ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระพายซ่อนกล ⭐ [จบแล้ว]

    ลำดับตอนที่ #2 : อาจารย์ปราบผี

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 66


     

    [ชัชชาย สินประพัฒน์]

     

    “เป็นอะไรอีกแล้ววะเฮีย จู่ๆ ก็ลงมาจากไซด์งาน”

    ไอ้เจ้านาย น้องชายคนเล็กของบ้าน ผมลงมาจากเหนือเพิ่งเหยียบประตูบ้าน มันก็โวยวายใส่ทันทีสมชื่อเจ้านายจริงๆ ผมชัชชาย ลูกครึ่งไทยจีน รูปร่างสูงใหญ่ ตัวขาว รูปหล่อ ตาตี่กันทั้งบ้าน แม่เรียกผมว่า ‘เจ้าชาย’ ใครๆเลยพากันเรียกตาม 

    เพราะแม่ชอบเติมคำว่า 'เจ้า' ให้กับลูกทุกคน คนโตชื่อคุณก็กลายเป็นเจ้าคุณ ผมคนที่สอง จากชายเลยกลายเป็น เจ้าชาย น้องสาวผมชื่อหญิงก็กลายเป็นเจ้าหญิง ส่วนคนเล็กนี่ไอ้นายเติมเชื้อไปหน่อยกลายเป็น เจ้านายไปเลย

    “เฮียเจอผีว่ะให้ทำไง จะทุบตึก ทำไม่ได้เนี่ย” เจอจริงๆหลอนมาก

    “ผีจริงหรือเปล่า ไม่ใช่พวกแม่งอยากอู้งานแล้วแต่งผีมาหลอก”

    “ไม่เชื่อ ไปดูเองเลยไอ้นาย”

    “เฮ้ยยย เฮียอย่าโยน เฮียกลัวผี ผมก็กลัวผีเหมือนกัน แต่เฮียเป็นพี่ แล้วก็เป็นวิศวกรระดับประเทศด้วยนะ เฮียก็รับหน้าไปดิ” 

    “เชี่ย วิศวกรไม่ใช่หมอปราบผีโว้ย” 

    “แล้วเฮียลงมาใครดูที่โน้นวะ” 

    “ใครมันจะกล้า โผล่มาที แม่งกระเจิงหมด กูนี่วิ่งคนแรกเลยครับ”

    “โห แมนมาก ภูมิใจมากเลยสิเฮีย”

    “กูคือผู้นำ”

    “กระจอกว่ะ” 

    เฮ้ยย! คนคูลๆอย่างผมไม่มีคำว่ากระจอก อดีตเฮดว๊ากวิศวะ อดีตเดือนมหาลัยจะมากกระจอกได้ยังไง แต่กับผีผมไม่สู้ ส่งสายตาแช่แข็งไปให้ไอ้น้องชาย มันก็โต้กลับด้วยสายตาเฉือดเฉือนไม่เคยยอม

    “เอาล่ะๆพอค่ะทั้งสองคนให้หมอพระขึ้นไปดูให้ไหมคะ”

    “พายน่ะเหรอ”

    “ค่ะ หมอพระ พี่พาย น้องเจ้าโทรถามคิวให้นะคะ ดีไหม?” 

    “ก็ดีน้องเจ้า งานนี้พี่ขอรบกวนพี่พระหน่อย พี่ฝากน้องเจ้าด้วยแล้วกัน” ไอ้นายหันไปสั่งเมีย

    “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเฮียไปคุยเอง เผื่อมีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมด้วย”

    “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เจ้าจันทร์ยิ้มหวานว่าง่ายน่ารัก ไม่แปลกที่ไอ้นายจะหลงเมียหัวปักหัวปรำ

    “พรุ่งนี้เฮียไปหาที่บ้านโน้นเอง”

    บ้านประวรรณรัคตน์ อยู่ถัดจากบ้านสินประพัฒน์ ไม่ถึง 20 นาที หากจะไปหาก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทั้งที่บ้านของพวกเราอยู่ใกล้กันขนาดนี้แต่กลับเพิ่มมารู้จักกันก็ตอนน้องชายผมพบกับน้องสะใภ้นั่นล่ะ แล้วที่โรแมนติกกว่านั้นก็คือทั้งสองคนดันไปพบกันที่อเมริกา ต่างคนต่างไปเรียนกันที่โน่นเลยได้รู้จักกัน นี่เรียกว่าดวงเนื้อคู่จริงๆ

    “ให้น้องเจ้าโทรแจ้งไว้ก่อนดีไหมคะ เผื่อพี่พระมีคิว ไปแล้วไม่เจอจะเสียเวลาเปล่า”

    “ไม่ต้องจ้ะ เดี๋ยวเฮียคุยเอง”

    พายชื่อเต็มคือ พรพระพาย เป็นพี่ชายของเจ้าจันทร์ น้องสะใภ้ของผม เขาอายุเท่ากับผมแต่เรียกผมว่าเฮียตามน้องสาวเป็นการให้เกียรติเครือญาติ เมื่อน้องแต่งเข้าบ้านนี้ เขาก็เหมือนมีพ่อแม่พี่น้องเพิ่มตาม

    ความคิดเขาน่ารักดี ผมเลยไม่คิดถือตัวนับเป็นญาติด้วย แต่ที่เขาว่าสายลมมักบอกอะไรเขาเสมอ ผมก็อยากจะขอลองหน่อย ว่าแต่ต้องพูดยังไงนะ นึกถึงภาพพระพายตอนกำลังสื่อสารกับสายลม 

    หลับตาลง…

     ”สายลมช่วยไปบอกเขาที พรุ่งนี้ผมจะไปหา ช่วยอยู่เจอผมด้วย...” แบบนี้ล่ะมั้ง “ขอบคุณครับ”

    คนเราต้องมีมารยาทแม้จะไม่ใช่กับสิ่งที่มีตัวตนก็ตาม

    ฟิ้วว ~

    สายลมอ่อนพัดวูบหนึ่งก่อนกำจายหายไปอย่างไร้ที่มา ขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ เหลียวมองรอบตัว นี่บ้านเราเอง คงไม่มีผีหรอกนะ คนคูลๆอย่างผมไปนอนดีกว่า

    บรึ๋ย!!~

    …..

    บ้านประวรรณรัตน์

    รั้วไม้ ต้นไม้หนา บริเวณบ้านดูอบอุ่น แต่ตัวบ้านกลับดูเปลี่ยวเหงา ผมจอดรถหน้าบ้านแล้วเดินลงไปเตรียมกดกริ่ง

    “สวัสดีครับคุณชัช สายลมหอบมาแต่เช้าเลยนะครับ”

    ชะงักมือเมื่อเสียงชราดังขึ้น ชายร่างแก่ๆที่ยังดูแข็งแรงถือไม้กวาดไม้ด้ามยามมาเปิดประตูให้ รอยยิ้มกว้างปากฉีกเกือบถึงหู ดวงตาดั่งคนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก รู้สึกหลอนๆเพราะไม่รู้สึกคุ้นชินสักที ถ้าจะถามว่าบ้านหลังนี้มีอะไรน่ากลัวที่สุด ก็ตอบได้เลยว่า ลุงอินนี่ล่ะน่ากลัวสุด

    “สวัสดีครับลุงอิน พายอยู่ไหม?”

    “หมอพระหรือครับ อยู่บนบ้านนั่นล่ะครับเชิญทางนี้เลยครับ”

    ลุงอินเดินนำ ที่นี่ยังเหมือนเดิม สงบ ร่มเย็น เงียบเชียบ เมื่อก้าวท้าวผ่านพ้นประตูรั้วก็ราวกับตัดความวุ่นวายโลกภายนอกทิ้งอย่างสิ้นเชิง ราวอยู่คนละโลก 

    บรรยากาศเย็นๆเบาสบายรู้สึกคุ้นเคย ทั้งที่เพิ่งมีโอกาสมาที่นี่เป็นหนที่สอง ตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรกในวันสู่ขอน้องสะใภ้ ผมก็รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยมาที่นี่ประจำ เป็นความรู้สึกที่อบอุ่น แม้สายลมมักจะพัดพาความเย็นยะเยือกแบบแปลกๆนี่มาทักทายก็ตาม

    ฟิ้ววว ~

    สายลมพัดมาหนึ่งหอบ ลุงอินตาลอยชะงักเท้า แล้วหันมาหาผม

    “หมอพระไม่ได้อยู่บนบ้านแล้ว อยู่ในสวน เชิญทางนี้”

     ทำเหมือนถูกผีเข้า!! ผมแอบขนลุกนะเนี่ยก็แค่มาหาอาจารย์ปราบผีมันต้องหลอนขนาดนี้เลยหรือไง คนคูลๆกลัวนะเฟ้ย !!

    เมื่อถึงจุดที่หมาย ลุงอินโค้งให้ผมนิดหนึ่งเดินกลับไปทำงานต่อ ผม มองไปที่ต้นกันเกราสูงใหญ่ กลิ่นดอกกันเกราหอมอ่อนๆลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ... ผมสูดกลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมาปะทะจมูกเหมือนเชิญชวน

    หอมหวนชวนระลึกถึง...

    ชายหนุ่มสูงโปร่งเพรียวลมยืนหลับตาพริ้มอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านขยายออกมาคล้ายร่ม ใบหน้าขาวคมคายมีเสน่ห์ มองด้านข้างเห็นสันจมูกโด่งรั้นน่าบีบ ดูสวยมากกว่าหล่อ 

    สายลมหมุนวนรอบเรือนร่าง เรือนผมสีดำสไลด์ยาวประบ่าพลิ้วไหว เสื้อสีขาวกางเกงสีขาวที่สวมโบกสะบัดตามกระแสลม 

    สวยงามราวกับภาพวาดธรรมชาติโบรานตรึงตาตรึงใจ

    และเมื่อพรพระพายลืมตาแล้วหันมองผมก็ไม่อาจละสายตาได้อีก แม้ริมฝีปากแดงฉ่ำคลี่ออกยิ้มละมุนผมก็ยังค้างมองเพลินจนลืมทักทาย

    “สวัสดีครับ เฮียชัช มาแต่เช้าเลยมีอะไรให้รับใช้ครับ”

    ยิ้มหวานแต่สายตาเรียวสวยเหมือนมองสิ่งอื่นที่อยู่ด้านหลังของผม ผมจึงเหลียวหลังมองแอบกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่ใช่ว่ามีอะไรตามผมมาหรอกนะ อะไรที่มองไม่เห็น ขนลุกเฟ้ย!!

    “หึหึ มายังไงครับเฮีย”

    แหนะ ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก

    “เดินมา” กวนซะเลยมาทำให้ผมขนลุก ยักคิ้วเท่ห์ๆส่งให้

    “กวนกันซะแล้ว มาหาแต่เช้ามีอะไรให้รับใช้ครับ ให้น้องเจ้าโทรเรียกให้ผมไปหาที่บ้านก็ได้มาถึงนี่ลำบากเฮียเปล่าๆ” 

    “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร บ้านอยู่ห่างกันแค่ 20 นาที จะเกรงใจทำไม” 

    “ก็ผมเป็นน้องนี่ครับ ให้เฮียมาหา มันก็ต้องเกรงใจไหม?”

    ผมยักไหล่ ห่างกันแค่ 2 เดือนและเขาก็เรียกผมว่าเฮียเอง ผมไม่ได้อวดสักหน่อย

    “แล้วทำอะไรอยู่…” 

    กวาดสายตามองรอบๆอีกครั้ง รู้สึกจริงๆ เหมือนมีอะไรสักอย่าง บางอย่างที่ผมมองไม่เห็นยืนอยู่มองผมอยู่ อูยยย ขนลุก ถ้ามีจริงก็อย่าโผล่มาให้เห็นเลยนะครับ ผมมาดี อย่ามาหลอกอย่ามาหลอนผมเลยนะ ผมไหว้ล่ะ ไหว้ย่อให้เลย เอ่อ แต่ผมเป็นผู้ชายงั้นผมโค้งคำนับติดพื้นเลยครับอย่าออกมาเลยน้า ผมกลัวว ผมแอบพร่ำบ่นในใจ โค้งคำนับต้นไม้เสร็จสัพในใจ 

    แต่ภายนอกฟอร์มผมยังดี ยังแป๊ะ อืม วางหน้านิ่งเข้าไว้แม้มันจะซีดแค่ไหนก็ตาม ปากอย่าสั่น ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ผมมาดี ฮึบๆๆ นิ่ง!

    “คุยกับสายลมครับ” 

    “อืม”  

    “เฮียทานข้าวมาหรือยังครับ เช้านี้มีข้าวต้มทะเล ทานกับผมไหม เฮีนแพ้อาหารทะเลหรือเปล่าครับ” 

    “ชีวิตไม่เคยแพ้อะไร กินได้”

    คนหน้าสวยหัวเราะอีกแล้ว ผมส่งยิ้มเท่ห์ยักคิ้ว เชิดหน้าขึ้น

    ผมไม่กลัว ตอนนี้สว่างแล้ว! 

    “แล้วผีล่ะครับ แพ้หรือเปล่า”

    “เหอะ!! บอกเลยถ้าเฮียชนะ เฮียก็ไม่มารบกวนพายแต่เช้าหรอก แต่คนอย่างเฮียแม้ไม่เคยชนะ แต่ไม่ได้แปลว่าเฮียแพ้!!”

    กล้าพูดด้วย แดดเริ่มออกแล้ว พูดได้!

    “แปลว่าที่มาหาพายแต่เช้า เพราะเจอผีมาสินะครับ ใช่ไหม?”

    “ใช่ ผีมันมาหลอกเฮีย เฮียทำงานไม่ได้ พาย~ ช่วยเฮียหน่อยนะ”

    ผมยอมรับตรงๆ แม้จะอายแค่ไหนก็เถอะ ผมมันพวกตรงไปตรงมาอยู่แล้ว แกล้งทำท่าเขินอายอีกหน่อยมันจะขัดลูกตาตัวเองแค่ไหนก็ตาม ขอใช้ลูกอ้อนนิดๆ กลัวหมอพระไม่ช่วย

    พรพระพายหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะน่ารัก ยิ้มก็หวาน อยากจะเห็นใบหน้าแบบนี้บ่อยๆจังเลย เฮ้ยย นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่ฟะ ผมทำนิ่งแสร้งเหล่สายตามองคนที่มีความสูงแค่หัวไหล่ เพราะผมสูง 190 มีกร้ามเพาะฟิตมาอย่างดี ผมถึงได้ฉายาว่า วิศวะคนเถื่อน

    ระหว่างที่เดินตามคนอารมณ์ดี คนเถื่อนอย่างผมรู้สึกหลอนจริงๆ คล้ายมีใครยืนมองผมนิ่งๆดุๆอยู่ด้านหลังจากพิกัดต้นกันเกลาแต่พอหันกลับไปมองก็ไม่เห็นใคร พอผมเดินพ้นต้นกันเกลาก็รู้สึกเหมือนมีใครเดินตามอีก หันมองอีกก็ไม่เห็นใครเดินตาม แต่ผมรู้สึกจริงๆนะ

    ซ้ำยังแยกแยะออกด้วยว่า คนที่ยืนมองผมจากพิกัดต้นกันเกลากับคนที่กำลังเดินตามผมอยู่ตรงนี้เป็นคนละคนกัน ผมหันกลับไปมองกี่รอบก็ด้านหลังผมยังคงว่างเปล่าจนผมระแวง 

    ผมรีบก้าวยาวขึ้นอีกหน่อยให้เดินทันพระพายที่เดินนำด้านหน้า ที่บางครั้งก็หันยิ้มหวาน มองผมแล้วก็มองเลยไปด้านหลัง ไอ้ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้ผมหลอน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวรีบก้าวไปชิดๆแล้วจับมือคนข้างหน้าไว้ อาจารย์ปราบผีก็อยู่ตรงนี้ยังไงก็ปลอดภัย

    จึ้ด!!

    กระแสไฟอ่อนๆเกิดขึ้นทันทีที่ผมสัมผัสมือขาวๆเย็นๆ ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนไฟช็อต แวบหนึ่งผมเห็นคนที่ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว คนที่ผมรู้จัก เขายืนอยู่ข้างหลังผมส่งยิ้มโบกมือให้ ผมเบิกสายตากว้างมองไปยังจุดนั้นอีกครั้ง แต่จังหวะนั้นพระพายสะบัดมือผมออก 

    ภาพนั้นหายไปในพริบตา...

    “อ๊ะ!!”

    พรพระเพลิง!!

    “พะ พา พาย~ มะ เมื่อกี้… เมื่อกี้เฮีย หะ เห็น...”

    ผมยืนตัวแข็งทื่อ พูดติดอ่าง ปากสั่น มือสั่นไปหมด ตัวสั่นไปหมดผมอยากวิ่งกลับบ้าน แง แง …. 

    ผมเห็นผีในบ้านหมอผี ฮือออออ

    พระพายเหมือนเข้าใจความรู้สึกที่กำลังตื่นตระหนกของผม ดวงตาเรียวสีน้ำตาลทอแสงประกายสีอำพัน ทรงพลัง มีอำนาจจนผมหยุดความคิด หัวใจหวาดกลัวของผม สงบลงในเสี้ยวนาทีนั้น มือเรียวขาวลูบมือใหญ่ของผมเบาๆอย่างปลอบใจ

    “ไม่มีอะไร ไม่มีใคร ที่นี่ปลอดภัยเฮียไม่ต้องกลัวนะครับ”

    “อือ ไม่เห็น ไม่มี ไม่กลัว” ผมตอบกลับเหมือนโดนสะกดจิต มองดวงตาสีสวยไม่กระพริบ

    “ไปทานข้าวกันดีกว่าครับเฮีย ลุงอินน่าจะตั้งเครื่องไว้รอแล้ว”

    พระพายยิ้มอ่อนโยนจูงมือพาผมเดินจนถึงห้องทานอาหาร ที่ต่อชานระเบียงไม้ต่อออกไปด้านนอก ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับคลาสสิคจริงๆ ดูท่าอาจารย์ปราบผีจะเป็นพวกรักสิ่งแวดล้อมสวนสวยด้วยมือเรา แต่ละมุมของบ้านเป็นแบบประดับตกแต่งสบายตาสบายใจ

    แต่ผมยังไงติดใจ ผมเห็นจริงๆ ผมมั่นใจ ผมไม่ได้หลอนไปเอง

    พรพระเพลิง น้องชายฝาแฝดไข่ใบเดียวกับพรพระพายที่หน้าเหมือนกันราวกับแกะ ยืนยิ้มร่าอารมณ์ดีโบกมือทักทายผมใหญ่ แต่พูดอะไรผมไม่ได้ยิน

    “ดูสิ ลุงอินจัดไว้ให้ซะเรียบร้อยเลย เชิญครับเฮีย”

     เสียงพระพายดังขึ้นดึงความคิด สำรับอาหารสองที่บนโต๊ะไม้ริมระเบียงดูส่วนตัวและร่มรื่น พายบีบมือผมแรงก่อนปล่อยออก ผายมือเชื้อเชิญอย่างติดตลกแบบที่บริกรชอบทำ แต่พายทำได้นุ่มนวลละมุนกว่า

    “เชิญนั่งครับเฮีย”

    ผมพยามข่มความกลัว ผ่อนลมหายใจแรง เมื่อครู่ถ้าเป็นเพลิงจริงๆผมคงต้องขอคุยหน่อยล่ะ นึกจะโผล่ก็โผล่ออกมาให้เห็นแบบนี้ได้ไง คนคูลๆหัวใจจะวาย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×