ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~Because I am the princess~

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 9 โรงเรียน (2) (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.46K
      12
      15 เม.ย. 63

    บทที่ 9 โรงเรียน (2) (รีไรท์)

                  ขณะที่นักเรียนชั้นปีที่ 1 กำลังตื่นตาตื่นใจกับการเที่ยวชมโรงเรียน และหอพัก แต่อีกด้านหนึ่งของโรงเรียนผู้มากด้วยศักดิ์ทั้งหลายกลับต้องประหลาดใจ เมื่ออยู่ๆหลังจากพิธีปฐมนิเทศสิ้นสุดลง ก็มีนายทหารราชองครักษ์นายหนึ่งขึ้นมารายงานว่า ขณะนี้องค์กษัตริย์ทรงประทับรออยู่ที่ห้องรับรองชั้นบน ทำให้ซีอุสที่พึ่งทำหน้าที่ตนเองเสร็จ ต้องรีบขึ้นมาบนห้องรับรอง ตามด้วยรองอาจารย์ใหญ่ทั้งสองคน นอกจากนั้นท่านผู้บังคับบัญชาการทั้งสามเหล่าทัพที่ตอนแรกคิดว่าจะไปแอบดูกิจกรรมรับน้องเสียหน่อย เป็นต้องรีบตามขึ้นมาบนห้องรับรองอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งนั้นเรียกสีหน้าหงุดหงิดใจจากโซเฟียที่พลาดโอกาสตามไปดูแลลอร่าห่างๆได้เป็นอย่างดี แต่นางก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น เมื่อเห็นบรรดาพระญาติที่นางรู้จักเป็นอย่างดี นั่งอยู่ในห้องรับรอง ไล่ลงมาตั้งแต่ท่านลุงวิลเลียม ซึ่งเป็นองค์กษัตริย์แห่งไอริส ท่านลุงเคเรส กับท่านลุงอาเชอร์ ที่เป็นข้าหลวงประจำเขตคฤหาสน์ และท่านพอร์เคียส ที่เป็นผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด และที่ปรึกษาส่วนพระองค์ด้านการทหาร

                  “ขอโทษด้วย ที่เรามาในวันที่พวกเจ้าทุกคนกำลังยุ่ง”

                  รับสั่งของผู้เป็นองค์กษัตริย์ทำให้เหล่าข้าราชบริวารที่กำลังยุ่งอยู่ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่นั้นต้องไม่ใช่กับโซเฟียที่แสดงท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด และคิดอย่างประชดประชันในใจ

                  ...ถ้ารู้ แล้วพวกท่านจะถอดสังขารกันมาทำไม...

                  “ไม่ต้องแอบประชดประชันข้าในใจหรอกหลานรัก สิ่งที่ทำให้ข้ามาในวันนี้ก็คือสิ่งที่เจ้ากำลังปกป้องอยู่นั้นแหละ”

                  รับสั่งอย่างรู้ทัน ไม่ได้ทำให้โซเฟียรู้สึกประหลาดใจอะไร ซ้ำนางกลับถอนหายใจน้อยๆ พลางยืนฟังอย่างสงบ สายตาจับจ้องไปทางท่านลุงวิลเลียม และเลยไปทางท่านลุงเคเรส และท่านลุงอาเชอร์ที่สีหน้ายังคงราบเรียบ

                  “ฝ่าบาททรงได้ยินว่าปีนี้ เจ้าหญิงทรงผ่านการทดสอบเข้ามาในโรงเรียนเตรียมทหาร จึงทรงรู้สึกกังวลพระทัยเรื่องหลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหาร”

                  คำเอ่ยนี้ดังขึ้นจากพอร์เคียสที่ยืนอยู่ด้านซ้ายพระหัตถ์ขององค์กษัตริย์ ซึ่งคำกล่าวนี้ก็เรียกสีหน้าประหลาดใจจากซีอุส ที่เป็นอาจารย์ใหญ่ และฟีรีต้า ที่เป็นรองอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาการได้เป็นอย่างดี ด้วยพวกเขามั่นใจว่า หลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหารที่ใช้กันมายาวนาน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

                  “เราไม่ได้สงสัยในตัวหลักสูตรของพวกท่านหรอก เพียงแต่หลานหญิงของเรา...ออกจะเป็นคนที่พิเศษกว่านั้น ซึ่งพวกท่านก็น่าจะเห็นแล้ว จากคะแนนการสอบเข้าที่ผ่านมา”

                  รับสั่งขององค์กษัตริย์ที่ดังขึ้นคราวนี้ ยิ่งทำให้คนในห้องประหลาดใจมากกว่าเดิม เพราะแม้ว่าคะแนนตอนสอบเข้าของลอร่าจะได้เต็ม แต่นอกเหนือจากนั้นนางก็ไม่ได้พิเศษออกไปจากคนอื่น จนกระทั่งองค์กษัตริย์ทรงพยักพระพักตร์ เป็นเชิงบอกให้ส่งเอกสารที่อยู่ในมือของพอร์เคียสไปให้ทุกคนในห้องดู

                  “นั้นเป็นผลการเรียนที่ผ่านมาของลอร่า”

                  เมื่อทุกคนในห้องก้มมองดูเอกสารผลการเรียนของลอร่าที่ผ่านมา ก็ถึงกับอึ้งกันไปตามๆกัน ด้วยไม่มีใครคิดว่า จะมีเด็กคนไหนที่ต้องเรียนวิชามากมายเช่นนี้ แถมผลคะแนนของแต่ละวิชาก็ไม่ได้แย่แม้แต่น้อย ออกจะไปทางยอดเยี่ยมทุกวิชาด้วยซ้ำ

                  “ประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ภาษาศาสตร์ กฎหมาย และการปกครอง คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการบริหารคลัง ภูมิศาสตร์ การทูต และการเจรจา รวมไปถึงการใช้อาวุธขั้นพื้นฐาน ลอร่าล้วนเคยเรียนมาทั้งหมด ฉะนั้นเราจึงต้องการให้พวกท่านจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมให้กับลอร่า”

                  พระราชประสงค์ขององค์กษัตริย์ ทำให้ซีอุสต้องหันไปมองฟีรีต้า อย่างขอความเห็นเล็กน้อย กระนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกขัดคล้องอะไรต่อพระราชประสงค์นี้ เนื่องจากไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของมัน

                  “การจะจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเจ้าหญิงนั้นไม่ใช่เรื่องยากพะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมจำต้องทำตามกฏระเบียบ ด้วยโรงเรียนเตรียมทหารก็มีกฎระเบียบเรื่องความเสมอภาคอย่างชัดเจน หากฝ่าบาทต้องการให้เจ้าหญิงได้รับการเรียนการสอนที่เหมาะสม เจ้าหญิงจะต้องเป็นผู้ยื่นความจำนงขอเรียนในหลักสูตรเร่งรัดของกองทัพ และต้องผ่านการทดสอบ พวกกระหม่อมจึงจะสามารถปฏิบัติตามพระราชประสงค์ได้”

                  ซีอุสกราบทูล ขณะสบพระเนตรขององค์กษัตริย์ที่มีสีพระพักตร์ครุ่นคิดเล็กน้อย พลางเหลือบสายพระเนตรไปทางท่านข้าหลวงทั้งสองคน ราวกับทรงดำริอะไรบ้างอย่าง

                  “ลอร่าจะต้องยื่นความจำนงแน่”

                  คำกล่าวเสียงเรียบที่ดังขึ้นจากข้าหลวง แห่งคฤหาสน์ใต้ ทำให้คนทั้งห้องหันไปมอง ผิดกับองค์กษัตริย์ที่เพียงประทับนิ่ง รอฟังการสนทนา

                  “เมื่อครู่ข้าคงพูดไม่ชัดเจนนัก ท่านข้าหลวงถึงได้เข้าใจผิด ข้าหมายความว่าเจ้าหญิงจะต้องเป็นผู้ยื่นความจำนงขอเรียนในหลักสูตรเร่งรัด ด้วยความเต็มพระทัย และเป็นไปตามความต้องการของพระองค์เอง”

                  จากคำพูดของท่านข้าหลวงดักลาส ทำให้ซีอุสพอจะเข้าใจถึงสิ่งที่โซเฟียเคยขอร้องเขาเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่นางเข้ามาพบเขา และขอร้องให้เขาดูแล และปกป้องลอร่าอย่างสุดความสามารถ วันนั้นโซเฟียไม่ได้ขอร้องให้เขาปกป้องเพียงร่างกายของลอร่า แต่นางยังกำชับให้เขาปกป้องหัวใจของลอร่าด้วย ซึ่งตอนนั้นเขาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่โซเฟียต้องการให้เขาทำ คือการปกป้องลอร่า จากความเผด็จการของท่านข้าหลวงดักลาส

                  “คำพูดของข้า คือความต้องการของลอร่า”

                  อาเชอร์เอ่ยหนักแน่น ซึ่งสิ่งนี้ยิ่งทำให้ซีอุสเข้าใจถึงสิ่งที่โซเฟียหวาดกลัวมาตลอด ไม่สิ ตอนนี้เขาเข้าใจแม้กระทั่งสาเหตุของสายตา และดวงหน้าไม่สื่ออารมณ์ของลอร่าเสียด้วยซ้ำ เขาไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมลอร่าจึงมีลักษณะเช่นนั้น เมื่อทุกวันที่นางลืมตาตื่นขึ้นมา ต้องพบเจอแต่สิ่งที่ผู้เป็นบิดายัดเยียดให้

                  “คงทำเช่นนั้นมิได้ ที่นี้ข้าถือว่านักเรียนทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจ และเลือกเส้นทางที่จะเดินด้วยตนเอง ฉะนั้นขอท่านข้าหลวงโปรดเข้าใจ”

                  ซีอุสคิดว่านี้เป็นสิ่งที่เขาพอจะทำให้ลอร่าได้ แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าคำตอบจากปากของลอร่านั้นไม่ได้ต่างไปจากท่านข้าหลวงดักลาส กระนั้นเขาก็อยากให้ลอร่าได้ใช้เวลาคิดทบทวนตนเองเสียเล็กน้อย และเขาก็หวังให้ลอร่ามีความกล้ามากพอที่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางของตนเอง

                  “เช่นนั้นท่านก็เรียกลอร่ามาถามเถอะ”

                  คราวนี้เป็นองค์กษัตริย์ที่รับสั่ง แทรกขึ้นขัดจังหวะที่อาเชอร์จะเอ่ยประโยคต่อไป ด้วยพระองค์ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายปกครอง และฝ่ายทหารด้วยเรื่องเล็กน้อยนี้

                  “มิควรเพคะ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงกิจกรรมโรงเรียน คงไม่เหมาะที่จะเรียกน้องหญิงมาถามในเวลานี้”

                  โซเฟียเอ่ยแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นว่าตอนนี้ซีอุสเริ่มมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้วยเมื่อสักครู่เขาได้พยายามปกป้องลอร่าจากท่านลุงสุดกำลัง จนแทบที่จะเปิดศึกกันอยู่แล้ว

                  “เช่นนั้นเราจะรอจนกว่าจะเสร็จช่วงกิจกรรม”

                  รับสั่งที่แสนดื้อดึงนี้ ยิ่งทำให้คนในห้อง ไม่รู้จะเอ่ยอะไร คงมีแต่โซเฟียที่พอจะต่อคำกับองค์กษัตริย์ได้ ซึ่งนั้นทำให้ทุกคนเลือกที่จะยืนฟังนิ่งๆ แทนการเข้าไปคั่นกลางให้สงครามของเชื้อพระวงศ์

                  “ฝ่าบาทจะทรงประทับนั้นไม่เป็นปัญหา แต่หากมีใครรู้ว่าฝ่ายปกครองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับฝ่ายทหารมากเกินไป คงทำให้สภาการปกครองกลางยุ่งเหยิงเป็นแน่ เช่นนั้นหม่อมฉันคิดว่า ฝ่าบาทควรเสด็จกลับพระราชวัง และรอฟังข่าวจากหม่อมฉัน จะไม่ดีกว่ารึ”

                  ข้อเสนอของโซเฟีย ทำให้องค์กษัตริย์ต้องทรงนิ่งคิด ด้วยสิ่งที่โซเฟียพูดมานั้นเป็นจริงทุกประการ แค่ที่เขายอมให้เคเรสกับอาเชอร์ ตามเข้ามาถึงในโรงเรียนเตรียมทหาร แถมยังยอมให้อาเชอร์วางอำนาจต่อรองกับซีอุสเมื่อครู่ก็มากเกินไปแล้ว ฉะนั้นเขาควรทำตามที่โซเฟียเสนอ

                  “เช่นนั้นฝากด้วย”

                  องค์กษัตริย์ทรงประทับยืน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินออกไปจากบริเวณห้องรับรอง พร้อมด้วยข้าหลวงทั้งสองท่าน และก่อนที่พอร์เคียสจะออกไป เขาก็หันไปมองซีอุสเป็นเชิงสื่อความเล็กน้อย ก่อนเดินออกไป

                  “ขอบคุณท่านซีอุสมากค่ะ ที่ทำตามที่ข้าขอร้อง”

                  โซเฟียหันไปเอ่ยกับซีอุส แล้วทำท่าจะเดินออกไปอีกคน แต่นางก็โดนเสียงของผู้ที่หันไปขอบคุณรั้งไว้

                  “เจ้าคงไม่คิดว่าเกิดเรื่องขนาดนี้แล้ว จะปิดบังพวกเราทั้งหมดได้หรอกนะ”

                  เป็นอีกครั้ง ที่คำเอ่ยของซีอุสเรียกความสนใจจากคนทั้งห้อง ที่ก็อยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เช่นกัน

                  ในคราแรกเป็นที่รู้กันว่าลอร่ามาเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารในฐานะน้องสาวของโซเฟีย และแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ พวกเขาก็ไม่เคยขัดคล่องในการรับลอร่าเข้าเรียน เฉกเช่นเมื่อครั้งที่รับโซเฟียเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร เพราะไม่ว่าจะลอร่า หรือโซเฟียทั้งคู่ก็สามารถผ่านการทดสอบตามเกณฑ์ของโรงเรียนเตรียมทหาร หากพวกเขาเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่าการรับลอร่าเข้ามาที่โรงเรียนจะเป็นเพียงการรับเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งให้เข้ามาเรียน ตอนนี้พวกเขาเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ เหตุผลที่ทำให้โซเฟียต้องพยายามทำให้ลอร่าเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร และเหตุผลที่ทำให้องค์กษัตริย์ต้องเสด็จมาจัดการเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง แทนที่จะให้ท่านพอร์เคียสเป็นผู้เชิญพระราชสาส์นมา

                  “โซเฟีย ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะไปที่ไหน แต่หลังจากนี้เป็นสิ่งที่ลอร่าต้องตัดสินใจเอง หากนางไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ นางก็จะไม่มีวันเติบโตขึ้น และข้าเชื่อว่าแม้นางตัดสินใจเรียนหลักสูตรเร่งรัด มันจะเป็นสิ่งที่ดีกับตัวนาง และข้าสัญญาว่าจะไม่ให้ท่านข้าหลวงดักลาสเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอำนาจของข้าในโรงเรียนเตรียมทหารเด็ดขาด”

                  คำกล่าวของซีอุสทำให้โซเฟียชะงัก ด้วยผู้สูงวัยรู้ความคิดของนางจนหมดสิ้น เขารู้ว่านางจะต้องรีบไปหาลอร่า และรู้ว่าแม้ท่านลุงอาเชอร์จะยอมตามเสด็จองค์กษัตริย์กลับไปโดยดี แต่ท่านลุงจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ สิ่งที่ท่านลุงจะทำต่อไป คือการออกคำสั่งให้ลอร่ายื่นความจำนงเรียน นอกจากนั้นท่านลุงอาจยื่นข้อเสนอบ้างอย่างกับองค์กษัตริย์ เพื่อนำตัวลอร่ากลับเข้าไปอยู่ในความดูแลของท่านตามเดิมอีกด้วย

                  “ก็ได้ค่ะ ข้าจะบอกเหตุผลที่ลอร่าต้องอยู่ที่โรงเรียนเตรียมทหารให้พวกท่านฟัง และหวังว่าพวกท่านจะปกป้องลอร่าเฉกเช่นที่ท่านซีอุสทำ”

                  โซเฟียระบายลมหายใจออกมาก่อน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คนในห้องฟัง ด้วยไม่ว่ายังไงคนในห้องคือกำลังสำคัญที่นางหวังให้ช่วยปกป้องลอร่า จากอำนาจของท่านลุง และชนเผ่าต้องสาป

                  การเล่าเรื่องของโซเฟียเป็นไปอย่างละเอียด ทำให้กินเวลาค่อนข้างนาน กระนั้นคนในห้องกลับตั้งใจฟังในทุกรายละเอียดของเรื่อง มีหลายครั้งที่คนให้ห้องถึงกับมองคนเล่าอย่างไม่เชื่อ ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเคยเกิดขึ้นจริงๆ พวกเขาไม่เชื่อว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องแบกรับอะไรมากมายเท่านี้ เพียงเพราะนางเกิดมาในตระกูลดักลาส และเพียงเพราะนางเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักร

                  “...แต่สิ่งที่ข้าไม่รู้ คือข้อเสนอที่ท่านลุงทำไว้กับองค์กษัตริย์”

                  โซเฟียเล่าเรื่องทั้งหมดจนจบ พร้อมปิดท้ายด้วยสิ่งที่นางสงสัยมาตลอด

                  “สิ่งนี้ไง”

                  ซีอุสโบกมือเพียงครั้ง ซองจดหมายปิดผลึกสีน้ำตาลก็ปรากฏขึ้นในมือเขา เรียกสายตาคนทั้งห้องให้หันไปมอง แล้วต้องเลิกคิ้วขึ้น พลางหันมามองหน้าซีอุส อย่างรอคอยคำตอบ

                  “ข้อเสนอระหว่างท่านข้าหลวงดักลาสกับฝ่าบาทคือ การให้ลอร่าใช้ข้อสอบชุดนี้ในการทดสอบ และหากลอร่าไม่ผ่านการทดสอบฝ่าบาทจะต้องโอนสิทธิ์การดูแลลอร่าทั้งหมดกลับไปให้ท่านข้าหลวงตามเดิม แต่ถ้าลอร่าผ่านการทดสอบสิทธิ์ในการดูแลยังคงอยู่ที่กองทัพ และภายใต้เงื่อนไขที่ลอร่าจะต้องไม่รับรู้ถึงข้อตกลงใดใด”

                  คำอธิบายของซีอุสไม่ได้ทำให้คนในห้องรู้สึกประหลาดใจมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยพวกเขาพึ่งรับรู้ถึงอำนาจ และความเผด็จการที่มีต่อลูกสาวของท่านข้าหลวงดักลาส รวมถึงความยำเกรงที่องค์กษัตริย์มีต่อท่านข้าหลวงดักลาส ที่แสดงออกมาตอนที่พระองค์ทรงไกล่เกลี่ยระหว่างท่านข้าหลวง กับท่านซีอุส พวกเขาก็บอกได้เลยว่า นี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่ฝ่าบาทจะทำได้แล้ว

                  “เช่นนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร ในเมื่อลอร่าสามารถเข้ามาเรียนโรงเรียนเตรียมทหารด้วยคะแนนเต็มเช่นนี้”

                  เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในห้องที่คาริมเสนอความเห็นออกมา

                  “เจ้าคงไม่คิดว่าท่านลุงอาเชอร์ ไม่รู้เรื่องนี้หรอกนะ”

                  โซเฟียสวนขึ้นมาทันควัน อย่างคนที่รู้นิสัยของผู้เป็นลุงดี โซเฟียรู้ว่าสาเหตุที่ท่านลุงมั่นใจว่าจะสามารถย้ายสิทธิ์การดูแลลอร่าคืนได้ คือข้อสอบชุดนั้น

                  “คาริม เจ้าอยากเห็นมั้ยล่ะ ว่าข้อสอบที่ท่านอาเชอร์มั่นใจนักหนาว่าลูกสาวตนเองจะทำไม่ได้ คืออะไร”

                  ซีอุสเอ่ยถาม พลางส่งชุดข้อสอบที่อยู่ภายในซองให้คาริมดู ซึ่งอีกฝ่ายก็รับมาเปิดดูอย่างงง ดวงตาที่กวาดไล่ไปตามตัวหนังสือ ถึงกับเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ว่าจะมีใครสามารถทำข้อสอบชุดนี้ภายในเวลาสามชั่วโมง ไม่สิ ต่อให้ให้เวลาทั้งวัน แต่ถ้าไม่ให้เปิดหนังสือดู ก็ไม่มีทางทำได้

                  “ไม่มีทาง ต่อให้เอาครูมาทั้งโรงเรียนก็ยังต้องใช้เวลามากกว่าสามชั่วโมง แถมทุกวิชายังเป็นเนื้อหาที่อยู่ในหลักสูตรของเหล่าทัพ และจอมเวทชั้นสูง ไม่ว่าจะประวัติศาสตร์อาณาจักร และชนเผ่าโบราณ กฎหมายแห่งสภาการปกครอง หรือแม้กระทั่งภาษาโบราณอีกหกภาษา”

                  “ไหนดูสิ”

                  โซเฟียขอดู ซึ่งคาริมก็ยอมส่งให้แต่โดยดี จากนั้นนางก็เปิดพลิกดูแบบผ่านๆ ยิ่งพลิกดูเท่าไร โซเฟียก็ยิ่งเข้าใจว่าทำไมท่านลุงอาเชอร์ถึงได้มั่นใจหนักหนาว่าจะสามารถแย่งสิทธิ์การดูแลลอร่ากลับคืนไปได้

                  “ไม่มีทางที่ลอร่าจะชนะได้เลย ต่อให้นางรู้คำตอบทั้งหมดในนี้”

                  คำเปรยของโซเฟียยิ่งเรียกความสงสัยจากคนในห้อง โดยเฉพาะกับคาริม ที่เป็นคนเปิดดูข้อสอบทั้งหมด

                  “เจ้าหมายความว่าอะไร”

                  “ข้อสอบนี้...เป็นเสมือนคำขู่ที่ท่านลุงส่งถึงลอร่า”

     

                  หลังจากเมื่อช่วงบ่ายที่สมาชิกในหอได้ทำความรู้จักกับน้องใหม่ทั้งสามกันอย่างเต็มอิ่มจนล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น ที่ทุกคนเริ่มทะยอยเดินเข้าไปยังห้องอาหาร รุ่นพี่ทุกคนดูจะภูมิใจกับการนำน้องใหม่ทั้งสามไปยังห้องอาหาร ซึ่งสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าลอร่านั้น ก็ทำให้นางรู้ถึงสาเหตุของความภาคภูมิใจของเหล่ารุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี เมื่อเพดานเหนือห้องอาหารนั้นเป็นแบบกระจกใส เห็นดวงดาวที่ส่องระยิบระยับบนฟากฟ้า เหนือโต๊ะกินข้าวตัวยาวเหยียดที่นั่งได้เกือบๆ 20 คน ตัวโต๊ะ และขาโต๊ะทำจากกระจกใส แถมบนโต๊ะเวลานี้ยังมีอาหารวางอยู่มากมายหลากหลายชนิด ทำให้จีน่าที่ยืนอยู่ข้างๆนางเริ่มออกอาการน้ำลายไหล อยากเข้าไปชมอาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะ ถัดมาเป็นเจนน่าที่ท้องเริ่มส่งเสียงประท้วงหลังจากเห็นอาหารทั้งหมดบนโต๊ะ เรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูจะพี่ๆในหอได้อีกครั้ง

                  เวลานี้เก้าอี้ทุกตัวถูกจับจ้องไว้เรียบร้อย โดยรินจัดให้น้องใหม่ทั้งสามนั่งชิดกับหัวโต๊ะทางซ้ายมือ ซึ่งติดกับเก้าอี้ทรงกลมใสๆที่เข้ากับโต๊ะ ที่เวลานี้ยังว่างอยู่ ราวกับรอคนสำคัญบางคน ซึ่งคนที่นั่งชิดกับหัวโต๊ะที่สุดคือ ลอร่า ที่โดนจีน่า และเจนน่ายัดเยียดให้นั่งตรงตำแหน่งนั้น เนื่องจากพวกนางยังไม่พร้อมที่จะใกล้ชิดกับผู้เป็นอาจารย์ประจำหอพักมากนัก และอีกสาเหตุคือ คนทั้งคู่คิดว่าการให้น้องสาวของท่านครูแสนน่ากลัวนั่งกั้นระหว่างพวกนาง จะทำให้ท่านไม่สามารถแผ่รังสีอำมหิตมาได้ถนัดนัก

                  “ท่านพี่จะมาแน่รึคะ”

                  ลอร่าอดเอ่ยปากถามพี่รินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ เมื่อเวลานี้ทุกคนในหอพักเข้ามานั่งรอในห้องอาหารเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว แต่กลับยังไม่ปรากฏร่างบางของคนที่ทุกคนรอสักที จนนางอดคิดไม่ได้ว่า ท่านพี่อาจกำลังติดธุระสำคัญอยู่ที่ไหนสักแห่ง

                  “ท่านครูบอกว่ายังไงวันนี้ก็จะมาเข้าร่วมงานด้วย”

                  รินเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ขณะกวาดมองสมาชิกให้หอ ที่เริ่มออกอาการหิวกันบ้างแล้ว กระนั้นก็ยังมีเสียงพูดคุยดังให้ได้ยิน ฆ่าเวลาแห่งการรอคอยบ้าง

                  ไม่นานหลังจากที่ลอร่าเอ่ยถามย้ำกับริน ร่างสูงโปร่งของคนที่ทุกคนกำลังรออยู่ก็ก้าวเข้ามาภายในห้องอาหาร อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้สมาชิกทั้งหมด รีบลุกพรึบขึ้นมาทำความเคารพกันแทบไม่ทัน สีหน้าของทุกคนดูตื่นๆเล็กน้อย แม้ยามที่โซเฟียเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ และทำสัญญาณมือเป็นเชิงบอกให้ทุกคนนั่งลงได้

                  “ยินดีต้อนรับทุกคน กลับสู่หอพัก และข้าคิดว่าตอนนี้ทุกคนคงหิวมากแล้ว ทานอาหารกันตามสบาย”

                  หลังจากฟังคำอนุญาตจากท่านครูแล้ว ทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทานอาหาร พร้อมด้วยเสียงพูดคุยที่ดังกว่าคราวแรกเล็กน้อย เนื่องด้วยเกรงใจผู้อยู่หัวโต๊ะ แต่กลับมีสายตาใคร่รู้เหลือบมองมาบริเวณหัวโต๊ะหลายครั้ง ด้วยพวกนางอยากรู้ว่า ท่านครูกับน้องสาวจะมีปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อพบหน้ากัน ยิ่งเมื่อมีข่าวลือไปทั่วโรงเรียนว่าท่านครูนั้นเกรงใจน้องสาวอย่างกับอะไรดี พวกเขายิ่งอยากรู้

                  “เพราะท่านพี่คนเดียวทำให้ข้าต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโรงเรียน”

                  คำกล่าวหาเสียงแผ่วของลอร่าที่มีต่อโซเฟีย ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอมยิ้ม ด้วยความขบขัน สายตาเหลือบมองน้องหญิง ที่แม้จะมิได้ตีหน้ายุ่ง แต่ดวงตาสีม่วงอมแดงกลับฉายแววหนักใจให้ได้เห็น

                  “ไม่ดีใจรึ ที่แค่วันแรกก็มีคนรู้จักไปทั้งโรงเรียน”

                  โซเฟียเย้า อย่างนึกสนุก ด้วยรู้แก่ใจว่าลอร่าไม่ใช่คนที่จะยินดีกับการที่มีคนรู้จักไปทั้งโรงเรียน แถมน้องสาวนางคนนี้ยังออกไปทางขี้อายเอามากๆด้วย

                  “อ้อ...เจ้าสองคนเป็นเด็กใหม่ปีนี้สินะ”

                  แล้วสายตาของโซเฟียก็เลื่อนไปทางจีน่า และเจนน่า ที่พยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุด เท่าที่ทำได้ กระนั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาของโซเฟีย

                  “คะ...ค่ะ”

                  จีน่าเอ่ยรับเสียงสั่น ซึ่งนั้นทำให้ลอร่าต้องเหลือบตามามองอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมเพื่อนผู้แสนเก่งกล้า ช่างเจรจา และไม่เคยกลัวการรู้จักกับคนแปลกหน้า จึงมีอาการเช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านพี่

                  “ทำตัวตามสบายก็ได้ เพื่อนของน้องสาวข้า ก็เหมือนน้องสาวข้า”

                  คำกล่าวของโซเฟียยิ่งทำให้จีน่า และเจนน่าขนลุกพรึบ เช่นเดียวกับรุ่นพี่ในห้องที่เผลอได้ยินพอดี แบบชัดเต็มสองหู ที่แต่ละคนทำหน้าสยองขวัญแทนน้องใหม่ทั้งสองคน ที่จะได้รับการเอ็นดูเป็นพิเศษจากท่านครูโซเฟีย เนื่องด้วยเป็นเพื่อนของน้องสาวท่าน

                  “พวกเจ้าเป็นอะไร ทำไมต้องหน้าซีดด้วย”

                  ลอร่าเอ่ยถามจีน่า และเจนน่าอย่างไม่เข้าใจอาการของคนทั้งหมด นี้ยังไม่นับรวมรุ่นพี่ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ที่มีอาการชะงักค้าง และมองมาทางจีน่า และเจนน่าอย่างเห็นใจสุดซึ้ง กระนั้นลอร่าก็ไม่ได้รับคำตอบใดใด จึงต้องหันไปมองท่านพี่ที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะอย่างขอความเห็น

                  “พวกนางดีใจ ที่จะได้รับการเอ็นดูจากข้าอย่างไร น้องหญิงที่รัก”

                  คำเฉลยของโซเฟียแม้จะฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไร กระนั้นลอร่าก็จำต้องปล่อยเลยตามเลย ด้วยเวลานี้คงไม่มีใครให้คำตอบกับนางได้ ก็ในเมื่อคนในห้องทั้งหมดมีอาการคล้ายวิญญาณออกจากร่าง

                  หลังจากการรับประทานอาหารสิ้นสุดลง หลายคนก็ยังวนเวียนอยู่ในห้องอาหารเพื่อพูดคุย ทำความรู้จักกับน้องใหม่ทั้งสามต่อ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ทยอยกันขึ้นบันไดไป จนเวลานี้ในห้องอาหารเหลือเพียงกลุ่มน้องใหม่ 3 คน กับรินที่กำลังพูดคุยกับโซเฟีย

                  “ช่างน่าดีใจจริงๆ ที่เห็นเจ้าเข้ากับเด็กในวัยเดียวกันได้”

                  คำเปรยของโซเฟีย ที่เดินเข้ามายังกลุ่มของนักเรียนใหม่ เรียกสีหน้าประหลาดใจจากลอร่า ที่เงยหน้าขึ้นมองท่านพี่ ราวกับกำลังขอคำอธิบายจากคำพูดประโยคนั้น

                  “จีน่า เจนน่า ต่อจากนี้ข้าคงต้องฝากลอร่าไว้กับพวกเจ้า และสัญญาได้มั้ยว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะเป็นเพื่อนกับนางจนถึงวินาทีสุดท้าย”

                  โซเฟียไม่ยอมตอบคำถามนั้น กลับกันนางกลับหันไปมองเด็กอีกสองคนที่ยืนอยู่กับลอร่า และดึงมือของลอร่า จีน่า และเจนน่ามาวางทับกัน ก่อนเอ่ยฝากฝังลอร่าไว้กับเด็กทั้งสอง ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

                  “ค่ะ”

                  ทำเอาทั้งจีน่า และเจนน่าถึงกับทำหน้าไม่ถูก กระนั้นเด็กทั้งสองก็ยอมรับคำ   

                  “ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”

                  โซเฟียแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วปล่อยมือจากเด็กทั้งสาม พลางเอ่ยไล่ให้เด็กทั้งหมดขึ้นไปพักผ่อนบนห้องพักด้านบน หากมือนางกลับเอื้อมไปคว้ามือของลอร่าเอาไว้อีกครั้ง เป็นเชิงบอกให้เด็กสาวเดินขึ้นไปบนห้องกับนาง ซึ่งลอร่าก็เพียงมองหน้าท่านพี่เล็กน้อย ก่อนโบกมือลาเพื่อนใหม่ทั้งสองคน และเดินตามท่านพี่ขึ้นไปยังชั้นบน

                  โซเฟียพาลอร่าเดินขึ้นไปยังห้องทำงานของตนเอง ที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุด ภายในห้องถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย มีเพียงชุดรับแขก โต๊ะทำงาน และชั้นวางหนังสือเท่านั้น โซเฟียเดินนำลอร่าไปนั่งยังโซฟาสีขาวนุ่มที่อยู่กลางห้อง บนโซฟามีหมอนสีม่วงอยู่หลายใบ ติดกับโซฟามีโต๊ะกระจกขนาดย่อม ที่มีแจกันดอกไม้ประดับอยู่ ด้านหน้าเป็นโต๊ะกระจกรูปวงรี

                  “วันแรกสนุกมั้ย”

                  คำถามเปิดประเด็นของโซเฟีย ทำให้ลอร่าที่นั่งอยู่ด้านข้าง ยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ท่านพี่ฟัง ไม่ว่าจะเรื่องที่นางตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโรงเรียน หรือเรื่องประเพณีการทำความรู้จักกันที่นางพึ่งได้เรียนรู้วันนี้ให้ท่านพี่ฟังทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากท่านพี่ได้เป็นระยะ

                  “ข้าล่ะเชื่อเลย ถ้าข้าเป็นจีน่า ข้าคงไม่รู้จะทำหน้ายังไง ไม่รู้ว่าควรจะโกรธ หรือควรจะสงสารเจ้าดี”

                  “หยุดหัวเราะได้แล้วค่ะ ก็เรื่องพวกนี้ไม่เคยมีใครสอนข้านิ ท่านพี่ก็ผิดนะ ที่ไม่ยอมบอกข้าก่อน”

                  ลอร่ากล่าวโทษโซเฟีย แก้เขิน ด้วยนางไม่รู้จริงๆนินา ว่ามันมีประเพณีที่ว่านี้ด้วย

                  “ โอเคๆ ข้าไม่หัวเราะเจ้าแล้วก็ได้”

                  โซเฟียกล่าวอย่างยอมแพ้ เมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องจากน้องหญิงสุดที่รัก จากนั้นนางก็กลับเข้าสู่เรื่องที่ทำให้นางต้องพาลอร่าขึ้นมาบนนี้

                  “แต่ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะถามเจ้า”

                  “เรื่องอะไรคะ”

                  ลอร่าเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นจริงจังของโซเฟีย แม้ลอร่าพอจะเดาได้บ้างว่าโซเฟียอยากพูดสิ่งใดกับนาง แต่นางก็เลือกที่จะนิ่งฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด อย่างตั้งใจ

                  “เมื่อตอนบ่ายท่านลุงวิลเลียมมาที่นี้ พร้อมร้องขอให้มีการจัดหลักสูตรที่เหมาะสมกับเจ้า”

                  โซเฟียเกริ่นนำ ขณะเหลือบตามองอากัปกิริยาของลอร่านิ่ง ซึ่งนางก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ลอร่ายังคงนั่งฟังนิ่ง ไม่แสดงอาการใดใด ออกมาทางสีหน้า และแววตาแม้แต่น้อย ทำให้โซเฟียจำต้องเอ่ยต่อ

                  “ซึ่งท่านซีอุสก็ตอบรับคำขอนั้นของท่านลุง ภายใต้เงื่อนไขว่า เจ้าจะต้องยื่นคำร้องขอเรียนให้หลักสูตรเร่งรัด และผ่านการทดสอบนั้น ตามเกณฑ์ที่กองทัพระบุ”

                  “ท่านพี่อยากจะถามข้าใช่มั้ยคะ ว่าข้ายินดีจะเข้ารับการทดสอบนั้นมั้ย”

                  ลอร่ามองเห็นแววตาที่แสดงความหนักใจของโซเฟีย แล้วชิงเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน กระนั้นนางก็ไม่เข้าใจว่าท่านพี่จะหนักใจอะไร ในเมื่อท่านพี่น่าจะรู้คำตอบของนางอยู่แต่แรกแล้ว

                  “ถูกต้อง ข้าต้องการรู้ความต้องการของเจ้า แต่เป็นความต้องการของเจ้าจริงๆ ไม่ใช่เพราะท่านลุงวิลเลียม หรือใครๆ แต่เป็นความต้องการของตัวเจ้าเอง”

                  โซเฟียถอนหายใจ แล้วเอ่ยถาม ถึงสิ่งที่ทำให้นางหนักใจมากที่สุด นางไม่ได้กลัวว่าลอร่าจะปฏิเสธการทดสอบที่ว่า แต่นางกลัวว่าลอร่าจะตอบรับการทดสอบที่ว่าตั้งหาก

                  “ข้ายินดีค่ะ”

                  และก็เป็นจริงตามที่โซเฟียกลัว เมื่อลอร่าตอบคำถามของนางแบบไร้ความลังเลใจแม้แต่น้อย

                  “เจ้าควรจะใช้เวลาคิดให้มากกว่านี้ หลักสูตรเร่งรัดของกองทัพไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เจ้าอาจจะไม่ได้เจอเพื่อนเลยทั้งสัปดาห์ ไม่มีวันหยุด หรือเวลาวิ่งเล่นอย่างเด็กคนอื่นๆ รวบถึงเจ้าอาจจะไม่มีเวลาแม้แต่จะนอนด้วยซ้ำนะ”

                  โซเฟียขู่หวังให้ลอร่านึกเปลี่ยนใจ กระนั้นนางก็คิดว่ามันยากเหลือเกิน เพราะนอกจากสีหน้าของลอร่าจะไม่เปลี่ยนไปแล้ว ลอร่ากลับแย้มรอยยิ้มขึ้นน้อยๆ ราวกับกำลังขบขันกับการกระทำของนาง

                  “ที่ท่านพี่พูดมา มันไม่ได้ต่างไปจากที่ข้าเจอมาตลอดสิบกว่าปีนี้ ท่านคิดว่าท่านพ่อเคยให้วันหยุดข้า หรือให้ข้านอนอย่างสบายใจรึคะ”

                  ลอร่าเอ่ยสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีให้โซเฟียฟัง ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งปกติเช่นที่เด็กทั่วไปเจอ

                  “เอาเถอะ ข้าคงไม่สามารถเปลี่ยนใจเจ้าได้”   

                  โซเฟียถอนหายใจออกมาอย่างจำยอม ด้วยรู้แล้วว่าไม่ว่านางจะโน้นน้าวลอร่าอย่างไร ลอร่าก็ยังเลือกที่จะทำมันอยู่ดี ทำให้นางจำต้องทำตามความต้องการของน้องสาว

                  “ข้าจะจัดการยื่นเรื่องให้เจ้า คิดว่ากำหนดการสอบคงมีขึ้นภายในอาทิตย์นี้”

                  “ขอบคุณค่ะ”

                  “การสอบ จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ทฤษฎี และปฏิบัติ”

                  โซเฟียเริ่มต้นอธิบายการทดสอบที่ว่าให้ลอร่าฟัง และนางจะไม่ห่วงเลย หากข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบ ไม่ใช่ข้อสอบเจ้าปัญหาชุดนั้น

                  “สำหรับข้า หากเจ้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะกำหนดเส้นทางเดินด้วยตนเองแล้ว ข้อสอบทฤษฎีจะไม่เป็นปัญหากับเจ้าเลย”

                  คำเตือนกลายๆของโซเฟีย ทำให้ลอร่าเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

                  “หมายความว่ายังไงคะ”

                  “จำที่ข้าพูดไว้ก็พอ ว่า ไม่มีใครสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตให้ใครได้ มีแต่ต้องกำหนดมันด้วยตนเอง เข้าใจมั้ย”

                  โซเฟียไม่สามารถอธิบายอะไรนอกเหนือจากนี้ให้ลอร่าฟังได้ นางได้แต่หวังว่าลอร่าจะมีความกล้ามากพอที่จะก้าวข้ามสิ่งที่เรียกว่า ท่านพ่อ และเลือกเส้นทางของตนเอง

                  “ข้าจะทำตามนั้นค่ะ ก็ในเมื่อนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าเลือกที่จะเข้ามาอยู่ที่นี้นิคะ”

                  คำพูดหนักแน่นของลอร่า ทำให้โซเฟียพยักหน้ารับ มือบางเอื้อมไปกุมมือบางของลอร่าไว้ อย่างให้กำลังใจ นางรู้ว่าการที่ลอร่าจะตัดสินใจเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อลอร่าตัดสินใจแล้ว นางก็มีหน้าที่เพียงแค่เฝ้าดู และคอยสนับสนุนให้ลอร่าทำสิ่งที่หวังได้สำเร็จเท่านั้น

                  “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องทำได้”

                  “แล้วภาคปฏิบัติละคะ มีอะไรบ้าง”

                  ลอร่ายิ้มรับการให้กำลังจากโซเฟีย พลางเอ่ยถามถึงการสอบอีกส่วน ที่นางไม่คิดว่าจะง่ายอย่างการสอบภาคทฤษฎี

                  “นั้นเป็นสิ่งที่ข้าเป็นห่วงอีกเรื่อง”

                  เมื่อพูดถึงการสอบภาคปฏิบัติ โซเฟียก็เป็นต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ด้วยคิดว่าการสอบส่วนนี้คงทำให้ลอร่าลำบากไม่น้อย ด้วยลอร่าแทบจะไม่เคยได้จับอาวุธจริงๆสักครั้ง

                  “เจ้าเคยฝึกอาวุธบ้างมั้ย”

                  “ก็มีบ้างค่ะ ท่านพ่อให้ข้าฝึกทักษะการป้องกันตัวบางอย่าง แล้วก็วิธีการใช้มีดสั้นค่ะ”

                  คำตอบของลอร่าทำให้โซเฟียพอจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง ที่อย่างน้อยลอร่าก็เคยสัมผัสกับอาวุธจริงๆ กระนั้นนางก็อดสงสัยในกระบวนการคิดของท่านลุงไม่ได้ว่าทำไมถึงเลือกให้ลอร่าเรียนเรื่องพวกนี้ ทั้งๆที่ท่านนั้นยืนยันหนักแน่นว่า ลอร่าจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของท่านตลอดเวลา และท่านไม่คิดจะให้ลอร่าออกมานอกเขตคฤหาสน์

                  “ท่านลุงปากก็บอกว่าจะขังเจ้าไว้แต่ในคฤหาสน์ แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์ให้เจ้าเรียนเรื่องพวกนี้ ข้าละไม่เข้าใจความคิดท่านลุงจริงๆ ไม่รู้จะเรียกว่ารอบคอบ หรือขี้ระแวงดี”

                  “แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด ข้าก็ควรขอบคุณท่านพ่อ ที่ทำให้ข้าพอรู้วิธีการใช้อาวุธ และป้องกันตัวบ้าง”

                  ลอร่าเอ่ย อย่างเข้าข้างท่านพ่อเต็มที่ ด้วยต่อให้ท่านพ่อจะเข้มงวด และไม่เคยแสดงความรักต่อนางสักครั้ง แต่ก็เพราะท่านที่ทำให้นางมีโอกาสลืมตาดูโลกใบนี้ ซึ่งนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นางยอมทำตามคำสั่งของท่านพ่อมาจนบัดนี้

                  “แต่สิ่งที่เจ้าเรียนรู้มาก็ยังไม่เพียงพอให้เจ้าผ่านการทดสอบหรอกนะ อย่าลืมสิว่า ที่นี้คือโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เน้นหนักไปทางกลยุทธ์ และการใช้อาวุธ เพื่อปกป้องอาณาจักร และราชวงศ์ ฉะนั้นนักเรียนที่จะทดสอบเจ้าย่อมต้องมีฝีมือ”

                  โซเฟียเอ่ยเตือน ด้วยนางไม่อยากให้ลอร่าประมาทการสอบที่ว่านี้ กระนั้นนางก็ไม่ต้องการให้ลอร่าสิ้นหวัง หรือหมดกำลังในการเข้าสอบ 

                  “ตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึงวันสอบ ข้าจะสอน และฝึกให้เจ้าใช้อาวุธทุกชนิดที่ต้องทำการทดสอบ ฉะนั้นเตรียมใจไว้ให้ดี เพราะมันคงไม่ง่ายนัก และข้าก็คงไม่สามารถเป็นท่านพี่ที่แสนใจดีให้เจ้าได้ หากเจ้ายังต้องการที่จะผ่านการทดสอบที่ว่านี้”

                  สายตาที่โซเฟียใช้มองลอร่านั้นดูแววโรจน์อย่างมั่นหมาย จนลอร่าถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เวลานี้ลอร่ามั่นใจว่าเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อไป นางคงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสบายๆในโรงเรียนเตรียมทหารเป็นแน่ เมื่อท่านพี่เอ่ยปากออกมาเช่นนี้ 

                  “ค่ะ”

                  “เอาล่ะ นี้ก็เลยเวลานอนของน้องหญิงตัวน้อยของข้าไปมากแล้ว”

                  หลังจากที่ลอร่ารับคำเป็นที่เรียบร้อย เสียงของโซเฟียก็กลับมาระรื่นอีกครั้ง ดวงตาเต้นระริกอย่างตื่นเต้น ยามเมื่อนางเขยิบเข้ามาใกล้ร่างบางของลอร่า พร้อมก้มลงกระซิบที่ข้างหู ทำเอาลอร่าถึงกับขนลุกซู่ไปทั่วตัว ดวงหน้างามขึ้นสีระรื่นด้วยความอาย เมื่อได้ยินสิ่งที่โซเฟียกระซิบบอกนางเวลานี้

                  “ไม่ดีกว่า ข้าแน่ใจว่าอยู่คนเดียวได้”

                  คำปฏิเสธของลอร่าไม่ได้ทำให้โซเฟียล้มเลิกความตั้งใจเดิม ยิ่งเมื่อเวลานี้นางอยากได้ตุ๊กตาส่วนตัวไว้กอดแนบอกตลอดคืนด้วยแล้ว ทำให้โซเฟียมีความพยายามมากเป็นพิเศษ

                  “จะอายอะไร ดูอย่างสองคนนั้นสิ กอดกันกลมน่ารักดี”

                  คราวนี้โซเฟียไม่ว่าเปล่า นางถึงกับโบกมือไปมาสองสามที ก็ปรากฏภาพเด็กสาวสองคนกำลังนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียง ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ซึ่งนั้นยิ่งทำให้ดวงหน้าที่แดงอยู่แล้วของลอร่าแดงมากขึ้น ยิ่งเมื่อนางจินตนาการได้ถึงคำขอของโซเฟียเมื่อสักครู่

                  “เลิกแอบดูพวกเขาเถอะคะ ยังไงข้าก็ไม่มีความคิดที่จะมาเป็นตุ๊กตาให้ท่านพี่กอดคืนนี้หรอก ข้าเหนื่อยมากแล้ว ขอตัวนะคะ”

                  ลอร่ายังคงปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมลุกขึ้นยืน และเดินออกไปจากห้อง แต่ก่อนจะออกไปนางก็ยังไม่วายได้ยินเสียงที่ท่านพี่ตะโกนไล่หลังมา

                  “นอนคนเดียวระวังโดนผีหลอกนะ ผีที่นี้ยิ่งชอบเด็กตัวเล็กๆน่ารักๆอย่างเจ้าอยู่ด้วย!!!!

                  โซเฟียตะโกนไล่หลังลอร่าไป พลางเหลือบตามองร่างบางวิ่งออกจากห้องไปด้วยสายตาขบขัน พร้อมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ที่สามารถแกล้งให้ลอร่าหน้าขึ้นสีก่อนนอนได้ 

                  แต่แล้วคนที่กำลังอารมณ์ดีที่สามารถแกล้งน้องสาวได้สำเร็จก่อนนอนก็เป็นอันต้องอารมณ์เสียอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงใครบ้างคนที่เข้ามาเยือนนางยามวิกาลเช่นนี้    

                  “มีธุระอะไร”

                  โซเฟียถามเสียงเรียบ โดยที่สายตาไม่ได้หันไปมองผู้มาเยือนแม้แต่น้อย สีหน้าเย็นชาถูกฉาบไว้บนดวงหน้างาม ที่เมื่อครู่ยังยิ้ม และหัวเราะไปกับลอร่า

                  “เดี๋ยวนี้ข้ามาที่นี้จะต้องมีธุระด้วยรึ”

                  คำกล่าวของชายหนุ่มผู้ถือวิสาสะเข้ามาให้ห้องทำงาน และนั่งลงบนชุดโซฟารับแขก ที่นางนั่งอยู่ขณะนี้ ไม่ทำให้สีหน้าของโซเฟียเปลี่ยนไป แถมนางยังไม่คิดจะหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆอีกด้วย

                  “ถ้าไม่มีก็เชิญ วันนี้ข้าเหนื่อยเกินกว่าจะมารับแขกเช่นเจ้า”

                  โซเฟียเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา หวังไล่ให้อีกฝ่ายออกไปพ้นๆ ด้วยการที่เขาเข้ามาอยู่ใกล้ๆนางนั้น มันเป็นอันตรายต่อหัวใจของนางนัก

                  “อย่าทำเย็นชาไปหน่อยเลย...”

                    ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินอ้อมไปทางด้านหลังของโซเฟีย พลางสวมกอดหญิงสาวจากด้านหลัง อย่างหวงแหน พร้อมกระซิบคำพูดที่ทำให้โซเฟียขนลุกซู่ที่ข้างหู

                  “ตัวนิ่มไม่เปลี่ยนนะ”

                  “ปล่อย!”

                  โซเฟียแกะมือของอีกฝ่ายออก แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ด้วยสีหน้าที่นางพยายามแสดงให้เหมือนกราดกร้าว พร้อมตวาดไล่อีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี

                  “เจ้าควรรู้ว่าตอนนี้ไม่ควรทำเช่นนี้ กลับไปซะ คาริม” 

                  “ต่อให้เจ้าพยายามทำท่าทีกราดกร้าวใส่ข้าเพียงใด แค่มองตาเจ้าข้าก็รู้แล้วว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร”

                  คาริมเอ่ย ขณะที่เขาเดินกลับไปนั่งที่ชุดรับแขกตามเดิม หากครั้งนี้เขาเลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาคนละตัวกับโซเฟีย

                  “มานี้ต้องการอะไร”

                  โซเฟียมองคาริม อย่างไม่วางใจ ด้วยรู้จักกันมานาน ทำให้นางรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนประเภทที่เจ้าเล่ห์ และมักจะซ้อนความรู้สึกของตนเอง ด้วยรอยยิ้ม

                  “คำสั่งใหม่”

                  คาริมโยนม้วนกระดาษส่งให้โซเฟีย ซึ่งสามารถรับได้อย่างแม่นยำ ก่อนเอ่ยถึงธุระต่อมาที่ทำให้เขามาเยือนถึงห้องทำงานอีกฝ่าย

                  “อีกเรื่องข้าจะช่วยให้น้องสาวเจ้าผ่านการทดสอบ ถ้าเจ้ายินดี”

                  “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ทันความคิดเจ้า”

                  โซเฟียเอ่ยอย่างรู้ทัน หลังจากที่ได้ยินข้อเสนอ อย่างอารีจากชายหนุ่ม ที่เวลานี้คงคิดไปถึงวิธีการแกล้งน้องสาวนางสารพัดแล้ว

                  “แหมถูกรู้ทันจนได้ แต่มันก็คุ้มไม่ใช่หรอ ถ้ามันทำให้น้องเจ้าผ่านการทดสอบ”

                  คาริมแสร้งทำหน้าผิดหวังน้อยๆ เมื่อถูกอีกฝ่ายรู้ทัน เขาลุกขึ้นยืนเตรียมจะกลับออกไป

                  “ไม่จำเป็น”

                  “คิดดูให้ดีๆนะ”

                  สิ้นคำ ร่างสูงของคาริมก็หายลับไปจากห้อง เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงถอนหายใจ อย่างเหนื่อยอ่อนของผู้เป็นเจ้าของห้องเท่านั้น

                  “เจ้าไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ คาริม...” 


    จบบทที่ 9 โรงเรียน (2) (รีไรท์)
    ___________________________________________________________



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×