ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระพายซ่อนกล ⭐ [จบแล้ว]

    ลำดับตอนที่ #3 : เสียงร้องของสายลม

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 66


     

    “ลุงอินสมกับเป็นคนที่คอยดูแลพายมาตั้งแต่เด็ก ดูเหมือนลุงจะรู้ใจพายดีนะ”

    “ลุงอินเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนของผม”

    “ยิ้มอะไร”

    “วันนี้ดอกไม้บานสวยดีครับ”

    โกหก รอยยิ้มนั้นไม่ได้ยิ้มให้ผม เพราะมันถูกส่งไปด้านหลังของผม แต่พอผมหันมองก็ว่างเปล่า ไม่มีใคร แอบท่องพุทโธ นะโมตัสสะ ในใจ อย่าใช่ในแบบที่ผมคิดเลยก็แล้วกันนะ เพลิงหากนายยังอยู่ห้ามมาให้เป็นแบบเละๆ นะ เฮียกลัวเฟ้ยย!

    “วันนี้เฮียว่างหรือครับ?”

    “ไม่ว่าง” ยักคิ้วให้หนึ่งจึ๊ก

    “ฝากสายลมมาบอกแต่ว่าให้อยู่รอ แต่ไม่ยักบอกว่ามีธุระอะไร”

    ขนลุกเลยสิ... เขารับได้มันได้จริงๆ

    “เอ่อ... สรุปว่า ฝากถึงด้วยเหรอ? หัวเราะอีกละ ขำอะไรเฮียนัก”

    “หึหึ ก็เฮียตลกนี่ครับ เดี๋ยววางมาดเท่ห์ เดี๋ยวทำหน้าซีด กลัวอะไรหรือครับ ที่นี่ไม่มีผีสักหน่อย บ้านประวรรณรัตน์มีแต่ของศักดิ์สิทธิ์”

    “ก็พายทำเหมือนเห็นอะไรแปลกๆ อย่าบอกนะว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นตามเฮียมา”

    “ไม่มีหรอกครับ ผมไม่เห็นอะไรตามเฮียมาเลย ผมแค่ขำเพลิง เอ่อ ไม่มีอะไรครับ”

    “เพลิง!! พระเพลิงน่ะเหรอ มาจริงๆ ด้วยสินะ เฮียก็เห็น”

    “เฮีย....”

    ใบหน้าสวยเศร้าลงไปถนัดตาแต่แล้วจู่ๆ ก็เบิกสายตาขึ้นแล้วมองผมด้วยสายตาคาดหวัง

    “เมื่อกี้เฮียบอกว่า เห็นเพลิง?”

    “ใช่ เฮียเห็นตอนที่เฮีย... ตอนที่มือเราแตะกัน” แอบเปลี่ยนคำพูดเพราะจริงๆ คือตั้งใจจะไปจับมืออีกฝ่ายต่างหาก “พายก็เห็นเพลิงใช่ไหม”

    ใบหน้าสวยส่ายหน้า ยิ้ม

    “พายได้ยินแต่เสียงครับ แต่ไม่มองเห็น บางทีพายอาจหูแว่วไปเอง อาจเป็นอาการประสาทอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเพราะคิดเสมอว่า น้องยังอยู่”

    ผมมองคนยิ้มเศร้าเมื่อพูดถึงน้องชายฝาแฝดที่เพิ่งจะลาโลกนี้ไปด้วยโรคร้ายที่รักษาไม่หายเมื่อปีก่อน ตอนนั้นพายร้องไห้หนักมากแต่ก็ไปแอบร้องคนเดียวด้านหลังที่ตั้งโลง ไม่ยอมให้ใครเห็น แต่ผมดันเดินไปตรงนั้นพอดีเลยเห็น ผมเลยยืนอยู่ตรงนั้นอยู่ข้างๆ คนยิ้มเก่งที่เวลาร้องไห้ที ทำเอาผมไปต่อไม่เป็นเลย

    “พายไม่ได้คิดไปเอง เฮียบอกแล้วไง เพลิงยังอยู่กับเราเสมอ ตรงนี้” เอานิ้วชี้ไปที่หน้าอกบางของคนที่นั่งข้าม ใบหน้าสวยขมวดคิ้วหน่อยๆ ผมจึงเริ่มรู้ตัวว่าผมไม่ควรเอานิ้วไปจิ้มหน้าอกใครง่ายๆ

    “เอ่อ เฮียขอโทษ”

    “ตกลงว่าเฮียเจอผีมาจริงๆ สินะครับ ที่เมืองเหนือ”

    เปลี่ยนเรื่องเฉย คนอะไรพูดถึงผีได้หน้าตาเฉยตลอดไม่รู้จักกลัว

    “รู้ได้ไง”

    “สายลมบอก”

    “แล้วบอกอะไรอีก?”

    “บอกว่าเฮียว่างน่ะสิ”

    พระพายยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวช้าๆ ผมที่ตักข้าวต้มกินกำลังอร่อยเกือบสำลัก ทำคนคูลเสียลุคสนุก?

    “รู้แล้วจะต้องถามทำไมอีก”

    “ไม่ถามผมจะรู้ได้ยังไงว่าที่ผม รู้ มันถูกไหม”

    “อืมม ถูกกกกก” ลากเสียงยาวเบื่อหน่ายตอบ

    “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเฮียคงไม่มีเวลาว่างมาหาผมถึงนี่ ถูกไหมครับ”

    “ผิด ถึงติดงานไม่มีเวลาแต่ถ้าพายอยากให้มาก็มาหาได้บ่อยๆ”

    ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวช้าๆ ไม่สนใจคนหน้าแดง ทำคนเสียลุคได้มันสนุกจริงๆ ด้วย ยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มปิดท้ายข้าวต้มทะเลเช้านี้อร่อยจริงๆ

    “ทานเพิ่มไหมครับ ยังมีอีกนะ”

    “อิ่มแล้ว อร่อยมาก ขอบคุณสำหรับมื้อเช้า”

    “เต็มใจเลี้ยงเฮียเสมอครับ”

    หึ ชอบสกินชิพแบบไม่รู้ตัวอีกละ แต่หยอดมาหยอดกลับมาโกง

    “อืม แล้วจะมาให้เลี้ยงบ่อยๆ”

    “ไปได้แล้ว”

    “หืม เพิ่งกินอิ่มก็ไล่เฮียเลยเหรอ”

    งงเด้ คนสวยทำกับคนคูลๆ อย่างนี้ได้ไง

    “เอ่อ ไม่ใช่ ไม่ใช่ครับ ผมไล่เพลิง เพลิงมากวน”

    ท่าทางตกใจรีบปฏิเสธทำให้ผมยิ้มออก เรียวตาสีน้ำตาลอ่อนแสงลงจนเห็นเป็นสีน้ำผึ้งสวย ผมยกยิ้มให้อย่างอ่อนโยน วางมือบนศีรษะทุย

    “เฮียไม่ว่าผมบ้าเหรอ”

    ริมฝีปากแดงฉ่ำขบเม้มเข้าหากันจนแน่น ผมเลยเผลอเอามือไปจับคลี่ออก ดวงตาเรียวเบิกกว้างนิดๆ

    “อย่ากัดปากเดี๋ยวเป็นแผล เฮียเชื่อพายเสมอ เฮียเชื่อว่าเพลิงยังอยู่กับพวกเรา”

    “เฮียชัช ไม่กลัวเพลิงเหรอ เพลิงเป็นผีนะครับ”

    แอบหน้าซีดหน่อยๆ กลัวเด้ แต่ต้องคีพลุค ขึ้นชื่อว่าผียังไงก็น่ากลัวทั้งนั้นล่ะ แต่ถ้าจะมาให้เห็นขอมาแบบสภาพดีๆ หน่อยนะ ยังไงก็คนกันเองเป็นพี่เป็นน้องกัน ห้ามมาหลอกกัน

    “เฮียกลัวผีแต่เฮียไม่กลัวเพลิงเพราะเพลิงก็เป็นน้องของเฮียอีกคน ว่าแต่พายได้ยินเสียงเพลิงจริงๆ เหรอแล้วเมองห็นเขาไหม”

    ขอถามให้แน่ใจเพราะเห็นว่าพายชอบมองข้างหลังผมบ่อยๆ พายส่ายหน้า

    “ไม่เห็นครับ ผมได้ยินแต่เสียงแต่ผมไม่เห็น ผมมองไปทางทิศของเสียงแค่นั้นครับ”

    “อืม ถ้าเพลิงอยู่ตรงนี้ รับรู้ไว้ด้วยนะว่า เฮียกลัวผี ถ้าจะมาให้เห็นก็มาแบบดีๆ ถ้ามาแบบไม่ดี เฮียโป้ง เลิกเป็นพี่น้องกัน”

    พายหัวเราะคิกคัก ดูสบายใจขึ้น แต่พูดไปแล้วผมก็กลัวเพราะหากผีไม่แคร์ที่จะเลิกเป็นพี่น้องกับผมล่ะ เหอะ บอกเลยผมคงได้วิ่งหนีผีพระเพลิงกลับเหนืออีกรอบแน่

    ผมชวนคนยิ้มเก่งให้เข้าไปนั่งในห้องเพราะคิดว่าที่หน้าแดงอยู่นี่คงเพราะไอแดดที่เริ่มจะสาดส่องเข้ามา เก็บจานชามเตรียมเอาไปล้าง

    “ไม่ต้องเก็บหรอกครับเฮีย เดี๋ยวลุงอินมาเก็บ”

    “ไม่เป็นไร ทำได้ก็ทำเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นี่ก็บ้านของเราใช่บ้านใครที่ไหนจะต้องเกรงใจกันทำไม”

    นี่เป็นคำพูดของพรพระพายที่มักพูดประจำตอนไปกินข้าวที่บ้านสินประพัฒน์ แต่เมื่อผมเอามาพูดบ้างก็เห็นพายเอาแต่นิ่งหน้าแดงกว่าเดิม ตกลงว่านี่เขาหน้าแดงเพราะผมหรือ

    ตึกตัก! ตึกตัก!

    แล้วทำไมหัวใจของผมต้องเต้นแรงด้วย รู้จักกันมาเป็นปี ช่วยกันล้างจานก็ออกจะบ่อยที่บ้านสินประพัฒน์ แค่นี้ทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วย ผมสงสัยตัวเองขณะที่ยังคงทำเฉย

    เก็บรวมจานชามเรียบร้อยก็ยกไปที่เค้าเตอร์ด้านในจัดแจงล้างเก็บเข้าที่โดยมีพายเป็นลูกมือ เหมือนเวลาพายไปที่บ้านกินข้าวที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตา พายก็จะเป็นคนแย่งล้างจานให้ และผมจะมาคอยยืนช่วยเป็นลูกมือ

    เพียงแต่ที่ผ่านมาพรพระพายจะไปบ้านสินประพัฒน์บ่อยกว่าที่ผมจะมาที่นี่ เขาไปหาน้องเจ้าหรอกครับ ไม่ได้ไปหาผม แต่แค่เขามาที่บ้าน ผมก็ตื่นเต้นทุกทีไม่รู้เป็นเพราะอะไร

    มีครั้งหนึ่งน้องเจ้าร้องไห้ ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นเป็นวันแรกที่น้องเจ้ากลับจากโรงพยาบาลหลังคลอดเจ้ารามได้ 7 วัน ไม่รู้ไอ้เจ้านายไปทำอะไรน้องเจ้า น้องเจ้าถึงได้ร้องไห้และโทรมาหาพี่ชาย ...

    พรพระพายออกจากงานพิธีที่ต่างจังหวัดทันทีแล้วรีบขับรถมาหาน้องเจ้าภายใน 1 ชั่วโมง มาถึงก็ถามหาแต่น้องเจ้าอย่างเดียวไม่สนใจหน้าอินหน้าพรหมทั้งนั้น พอเจอน้องเจ้าก็คุยกับน้องลำพังอยู่ในห้องกว่าชั่วโมง

    เหตุการณ์นั้นทำให้พวกเราทุกคนในบ้านเข้าใจอย่างลึกซึ้งทีเดียวว่าพายรักน้องเป็นห่วงน้องมากแค่ไหน เขาเหมาะสมกับคำว่าพี่คนโตของบ้านมากๆ แม้พ่อแม่จากไปแล้วเขาก็ยังคงดูแลน้องๆ ทุกคนเหมือนเดิม

    และแน่นอนว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นเจ้านายไม่เคยทำให้น้องเจ้าเสียน้ำตาอีกเลย ทั้งที่ๆ พายไม่ได้พูดต่อว่าสักคำ ผมเห็นเขามาปลอบใจน้องสอนน้องเสร็จก็กลับ ก่อนกลับยังยิ้มยังขอโทษพวกเราที่รีบมาจนทำให้ทุกคนตกใจ

    เป็นพระพายสมชื่อ สายลมอ่อนที่พร้อมพัดทุกอย่างให้ระเนระนาดในพริบตาหากมีสิ่งใดไม่ถูกไม่ควร

    หลังจากนั้นพวกเราเพิ่งมารู้ว่าพายรีบขับรถจากอยุธยากลับบ้านเพื่อมาดูว่า น้องร้องไห้ทำไม บอกเลยว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ครอบครัวของผมรวมถึงตัวผมด้วยค่อนข้างจะเกรงใจพรพระพายมากทีเดียว

    “ทานน้ำครับ เฮีย”

    “ขอบใจ”

    เดินมานั่งที่โซฟาหลังจากล้างจานเสร็จขณะที่พายยังคงง่วนกับการหาน้ำมาเสิร์ฟบริการ ผมรับน้ำมะตูมมาจิบ หอม หวาน ชื่นใจดีจริง

    “งานที่เหนือเป็นยังไงบ้างครับ ทำไปได้เยอะหรือยังครับ”

    “ยังไม่ได้เริ่มเลย ทำไม่ได้”

    “ติดอะไรครับ” ถามแล้วก็หรี่สายตาลง

    “อ้อ เจอวิญญาณสินะ / เจอผีน่ะสิ”

    คนยิ้มเก่งยืนจิบน้ำมะตูมที่ปากประตูระเบียงหัวเราะเบาๆ ผมไม่ค่อยแปลกใจที่เขาจะ 'รู้' ไม่อย่างนั้น พรพระพายไม่ใช่แค่คนมีเซ้นธรรมดาแต่หัวหรน้าครอบครัวประวรรณรัตน์ทุกรุ่นต่างก็เป็นโหราจารย์สืบทอดกันมาทุกสมัย มีเพียงพายที่ไม่ยอมรับตำแหน่งสืบต่อ ขอเป็นเพียงหมอพระ ช่วยเหลือคนมีบุญสัมพันธ์กันเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นพรพระพายก็ยังได้รับตำแหน่ง หมอดูคิวทอง อาจารย์ปราบผีชื่อดัง จากสังคมอยู่ดี

    หมอพระ มีความสามารถหลากหลายได้ทุกแขนง ตั้งแต่ดูฤกษ์ยาม ทำนายดวงชะตา ผูกดวงชะตา ตั้งนามมงคล ดูฮวงจุ้ย ปราบผี ตั้งศาลทำพิธี หมอพระก็ทำได้ทั้งหมด เจ้าจันทร์บอกกับพวกเราว่า มันความคือความสามารถของคนที่จะเป็นโหราจารย์ เพียงแต่พรพระพายไม่ยอมให้ใครเรียกในตำแหน่งนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เมื่อพายให้เรียกว่า หมอพระ ทุกคนก็เลยเรียกตามกันมาแบบนั้น

    “แล้วมีอะไรให้ผมช่วยครับ”

    “ไปดูผีให้หน่อย ชอบคุยกับผีไม่ใช่หรือ ไปคุยให้ทีจะเอายังไง เจ้าบ้านเขาให้ทุบแล้วสร้างใหม่ จะเอาอะไรก็บอกมาจะได้ไปบอกกับเจ้าบ้าน หรือถ้าทำให้เองได้ก็จะทำให้”

    รอยยิ้มละมุนปรากฎขึ้นมองผมอย่างเข้าใจ ที่ผมเผลอโวยวาย

    “เฮียกลัวผีไหมครับ”

    “โธ่ ยังต้องถามอีกเหรอ อย่าให้พูดเยอะ เสียฟอร์ม!”

    พายหัวเราะคิกคักดังขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย ผมได้แต่ปลายตามอง ทีใครทีมันแล้วกัน

    “น่าเสียดาย ถ้าเฮียไม่กลัวผมจะได้สอนวิธีคุยกับผีไม่ได้ยากเลยครับ จะได้ไม่ต้องไปเสียรู้เสียเงินแพงๆ กับเหล่าบรรดาร่างทรงหรือ คนลวงโลกที่เขารู้ไม่จริงต่หลังกินเงินเรา”

    “เฮียมีพายอยู่ ทำไมเฮียต้องเรียนด้วยล่ะ พายไปคุยให้เฮียไม่ได้เหรอ อ่อ คิวเยอะสินะ คงคิวเต็ม เฮียต้องโทรจองล่วงหน้าเหมือนทุกๆ คนเพื่อความยุติธรรมสินะ”

    “งอนเก่ง ผมแค่อยากจะบอกว่ารอบหน้าถ้าเจออีกถามเขาเองได้ครับ เขาจะบอกเราเอง สื่อเองเลย ถ้าเจออีกเฮียก็ถามได้โดยตรงเลยนะครับ วิญญาณบางตนถึงพูดไม่ได้แต่ก็จะสื่อออกมาในรูปแบบอื่น เช่นทำให้เห็น หรือพาไปเห็นในสิ่งที่เขาต้องการ แต่ห้ามตามเขาไปนะครับ แค่จำให้ได้ก็พอว่าเขาให้เห็นอะไรบ้าง”

    แอบขนตั้ง บ้าหรือเปล่าวะ จู่ๆ มาสอนให้ผมคุยกับผี เหอะๆ อย่ามาเจอะมาเจอกันเลย นี่ไม่ได้กลัวนะ จริ๊ง!!

    “เฮียไม่ชอบคุยกับผี คุยภาษาผีไม่รู้เรื่อง”

    ร่างโปร่งหันมาพูดกับผม เขาจะรู้ตัวไหมว่าการยืนตรงหน้าประตูที่มีแสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามามันทำให้เสื้อสีขาวโปร่งบางที่ใส่อยู่กลายเป็นเสื้อซีทรูเห็นผิวเนื้อข้างในได้ชัดเจน

    “ผีคือวิญญาณที่ไร้เรือนที่อยู่เขาก็พูดภาษาไทยเหมือนเรานี่ล่ะครับ บางทีอาจไม่พูดเป็นเสียง แต่อาจจะแสดงภาพที่ต้องการให้เราเห็น เฮียมีพลังธาตุหยินสูง สัมผัสได้ง่ายอยู่แล้วครับ”

    พลังธาตุหยินคืออะไร?

    “แล้วพายไปคุยให้ไม่ได้เหรอ คิวเต็มสินะ”

    ทำเสียงน้อยใจหันหน้าหนี ที่จริงคือไม่อยากมองผิวเนื้อใต้ร่มผ้าของคนไม่รู้ตัว ผมสุภาพพอ หรือจริงๆ แล้วผมควรบอกให้เขาเปลี่ยนเสื้อดี

    “คุยได้ครับ ผมแค่หมายถึงเวลาที่เฮียเจอแล้วผมไม่อยู่”

    ไม่มีใครอยู่ผมก็วิ่งสิ ผมจะอยู่ทำซากอะไร

    “ไปตอนนี้เลยไหม เดี๋ยวเฮียจองตั๋วบินเลยเย็นๆ คงถึง”

    “วันนี้พายมีคิวครับ... เดี๋ยวจะมีคนมาอีก”

    ใคร?

    เลิกคิ้วสูงทันที อ้อ ผมก็ลืมไปหมอพระคิวทอง เปิดรับแก้ไขดวงชะตาให้วันละ1คน และต้องเป็นคนที่มีบุญกรรมสัมพันธ์กันเท่านั้น และตอนนี้ผมอาจเป็นคนที่แทรกคิวเข้ามา

    แต่ว่าไหนว่าเป็นญาติกันไง พี่น้องต้องสำคัญกว่าคนอื่นสิ คิวจากใครที่ไหนไม่รู้มาสำคัญกว่าผมได้ไง

    “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ผมรู้แต่ว่า... จะมีคนมาหา”

    เหมือนแบบผมหรือเปล่าวะ เฮ้ย ไม่ได้นะ เฮียมาก่อน เฮียต้องมีสิทธิ์ก่อนนะเฟ้ย

    “ไม่ใช่แบบเฮียหรอกครับ เป็นใครสักคนที่มีธุระกับผม ในเรื่องอื่น จะมาฝากของสำคัญ... คนสำคัญกำลังจะกลับมา”

    ดวงตาเรียวยาวสีน้ำตาลทอประกายสีอำพัน เสียงตอบลอยๆ ตรงกับที่ผมอยากรู้ทุกประโยค แอบขนลุกหน่อยๆ อย่าบอกนะว่าหมอพระอ่านใจได้

    เงียบ....

    ไม่มีคำพูดตอบกลับแถมตอนนี้ยังเดินออกไปพอดีกับที่ลุงอินเดินเข้ามารายงานเบาๆ พายพยักหน้าสั่งเบาๆ เดินเข้ามาใกล้ ยิ้มละไมเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ ไม่รู้ทำไมผมถึงต้องคอยสังเกตรอยยิ้มของไอ้หมอนี่ ผมรู้แต่ว่าผมชอบที่พายยิ้ม ยิ้มหวานบางๆ เห็นแล้วรู้สึกเย็นใจแม้มันจะดูเศร้าก็ตามที ขอแค่พายยิ้มจะแบบไหนผมก็รู้สึกอิ่มเอมในใจและมันทำให้ผมยิ้มตาม

    “มีอะไร แขกที่ว่ามาแล้วเหรอ”

    “ลุงอินบอกว่า มะปรางมาครับ มากับมะไฟ”

    “ครับ ผมบอกคุณไปแล้วครับว่าคุณพระกับคุณชัชกำลังทานข้าวกันอยู่ที่นี่ บอกให้คุณมากินข้าวด้วยกันแล้ว แต่คุณว่ามีธุระคุยแปปเดียวพาน้องมะไฟมาด้วย เห็นมีข้าวของกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่มาด้วย บอกจะรออยู่ห้องรับแขกครับ”

    พระพายหันไปฟังรายงานจากลุงอินที่เดินตามมาอธิบายเพิ่มเติม แล้วนิ่งไปเหมือนเตรียมใจให้พร้อมรับทุกเหตุการณ์

    “ขอบคุณมากลุงอิน เฮียไปกับผมไหมครับ”

    “ไปสิ”

    แผ่นหลังบอบบางแต่ดูเด็ดเดี่ยวมั่นคง จนบางทีผมก็รู้สึกว่ามันน่าเจ็บปวดจนใจหาย ไม่รู้ว่าตลอดเวลาเขาต้องแบกรับอะไรไว้บ้าง

    รับภาระ…

    รับความทุกข์…

    รับสารพันปัญหาของใครต่อใครมากมาย….


     

    ...........................
     


     

    เฮียแสดงความเป็นผู้นำดีมากหากผีมาก็วิ่งสิเนาะ เราต้องรักษาคอนเซปของเราไว้ อิอิ คนเป็นหมอดูก็แบบนี้ล่ะ ต้องคอยรับฟังพร้อมกับทำนายดวงชะตาเพื่อแก้ไข เตรียมพร้อมรับกับปัญหาด้วย 
     

    แล้วมันจะเข้าคู่กันยังไงน้า คู่นี้ ลุ้นๆ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×