไปมากกว่านี้ แล้วก็ไม่ต้องเที่ยวไปหลอกนักเรียนด้วย”

                  โซเฟียเอ่ยเสียงเขียว พร้อมสายตาเอาเรื่อง หากอีกฝ่ายยังไม่ฟังคำเตือนของนาง โซเฟียรู้ดีว่าข่าวพวกนี้จะต้องทำให้ลอร่ารำคาญเป็นอย่างมาก ด้วยน้องหญิงของนางเกลียดการถูกนินทาเป็นที่สุด กระนั้นนางก็รู้ว่าต่อให้ลอร่าจะนึกรำคาญ หรือไม่ชอบขนาดไหนลอร่าก็คงทำได้เพียงเก็บมันเอาไว้ข้างใน

                  “น่า โน้นการทดสอบเริ่มแล้ว”

                  คาริมเอ่ยปัด พลางชี้นิ้วไปทางกลางสนามที่มีลอร่า และเด็กหนุ่มอีกสามคนยืนอยู่กลางสนาม พร้อมด้วยปืนยาวที่ภายในบรรจุกระสุนเวทไว้พร้อม ทำให้โซเฟียต้องมองตาม

                  “ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าติวอะไรให้น้องสาวสุดที่รักบ้าง ว่าแต่จะไหวแน่หรอ แค่ถือปืนยืนเฉยๆยังเหมือนจะร่วงไม่ร่วงแหล่”

                  คาริมเปรย ขณะที่สายตาเพ่งพินิจร่างบางของเด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่กลางสนาม ตามความคิดเขา เขาคิดว่าลอร่าออกจะเป็นเด็กที่ตัวเล็ก และผอมบางกว่าเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน จนน่าเป็นห่วงว่าจะปลิวไปกับลม และต่อให้นางจะฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่ถ้าต้องมาทดสอบพวกการใช้อาวุธ หรือต้องออกแรงหนัก เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่านางจะผ่านมันไปได้อย่างไร

                  “เดี๋ยวก็รู้”

                  โซเฟียเอ่ยอย่างมั่นใจ ว่าการทดสอบนี้ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับลอร่าได้ ด้วยนางเป็นผู้สอนและฝึกลอร่ามากับมือทำไมจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ลอร่าทำได้ และทำไม่ได้ล่ะ

                  เป้ารูปวงกลมปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าด้วยพลังเวทมนตร์ของซีอุส จากนั้นมันก็ลอยโฉบบินไปทั่วทั้งสนาม จนผู้จ้องมองการเคลื่อนไหวของเป้าเริ่มมึนหัว กระนั้นก็คงสู้พวกที่กำลังยืนอยู่ภายในสนามไม่ได้ เมื่อเป้าที่ควรจะลอยอยู่บนฟ้าเฉยๆ เริ่มที่จะโฉบขึ้นโฉบลงราวเหยี่ยวที่กำลังหาเหยื่อเข้าโจมตีผู้ที่ยืนอยู่กลางสนาม จนต้องเหวี่ยงตัวหลบหลายครั้ง ก่อนจะหาจังหวะยกปืนขึ้นเล็งไปที่เป้า

                  ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

                  เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดติดต่อกัน เช่นเดียวกับกระสุนเวทมนตร์หลากสีที่พุ่งไปยังเป้ารูปวงกลมอย่างไม่มีพลาดสักนัด จนเป้าเหล่านั้นร่วงลงสู่พื้น ทำให้พวกนักเรียนที่ยืนอยู่ข้างสนามแทบอ้าปากค้าง ด้วยความทึ่งกับความสามารถของเหล่านักเรียนหัวกะทิของโรงเรียน รวมไปถึงความสามารถของน้องใหม่ ที่สามารถจัดการกับเป้าที่บินด้วยความเร็วขนาดนั้นได้ ด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที แถมกระสุนเวทมนตร์ทุกนัดยังไม่มีพลาดเป้า

                  “อ่ะ…อะ…ล…และการทดสอบแรกก็ได้จบไปแล้วนะครับ รวดเร็วจริงๆ แถมสาวน้อยมหัศจรรย์ของเราก็ยังสามารถทำให้พวกเราตกใจกันได้อีกเช่นเคย งั้นเรามาช่วยกันลุ้นดีกว่าว่าการทดสอบที่สองจะเป็นเช่นไร”

                  เสียงพิธีกรดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้รับการเตือนสติจากเพื่อนนักเรียนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

                  “การทดสอบที่สอง จะทดสอบการใช้มีด ซึ่งจะต้องแข่กันทำคะแนนให้ได้มากที่สุด ส่วนคะแนนจะตัดสินตามจุดที่มีดปักบนเป้า

                   พิธีกรยังคงทำหน้าที่อธิบายต่อไป และเมื่อเขาอธิบายจบก็หันไปมองเหล่าคนที่ต้องแสดงการใช้มีดสั้นที่ตอนนี้มีเด็กหนุ่มหน้าใหม่อีกสามคนเดินไปรวมกับลอร่าที่ยืนอยู่กลางสนามก่อนแล้ว

                  “งั้น...”

                  เมื่อเห็นว่าทุกคนประจำที่กันเรียบร้อย พิธีกรก็กำลังจะให้เริ่มการทดสอบ หากไม่มีเสียงทุ้มของท่านครูที่พวกเขารู้จักกันดีดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ทุกคนหันมามองด้วยความสนใจ

                  “เดี๋ยว! ข้าขอเปลี่ยนกติการอบนี้นิดหน่อย”

                  “คิดจะทำอะไร นี่มันส่วนของข้านะ”

                  โซเฟียปรายตามองคาริมอย่างไม่วางใจ ด้วยรู้ว่าเขาจะต้องคิดทำอะไรสักอย่าง ที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับลอร่าแน่นอน

                  “กลัวน้องจะกระอักเลือดตายรึไง เอาน่าข้ายกการทดสอบการใช้อาวุธประชิดให้เจ้าแล้วกัน”

                  คาริมยั่ว ทำให้ได้รับสายตาพิฆาตจากโซเฟียเป็นการตอบแทน กระนั้นเขาก็ยอมลงให้นางเล็กน้อย โดยการยกการทดสอบที่ตนรับผิดชอบในรายการต่อไปให้อีกฝ่ายดูแล ซึ่งดูเหมือนว่านั้นจะทำให้โซเฟียสงบลงบ้าง

                  “ตามใจ”

                  “กติกาสำหรับการทดสอบนี้จะไม่ต่างไม่จากที่อธิบายเมื่อสักครู่ เพียงแต่ข้าจะเพิ่มเงื่อนไขของการทดสอบ คือ ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องปิดตา และเป้าที่ใช้ข้าจะเป็นคนควบคุมเอง”

                  เงื่อนไขที่คาริมเพิ่มเติม ทำให้รอบสนามเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น กระนั้นภายในเต็นท์ของคณะกรรมการคุมสอบกลับเงียบ ราวไม่มีใครคัดค้านต่อเงื่อนไขใหม่นี้

                  เสียงวิพากษ์วิจารณ์เงื่อนไขที่ท่านครูคาริมเพิ่มเติม ทำให้นักเรียนทั่วทั้งสนามเริ่มหันมองหน้ากัน โดยเฉพาะกับพวกนักเรียนใหม่ ที่จับกลุ่มนั่งชมการทดสอบด้วยความสนุก ปนทึ่งกับความสามารถของคนที่พวกเขาเคยตัดสินว่าหยิ่ง และไร้มนุษยสัมพันธ์ พวกเขากำลังพยายามคาดเดาผลของการทดสอบที่ว่านี้อย่างสนุก ผิดกับเจนน่า และจีน่าที่รู้สึกเป็นห่วงในสวัสดิภาพของเพื่อนสาวขึ้นมา หลังจากเห็นสายตา ยามเมื่อท่านครูคาริม ประกาศเงื่อนไขเพิ่มเติม

                  “ลอร่าจะรอดมั้ย”

                  เจนน่าเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ใครก็รู้ว่าการที่ท่านครูคาริม ผู้ได้ชื่อว่าปีศาจแห่งธาราออกมาวุ่นวายกับการทดสอบย่อมไม่ใช่เรื่องน่าดีใจแม้แต่น้อย ด้วยท่านนั้นเป็นที่หนึ่งในเรื่องการออกแบบการฝึกให้ออกมาโหดแบบผิดมนุษย์มานา จนพวกรุ่นพี่บอกว่าการไม่ต้องฝึกกับท่านนั้น เป็นลาภอันประเสริฐอย่างหาที่สุดไม่ได้

                  “ข้าไม่รู้ รู้แค่ว่าคราวนี้ลอร่าไม่ได้เจอแค่ของหินแล้ว”

                  จีน่าเปรย ด้วยสติที่เหมือนไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไร สีหน้าของนางเวลานี้ดูซีดลงไปเยอะ ขณะมองไปยังกลางสนามที่ท่านครูคาริมกำลังเดินออกมาจากเต็นท์มุ่งตรงไปหาพวกที่ยืนอยู่กลางสนาม พร้อมอวยพรให้ลอร่าอย่างสิ้นหวัง

                  “ถ้าเจ้าเป็นอะไร ข้าจะอุทิศส่วนกุศลไปให้นะ...”

                 

                  กลับมาทางด้านสนามที่ใช้ในการทดสอบ ตอนนี้นักเรียนที่ยืนอยู่กลางสนามได้รับผ้าปิดตากันเรียบร้อย พร้อมทั้งใช้มันปิดตาตามคำสั่งของท่านผู้เป็นใหญ่แห่งกองทัพเรืออย่างเคร่งครัด จากนั้นคาริมก็เดินออกมาจากเต็นท์ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย

                  “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง ลอร่า”

                  เสียงทุ้มที่ดังขึ้นแผ่วเบาที่ข้างหูของลอร่า ทำให้ขนที่ต้นคอลุกซู่ อย่างหวาดระแวง ราวกับสัญชาตญาณบางอย่างบอกนางว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่อันตราย และนางไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาคนนี้จะเป็นเพื่อนของพี่หญิงก็ตาม

                  “เอาละ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มการทดสอบกันเลย”

                  คาริมเปรย พร้อมโบกมือไปมาสองสามครั้ง เป้าที่เคยนิ่งก็ลอยสูงขึ้น แล้วบินไปมล้อมรอบกลุ่มนักเรียน ที่ยืนอยู่กลางสนาม

                  “เริ่ม!”

                  เสียงสัญญาณดังขึ้น หากไม่มีนักเรียนคนใดกล้าขยับตัว หรือปามีดที่อยู่ในมีดออกไปแม้แต่คนเดียว ด้วยกลัวว่ามีดที่ตนปาออกไปนั้นจะไปปักอยู่บนหัวใคร แทนที่เป้าที่เวลานี้พวกเขาไม่สามารถมองเห็น

                  “จะทำอะไรก็รีบๆทำ อย่าให้ข้าต้องเสียแรงที่สู้อุตส่าห์สละเวลาไปสอน”

                  คำเร่งเชิงคาดโทษของคาริม ทำให้เหล่านักเรียนที่ต้องยอมเสี่ยงชีวิตมาเรียน ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ พลางคิดในใจว่า หากท่านครูจะไม่สละเวลามาสอนพวกเขาเลยจะเป็นการดีต่อชีวิตของพวกเขาอย่างมหาศาล ด้วยมาสอนทีไรพวกเขาเป็นต้องโชกเลือดกลับไปทุกที              

                  เฟี๊ยว…ฉับ!

                  คำเร่งดูเหมือนจะได้ผล เมื่อมีดเล่มแรกถูกเหวี่ยงออกจากมือของเด็กหนุ่มที่เป็นนักเรียนชั้นปีที่สี่ไปปักเข้าเป้า จากนั้นมีดเล่มที่สองและสามก็เตรียมจะถูกเหวี่ยงออกไป หากก่อนที่มันจะหลุดออกจากมือของเด็กหนุ่มคนนั้นมีดอีกสามเล่มก็หลุดออกจากมือของเจ้าของที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันไปปักเข้าเป้าวงกลมที่ลอยอยู่ อย่างแม่นยำไม่แพ้กัน

                  …ฉับ…ฉับ…ฉับ…

                  เมื่อมีดทุกเล่มพุ่งตรงไปปักยังเป้า คาริมก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนหมุนกายเดินกลับเข้าไปในเต็นท์ เพื่อรอชมการทดสอบต่อไป

                  การทดสอบการใช้มีดจบลงด้วยเวลาไม่นานไปกว่าการทดสอบการใช้ปืน ซึ่งความเร็วของการทดสอบทำให้นักเรียนที่ชมอยู่รอบสนามตื่นเต้น และหันมาพูดคุยกันมากกว่าจะสนใจการทดสอบการใช้อาวุธประชิด อย่างการใช้ดาบไป ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องดีของลอร่าที่ไม่ถนัดการใช้อาวุธหนัก อย่างดาบ แต่เมื่อการทดสอบที่สามจบลง เหล่านักเรียนก็กลับมาสนใจกันอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าเมื่อครู่พวกตนนั้นได้พลาดชมการทดสอบอะไรไป

                  “ในที่สุดก็มาถึงการทดสอบสุดท้ายกันแล้ว นั้นคือการทดสอบการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เรามาดูกันดีกว่าว่าหนูน้อยมหัศจรรย์คนใหม่ของเราจะทำอะไรได้บ้าง”

                  แม้นี้จะเป็นการทดสอบอย่างสุดท้าย แต่พิธีกรภาคสนามที่ลาซูลีหามาก็ยังคงเรียกความสนใจจากเหล่านักเรียนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะฉายาใหม่ที่เขาพึ่งตั้งให้ลอร่า สามารถเรียกเสียงเฮได้อย่างล้นหลามจากเหล่าเพื่อนนักเรียน ทำให้การทดสอบสุดท้ายกลับมาดูน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นอีกครั้ง

                  เด็กหนุ่มที่ถูกใช้ให้มาทำการทดสอบเดินเข้ามาในสนาม ด้วยสีหน้าเป็นกังวล และออกไปทางไม่ชอบใจเสียเท่าไร โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงเด็กสาวตัวเท่าลูกแมว อีกอย่างเขาก็ถูกสอนให้เป็นสุภาพบุรุษที่คอยปกป้องผู้หญิง แต่มาคราวนี้เขากลับต้องลงมือทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวนิดเดียว แถมหน้าตาของเด็กคนนั้นดันสวยน่ารักน่าทะนุถนอมราวตุ๊กตากระเบื้องชั้นดีจนเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าจะสามารถลงมือทำร้ายเด็กคนที่ว่าได้มั้ย

                  “ขอความกรุณาด้วยค่ะ”

                  เมื่อเขาเดินเข้ามาถึงบริเวณที่ใช้ในการทดสอบ ลอร่าก็ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย พร้อมกล่าวคำที่ยิ่งทำให้คนที่ต้องทำร้ายเด็กผู้หญิงอ่อนยวบราวขี้ผึ้งต่อไฟ

                  “มองใกล้ๆยิ่งน่ารักหว่ะ”

                  เด็กหนุ่มที่ถูกใช้ให้มาทำการทดสอบเปรยกับตัวเองเสียงแผ่วอย่างเพ้อฝันเต็มที่ สายตามองดวงหน้างามน่ารักของลอร่าตาไม่กะพริบ โดยไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีสายตาคมกริบพุ่งตรงจากเต็นท์คณะกรรมการคุมสอบ ที่เตรียมจะเข้ามาตะปบคอเขาฉีกเป็นชิ้นๆ ข้อหาทำสายตาหวานซึ้งส่งให้น้องหญิงสุดรักสุดหวงของท่าน

                 

                  ขณะที่ภายในสนามกำลังเกิดประเด็นคำถามว่าจะทำอย่างไรกับการทดสอบนี้ดี ภายในเต็นท์คณะกรรมการเองก็เริ่มจะวุ่นวาย เมื่อท่านครูโซเฟียแผ่รังสีอำมหิตออกมาแบบไม่ปิดบัง หลังจากเห็นภาพสายตาหวานเยิ้มของเด็กหนุ่มที่ถูกใช้ให้มาทำการทดสอบขณะจ้องมองร่างบางของน้องสาวท่าน แล้วดูเหมือนว่าหากคาริมเอื้อมมือไปดึงข้อมือของโซเฟียไม่ทัน นางคงได้ลุกขึ้นไปจัดการเด็กหนุ่มคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดแทนการทดสอบสุดท้ายนี้ ซึ่งบรรยากาศที่เกิดขึ้นทำให้กรรมการที่นั่งอยู่ในเต็นท์ทั้งหมดรู้ชัดแบบถึงขั้วหัวใจว่า ท่านโซเฟียนั้นหวงน้องสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ซะอีก

                  “ใจเย็นหน่อยโซเฟีย เจ้าคงไม่อยากให้การทดสอบที่ผ่านมาของน้องเจ้าเป็นโมฆะหรอกนะ”

                  คาริมเตือน ทำให้สาวเจ้าพอจะสงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง ด้วยเห็นแก่น้องสาวสุดที่รัก ที่สู้อุตส่าห์ผ่านการทดสอบที่ว่ามาได้

                  “รอให้จบการทดสอบนี้ก่อนเถอะ ข้าจะจัดการให้น่วมเชียว”

                  คำหมายมั่นของโซเฟียทำให้ครูฝึกที่อยู่ในเต็นท์บางคนถึงกับทำสีหน้าเสียวแทนคนที่จะโดนท่านจัดการแบบไม่ยั้ง และสาบานกับตนเองว่าจะไม่คิดทำอะไรที่เป็นการทำให้ท่านหมดความอดทนเด็ดขาด

                  “เจ้าก็อย่าจริงจังให้มากเลย ในเมื่อเจ้าปล่อยน้องสาวมาที่นี้แล้วก็ควรทำใจบ้าง เจ้าก็น่าจะรู้ว่าลอร่านั้นน่ารักราวกับตุ๊กตา เช่นนี้คงไปโทษเจ้าทโมนพวกนั้นไม่ได้หรอก”

                  ซีอุสไกล่เกลี่ย ด้วยสีหน้าขบขันในการกระทำของพี่สาวจอมหวงน้อง ขณะที่สายตาก็มองการทดสอบที่กำลังเริ่มขึ้น การทดสอบที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เหมือนเอาสิงโตมาล่ากระต่าย แถมกระต่ายที่ว่าดันน่าทะนุถนอมมากเสียอีก

                  “ข้าว่าแทนที่เจ้าจะหงุดหงิดกับเรื่องนี้ หันมาเอาใจช่วยน้องเจ้าไม่ดีกว่าหรอ ข้าว่างานนี้รอดยาก”

                  คำเปรยของคาริม เรียกสายตาโซเฟียให้หันกลับมาสนใจการทดสอบตรงหน้า ที่เพียงแค่มองนางก็รู้แล้วว่านี้คงถึงขีดจำกัดของลอร่าแล้ว ด้วยลอร่าไม่เคยชินกับการใช้แรงหนักๆ แถมยังแทบจะไม่เคยจับอาวุธมาสู้รบตบมือกับใครอีก แค่การทดสอบที่ผ่านมาก็คงจะเต็มกลืนแล้ว และแม้ว่าลอร่าจะพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่แสดงอาการเหนื่อยหอบออกมา แต่ดูเหมือนการเคลื่อนไหวของลอร่าจะช้าลงไปมากทีเดียว เมื่อเทียบกับตอนที่ฝึกซ้อมกับนาง

                  ...ขอให้โชคดี น้องหญิงที่รัก...

                  โซเฟียคิด ขณะที่มองการต่อสู้ของลอร่า อย่างเอาใจช่วยเต็มที

                  ภาพการต่อสู้ที่แสนจะไม่ยุติธรรมเป็นที่สุด ทำให้รอบสนามเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม กระนั้นเมื่อภายในเต็นท์คณะกรรมการยังคงความสงบ ทำให้การทดสอบนี้ยังดำเนินต่อไป โดยที่คนที่ต้องทำการทดสอบก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะทำร้ายร่างกายแบบบางนั้นเท่าไร ราวกับว่าเขากำลังรอสัญญาณให้ยุติการต่อสู้ที่แสนจะไม่ยุติธรรมนี้ แต่ดูเหมือนสัญญาณที่ว่าจะไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากต้องจำใจทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา

                  “ดูไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษเลยแหะ...”

                  คำเปรยด้วยความหงุดหงิดของเด็กหนุ่มที่ต้องทำการโจมตีรุ่นน้องสาวดังขึ้น ขณะที่เขาพยายามลอบส่งสายตาไปทางเต็นท์คณะกรรมการคุมสอบหลายครั้ง เพื่อหวังให้การทดสอบนี้ยุติลง กระนั้นสิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ และสายตาของท่านครูอลาสทอลที่บอกให้เขารีบๆเข้าจริงได้แล้ว ก่อนที่ความอดทนของท่านจะหมด และเขาจะโดนลงโทษอย่างหนัก ข้อหาขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา

                  ...ช่วยไม่ได้ว่ะ ก็เป็นคำสั่งท่านครูอลาสทอลนิ ขืนไม่ทำข้านี้แหละจะตาย...

                  คนที่ต้องจำใจทำร้ายร่างกายสุภาพสตรีคิด ขณะที่พุ่งตัวเข้าหาร่างบาง ที่ยังคงยืนนิ่งเป็นเป้าให้โจมตี อย่างไม่คิดหลบหลีก หรือป้องกันใดๆ ทำเอาคนที่บอกว่าไม่มีทางเลือก เริ่มใจเสีย หากว่ากำปั้นของเขาจะทำให้ดวงหน้างามนั้นเป็นรอยช้ำ

                  ควับ...

                  เพียงเสียววินาทีก่อนที่กำปั้นนั้นจะพุ่งตรงมาที่แก้มนวล ลอร่าก็ก้าวถอยหลังไปก้าว พร้อมกับก้มตัวลงเล็กน้อย พลางมุดหายออกไปจากการเป็นเป้านิ่ง ซึ่งนั้นส่งผลให้เด็กหนุ่มที่กำลังพุ่งตรงมาที่ลอร่าเซถลาไปด้านหน้า จนเสียหลักล้มลงไปที่พื้น ส่วนด้านลอร่านั้นปรากฏตัวที่อีกด้านอย่างไม่มีรอยฟกช้ำใด เรียกเสียงตบมือ และเสียงเป่าปากด้วยความทึ่งจากนักเรียนรอบสนาม ที่เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ถึงกับลืมหายใจกันไป แถมบางคนยังถึงกับยกมือขึ้นปิดตา อย่างหวาดเสียว

                  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากคาริม ที่มองภาพการต่อสู้ตรงหน้าตลอดเวลา ขณะที่โซเฟียนั้นหัวใจแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นว่าลอร่ายังยืนนิ่ง ตอนที่กำปั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามา แต่หลังจากเห็นว่าลอร่าสามารถหลบออกมาได้อย่างฉิวเฉียดนางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ส่วนท่านครูอลาสทอลที่เอาแต่นั่งเงียบนั้น สายตาท่านจ้องมองลูกศิษย์ที่เขาสั่งให้ทำการทดสอบ อย่างคาดโทษเต็มที่ ซึ่งคาริมที่นั่งอยู่ใกล้ๆ สามารถสังเกตเห็น

                  “จบงานนี้ รับรองได้ว่าเจ้านั้นโดนท่านครูเล่นยับแน่”

                  คำเปรยด้วยสีหน้าหวาดเสียวของคาริม ทำให้โซเฟียที่นั่งอยู่ใกล้กันแอบเหลือบสายตาไปมองท่านครูอลาสทอล และนางต้องยอมรับว่าคำกล่าวของคาริมนั้นมีสิทธิเป็นจริงสูงมาก

                  “ยังไงก็คงไม่ใช่แค่เจ้านี้ที่โดนมั้ง ข้าว่าเจ้าคนที่เจ้าเอามาทดสอบการใช้ดาบก็คงโดนเจ้าเล่นยับไม่ต่างกัน”

                  โซเฟียย้อนอย่างรู้ทัน เพราะตอนที่ทดสอบการใช้ดาบ เจ้าเด็กนั้นก็ดูประมาท และไม่มีสมาธิกับการทดสอบสักนิด ทำให้ลอร่าสามารถผ่านการทดสอบมาได้แบบไม่ยากเย็นนัก

                  “มันก็ไม่แน่ ถ้าข้าได้ของเล่นที่ถูกใจ เด็กนั้นก็อาจจะไม่โดนข้าเล่นงานหนักมาก”

                  คำกล่าวของคาริม ด้วยสีหน้า และอารมณ์ที่ดีผิดปกติ ทำเอาคนเป็นพี่ของเด็กที่กำลังจะต้องกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ ถึงกับแอบศอกอีกฝ่าย ด้วยความหมั่นไส้ พร้อมสายตาเอาเรื่อง เป็นเชิงเตือนให้รู้ว่าน้องสาวนาง ไม่ใช่ของเล่นของใคร แต่สงครามระหว่างท่านผู้เป็นใหญ่แห่งกองบิน และกองเรือก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินคำชมที่หลุดออกจากปากของท่านครูใหญ่แห่งโรงเรียนเตรียมทหาร

                  “ไม่เลวเลย สำหรับเด็กอายุเท่านาง”  

                  “หลบเก่ง...การเคลื่อนก็ไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป”

                  คำชมคราวนี้มาจากท่านครูอลาสทอล ที่มองการต่อสู้ตรงหน้าตาไม่กะพริบ การต่อสู้ที่ใครหลายคนตัดสินว่าไม่ยุติธรรม กระนั้นเขากลับมองการต่อสู้ที่ว่านี้เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยเขาไม่คิดว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาในฐานะเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรจะสามารถเคลื่อนไหว และหลบหลีกการโจมตีได้ดีขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะพอรู้เรื่องที่ลอร่าเรียนการป้องกันตัวมาบ้าง แต่สิ่งที่เห็นดูเหมือนจะมากกว่าแค่คำว่าป้องกันตัว ซึ่งสิ่งที่ยืนยันความคิดเขาก็คือผลการทดสอบทั้งสามรายการที่ผ่านมา รวมถึงการเคลื่อนไหวในขณะนี้ของลอร่า

                  “แต่ทั้งการต่อย และเตะล้วนไม่หนักหน่วง”

                  คำวิเคราะห์ต่อมาแบบตรงประเด็นสุดๆของอลาสทอล ทำให้โซเฟียยิ่งมั่นใจว่าท่านครูนั้นดูลอร่าออกทั้งหมด แถมนางยังคิดว่าท่านครูรู้แม้กระทั่งขีดจำกัดของร่างกายลอร่า

                  “ฉลาด ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเด็กที่ใช้สมองในการต่อสู้”

                  คำชมคราวนี้มาจากคาริม ที่หันกลับมาสนใจการทดสอบต่อ หลังจากที่สามารถปรามโซเฟียได้สำเร็จ ภาพการต่อสู้เวลานี้ของลอร่าดูเหมือนใกล้จะจบเต็มที เมื่อดูท่าว่าคนที่เคยเคลื่อนไหวได้อย่างว่องไวเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง แถมทุกครั้งที่นางเตะ หรือต่อย ร่างบางเป็นต้องเซไปด้านหลังก้าว หรือสองก้าว ทำให้ตอนนี้นางเปลี่ยนกลับมาใช้วิธีการหลบหลีกตามเดิม กระนั้นตอนนี้ลอร่าก็เริ่มออกอาการหอบให้เห็นจนน่าเป็นห่วง

                  “ข้าว่าไม่ไหวแล้วล่ะ จะล้มเมื่อไรคงขึ้นกับเวลา”

                  คาริมเอ่ย ซึ่งสิ่งนี้โซเฟียก็รู้ดี เพราะนางรู้มาตั้งนานแล้วว่าตอนนี้เลยขีดจำกัดของร่างกายลอร่ามามากแล้ว สาเหตุเดียวที่ทำให้ลอร่ายังฝืนเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้คือความดื้อดึง และไม่ยอมแพ้ แต่ลอร่าก็คงทนรับได้อีกไม่นานนักหรอก

                  “เกิดอะไรขึ้น”

                  เสียงอุทานของใครหลายคนดังขึ้น เมื่ออยู่ๆร่างสูงของเด็กหนุ่มที่เงื้อมมือต่อยก็ถูกมือบางของลอร่าดึง แล้วบิดไปอีกทางจนร่างสูงเสียหลัก พร้อมกับอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเซเตะข้อพับจนรุ่นพี่หนุ่มถึงกับเสียหลักลงไปคุกเข่ากับพื้น และในวินาทีถัดมาลอร่าก็เงื้อมมือต่อยออกไปด้านหน้าห่างจากใบหน้าด้านข้างของรุ่นพี่ที่รับหน้าที่มาทดสอบ ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้เกิดเสียงพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังไปทั่วทั้งสนาม แม้แต่พิธีกรภาคสนามเองก็จนด้วยคำพูด ครูฝึกบางคนที่นั่งอยู่ภายในเต็นท์ก็ถึงกับลุกขึ้นยืน อย่างไม่เชื่อสายตา จนเมื่อได้ยินคำอธิบายจากท่านครูอลาสทอลที่มองการทดสอบที่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ทำให้พวกเขาคลายความสงสัยลงบ้าง

                  “การที่นางเคลื่อนที่เร็วขึ้น และวกวน ทำให้คู่ต่อสู้ต้องใช้แรงในการเคลื่อนที่ตาม และเข้าโจมตีมากขึ้น หลังจากนั้นนางก็อาศัยตอนที่คู่ต่อสู้เหนื่อยล่อให้คู่ต่อสู้โจมตี แล้วเข้าโจมตีบริเวณข้อพับต่างๆที่ล้าจากการรับแรงทั้งหมดของร่างกายตลอดการทดสอบ”

                  อลาทอลอธิบายเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากเต็นท์ เป็นสัญญาณให้คนทั้งหมดรู้ว่าการทดสอบภาคปฏิบัติได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อจากนี้เป็นเวลาที่พวกเขาจะต้องประชุมหาลือกัน เพื่อพิจารณาผลการยื่นความจำนงขอเรียนในหลักสูตรเร่งรัดของลอร่า

                  “มาทาดอร์กับกระทิงสินะ ข้าถึงได้บอกว่านางฉลาดเป็นกรดยังไงล่ะ”

                  ซีอุสพยักหน้ารับ พลางเปรยด้วยน้ำเสียงที่แสดงความชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะส่งสัญญาณให้พิธีกรภาคสนามประกาศการสิ้นสุดการทดสอบ จากนั้นเขาก็เดินตามอลาสทอลออกไป ตามด้วยคาริมที่ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไปจากเต็นท์   

                  “ดูเหมือนท่านครูอลาสทอลจะถูกใจน้องสาวเจ้าไม่น้อย”

                  คาริมเปรย พร้อมรอยยิ้ม ขณะที่เขากำลังเดินตามท่านครูอลาสทอล และท่านซีอุสเข้าไปยังอาคารสำนักงาน รอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นของคาริม ทำให้โซเฟียรู้ได้ทันทีว่าเวลานี้คนตรงหน้ากำลังถูกใจน้องนางไม่แพ้พวกท่านครูอลาสทอล และนางรับรองได้เลยว่า หลักสูตรที่จะหาลือกันต่อไปนั้น จะต้องมีคนทั้งคู่ร่วมด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย  


    จบบทที่ 11 การทดสอบ (รีไรท์)

    _______________________________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×