ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ถ้าวันนั้นฉันเอ่ยคำว่า “รัก”

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 : ให้เขารักเขาหลงจนปักใจ จุดกองไฟมอดไหม้ให้ลุกโชน

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 66


     

     

    เมื่อเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบพื้นน้ำประกายระยิบระยับ สายลมอ่อนพัดเฉื่อย ๆ เคล้าคลอให้อากาศเย็นสบาย บางทีอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ของหญิงสาวที่มันดีเสียจนเดินเข้าโรงเรียนพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแล้วท่าทางร่าเริงจนโดดเด่นออกมา ที่ใครเห็นก็คงคิดว่าสติเลอะเลือนไปแล้วแน่ ๆ

     

    “เฮ้ยมิลค์! วันนี้มาเช้าเชียวนะมึง หิมะตกในประเทศไทยแล้วไหมเนี่ย” อีฟวิ่งปรี้ก่อนจะเข้ามาโอบไหล่ฉันกระทันหัน จนฉันสะดุ้งโหยงเล็กน้อย 

     

    “อะไรของมึงเนี่ย กูตกใจหมด”

     

     

    อีฟยักไหล่เบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ “ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมึงมาเร็วกู วันนี้เกิดอะไรขึ้นวะ หรือว่า…ผีร้ายเข้าสิงมึง!”

     

    “มึงนี่ก็เว่อร์จริง กูแค่มาเช้าเนอะ ไม่ได้ฆ่าใครตายค่า~”

     

    “เอ้าก็มันจริง แถมยังอารมณ์ดีแปลก ๆ อีก มีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นหรือไง”

     

    “เปล๊า”

     

    “แหนะ เสียงสูงแบบนี่มีพิรุธ ไหนเล่าให้กูฟังหน่อยสิ!”

     

    ฉันแบนหน้าเสมองไปทางอื่นหลบสายตาของอีฟที่จ้องจะเอาคำตอบให้ได้ แต่จริง ๆ เป้าหมายก็ไม่ได้มีแค่นี้หรอกเพราะฉันกำลังมองหาแทนรักอยู่ ฉันจำได้ว่าเขามาโรงเรียนเวลาประมาณนี้และชอบไปนั่งบนแสตนเชียร์ใกล้สระเก็บน้ำของโรงเรียน แต่ฉันก็เข้าใจนะว่าทำไมเขาถึงชอบไปนั่งตรงนั้นบรรยากาศมันร่มรื่นมากเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เหมือนปัญหาทั้งหมดที่มีมันหายไปชั่วขณะเลยแหละ

     

     

    อะ! นั่นไงเขา

     

     

    แต่แบบนี้ก็แสดงว่าเขานั่งแบบนี้ทุกเช้าตลอดม.6 เลยเหรอเนี่ย เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายดีจัง อืม… เลือกชอบได้ไม่ผิดคนจริง ๆ เลยฉันเนี่ย

     

     

    “เออมึงเดี๋ยวกูมา ไว้เจอกันตอนเช้าแถวมึง” ฉันพูดออกไปด้วยความรีบร้อนโดยไม่แม้แต่จะชายตาไปมองอีฟเลยสักนิดก่อนที่จะรีบวิ่งตรงไปหาแทนรักที่นั่งอยู่ไกล ๆ 

     

    ทางด้านอีฟก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยพร้อมกับมองแผ่นหลังเพื่อนสนิทตัวเองที่วิ่งไปไหนก็ไม่รู้ “อะไรของมันวะ?”

                   

     

     

     

    หลังจากวิ่งมาจนเห็นแผ่นหลังกว้างของแทนรักที่กำลังนั่งบนแสตนเชียร์ชั้นบนสุดใกล้ ๆ แล้ว ฉันก็ค่อย ๆ ย่องเบาเดินขึ้นไปทีละขั้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว จนกระทั่ง 

     

    “แทนรัก!” ฉันจับไปที่ไหล่ทั้งสองข้าง พร้อมกับเรียกชื่อของเขาขึ้นมาแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว จนทำให้แทนรักสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันมามองด้านหลังเพื่อคลายข้อสงสัยว่าเป็นฝีมือใคร ฉันจึงส่งยิ้มให้เขาก่อนจะถือวิสาสะไปนั่งข้าง ๆ

     

     

    แทนรักมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าราวกับมีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่แปะอยู่ตรงกลาง ทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยคำใด ๆ ออกมา ฉันจึงเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนาครั้งนี้เอง     

     

    “อ่า…ตรงนี้นี่มันบรรยากาศดีจริง ๆ” 

     

     

    ชายหนุ่มพยักหน้าขึ้นลงเบา ๆ เป็นการเห็นด้วย 

     

     

    “อะ…ข้าวเหนียวหมูปิ้งนมสดร้านหน้าโรงเรียน เด็ดมากบอกเลย…เราซื้อกินทุกเช้าตั้งแต่ม.1 ยัน ม.6 เนี่ย” ฉันยื่นถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งอีกถุงหนึ่งที่ถือมาให้เขา

     

    “หืม?”     

     

    “ให้… เรารู้นะว่าแกไม่ชอบกินข้าวเช้า แต่กินหน่อยได้ไหม…เราเป็นห่วง”

     

     

    แทนรักเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบกินข้าวเช้าก็คงเป็นเพราะความเคยชินนั้นแหละเลยทำให้ไม่หิว แต่เหตุการณ์วันไหว้ครูตอนนั้น แทนรักซึ่งทำหน้าที่ถือพานไหว้ครูต้องยืนถือพานหนัก ๆ ตากแดดเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน แล้วอยู่ ๆ แทนรักก็เกิดเป็นลมล้มไปแบบกะทันหัน ทำเอาฉันใจหายใจคว่ำสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทีเดียว

     

    เขามีท่าทีลังเลอยู่ไม่น้อย จนฉันต้องดึงมือเขาขึ้นมาแล้วเอาถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งนมสดให้เขาถือเอาไว้ “รับไว้เถอะน่า ไม่มียาพิษหรอก”

     

     

    “เอ่อ… ขอบคุณ”

     

    จากนั้นฉันก็หยิบหมูปิ้งนมสดขึ้นมาจากอีกถุงซึ่งเป็นของฉัน ใส่เข้าปากหนึ่งคำตามด้วยข้าวเหนียวอีกคำพลางมองวิวท้องฟ้าโปร่งตรงหน้า ส่วนแทนรักก็กินเช่นกันด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ดูน่าเอ็นดูไปในขณะเดียวกัน

     

     

    “แกรู้ปะ… ถ้าเราชอบอะไรมาก ๆ แล้ว ต่อให้นานแค่ไหนเราก็จะยังชอบต่อไป” ฉันพูดราวกับคนเพ้อเจ้อที่ชอบพูดไปเรื่อย “คงเหมือนข้าวเหนียวหมูปิ้งนมสดร้านนี้แหละมั้ง”

     

    แทนรักหันมาด้านข้างพร้อมกับมองหน้าฉันฉายแววตาสงสัย ก่อนจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ทว่า… “ทำไมเธอถึ-”

     

    “แกช่วยติวภาษาฝรั่งเศสให้เราหน่อยได้ปะ!” ฉันพูดขัดขึ้นมา เพราะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปคืออะไร แล้วฉันก็ขี้เกียจหาคำตอบมาอธิบาย
     

    “หืม?”

     

    “ก็แกเรียนแผนศิลป์ฝรั่งเศสนี่ ขอสารภาพเลยนะถึงเราเรียนแผนวิทย์คณิตแต่เราเกลียดวิชาวิทย์ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะมาก”

     

    “อ้าว? แล้วเธอเลือกเรียนแผนวิทย์คณิตทำไม”

     

    “ก็…กลุ่มเพื่อนเราจากม.ต้น เลือกเรียนแผนนี้กันเกือบหมดเลยน่ะสิ เราก็เลยเลือกเรียนตามเพื่อน เฮ้อ…ไม่คิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้” ฉันพูดด้วยความเหนื่อยใจให้กับชีวิตการเรียนแผนวิทย์คณิต แล้วก็การได้ย้อนเวลากลับมาเรียนซ้ำอีกครั้ง 

     

    “เราก็เลยคิดว่า PAT ที่ต้องสอบเดือนมีนาคมปีหน้า จะสอบภาษาต่างประเทศ น่าจะมีโอกาสได้คะแนนสูงกว่าสอบคณิตศาสตร์ ...แล้วก็ขอบอกเลยว่าเรื่องภาษาเนี่ยเราเรียนรู้ไวมาก!”

     

     

    ฉันพูดโอ้อวดไปทีนึง จนแทนรักคลี่ยิ้มเล็กน้อยพลางส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “แล้วทำไมถึงจะเลือกสอบภาษาฝรั่งเศสล่ะ”

     

     

    “อืม… คงเพราะอยากมีพี่ติวหล่อ ๆ ล่ะมั้ง”

     

    “…”

     

    “ล้อเล่นน่า~ พูดจริงแล้ว ๆ คือ…เราคิดมาตลอดเลย ว่าสักครั้งนึงในชีวิตเราอยากไปประเทศฝรั่งเศส มันคงเป็นเพราะพ่อเราชอบทำขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศสให้กินบ่อย ๆ แหละมั้ง ทำให้เรามีความรู้สึกผูกพันกับประเทศนี้โดยไม่รู้ตัว เราเลยอยากลองไปเยือนแผ่นดินต้นกำเนิดของขนมเหล่านั้นสักครั้ง… แล้วเราก็รู้มาว่าคนฝรั่งเศสเขาไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกัน ถ้าจะไปเราก็คงต้องพูดภาษาบ้านเขาให้ได้ก่อนแหละจริงไหม”

     

     

    ฉันมองไปที่คนตรงหน้าที่แววตาคล้ายแฝงรอยยิ้มอ่อน ๆ ไว้ข้างในนั้น ขณะมองมาที่ฉัน …ทำไมสายตาของเขาถึงได้ดูน่าค้นหาขนาดนี้กัน แต่ว่านะ ครั้งนี้ทำไมรู้สึกเหมือนสายตาที่เขามองมา…มันแตกต่างจากเดิม 

     

     

    เขาดูมีชีวิตชีวา อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ… หรือว่าฉันแค่คิดไปเอง?!

     

    ทันใดนั้นเองเสียงตามสายโรงเรียนก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณในนักเรียนทุกคนไปรวมกันยืนเข้าแถวเคารพธงชาติในตอนเช้า 

     

     

    “อะ..เอ่อ เข้าแถวแล้ว งั้นเดี๋ยวเราไปก่อนนะ” แทนรักที่เหมือนเพิ่งหลุดออกจากภวังค์ก็รีบสะพายกระเป๋าแล้วลุกขึ้นหันหลันกลับไปทันที

     

    “อะ…อ้าว! แล้วสรุปเรื่องติวนี่ยังไง…? สรุปจะติวหรือเปล่าเนี่ยแทนรัก”        

        

     

    ชายหนุ่มเดินลงแสตนเชียร์ไปทีละขั้นด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน แถมยังไม่สนใจจะตอบสิ่งที่ฉันได้ถามออกไปอีก

     

    “เมินเฉยเลย… จะรีบอะไรขนาดนั้นกัน ปกติม.6 เข้าแถวช้าสุดล่ะ เฮ้อ… แล้วสรุปจะติวหรือไม่ติวให้กันนะ?” ฉันเกาหัวแกรก ๆ พลางขมวดคิ้ว มองแทนรักที่ก้าวเดินจ้ำ ๆ  ตรงไปยังลานหน้าเสาธง

     

     

                   

     

     

    ช่วงกลางวัน

     

     

     

    ในขณะที่ฉันกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับกลุ่มเพื่อนทั้ง 6 คน สายตาก็พลันไปเห็นชายหนุ่มที่ฉันตามจีบ กำลังนั่งกินข้าวคนเดียว นั้นทำให้ฉันไม่รีรอเลยที่จะลุกขึ้นหยิบจากข้าวตัวเองขึ้นมาแล้วดิ่งตรงไปหาเขา

     

    “อ้าว! มิลค์มึงลุกไปไหน?!” 

     

    กิ่งพูดขึ้นซึ่งเป็นคำถามแทนเพื่อนทั้งกลุ่มที่นั่งขมวดคิ้วสงสัย  “กินเสร็จแล้วพวกมึงขึ้นห้องกันไปก่อนเลย ไม่ต้องรอกู ๆ”

     

     

    “อะไรของมันวะ?”

     

    ทุกคนในกลุ่มได้แต่หันมามองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้าไปมาด้วยอารมณ์เดียวกัน

                   

     

     

     

    “แทนรัก!” ฉันพูดขึ้นแบบไม่ทันให้ชายหนุ่มไม่ได้ทันตั้งตัว จนเขาสะดุ้งเบา ๆ อีกครั้ง แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจและถือวิสาสะวางจานข้าวลงบนโต๊ะตรงข้ามกับเขา และลงไปนั่ง “กินข้าวคนเดียวเหงาแย่เลย มีเรากินเป็นเพื่อนดีกว่าเนอะ~”

     

    “คนอะไรโผล่มาทีไรต้องทำให้ตกใจทุกที” เขาบ่นพึงพำกับตัวเองเบา ๆ

     

    “หะ? เมื่อกี้ว่าไงนะ”

     

    “อะ…เปล่า ๆ” แทนรักลูบท้ายทอยตัวเองเล็กน้อยราวกับกำลังกลบเกลื่อนความผิด

     

    “แต่ที่เรามาหาแกไม่ใช่แค่มากินข้าวเพื่อนหรอกนะ… เรามาเอาคำตอบ”

     

     

    แทนรักมีสีหน้างุนงง “ตำตอบ? คำตอบอะไรเหรอ”

     

     “อ้าว?! นี่แกลืมไปแล้วเหรอ” 

     

    เดี๋ยวนะ ฉันจำได้ว่าฉันเพิ่งถามไปเมื่อเช้าไม่ใช่หรือไง “ก็เรื่องติวภาษาฝรั่งเศสไง… สรุปจะติวหรือไม่ติวให้”

     

     

    “อ๋อ…” แทนรักคราวในลำคอก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “เราก็นึกว่าเรื่องอื่น”

     

    “หะ? พูดอะไรอีกแล้วเนี่ย”

     

    “เปล๊า”

     

    “แหนะ ๆ เสียงสูงซะด้วย มีพิรุธนะเรา”

     

    “อะไรเล่า! ไม่มีอะไรหรอก แล้ว…เรื่องติวก็ เราติวให้เธอได้อยู่แล้ว” แทนรักพูดด้วยความร้อนรน ต้องการจะเบี่ยงประเด็นออกไป

     

    “อ๋อ… กลับไปเรื่องติวก็ได้ งั้นเริ่มติวเดือนหน้าแล้วกันนะ ช่วงนี้เราขอเคลียร์กับวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ของเราก่อน”

     

     

    ชายตรงหน้าพยักหน้าขึ้นลงเป็นอันทราบ

     

     

    “เฮ้อ… อยากให้ถึงเดือนหน้าเร็ว ๆ จัง จะได้มีพี่ติวหล่อ ๆ ซะที” ฉันพูดเหมือนบ่นออกมาลอย ๆ แต่จุดประสงค์แท้จริงก็คือการที่ได้หยอดชายหนุ่มตรงหน้าวันละนิดจิตแจ่มใส  

     

    แทนรักเก็บอาการเขินตัวเองเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้ แต่ทว่าทั้งใบหน้าและใบหูของเขาออกสีแดงระเรื่อจนเหมือนผลมะเขือเทศสุกเลยทีเดียวเชียว

                   

     

     

     

                    

    หลังจากที่วันเวลาผ่านไปในทุกเช้าฉันมักจะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งนมสดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งถุงไปให้แทนรัก ถึงแม้เขาจะบอกว่าไม่ต้องซื้อมาให้อีกเพราะมันเปลืองเงิน แต่ฉันก็บอกเขาไปว่า ‘ถ้าเราจีบใครสักคนแล้วอะ เราไม่คิดเรื่องขาดทุนหรือกำไรหรอก เราซื้อให้เพราะเราเต็มใจเพราะอย่างนั้น แกก็ช่วยรับด้วยความเต็มเถอะนะ”

     

    จากนั้นมาเขาก็ไม่ปฏิเสธเลยสักครั้ง แถมช่วงพักกลางวันยังซื้อขนมมาให้ทดแทนค่าข้าวเหนียวหมูปิ้งนมสดอีก คนอะไรทำไมน่ารักขนาดนี้!

     

     

    เชาแชทหากับบ่อย… เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ฉันแชทไปหาเขาบ่อย ก็คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย หยอดบ้างเป็นบางเวลา ตามจีบเขาไปเรื่อย ๆ แบบนี้จนกว่าจะใจอ่อนแหละนะ

     

     แทนรักก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนไม่ต้องไปไหนมาไหนคนเดียวแล้ว พวกปอนด์ก็ไม่ได้มายุ่งเลยหลังจากเหตุการณ์วันนั้น

     

    จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปร่วมเดือนที่ฉันต้องจัดการกับวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ให้เข้าที่ด้วยการตั้งใจเรียน อ่านหนังสือทำความเข้าใจเพื่อให้การสอบแต่ละครั้งผ่านพ้นไป และจบม.6 ให้ได้ ในที่สุดก็ถึงคราวที่จะได้ติวภาษาฝรั่งเศสกับแทนรักเสียที

     

     

    เฮ้อ… ถ้าย้อนให้ฉันกลับไปไกลกว่านี้ ฉันจะไม่เลือกเรียนแผนวิทย์คณิตเด็ดขาด

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.

    .

     

    ไม่มีอะไรจะพูด แค่อยากจะบอกชอบชื่อตอนนี้มากกก

    มันแบบปลุกเร้าให้เขารักสุด ๆ รักจนหัวปักหัวปำไปเลย จุดไฟให้ลุกโชนอีก

    คิดได้ไง555555 บอกเลยว่าทุ่มเทชื่อตอนยิ่งกว่าเนื้อเรื่องอีก หุ ๆ

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×