ตอนที่ 2 : อมครั้งที่ 1: ทักซิโด้คาเมงของจันทร
อมครั้งที่ 1: ทักซิโด้คาเมงของจันทร
“จันทร รายชื่อหอออกแล้วนะ” คนถูกเรียกพยักหน้าเพราะจันทรก็เห็นคนในหอพูดกันแล้ว ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถเช็กได้จากทางอีเมลนักศึกษา
“กิกิเช็กยัง? กูไม่กล้าเช็ก” บอกตรงๆจากใจเลยว่าเขาไม่พร้อมจะย้ายออกไป การย้ายหอเป็นทางมหาวิทยาลัยที่แบ่งให้เพราะงั้นเขาไม่รู้เลยว่าจะไปตกที่ไหน ทำใจไม่ได้ที่จะไม่ได้อยู่กับกิกิต่อ
กิรติเหล่มองเพื่อนที่ทำหน้าเป็นหมาหงอยแล้วพยักหน้า “เออ เช็กแล้ว”
นัยน์ตาของจันทรเบิกขึ้น ถามเสียงตื่นเต้น “กิกิได้ที่ไหน?”
“หอ...โซน...” กิรติได้ยินมาว่าหอโซนนั้นเป็นโซนที่ใหม่ที่สุด ระบบของมหาวิทยาลัยก็คือการแรนด้อมในราคาหอที่เท่ากัน ตอนปีหนึ่งก็หงุดหงิดที่โดนจับมาอยู่หอเก่าที่สุดแต่ว่าอยู่ไปอยู่มามันก็ไม่ได้แย่ ถึงมันจะเก่าแต่ก็ยังสะอาด เอ่อ...เขาหมายถึงช่วงแรกๆนะ แต่พอมีไอ้จันทรมาอยู่ที กิรติว่าถังขยะอาจจะยังสะอาดกว่าเลยมั้ง
“เออๆ” ร่างสูงชะลูดขยับขึ้นมานั่งขัดสมาธิดีก่อนจะทำใจเปิดอีเมลในโทรศัพท์ เขาเห็นมันเด้งการแจ้งเตือนมาสักพักใหญ่แต่เขาแค่ไม่อยากเปิดก็เท่านั้น
นัยน์ตาเรียวค่อยไล่ไปตามตัวอักษรในข้อความ กลั้นหายใจเลื่อนมันลงมาจนสุดก่อนที่จะต้องทำจมูกบานกระพือพรึ่บพรั่บ
“กิกิ~” เจ้าของชื่อเริ่มเสียวสันหลังหวาบ “กูว่าพวกเราต้องเป็นเนื้อคู่ตุนาหงัน เป็นเหมือนปลากระดี่กับเหาฉลาม เป็นจักรวาลกับกาแลคซี่ เป็นชะนีกับผัวแน่นอนเลย”
ห๊ะ?! บอกเขาทีว่าไอ้จันทรมันยังสติอยู่ดี ครบถ้วนทุกประการ? ช่วงเนื้อคู่ตุนาหงันยังพอเข้าใจแต่…ไอ้ปลากระดี่กับเหาฉลาม จักรวาลกับกาแลคซี่คืออะไรวะ แล้วชะนีกับผัวนี่แม่งหมายความไง? แต่ตอนนี้ที่รู้ๆคือกิรติขนลุกตั้งสะท้านไปทั่วร่างกายเลย ยิ่งเห็นรอยยิ้มกว้างจนปากฉีกถึงหูของไอ้รูมเมทตัวดีแล้วเขาอยากจะไปผูกคอตายใต้ต้นผักชีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ
“อะ...อะไรวะ?” อย่าฉีกปากขนาดนั้น กูกลัว…
แล้วกิรติก็ต้องเบิกกว้างเมื่อร่างสูงชะลูดของเพื่อนโถมเข้ามาทั้งตัว พร้อมกับเสียงร้องไชโยอย่างดีใจ
“กูได้หอเดียวกับมึงงงงง” เสียงร้องดีใจของจันทรทำเอาคนโดนกอดขมวดคิ้วแต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ
จันทรรู้สึกว่าเหมือนกำลังวิ่งอยู่ในทุ่งดอกเก๊กฮวย สีเหลืองอร่ามและสดชื่น จมูกโด่งได้รูปปัดป่ายไปมาที่หัวไหล่ของเพื่อนตัวเล็กกว่าเล็กน้อย
“เฮ้ย! มึงอย่าเอาขี้มูกมึงมาป้ายไอ้เหี้ย” โดนว่าที่คุณครูตบแปะๆที่หัว
“เหอะๆ กูป้ายไปเยอะแล้ว”
“ไอ้ซกมก”
ร่างสูงของหนุ่มโบราณคดีหอมแก้มเพื่อนดังฟอดจนกิรติร้องลั่น
“พวกมึงสองตัวนี้มาเล่นเลสเบี้ยนอะไรกันอีกแล้ววะ” เสียงจากหน้าห้องทำให้พวกเขาทั้งสองคนหันไปมอง เห็นชายหนุ่มรูปร่างพอๆกับกิรติกำลังยืนกระดิกเท้าอยู่
“เข้าห้องชาวบ้านโดยพละการได้ไงวะไอ้ตังค์ เกิดพวกกูกำลังอะซำบะระเห้กันอยู่ทำไง?” จันทรเบ้ปากพูดเสียงดัง
“กูเคาะแล้วแต่พวกมึงมัวแต่เบี้ยนกันอยู่เลยไม่เห็นมั้ง” ตังค์ยักไหล่ “แล้วดีใจอะไรหนักหนาวะ เสียงดังไปถึงข้างล่าง”
“กูจะหนีตามไปอยู่กับกิกิ” จันทรกู่ร้องอย่างสะใจเหมือนถูกหวยใต้ดิน ถึงจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแต่อย่างน้อยก็ยังได้หอบผ้าหอบผ่อนตามตูดคุณครูกิกิไปด้วย บอกแล้วว่าพวกเขาเหมือนปลากระดี่กับเหาฉลาม
ตังค์คือเพื่อนหน้าเข้มจากคณะบริหารธุรกิจการเกษตรที่อยู่ห้องเยื้องๆกัน วันๆไม่ค่อยมีอะไรนอกจากเห็นมันไปเรียนหนังสือแล้วอีกที่ที่จะเจอมันได้บ่อยๆคือร้านเหล้าแถวหลังมอ
“แล้วมึงมาทำไม?” กิรติปัดไอ้เหาฉลามออกจากตัว “อย่าบอกว่าจะชวนไปร้านเหล้า?”
ตังค์ยิ้มหน้าบ้าน “แสนรู้สมเป็นกิกิ” แรกๆก็เรียกติแต่พอได้ยินไอ้จันทรเรียกกิกิก็เลยเรียกตามจนชินปากไปแล้ว
ร่างสูงชะลูดบึนปากพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์
“กิกิกูเรียกได้คนเดียว มึงห้ามเรียก!” กอดหัวเพื่อนหมับพร้อมกับทำหน้าหวงสุดฤทธ์
กิกิของจันทร คัยก็เอาปัยมั่ยดั้ย!
“เออๆ เรื่องของมึงเถอะไอ้จันทร” ตังค์โบกมือ “ตกลงไปมั้ย?”
มีหรือที่จันทรจะพลาด “ไปดิวะ” หันมามองเพื่อนปริบๆ “กิกิไปนะๆ”
กิรติถอนหายใจเฮือก “เออๆ” เพราะแน่นอนว่าถ้าเขาไม่ไปไอ้จัญไรนี่จะต้องไปทำคนอื่นเขาฉิบหายอีกเท่าไหร่
แต่กิรติก็คิดไปอย่างนั้นเพราะต่อให้เขามาหรือไม่มาไอ้จันทรมันก็ทำฉิบหายอยู่แล้วมั้ง
“เอ้า ชนนนนน” เสียงไอ้จันทรดังจนโต๊ะอื่นหันมามอง ทั้งที่ยังไม่ทันเทน้ำเมาใส่แก้วมันก็เอาแก้วเปล่ามาชู “ไชโย ไชโย ไชๆๆๆ โยๆๆๆ” ส่งเองรับเองเป็นงานแต่งงานไปได้ไอ้จันทร ใครยังต้องการเจ้าภาพขึ้นเปิดงานแต่งมาเชิญมันไปได้เลยนะครับ
ไม่เลือกงานไม่ยากจนครับ…
“ไอ้จันทรมึงจะรีบไปไหนวะ” งานนี้นอกจากไอ้ตังค์กับกิรติแล้วยังมีเพื่อนร่วมหออีกสามคนคือ เอ็กซ์ ป๊อบ แล้วก็ไปซ์ ฟังแล้วนึกว่าวงบอยแบนด์ยุ่งดังกระฉูดของไทยใช่มั้ยครับ การรวมตัวของเหล่านักร้องชื่อดัง
“ไม่ค่อยรีบแค่เสี้ยนเล็กๆ” ริมฝีปากสีส้มเลียแพร่บๆ สายตาก็มองอาหารที่เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ
นอกจากอาหารขยะที่กิกิชอบด่าทุกวัน จันทรก็กินอย่างอื่นเป็นเหมือนกันนะ ยิ่งอาหารแกล้มเหล้าอย่างไส้กรอกอีสานกับไส้ทอดนี่ยิ่งชอบมาก ถามว่าชอบแค่ไหนเหรอ? ตอนนี้ฟาดคนเดียวไปแล้วสี่อัน
“เฮ้ย ไอ้จันทรเหลือให้พวกกูบ้าง” ไอ้ไปซ์รีบดึงจานออกไป
“กิกิครับ มันแย่งกู” ทำเสียงอ้อนตีนให้คุณครูที่นั่งจิบเบียร์เย็นๆ
“สั่งใหม่ไปไอ้จันทร” เนี่ยคนรู้ใจของจันทร แล้วว่าที่คุณครูก็กวักมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์เพิ่มให้
คนที่นั่งข้างๆยิ้มกว้าง เอาหัวเน่าๆของตัวเองเป็นสังกะตังเล็กน้อยมาถูไถเพื่อน นี่มันคิดว่ามันเป็นแมวเหรอไงวะ ผมแม่งสากยิ่งกว่าขนเหี้ยอีก ว่าแต่ขนเหี้ยแม่งเป็นไงวะ?...
จันทรยิ้มกว้างฮัมเพลงหงุงหงิงเพราะความอารมณ์ดีมาก วันนี้กิกิคนดีของจันทรใจดี ไอ้ตังค์ชงเหล้าแจกทีละแก้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านคือนักศึกษาทั้งนั้นแหละครับ แต่วันนี้คนไม่เยอะเพราะไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์
นัยน์ตาเรียวสั่นระริกระรี้เหมือนหมาเห็นเนื้อวากิวเกรดเอย่างจนหอมฉุยมันย้อย...เดี๋ยวนี้หมามันเมินกระดูกแล้วครับ โลกเปลี่ยนหมาก็เปลี่ยนได้เหมือนกันนะครับ หมาอัพเลเวล จันทรเกือบทำน้ำลายหยดใส่เสื้อเพื่อนเมื่อจานไส้ทอดจานใหม่กับกับแกล้มอื่นๆถูกวางลงบนโต๊ะ รีบคว้าส้อมมาจิ้มไส้ทอดสามชิ้นซ้อนกันแล้วยัดเข้าปากตามด้วยน้ำเมาในมือ
ฮ่าาาาห์ ชื่นใจ…
“อ้าวไอ้ไปซ์” ทั้งโต๊ะหันไปมองตามเสียงเรียก ไปซ์โบกมือทักทายเพื่อน
“อ้าว ไงไอ้วิน”
จันทรกระพริบตาปริบมองคนมาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหัวโต๊ะ เขาไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าในหอในเลยด้วย สงสัยเป็นเพื่อนที่คณะของไอ้ไปซ์มันมั้ง
“เฮ้ย พวกมึงนี่เพื่อนกูชื่อวิน อยู่คณะเดียวกัน” ไปซ์ซึ่งเรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์แนะนำเพื่อน “มึงมากับพวกไหน?”
วินชี้ไปทางโต๊ะถัดไปประมาณสี่โต๊ะ “กับพวกไอ้ศากับไอ้อาทิตย”
“ไอ้อาทิตยเนี่ยนะมาด้วย?” ไปซ์ทำหน้าไม่อยากเชื่อพอได้ยินชื่อที่ไม่คิดว่าเจ้าตัวมันจะยอมมาด้วย อย่างไอ้อาทิตย์ที่ไม่ค่อยชอบมาร้านแบบนี้ด้วยซ้ำ
“เออ ไอ้ศามันลากมา” วินยักไหล่
“เออๆ”
จันทรนั่งมองคนคณะเดียวกันคุยกันอย่างออกรสพลางจิ้มไส้กรอกอีสานเข้าปาก มองคนนั้นคนนี้แล้วก็จิ้มหมูทอดเข้าปากเพื่อนซี้กิกิ
เหล้าหมดไปเท่าไหร่ไม่รู้แต่ว่าหน้าตาแต่ละคนเริ่มจะแดงกัน กิรติตาแดง เขาเป็นคนที่คออ่อนที่สุดในบรรดาคนทั้งกลุ่มเพราะงั้นเขารู้ลิมิตตัวเองดี ซึ่งตอนนี้ว่าที่คุณครูเปลี่ยนมาเป็นนั่งคนน้ำแข็งในแก้วแทน มองเพื่อนแต่ละคนที่เริ่มเผยฐาตุแท้ออกมา โดยเฉพาะไอ้รูมเมทตัวดีของเขา
“ชาลาเฮดชาลา...” แม่งเป็นพวกเมาแล้วชอบร้องเพลงอะไรของมันไม่รู้ คือมีมันที่เข้าใจอยู่คนเดียว คนอื่นไม่ได้เข้าใจด้วยเลยสักนิด
ร่างสูงชะลูดแหกปากร้องเพลงไม่สนใจว่าร้านเขาจะเปิดเพลงสากลหรือใดๆก็ตาม มีศิลปินในหัวใจซะอย่างจะร้องอะไรก็ได้หมด โต๊ะของชาวรัฐศาสตร์ก็เขยิบเข้ามานั่งโต๊ะถัดไปนี่เองเพราะโต๊ะใหญ่กว่าที่นั่งก่อนหน้า
นัยน์ตาเรียวแดงและรู้สึกร้อนๆ จันทรกำลังเมาได้ที่เลย แต่เป็นคนเมาที่พูดรู้เรื่อง ไอ้พวกรัฐศาสตร์ข้างๆก็เริ่มเคาะโต๊ะไปตามจังหวะเพลงของทางร้าน จันทรหัวเราะร่าไซ้หัวเหม็นๆของตัวเองกับกิกิที่รัก จนกิรติต้องยันออกไปห่างๆ
แม่ง...เมาแล้วเรื้อนฉิบหายน่ะไอ้จันทร
พอเหล้าเข้าปากทุกคนคือเพื่อนกัน...จันทรเลยรู้จักกับเพื่อนใหม่ยกโต๊ะ ชนแก้วกับคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย ร่างสูงชะลูดเดินถือแก้วเปลี่ยนโต๊ะมาหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้ ทว่า…
สายตาเรียวแดงเงยขึ้นสบกับนัยน์ตาคมกริบสีดำสนิทของใครบางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ได้ตั้งใจ จันทรกระพริบตาปริบๆ เขากำลังเหมือนโดนสายตาคู่นั้นดูดเข้าไปในหลุมดำในอวกาศ มันมืดมิดและดูน่าอึดอัด
เจ้าของสายตาดุดันคู่นั้นถอนสายตาไปทางอื่น นัยน์ตาเรียวฉ่ำแอบมองสำรวจคนตรงข้ามอย่างอุกอาจ
ใบหน้าคมสัน สันกรามรับกับใบหน้าพอดิบพอดี จมูกก็โด่งพอดิบพอดีไม่ได้โด่งแหลมเฟี้ยวเหมือนที่เคยเห็นตามรูปโฆษณาศัลกรรม ริมฝีปากก็หนาพอดิบพอดี ท่าทางการจับแก้วขึ้นจิบ ท่าทางการนั่งที่พิงหลังกับเก้าอี้พลาสติกแบบงานวัดธรรมดา แต่เห็นคนนี้แล้วเหมือนท่านชายกำลังนั่งบนเก้าอี้สไตล์หลุยส์บุด้วยไส้ขนเป็ดนุ่มสบายอย่างสง่างาม
ไอ้เหี้ย! คนหรือเจ้าชายบนหอคอยงาช้าง
“ไอ้จันทรเก็บปากหน่อยเว้ย มองเพื่อนกูน้ำลายหกไปอีก” เสียงไปซ์ทำให้ไอ้คนซกมกรีบปาดน้ำลายย้อยตรงมุมปากมาเช็ดกับเสื้ออย่างว่องไว
นัยน์ตาคมกริบหันมามองคนตรงข้ามทันพอที่จะเห็นมันเอามือเลอะน้ำลายตัวเองปาดเสื้อ ทำเอาคนมองถึงกับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาทันที
“เพื่อนมึงเหรอไปซ์?” จันทรหันไปถามเพื่อนร่วมหอ
“เออ ชื่อไอ้อาทิตย” จันทรพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันไปยิ้มหวานกับคนตรงข้ามอีกครั้ง
“หวัดดี กูชื่อจันทร...” มันยิ้มหวานพร้อมกับยกแก้วขึ้นทำท่าจะชนแก้วแต่ก็ต้องยิ้มค้างเมื่ออีกฝ่ายเมินไปทางอื่น
“...”
เพล้ง!
ไอ้สัด! เก็บเศษหน้ามึงด้วยไอ้จันทร
แต่ก็ดี...หยิ่งๆแบบนี้จะเกรียนให้หยิ่งไม่ออกเลย...หึ
“อื้ม หยิ่งๆแบบนี้จันทรช๊อบๆ” ทำเสียงเล็กเสียงน้อยไม่เข้ากับตัว “เจ้าชายของจันทร” คราวนี้ได้ผลเมื่อนัยน์ตาดุหันขวับมามอง
ทุกคนบนโต๊ะหันมามองร่างสูงชะลูดที่ยังยิ้มแก้มแดงอยู่ ตาเยิ้มกำลังสั่นระริกเพราะความสนุกที่ได้ยั่วใครบางคน กิรติเริ่มกุมขมับว่าไอ้เพื่อนซกมกจะทำอะไรทุเรศๆมาหรือเปล่า ปกติไอ้จันทรมันก็กวนตีนอยู่แล้วแต่ถ้ามันเจอใครที่มันถูกใจมันยิ่งขี่จรวดเข้าใส่ตีนเข้าไปอีก
กิรติถอนหายใจเฮือก หนึ่งในเหตุผลที่มันอกหักก็มาจากชอบไปกวนตีนผู้หญิงล่ะมั้ง เขาถึงไม่เอาเนี่ย สันดานเสียๆของมันเริ่มจะออกลายอีกแล้ว
“อูยยยย อย่าทำตาดุสิครับ” ยิ่งมองยิ่งถูกใจจันทรม๊ากมาก คนอะไรจะนิ่งได้ขนาดนี้ แต่ที่ทำให้นัยน์ตาเรียวยิ่งสั่นระริกระรี้ก็คือนัยน์ตาคมดุสีเข้มที่ทอประกายวาวับอย่างไม่สบอารมณ์แม้หน้าตาจะยังคงนิ่งไม่เปลี่ยน
คนอื่นๆนอกจากกิรติกำลังยิ้มมุมปากกันโดยเฉพาะชายหนุ่มเจ้าของชื่อศาสะที่นั่งข้างๆอาทิตย เขามองไอ้คนทำหน้ายิ้มกว้างแต่มันเป็นที่ทำให้ตีนเพื่อนเย็นชาคงกระตุกยิกๆ
‘อาทิตย’ ผู้ไม่มีชื่อเล่น อยู่ชั้นปีที่สามคณะรัฐศาสตร์ เขาค่อนข้างเป็นคนที่ไม่ชอบสุงสิงกับชาวบ้านมากนักเพราะขี้รำคาญ ในคณะชอบเรียกว่าคุณชายเพราะลักษณะท่าทางที่ดูสุขุมและนิ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้เหมือนจะมีคนกำลังท้าทายเขาอยู่
แน่นอนว่าอาทิตยรำคาญสายตาระริกรี้นั่นและรอยยิ้มที่ทำให้เขาอยากจะประทับรอยเท้าฝากเอาไว้ทั้งสองข้างอีกด้วย
“เจ้าชาย...” เขารู้บางคนเรียกเขาว่าคุณชายแต่ไม่เคยมีเรียกต่อหน้าเขามาก่อน
ใบหน้าเคร่งขรึมยังคงนิ่งสนิท ยกแก้วโซดาน้ำของตัวเองขึ้นจิบ อาทิตยไม่ชอบกินเหล้า กินได้แต่เขาไม่เห็นว่าจำเป็นว่าต้องซัดให้เมาเป็นหมา...เหมือนไอ้คนตรงข้าม
“กินแค่โซดาน้ำอร่อยเหรอ?” คนพูดยักคิ้วจึกๆ
“...”
“ค่าตัวแพงเหรอ ไม่ยอมพูดกับจันทรเลย” ยิ่งเงียบจันทรยิ่งสนุกกกก
“...”
“ใครแกล้งเจ้าชายเหรอถึงได้งอนไม่พูดขนาดนี้”
อาทิตยหัวคิ้วกระตุก เขายกแก้วขึ้นมาจิบถี่ขึ้นภาวนาให้ความซ่าและเย็นของโซดาดับความร้อนที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก่อนที่มันจะทะลุปรอทแตก
อยู่ๆไอ้บ้าตรงข้ามมันก็ผุดขึ้นลุกขึ้นยืนชูแก้วเหล้าแล้ววิ่งโซเซมาทางที่อาทิตยนั่งอยู่ แล้วมันก็แหกปาก
“มนต์แห่งจันทรา จงสำแดงฤทธา ณ บัดนี้!” จันทรหัวเราะร่าตะโกนลั่นร้าน “ทักซิโด้คาเมง ฉันจะปกป้องเธอเอง~”
กิรติถึงกับเบิกตาค้าง ไอ้จัญไรรรร มึงเอาอีกแล้ววว เมาแล้วผีโอตาคุเข้าสิง ไอ้เพื่อนเหี้ย ทั้งโต๊ะถึงกับขำก๊าก ยิ่งศาสะที่นั่งข้างเพื่อนถึงกับตบไหล่หนาปึกๆ
“อะไรคือทักซิโด้คาเมงๆของมึงวะไอ้จันทร” ไปซ์ลงไปขำกับโต๊ะ บางทีคุยกับไอ้จันทรแม่งต้องไม่เอาสติมาด้วยอะ สติดีๆคุยกับมันไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ยิ่งมันเมาๆแบบนี้ สงสัยตอนนี้ไอ้อาทิตยคงสติพังไปแล้วมั้ง ดูมันทำหน้าดิ...โคตรน่าสงสารฉิบหายต้องมาเจอกับไอ้จันทร
“เอ๊า ก็หน้ากากทักซิโด้ไงวะ มึง...ม่ายรู้จักเหรอ” ใบหน้าบูด ทำเสียงหงุดหงิด “ทักซิโด้คาเมงเป็นผัวเซเลอร์มูนอะมึงงงง”
ไอ้เหี้ยยย ใครจะไปรู้กับมึ๊งไอ้จันทรรรรร
อาทิตนหน้าทะมึนเมื่อร่างสูงชะลูดมายืนอยู่ข้างๆ ส่งเสียงแสบแก้วหู
“ไม่ต้องห่วงนะทักซิโด้คาเมง เอิ้ก...เซเลอร์มูนจะปกป้องเธอเอง” ยิ้มหวานให้คนหน้าดุที่ตอนนี้ทำหน้ายักษ์เพิ่มเข้าไปอีก อยากจะเข้าไปยันไอ้บ้านี่ไปไกลๆ จันทรหันมามองรอบโต๊ะ ชี้นิ้วกราด “ข้าคือตัวตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์แกเอง ห้ามมาแกล้งเจ้าชายของกูนะเว้ยยยยย” คนพูดยืนโซเซ
ไอ้จั๊นนนนน มึงเอาสติกลับมาก่อน เพื่อนทั้งโต๊ะทุบโต๊ะเก้าอี้ด้วยความฮาท้องแข็ง แม่งไม่ไหววะ...บอกทีว่านี่มันกำลังเล่นมุกอะไรอยู่
แล้วร่างสูงชะลูดก็หย่อนตัวลงบนตักแข็งๆท่ามกลางความตกตะลึงของคนทั้งโต๊ะ ร่างสูงพอกับจันทรถึงกับสะดุ้ง อาทิตยรู้ว่าอีกฝ่ายบ้าแต่ไม่คิดว่าจะบ้าถึงขนาดนั่งบนตักชาวบ้านแบบนี้
“ไอ้จัญญญญ!!” กิรติอยากจะเป็นลม ไอ้เหี้ยจันทรมันทำอะไรลงไป ดูหน้าคนอื่นด้วย
“เจ้าชาย...” ใบหน้าแดงก่ำอยู่ใกล้กับใบหน้าดุดันที่ตอนนี้ทั้งดำทั้งเขียวไปหมดแล้ว
บรรยากาศเย็นเยือกขึ้นมาเหมือนมีเจ้าแม่เอลซ่ามาปล่อยเลทอิทโกอยู่ในร้าน หน้าอาทิตยคิ้วขมวดมุ่นจนแก้ปมไม่ออก แต่ไอ้บ้าบอมันก็ยังไม่รู้ตัว
“เก๊าลงทัณฑ์เหล่าร้ายให้แล้วนะ ไม่ต้องกลัวนะ...” เกาคางคุณชายเขาเล่นเป็นแมวเลยไอ้จันทร
“แว๊กกกกก!”
ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดพร้อมกับผลักร่างสูงชะลูดบนตักลงไปนอนกองบนพื้นดังแอ๊ก นัยน์ตาคมกุมองคนที่คลำก้นตัวเองป้อยๆ ช้อนสายตาแดงก่ำตัดพ้อมาให้
“อะไรอะ...ได้เค้าแล้วก็ทิ้งเค้าอย่างไม่ใยดี” สะดีดสะดิ้งอย่างแง่งอน
“ถอยไป!” อาทิตยกัดฟันพูดออกมา นัยน์ตาเรียวเบิกตากว้าง
“เจ้าชายยอมพูดแล้ว นึกว่าเป็นใบ้แล้วนะเนี่ย เอิ้กๆๆ” ไอ้บ้ายังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เสียงเจ้าชายเพราะมากเลยถึงฟังแล้วจะขนลุกซู่ๆเพราะรู้สึกเย็นเจี๊ยบเหมือนช่องฟรีซก็ตาม
“ถอย” มองดีๆอาทิตยสูงกว่าจันทรไม่มากเลย เพราะตอนนี้ไอ้เรื้อนมันกระเด้งตัวยืนขึ้นมาพอดี ระดับสายตาของเขาทั้งสองคนเกือบจะเท่ากันเพียงแค่รูปร่างของอาทิตยดูหนากว่าจันทร
“ม่าย” คนฟังคิ้วกระตุก “ทำไมต้องทำเสียงเย็นเจี๊ยบขนาดนี้อะ...”
ใบหน้าดุดันยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่แต่ไอ้บ้ามันไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ กระโดดเกาะไหล่อีกฝ่ายเหมือนเป็นเพื่อนรักกันมานาน
“มาๆ ม่ายดุๆ เก๊ายังอยากนั่งตักตัวเองนะ คิกค้ากๆ”
โว้ยยยย! สติๆ
นี่คงเป็นเสียงในใจของใครหลายคนโดยเฉพาะกิรติที่ได้ขยี้ผมตัวเองหนุบหนับ ไม่น่าพามันมาเลยจริงๆวะ ไม่น่าเลย…
“กูบอกให้ถอย”
จันทรส่ายหน้าขวับเกาะร่างหนาแน่นเข้าไปอีก
“เจ้าชายต้องนั่ง ทำตามที่กูบอกสิ” ทำเสียงเล็กเสียงน้อย “เอิ้กๆ” พูดไปพูดมารู้สึกลมตีขึ้นมา
จังหวะที่อาทิตยกำลังจะแงะไอ้ผีเปรตออกจากร่างกาย เขาก็รับรู้ถึงความซวยของวันนี้เรียบร้อยเมื่อมัน…
“เจ้าชายยยยย อุ๊บ...เอิ่กกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ลมที่ตีเข้าใบหน้าไม่ใช่ลมจากธรรมชาติแต่เป็นลมจากปากไอ้เปรต…มาหมด…
ทั้ง...ละมุด ลำไย ไส้กรอก ไส้ทอด...รวมถึงกรรมวิธีที่ผ่านกระบวนก่อนจะออกมา กลิ่นเปรี้ยวและฉุนตุๆ
“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย” คนอื่นได้แต่ร้องเหี้ยนักมาก
“เอิ้กกๆๆ” ยังมีระลอกสองสามสี่ตามมาอีกสั้นๆ
ร่างสูงใหญ่นิ่งงันไปสนิท จนเพื่อนคนอื่นกลัวใจ ศาสะค่อยๆสะกิดไหล่เพื่อน
“เอ่อ...ไอ้อาทิตย...” ยังไม่ทันได้พูดต่อ เขาก็ต้องเบิกตา “เฮ้ย! ไอ้อาทิตยยยยยย”
ตึงงงงงง!!!
ร่างสูงหนาล้มตึงลงไปกองกับพื้นโดยลากไอ้เปรตที่เกาะไหล่ลงมาด้วย
“เฮ้ย! ฉิบหาย!! ไอ้อาทิตยมึงจะมาเป็นลมตรงเน้มั่ยดั้ยยยยยยย”
“เก...เกิดอารายยยขึ้น แผ่นดินไหวเหรอ เอิ้กๆๆ ทำไมโลกมันเอียงกะเท่เร่แบบเน้...”
“...”
- 100% -
สวัสดีค่า
วันนี้อาโปเอายัยน้องจันทรไม่ต้องทอนมาลงแล้วนะคะ ตอนนี้พระเอกค่าตัวแพงเราออกมาให้ยลโฉมแล้วค่า
นอกจากค่าตัวแพงออกน้อยแล้วพี่แกยังพูดน้อยอีกแล้ว ทั้งตอนพูดอยู่สองประโยคเอง ฮ่าๆ นอกนั้นโดนยัยน้องจันทรแย่งพูดไปหมดแล้วว
อ่านแล้วบอกฟี้แบ็คกันได้นะคะ หรือจะหวีดกันในทวิตเตอร์ที่แท็ก #อาทิตยอมจันทร
ขอบคุณมากค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ยยยยยน้องจันทรรรรรรร ขำไม่ไหวแล้ววสงสารอาทิตยคงได้ปวดหัวยาวยาวววววว
ชอบๆ จันทร
จันทรน่าร๊ากกกกก