คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เพลิงกัณฑ์
“ปา.... ปาปา.....ฮื....ฮือ...ปา...”
ห้องรับแขกกำลังมีหญิงสาวหน้าหวานแต่งแต้มด้วยสีสันสดใส ชุดที่สวมเป็นเดรสสั้นสีครีมเข้ารูปปักประดับด้วยเม็ดมุกมีราคา มะปรางเป็นน้องสะใภ้หรือจะเรียกว่าอดีตน้องสะใภ้ดีนะ เธอแต่งงานกับพระเพลิงน้องชายฝาแฝดของพระพาย มีลูกชายด้วยกัน1คน
หลังจากพระเพลิงจากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ มะปรางก็หอบลูกกลับไปอยู่บ้านแม่ทั้งที่พระพายอนุญาติให้เธออยู่ที่นี่ได้เหมือนสมัยที่พระเพลิงยังมีชีวิตอยู่ และพระพายก็ยังคงส่งเงินเลี้ยงดูน้องสะใภ้ตามสิทธิ์ แต่เธอก็ขอหอบลูกกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านเดิม ซึ่งพายก็ไม่ห้าม ตามใจอีกฝ่ายจนดูเหมือนมากไปด้วยซ้ำ
แต่เด็กชายที่ถูกอุ้มอยู่กลับดูมอมแมม ใบหน้าที่ควรขาวใสดำคล้ำเป็นด่างเป็นดวง เสื้อผ้าที่สวมก็ใหญ่โคร่งลากยาวทั้งเก่าทั้งขาดราวกับเด็กยากจนอนาถา มะไฟดิ้นบิดตัวหนีมือแม่ทันทีที่เห็นหน้าพระพาย เด็กน้อยพยามดิ้นส่งมือมาคว้าพระพายดูน่าสงสาร
“ปาปา ปา…. ฮือ ฮืออ”
“สวัสดีค่ะพี่พระ สวัสดีค่ะเฮียชาย อื้ม! มะไฟ! อย่าดิ้นสิลูก! “
เสียวเหวดุดันใบหน้าอ่อนหวานบิดเบี้ยว
“ป่อย...ผมจะหาปาปา”
“มาครับ มาสวัสดีกันก่อน เด็กดี”
พระพายย่อตัวลงไปอ้าแขนรับ มะปรางปล่อยลูกชายคนเดียว เมื่อเงยหน้ามาเห็นผมยืนกอดอกมองอยู่ ก็ยิ้มแห้งๆ ให้
“ไม่ได้เจอกันนานนะคะเฮียชายสบายดีไหม เห็นว่าเฮียต้องไปคุมงานต่างจังหวัด”
“ก็ดีครับ ปรางค์ก็สบายดีสินะดูสดใส สวยผิดตาเชียว”
“เอ่อเรื่องนี้... ขอบคุณค่ะ”
มะปรางดูไม่กล้าสู้หน้าผมหรือมีอะไรที่ผมยังไม่รู้
“นั่งสิปราง พาหลานมาเที่ยวหรือจะกลับมาอยู่ที่นี่ล่ะ พี่ยังให้ลุงอินคอยทำความสะอาดบ้านเล็กให้อยู่เสมอนะ”
พระพายถามเพราะเห็นถุงกระสอบสายรุ้งใบใหญ่ที่ใส่ของไว้จนเต็มวางด้านหลัง 2 ใบ
“ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้ คือ เอ่ออ....”
มะปรางมีสีหน้าลำบากใจมองลูกชายตัวน้อยที่กอดคนที่เขาเรียกเองว่าปาปาแน่นสลับกับผม ทำสีหน้าลำบากใจ
“พาย เฮียขออุ้มหลานหน่อย ไม่ได้เจอกันเป็นปี จำอาแปะได้ไหมนี่ หืมม มะไฟ”
“ไฟไฟ...ป๊า”
มะไฟหันมาหาผมออกเสียงเรียกป๊าชัด ดูตามสายตาจนผมต้องหันไปมองด้านหลังที่ว่างเปล่า เพราะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่เรียกผมหรือใครกันแน่
พรึ่บ!
ขนแขนสแตนอัพขึ้นมาทันที อย่าบอกนะว่ามะไฟก็เห็นพระเพลิง ป๊าตัวจริงของตัวเอง ถึงผมจะรู้จักพระเพลิงเป็นอย่างดีแต่ถ้ามาในรูปแบบอื่นผมก็ไม่ไหวนะ
“เด็กดีไปเล่นกับแปะชัชก่อนนะครับ ลูกไฟ” พระพายคุยกับหลาน
“ปาปา....งือ...ฮือ..ผมกิ๊ดถึง” เด็กน้อยเบะปาก
“ปาปาก็คิดถึงครับ เดี๋ยวค่อยมาเล่นกับปาปานะ ปาปาขอคุยกับคุณแม่สักครู่นะครับ”
“จาคุยกับปรางไม ผมจาอยู่กับปาปา”
ดวงตาเรียววาววับขณะที่มะปรางหลบสายตา
“ไปกันดีกว่าลูกไฟ แปะแปะมีของเล่นให้เล่นเยอะเลยนะครับเดี๋ยวค่อยมาเล่นกับปาปานะครับ”
ผมอุ้มมะไฟออกมา ปล่อยให้พระพายคุยกับมะปรางลำพัง มะไฟเป็นเด็กฉลาดไม่ซนแต่ดื้อเงียบ ฉลาดเล่น ฉลาดคิด มีความเป็นผู้ใหญ่ โครงหน้าคล้ายออกไปทางพระเพลิงหรือจะบอกว่าคล้ายพระพายก็ได้ ก็พระเพลิงพระพายมีใบหน้าเดียวกัน ลุงอินก็เข้ามาเล่นกับหลานด้วย
ขณะที่มะไฟวิ่งเล่นกับผีเสื้อ ลุงอินเล่าให้ผมฟังว่าหลังจากที่มะปรางย้ายกลับไปอยู่บ้านก็เทียวไปเทียวบ้านหลังนี้อยู่บ่อยๆ ไม่ได้มาเยี่ยมหรือมาค้าง แต่เอาลูกชายมาฝากให้อยู่เล่นที่นี่แบบเช้าไปเย็นกลับ
เพราะมะปรางติดงานและพายเองก็ยินดีและเต็มใจอย่างมาก เดิมก็รักมะไฟมากอยู่แล้ว ยิ่งพอเสียเพลิงไปมะไฟก็แทบจะกลายเป็นตัวแทนของน้องชายฝาแฝด
“ลูกไฟมานี่ลูก ...ลูกไฟครับ”
ผมหันมองคนเรียก พายยิ้มอ่อนโยนเดินเข้ามาขณะที่มะปรางหน้าเจื่อนอยู่เบื้องหลัง ยิ้มแหย๋พิกล
“ปาปา!~”
เด็กชายตัวน้อยยิ้มกว้างดีใจไม่สนใจผีเสื้อรีบวิ่งจนสะดุดขากางเกงตัวเองหกล้มเผะหน้าทิ่มไปกับพื้น ผมยืนกอดอกมองอยากรู้ว่าพายจะจัดการยังไง
เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมาเตรียมเบะปาก พายย่อตัวลงแล้ว
หัวเราะลั่น!?
“ฮ่าฮ่าฮ่า~ ล้มแล้วรีบลุกครับ เราเป็นผู้ชายต้องกล้าหาญเข้มแข็ง ลุกขึ้นมาเร็วครับ เด็กดี”
เด็กน้อยวัย 4 ขวบ เก็บปากเบะๆ ทำหน้าเฉยพยายามลุกขึ้นด้วยกำลังตัวเองแล้วก้าวสั้นๆ ดูท่าจะเจ็บหัวเข่าแต่ยังพยายามเดินไปหาคนที่ตัวเองเรียกว่าปาปา พระพายไม่ได้ขยับตัวเพียงส่งยิ้มให้กำลังใจ รอจนเด็กน้อยเดินมาถึงตัวก็คว้าหมับอุ้มขึ้น
“เก่งมากลูก ปาปาภูมิใจในตัวหนูที่สุด”
“ผมยักปาปาคับ”
“รัก”
“ลัก..คร้าบ”
“ปาปาก็รักลูกไฟครับ”
สอนแบบนี้เอง ลูกถึงดูเป็นผู้ใหญ่ สอนเก่ง ผมเห็นด้วยนะ มองอีกมุมอาจดูโหดไปหน่อยที่ไม่โอ๋เด็ก แต่แบบนี้ล่ะครับดีแล้ว ในชีวิตจริงไม่มีใครมานั่งโอ๋คุณไปตลอดหรอกไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม
“ลูกไฟอยากอยู่กับปาปาหรือครับ”
“ใช่ ผมจะงู่นี่ ผมไม่งู่กับปราง”
“ลูกไฟจะเป็นลูกปาปา จะอยู่กับปาปาตลอดไปไหมครับ”
“งู่ ๆ งู่คับอยู่ ตลอดไป”
“แล้วลูกไฟไม่คิดถึงคุณแม่เหรอครับ อยู่นี่ไม่ได้เจอคุณแม่นะ”
ฟังพระพายตั้งคำถามกับเด็กน้อยในอ้อมแขน ได้ยินคำถามแล้วผมก็เข้าใจได้ทันทีตวัดสายตาคมมองหญิงสาวใบหน้าสวยด้วยการแต่งแต้มสี แต่พอได้ยินคำตอบแล้วผมกลับสะท้อนใจหนักกว่า
“ไม่เจอ ไม่อยากเจอ ปรางมีคนใหม่แล้ว ปรางชอบหาพ่อใหม่มาให้ผม ผมไม่ชอบ เดี๋ยวปรางก็มีลูกใหม่ ผมจะอยู่กับปาปา เป็นลูกปาปา”
ท่าทางของเด็กชายวัยสี่ขวบทำหน้าอูมแววตาเรียบเฉย แขนเล็กๆ ยกขึ้นกอดอกทำผมขมวดคิ้ว ทำไมเหมือนลูกหมางอนเวลาโดนแย่งของกิน
“เป็นลูกปาปาต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังนะครับ”
“ผมเชื่อปาปาคนเดียว”
เด็กน้อยพูดฉลาดแม้จะทำหน้าเฉย แต่สายตาออดอ้อนสุดๆ ผมย่อตัวลงคุกเข่าหนึ่งข้างเพื่อให้ความสูงอยู่ในระดับเดียวกันลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“เชื่อแปะด้วยสิ ถึงจะเป็นเด็กดี”
“จามาเป็นป๊าผมไหม ถ้าผมเชื่อ”
“อ่า... ลูกไฟจะมีป๊าสองคนเลยเหรอ”
ผมถามขำๆ เด็กน้อยพยักหน้างึกๆ
“จามีป๊าสองคนพอ”
พูดแบบนั้นแต่ชู 3 นิ้ว อีกแล้วที่เจ้าเด็กนี่มองข้างหลังผมที่ซึ่งว่างเปล่าไม่มีใครยืนอยู่ อย่าบอกนะว่าพระเพลิงก็มายืนฟังอยู่ด้วย บรึ๋ยขนลุก
(พระเพลิง: เปล่านะ ผมไม่ได้มานืนฟังผมมาบอกให้ลูกพูดตามผมต่างหากเฮีย ฮึ ฮึ ฮึ)
โดยที่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมสัมผัสได้กำลังส่งเสียงพูดโดยไม่มีใครได้ยินอยู่ ผมยังคงพูดกับลูกไฟอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ได้แต่ป๊าคนนี้ดุนะ ถ้าลูกไฟดื้อถ้าลูกไฟทำผิดจะต้องโดนป๊าคนนี้ ทำโทษตกลงไหม”
เด็กน้อยวัยสี่ขวบทำท่าลังเล ดวงตาชำเลืองมองไปที่ด้านหลังของผม ยืนนิ่งไปคล้ายจะหยุดคิด
“แต่ที่ป๊าทำโทษเป็นเพราะป๊ารักลูกไฟนะ ป๊าอยากให้ลูกไฟเป็นเด็กดี เป็นคนดีมีคนรักเยอะๆ ป๊าลงโทษได้ไหม”
(พระเพลิง: พูดตามป๊านะลูก ลูกไฟจาเป็นเด็กดี ลูกไฟจาไม่ดื้อ จาได้ไม่โดนลงโทษคับ)
“ลูกไฟจาเป็นเด็กดี ลูกไฟจาไม่ดื้อ จาได้ไม่โดนลงโทษคับ”
“อืมดีมาก ลูกไฟเป็นเด็กดีมากครับ”
ผมยีหัวลูกไฟเล่น ความฉลาดน่ารักของเด็กทำให้อดเอ็นดูไม่ได้ ขณะที่พระพายหันไปคุยกับอดีตน้องสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อความเข้าใจและเหมือนจะรับรู้ความจริงทุกอย่างแม้เธอจะเล่าไม่หมด
“พี่จะเลี้ยงมะไฟเอง มะปรางไม่ต้องเป็นห่วง อย่างที่พี่บอกลูกของเพลิงก็คือลูกของพี่”
“ปรางขอบคุณพี่พระค่ะ มะไฟมาให้แม่กอดหน่อยได้ไหม แม่จะไปแล้วลูก”
“บายบาย” เด็กน้อยวัยสี่ขวบเพียงยกมือขึ้นโบกแล้วเดินมาหลบอยู่ข้างหลังผม คล้ายกลัวว่าจะโดนดึงตัวกลับไป
พระพายจึงเดินเข้ามาอุ้ม ลูกไฟก็รีบกอดคอพายแน่นราวกลัวว่าจะโดนส่งตัวให้ออกจาก คนเป็นแม่แท้ๆ น้ำตารินเดินเข้ามาลูบหลังลูกชาย ส่วนมะไฟยังคงกอดพายแน่นนิ่งเฉยไม่ยอมหันไปมองหน้าผู้ให้กำเนิด จนพระพายต้องพูดขึ้น
“ลูกไฟครับหันไปกอดคุณแม่ดีๆ ลาคุณแม่ด้วย ผมต้องขอบคุณคุณแม่ที่ให้ผมเกิดมาเลี้ยงดูผมมาตลอด ต้องรักคุณแม่ จำที่ปาปาสอนได้ไหม”
พายเอานิ้วจิ้มหน้าอกเด็กน้อยไปด้วย เวลาพูดคำว่า ผม เด็กน้อยทำหน้ามุ่ยไม่กล้าขัดใจ หันหน้าไปกอดแม่เหมือนกอดของร้อน ไม่รู้สอนกันยังไงแค่เรียกแม่ เด็กน้อยยังไม่ยอมเรียก เรียกแค่ชื่อเฉยๆ เท่านั้น คนเป็นแม่น้ำตานองกอดหลังไปลูบหลังไป
“แม่ไปนะ แม่ขอให้ลูกมีความสุขมากๆ อย่าโกรธแม่เลยนะ แม่รักลูกนะ”
เด็กน้อยไม่โต้ตอบทำหน้าเหมือนโดนน้ำร้อนลวกแล้วงุดลงกับคอของปาปา กอดแน่นเหมือนกลัวโดนดึงตัวออกมากๆ
“จะให้ผมเอาของคุณไฟไปเก็บไว้ที่ห้องไหนดีครับคุณพระ” ลุงอินถามขึ้นหลังจากแขกคนสำคัญอย่างมะปรางกลับออกไปแล้ว
“ห้องข้างผมครับลูกไฟเราไปดูห้องใหม่ของผมกันดีกว่า จะได้อาบน้ำใหม่ด้วย มอมแมมไปหมดแล้ว”
ผมเดินตามพระพายขึ้นด้านบนด้วยช่วยลุงอินหิ้วกระสอบสายรุ้งอีกใบดูจากข้าวของเหมือนจะไม่เหลือของเด็กน้อยไว้ที่บ้านโน้นเลยมั้ง ห้องที่ว่าว่างข้างห้องพาย เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ในห้องมีเตียงใหญ่ ตู้เสื้อผ้า โซฟา มีประตูกระจกออกไปที่ชานระเบียง ถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นห้องเก่าของพระเพลิงก่อนแต่งงาน
เดินสำรวจห้องอีกครั้งดูความปลอดภัยขณะที่พายจัดการถอดเสื้อเจ้าตัวน้อยเตรียมจะพาไปอาบน้ำ เด็กผู้ชายได้วิ่งหน่อยก็เหงื่อไคลเต็มตัว ที่ดูมอมแมมอยู่แล้วตอนนี้ก็ยิ่งมอมเป็นแมวไปอีก
“พายจะให้ลูกไฟนอนห้องนี้คนเดียวเหรอ” อดห่วงไม่ได้ เมื่อประตูเปิดออกระเบียงได้สำหรับเด็ก4ขวบยังไงก็อันตราย ในฐานะวิศกรประดับต้นๆ ของประเทศอย่างผมขอยืนยัน
“แค่เก็บของครับ ให้รู้ว่านี่คือที่อยู่ของผม”
พระพายเน้นย้ำ ผมเข้าใจถึงบางอ้อ ทีแรกผมนึกว่าเขาพูดผิดซะอีก แต่เขาพูดเพื่อให้เด็กเข้าใจความตามคำพูดนั้นด้วย
“ส่วนตอนนอนจะนอนที่ห้องผมหรือบางครั้งผมจะพามานอนที่ห้องนี้เป็นการฝึกให้เขารู้จักดูแลตัวเอง อยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะเราไม่สามารถเป็นเด็กไปชั่วชีวิต ผมชอบสอนให้เขารู้จักคิดรู้จักดูแลตัวเอง เพราะชีวิตไม่มีคำว่ายั่งยืน...”
พูดเสียงลอยในประโยคท้าย มองที่ไหนอีกแล้ว
ผมเดินเข้ามาใกล้วางมือบนศีรษะสบสายตานิ่งๆ คนพูดส่งยิ้มกว้าง ผมเอามือออกหันไปลูบหัวเจ้าตัวน้อยที่ยืนนิ่งๆ เหมือนรอให้ผมลูบหัวบ้าง
ลูกผู้ชายก็ต้องสั่งสอนกับแบบผู้ชาย แน่นอนว่าผมไม่ได้ลูบหัว ผมกำมือแล้วยื่นไปรอข้างหน้าเด็กน้อยทำหน้าสงสัยเอียคอแล้วกำมือเล็กๆ ขึ้นมาแตะกับมือของผม
หลังอาบน้ำลูกไฟเรียบร้อยเด็กน้อยก็โดนห่อตัวไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ ปากเล็กๆ สั่นหงึกๆ เพราะความหนาว พระพายยืนนิ่งมองเสื้อผ้าของลูกไฟไม่เลือกชุดให้ลูกสักทีผมจึงมองตาม ข้าวของที่ติดตัวมาถูกเทออกจากกระเป๋ากระสอบสายรุ้ง เป็นกองพะเนิน
แต่ถ้าให้พูดตรงๆ คงต้องบอกว่าเสื้อผ้าพวกนี้ยิ่งกว่าผ้าขี้ริ้ว เนื้อผ้ารุ่ยร่ายเป็นขน ลายอะไรก็ไม่รู้ แถมขนาดตัวก็ไม่ใช่ของเด็ก4ขวบ ราวกับซื้อไว้ใส่ทีเดียวยันโต
“ผมเห็นคุณพระโอนค่านมของคุณมะไฟให้คุณมะปรางเดือนละสามหมื่น แต่เสื้อผ้าพวกนี้...” ลุงอินเปรยขึ้นกับตัวเองแต่ว่าเสียงดังไปนะ
“ไม่เป็นไรครับแบบนี้ล่ะดีแล้ว ผมรบกวนลุงอินเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปบริจาคให้หน่อยนะครับ ลูกไฟ...หันมานี่ลูก”
“คับ ปาปา” เด็กชายตัวน้อยหันมาสบสายตาแป๋ว
“ลูกไฟ พูดตามปาปาครับ” พายย่อตัวลงพาลูกไฟในอ้อมแขนให้ยืนแล้วเอามือลูกมาวางบนเสื้อผ้าข้าวของทั้งหมด
“คับ”
เสียงพายเอ่ยนำลูกชายกรวดน้ำฟังดูชุ่มชื่นหัวใจดี ไม่ว่าเสียงนุ่มจะกล่าวสิ่งใด เสียงเล็กๆ ก็เจื้อแจ้วเอ่ยตามไม่มีผิดคำ จนมาถึงประโยคสุดท้ายที่เด็กน้อยเอ่ยกล่าวขึ้นมาด้วยตัวเอง
“ผมนายเพลิงกัณฑ์ ขอผลบุญนี้ส่งให้พ่อเพลิงมีความสุข วายุภัคมีความสุข ..ตัวผมมีความสุข ให้ปาปา ปะป๊า ป๊า มีความสุข สาตุ สาตุ สาตุ”
ตกลงว่าเจ้าลูกไฟมีพ่อสามคนจริงๆ สินะ ผมแอบขำกับสามลำดับสุดท้าย ว่าแต่ วายุภัค ใคร?
ในขณะที่ผมไม่เห็น ณ มุมห้องมีเงาร่างโปร่งแสงวัยต่างกันราวพ่อกับลูกกำลังยกมือพนมกล่าวรับ สาธุ อนุโมทนาบุญนี้อยู่อย่างสงบ
//////////////////////
อ่า เรื่องนี้มันมีผีจริงๆด้วยสินะ ถ้าเฮียเห็นจะวิ่งไหมน้ออออออ
ความคิดเห็น