คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 สมุดบันทึก
Chapter 1
สมุดบันทึก
“สำหรับคาบเรียนนี้ก็คงจะเป็นคาบเรียนสุดท้ายแล้วที่คุณครูจะได้พบกับนักเรียนมัธยมปลายปีสามนะคะ ขอให้นักเรียนทุกคนโชคดี สำหรับคนที่มีที่เรียนแล้วครูก็แสดงความยินดีด้วย ส่วนคนที่ยังไม่มีก็พยายามเข้านะคะ ถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาครูได้นะ จดเบอร์ครูในกระดานได้เลยนะ 010 - 0XXXXXXX” คุณครูสาวแสนสวยที่เพิ่งจะจบมาใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ จากมหา’ ลัยต่างชาติที่ครูก็เคยบอกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครจำได้สักคนเพราะชื่อมันก็ยาวแสนยาวแถมยังเป็นภาษาอังกฤษที่ไม่เคยจะซึมทราบเข้าหัวสมองพวกเขาเลยสักคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยก็ยิ่งแล้วใหญ่ ชื่อก็ยาวเป็นบรรทัด คงไม่จำให้รกสมองหรอก
ครูสาวแจกเบอร์โทรบนกระดาน มีคนสนใจจดเอาอยู่หลายคน แต่มีหนึ่งคนที่ไม่เคยสนใจบ้านเมืองว่าจะเป็นอย่างไรนอนฟุบหลับอยู่ เส้นผมสีน้ำตาลทองปลิวตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินเสียงเพื่อนๆ และคุณครูพูดทุกอย่างแต่ก็ไม่คิดจะสนใจเลยสักนิดเดียว
‘ซองมิน’ ขยับตัวเปลี่ยนท่านอนแต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อเพื่อนๆ ทุกคนทยอยกันกลับบ้านหมดแล้ว
ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายมานี่ไม่มีปีไหนที่เขารู้สึกชอบวิชาคณิตศาสตร์ได้มากเท่าปีนี้ซึ่งเป็นปีสุดท้ายเลย ครูสอนก็สาวแสนจะสาว สิ่งที่ครูสอนก็ง่ายแสนจะง่ายต่อการเข้าใจของนักเรียนห้องแบบพวกเขา ได้ทั้งอาหารสมองและอาหารตา
ถึงแม้ว่าอาหารอย่างหลังจะเจริญได้ดีกว่าก็ตามที
“เฮ้! ซองมิน ตื่นได้แล้วว่ะ ไปหาอะไรกินกันก่อนกลับหอ” อีวาน เพื่อนร่วมหอชวน เขาย้ายตัวขึ้นมานั่งบนโต๊ะที่เล็กนิดเดียวอย่างไม่สนใจว่าเพื่อนจะนอนอยู่ เมื่อกี้นั่นน่ะเขาก็เกือบนั่งหน้าไอ้เพื่อนซองมินไปแล้วมั้ยนั่นถ้าไม่ติดที่ว่ามันไหวตัวได้ทันเวลาพอดิบพอดีเสียก่อน
“แกเลี้ยง” ซองมินแย็บถาม เพราะเขาไม่อยากที่จะล้วงกระเป๋าตัวเองเลยสักน้อย
พ่อแม่มันก็รวยนี่นา ให้มันเลี้ยงน่ะถูกต้องสมควรที่สุดแล้วอย่ามารีดเลือดเอากับปูตัวน้อยๆ อย่างเขาเลย
“โอเค” อีวานให้คำตอบอย่างไม่ต้องลังเล พอดีว่าเมื่อคืนไปกดเงินมา
“ได้เลย” ส่วนคนถูกชวนแถมมีข้อเสนอดีๆ แบบนี้ก็ปฏิเสธเพื่อนไม่ลงเพราะกลัวเพื่อนจะเสียใจก็ตอบตกลงไปในทันทีแบบไม่ต้องลังเลเช่นเดียวกัน
แสงอาทิตย์ยามอัสดงเริ่มรำไรบ่งบอกถึงเวลากลับเข้ารังของฝูงนกฝูงกา แต่เป็นเวลาออกจากเรือนของคนทั้งผู้น้อยผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสองหนุ่มนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีสามที่จะจบในอีกไม่กี่วันนี้แล้วยังไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเพื่อนๆ ในโรงเรียนเลยสักน้อย
ซองมินและอีวานเดินเลาะสนามหญ้าออกมาจากโรงเรียนแล้วเดินคุยกันไปด้วยตามทางเสียงดังตามประสาก่อนที่เดินมาถึงร้านบะหมี่ใกล้โรงเรียนที่สุดซึ่งเป็นร้านประจำของพวกเขา
“ลุงฮะ แบบเดิมสองฮะ” อีวานเป็นคนสั่งก่อนจะลงบนเก้าอี้ในร้าน
“อะแฮ่ม!” ซองมินกระแอมไอเสียงดังทำเอาลุงเจ้าของร้านซึ่งขวัญอยู่แล้วเป็นทุนเดิมสะดุ้งไปนิดก่อนจะมองซ้ายมองขวาสำรวจว่ามีคนเห็นมั้ยแล้วกลับมาตั้งท่าทำบะหมี่ให้ลูกค้าต่อ
แต่ขอบอกไว้เลยว่า... ผมเห็น!!!
“อะไรติดคอแกอีกล่ะ เสมหะ ฝ่าเท้า เกาเหลา โอวัลติน หรือว่าน้ำลาย” อีวานล้อยิ้มๆ ตามประสาเพื่อนกันฉันรู้จักเธอมานานอะไรทำนองนี้
“ไม่ใช่อะไรสักอย่างนั่นล่ะ” ซองมินตอบแบบที่คิดว่ามันรับมุขของเพื่อนที่สุดแล้ว “เอาละ...ผมขอสัมภาษณ์คุณเล็กน้อยนะครับ คุณฮัน อีวาน เกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อมหา’ ลัยเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาน่ะครับ” เจ้าตัวป่วนเริ่มหัวข้อสนทนา แล้วยื่นกำมือทำทีว่าเป็นไมโครโฟนให้อีกฝ่ายอย่างอีวานตอบ
“โฮะๆ~!” คนถูกถามหัวเราะเสียงเข้มแต่ฟังยังไงๆ มันก็แห้งผากเต็มทน ก่อนจะตอบเสียงอ่อยพร้อมกับทำหน้าตาประกอบว่า “โทษที ยังไม่ได้คิด”
“เหมือนกัน อะจับมือ~!!!” ว่าแล้วพวกเขาสองคนก็จับมือไขว้กันปานเด็กๆ ฮัมเพลงไปเต้นดุ๊กดิ๊กไปมาทั้งๆ ที่ยังนั่งกันอยู่ทั้งคู่ ก่อนที่บทสนทนาบ้าบอคอแตกของหนุ่มน้อยวัยแรกแย้มสองคนจะหยุดลงด้วยการเสิร์ฟอาหารที่สั่งเอาไว้จากพ่อค้าเจ้าของร้าน
“ฉันคิดว่าจะไม่เรียนแล้วออกมาเปิดร้านเป็นพ่อค้าขายของชำอยู่ที่หน้าบ้านคุณป้าซองวาสุดสวยของฉันดีกว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำแค่ไหนก็ไม่มีวันตกงาน” ซองมินพูดล้อตัวเองและเพื่อนอีกคนที่นั่งฟังอยู่อย่างอีวานที่หัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนจะโซ้ยบะหมี่ในถ้วยต่อด้วยความหิวโหย
“ฉันก็ว่างั้น” อีวานออกความเห็นว่าเห็นด้วยเพราะในตอนนี้ในสมองของเขาไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากคำว่า หอ - อิ - วอ หิวจนจะหิ้วกระเพาะได้อยู่แล้ว
“งั้นก็ดีเลยสินะคะ อยากเป็นพ่อค้ากันใช่เปล่า” เสียงหวานหยดย้อยของใครสักคนที่จำได้ว่าเพิ่งจะได้แยกจากเธอคนนี้มาไม่นานดังขึ้นจากทางด้านหลัง
ซองมินหันหลังกลับไปมอง อีวานเงยหน้าจากถ้วยบะหมี่ขึ้นมามอง
คุณครูหนูณา (Noona ภาษาเกาหลี = พี่สาว) คนสวยประจำวิชาคณิตศาสตร์มอปลายปีสามนี่นา!!!
“คุณครู!” สองหนุ่มพูดพร้อมกัน
“ใช่แล้ว แต่อย่าไปสนใจ~! มหา’ ลัยที่ให้คุณได้เกี่ยวกับทฤษฎีความรู้และหลักปฏิบัติด้านการค้าอย่างเป็นมืออาชีพ สร้างทั้งมนุษย์ปลูกจิตวิญญาณให้เป็น The Merchant ของจริง! ต้องนี่สิ...” หลังจากที่อธิบายทำไม้ทำมือประกอบท่าทางไปด้วยแล้วครูสวยก็ล้วงกระเป๋าเอานามบัตรออกมาโชว์ให้ลูกศิษย์เห็น
‘Thinyphire National University in Thinyphire town of Psychi Land’
นัยน์ตาสีน้ำตาลทั้งสองคู่ของซองมินและอีวานเบิกกว้าง
ไม่ใช่เพราะตกใจว่าเห็นอะไรพิเศษๆ หรอกนะ แต่ที่ต้องเบิ่งตาขึ้นอีกก็เพราะว่ามันอ่านไม่ออกนี่ล่ะสิคือปัญหา เอามาให้อ่านก็ต้องอ่านให้ฟังพร้อมกับการแปลและอธิบายด้วยจะเป็นการดี
“อะไรของครูฮะเนี่ย” เจ้าตัวป่วนประจำห้องถามอย่างงงงวย
“มหาวิทยาลัยที่จะช่วยสอนวิธีการ หลักปฏิบัติเกี่ยวกับการค้าขายเป็นอย่างดีให้พวกเธอผู้มีความใฝ่ฝันอันล้นพ้นอยากจะเป็นพ่อค้า~” คราวนี้ครูยิ่งออกลีลาท่าประกอบได้ดีกว่าเดิม และไม่สนใจที่จะตอบคำถามของลูกศิษย์เลยแม้แต่น้อย
“เราก็พูดกันสองคนนะ แล้วครูไปได้ยินมาจากไหน” ซองมินก้มหน้าลงไปกระซิบกับอีวานซึ่งเจ้าหมอนี่ก็พยักหน้าเออออห่อหมกไปด้วยทุกเรื่องเพราะในสมองมันก็คงมีแต่คำว่าหิว หิว หิวและก็หิวอยู่เต็มไปหมด
“เอาเป็นว่าเธอคือ ลี ซองมินใช่มั้ย” ครูสาวสวยคนเดิมถาม
“ฮะ” ซองมินพยักหน้าตอบรับด้วยอาการงงเต็กเป็นไก่ตาแตกไปสามตลบ
“คิดให้ดีๆ ทั้งอีวานและซองมินนะจ้ะว่าจะไปเรียนมั้ยเอ่ย ครูมีเพื่อนอยู่ที่นั่นให้เขาช่วยแนะนำได้นะจ้ะ เก็บสิ่งนี้ไว้กับเธอละกันนะ พ่อหนุ่มน้อย~!” ว่าจบเธอก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปนอกร้านอย่างกับเด็กอนุบาลทันที
อีวาน (ที่กินบะหมี่ของตัวเองจนหมดกับของซองมินที่กำลังจะหมด) และซองมินมองตามหลังไปจนสุดสายตาด้วยความงงงวยไม่แพ้กันสักนิด
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองสำรวจสิ่งของที่ได้มาอย่างไม่รู้ว่าครูคนสวยจะให้เขาเก็บไว้ทำไม
อย่าบอกนะว่า...
...อาจารย์แอบชอบเราแล้วแอบเขียนใส่ในนี้เพื่อจะเอามาบอกเราตอนที่เราเรียนจะจบแล้ว...
คิดแล้วมันก็หลงตัวเองซะจนโงหัวไม่ขึ้นเสียยิ่งกว่าหลงหญิงเสียอีก
...มันต้องใช่แบบนั้นแน่ๆ...
ยัง มันยังไม่เลิกคิด!
...ใช่เลย ชัวร์ป๊าบ!...
-_-^^
“เฮ้ย! ไอ้อีวาน นี่แก...” ซองมินมองหน้าอีวานสลับกับถ้วยบะหมี่ของตัวเองที่ถูกอีวานเปลี่ยนด้วยของเขาให้ซองมินหลังจากที่กินจนหมดเกลี้ยงแล้วให้
หลังจากที่หลุดจากภวังค์การหลงตัวเองได้แล้วค่อยมารู้สึกตัวว่าบะหมี่ของตัวเอง (แต่เงินมัน) โดนเพื่อนรักหักเหลี่ยมหิวเข้าให้จังๆ ไปแล้ว
“ไอ้อีวาน!!!”
ซองมินเพ่งสมุดปกผ้ากำมะหยี่อย่างดีที่มีดิ้นสีเงินปักไว้ว่าอะไรสักอย่างที่ยาวๆ พอๆ กับนามบัตรยายอาจารย์นั่นเลยแต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจหน้าปกนักเพราะในใจคิดแต่จะเปิดดูเนื้อความข้างใน
...สมุดบันทึกเล่มใหญ่เป็นตันแบบนี้ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเราคงจะมากไม่น้อย...
ความคิดเข้าข้างตัวเองก็เริ่มบังเกิดขึ้นกับ ลี ซองมิน นักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่สามโรงเรียนโฮชินที่ขณะนี้กำลังหลบซ่อนเพื่อนเข้ามาอ่านในห้องน้ำอย่างอนาถใจ ณ ตอนนี้เขากำลังนั่งอ่านอย่างลุ้นระทึกอยู่บนชักโครกตัวหนึ่งในห้องน้ำของหอ
“อะไรของเขา ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” เจ้าตัวเล็ก สั้น เตี้ย ป้อมและอีกบลาๆ ที่บรรยายไม่หมดเกี่ยวกับตัวหนุ่มน้อยคนนี้มองสมุดอย่างงงๆ กับกระดาษขาวเป็นร้อยกว่าแผ่นที่ไม่ว่าจะเปิดไปหน้าไหนก็ไม่มีแม้แต่รอยหมึกเลยสักนิด
เพื่อความแน่ใจหนุ่มน้อยผู้ช่างหลงตัวเองเป็นเลิศนามว่า ลี ซองมินจึงลุกจากชักโครกซึ่งเป็นที่นั่งห่างจากหลอดไฟพอสมควรเพื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ กับหลอดไฟในห้องน้ำ
แต่ก็ไม่มีอะไรเลยเหมือเดิม ซองมินเดินวกกลับไปเตรียมจะนั่งลงที่ชักโครกเหมือนเดิมแต่เขาดัน...
จ๋อม!
มันหลุดมือ~!
และก็ตกส้วมไปแล้วเรียบร้อย
ขอโทษ / \
เจ้าตัวป่วนก็ได้แต่ขอโทษเจ้าของสมุดบนทึกเล่มนี้อยู่ปลกๆ ก็เขายังไม่ได้เขียนอะไรลงไปเลยนี่นา มันดันมาตกส้วมในหอที่ไม่รู้ว่าใครใช้มาแล้วบ้างกี่รุ่นต่อกี่รุ่นแล้วนี่
มรดกที่ตกกันมาเป็นทอดๆ
คิดแล้วก็รีบช่วยชีวิตเจ้าสมุดบันทึกเล่มงามนั่นทันทีก่อนที่มันจะหมดสภาพมีราคะติดตัวไปตลอดอายุการใช้งานของมันเอง ใหม่ๆ อยู่ซะด้วยท่าทางจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
แต่พอมาอยู่กับเขายังไม่ถึงวันก็กลายเป็นของโสโครกไปแล้วเรียบร้อย
ก๊อกๆๆ
“เฮ้ย! ไอ้ซองมิน ตกส้วมไปแล้วเรอะ ออกมาสักทีเถอะ หรือว่าแกหิววะ โกรธฉันที่กินบะหมี่นายไปเมื่อตอนเย็นใช่มั้ย เออถ้าหิวนักก็รอก่อนเดี๋ยวฉันจะเดินออกไปซื้อมาให้ อยากกินอะไรก็บอกฉันมาดีๆ สิ ฉันจะได้รู้ อย่าคิดประชดฉันด้วยวิธีนี้นะ ซองมิน!”
เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับบทร่ายยาวเอาไปทำเป็นละครพีเรียตได้จบเรื่องหนึ่งของคนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอย่างอีวาน
ซองมินก็ได้แต่ถอนหายใจปลงตกกับความคิดอะไรตื้นๆ (แต่ก็ไม่สู้เจ้าตัวอยู่ดี) ของเพื่อนตัวเองก่อนจะหยิบซากสมุดบันทึกที่ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตมันคงจะขาดใจตายไปแล้วเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำเตรียมเอาไปตากพัดลมแล้วแช่ตู้เย็นเพื่อให้มันกลับมาเป็นสภาพเดิมก่อนที่จะเอาไปคืนยายครูสวยนั่นที่หลอกให้เขาหลงตัวเองเป็นว่าเล่นไม่รู้กี่รอบก่อนจะเปิดอ่านจริงๆ ไปได้
“เฮ้อ~! เอาเข้าไปแช่ตู้เย็นเลยไป” ซองมินยื่นสมุดบันทึกเล่มนั้นให้อีวานอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็อุตส่าห์แอบเอาเข้ามา “พูดมาก”
“เฮ้! นี่แกโกรธฉันเรื่องบะหมี่จริงน่ะ”
ไอ้นี่ก็... คิดได้แต่เรื่องนี้รึยังไง
“เปล่า รับเอาไปแช่ตู้เย็น” ซองมินบอกปัดด้วยใบหน้าเรียบเฉย พร้อมกับยื่นสมุดเล่มเก่าเจ้าปัญหาให้เพื่อน
อีวานรับเอาไว้อย่างงงๆ ก่อนจะเดินเอาไปแช่ไว้ในตู้เย็นตามคำสั่งของเพื่อนที่มีท่าทางแปลกๆ หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ เจ้าตัวก็คงคิดไปว่ามันกิน....แทนข้าวเย็นไปแล้ว
“อ้วก~! เหม็นจะตายอยู่แล้ว” ว่าแล้วเจ้าคนก่อเรื่องก็วิ่งจู๊ดเข้าไปอ้วกในห้องน้ำปล่อยให้เพื่อนอีกคนที่รับกรรมแทนตัวเองยืนกลั้นสิ่งสวะพวกนั้นไว้ให้อยู่ในลำคอเสียก่อน
อีวานทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นานหลายนาทีก่อนจะตัดสินใจไปเคาะห้องเพื่อนข้างๆ เพื่อขอเข้าห้องน้ำ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นก็ต้อนรับเขาอย่างดีแต่สีหน้างงๆ เพราะไม่เข้าใจเรื่องราว แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไรใครตอนนี้เมื่อเห็นใบหน้าบ่งบอกความชอกช้ำในใจของเพื่อนแล้วล่ะก็ด้วย
“เฮ้! เดินเร็วๆ หน่อยสิ ชักช้าปานเต่าอยู่ได้” คนเดินเร็วหันไปไพล่หลังตวาดคนเดินช้าในทันที
“เอาสิ ก็ใครกันล่ะที่เอามลพิษทางจมูกมาให้ฉันเมื่อคืนนี้น่ะ มันส่งผลมาจนถึงเช้าวันนี้เลยเห็นมั้ย เคยสำนึกบ้างมั้ยนั่น!” อีวานว่า แต่ก็ทำได้เพียงแค่เดินกระทืบเท้าปึงปังอย่างขัดใจตามหลังแบบไว้ระยะห่างที่ห่างกันมาก เพราะเขาสัญญากับตัวเองรวมทั้งจมูกและมือของเขาด้วยว่าจะไม่ย่างกรายเข้าใกล้สิ่งมีพิษอย่างนั้นเด็ดขาด
“โทษที...คนที่ควรสำนึกน่ะเป็นนายมากกว่านะ ฮัน อีวาน” ซองมินกัดฟันกรอดพูดลอดไรฟันด้วยความเคืองตั้งแต่เรื่องเมื่อวานนี้แล้วที่ถูกแย่งบะหมี่ไปต่อหน้าต่อตา (ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินของคนที่มันแย่งเอาไปกินก็เถอะ)
“น้อยๆ หน่อย เงินก็เงินฉัน”
“แต่นายบอกว่าจะเลี้ยง”
“เอ่อ...นั่นมัน....” พอถูกจี้ตรงจุดก็เล่นเอาหนุ่มน้อยนามว่าอีวานพูดไม่ออกเลยทีเดียว “จบ!”
บทเสวนาพาทีของหนุ่มน้อยสองคนหยุดลงไปสักพัก นัยน์ตาสีน้ำตาลของซองมินกวาดมองไปรอบๆ บริเวณโรงเรียนเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างแต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ที่เขาเห็นภาพพ่อแม่ผู้ปกครองมารับบุตรหลานกลับบ้านแล้วมันทำให้เขารู้สึกทะแม่งๆ ในใจว่าลืมอะไรสักอย่างไป
แต่ติดอยู่ที่ว่าเขาก็นึกไม่ออกว่าลืมอะไรไปก็เท่านั้น
“ว่าแต่ ยายคุณครูนั่นจะอยู่ห้องพักมั้ยนะ” ซองมินพูดขึ้นมาลอยๆ หลังจากที่คิดไม่ออกว่าลืมอะไรไปก็เปลี่ยนมาสนใจคนที่เขากำลังจะไปหาแทน
ตั้งใจว่าจะเอาสมุดบันทึกเล่มนี้มาคืน
ถึงแม้ว่ากลิ่นอัปยศหดสูที่ล้างไส้ล้างพุงพวกเขาไปจนหมดเกลี้ยงเมื่อวานนี้นั้นจะจางหายไปจากเนื้อในสมุดเล่มนี้ไปมากแล้วก็ตามแต่มันก็ยังมีกลิ่นจางๆ อยู่มิรู้ลืม
ยังไงๆ เขาก็ไม่กล้าไว้ใจจับมันแบบเต็มมืออยู่ดี
พวกเขาสองคนเดินมาถึงหน้าห้องพักอาจารย์หมวดวิชาคณิตศาสตร์ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเพราะห้องถูกล็อคจากด้านนอกอย่างแน่นหนาแบบนี้
...ดูท่าอาจารย์จะเห่อกับการปิดเทอมใหญ่ในครั้งนี้มากกว่านักเรียนไม่น้อย...
“เอาไงล่ะ” อีวานถาม พยักพเยิดหน้าไปทางสมุดบันทึกที่อยู่ในมือของเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกัน และเขาก็ยังคงสเตปความตั้งใจเดิมที่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ยอมเข้าใกล้รัศมีสมุดบ้าๆ นั่นมากเกินจำเป็นเด็ดขาด
ซองมินมองดูเพื่อนอย่างนึกสนุกและเหมือนจะคิดอะไรดีๆ (ดีตรง?) ออก เขาแกล้งเหวี่ยงสมุดเล่มหนาปกผ้าสีน้ำเงินกำมะหยี่ดูมีราคา (ในตอนแรก) เฉียดหน้าอีวานทันที
อีวานสะดุ้งเฮือก ถอยหลังกรูดด้วยความตกใจ
“ดัดจริต” เจ้าตัวป่วนว่า ยกริมฝีปากยิ้มเยาะเพื่อนด้วยความสะใจ
“หนอย~!”
ศึกสงครามระหว่างมนุษย์ผมทองกับมนุษย์ผมน้ำตาลทองเริ่มขึ้น ณ บัดดล ซองมินนี่ยังดีหน่อยที่มีของที่ศัตรูกลัว รู้จุดอ่อนของศัตรูแต่อีวานนี่สิท่าจะแย่
“อ้าวๆ~! กฎห้ามให้นักเรียนวิ่งหยอกล้อกันในบริเวณอาคารนะจ้ะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้น
แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย
“ครู” สองหนุ่มพูดพร้อมกัน ก่อนที่หนุ่มผมน้ำตาลทองจะยื่นสมุดให้คืน แต่การหยิบจับของหนุ่มน้อยทำให้คนที่กำลังจะรับลังเลใจว่าจะรับดีมั้ย ทำไมมันมีกลิ่นของสิ่งปฏิกูลเจือจางลอยมาเข้าจมูกเธอยังไงก็ไม่รู้
“ตัดสินใจได้แล้วล่ะสิ” เธอถาม
แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ต้องได้รับมันมาไว้ในมืออย่างปฏิเสธไม่ได้
“ยัง”
“อ้าว!” ครูสาวอุทาน
“ไม่รู้ฮะ พวกเราแค่พูดกันเล่นๆ ก็เท่านั้นเอง แต่คุณครูน่ะสิโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้” ซองมินว่า แต่ประโยตหลังนี่เขาพึมพำให้ตัวเองได้ยินคนเดียว แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดเสียงดังไปกว่านี้หรอก
ให้ตายสิ! ยายครูนี่ยิ่งหูดีอยู่ด้วย
“อะ! ช่างใจให้ดีๆ นะจ้ะ” ครูสาวยังคงโน้มน้าวจิตใจนักเรียนโดยไม่ลดละความตั้งใจ จนทำให้สองหนุ่มรู้สึกตงิดๆ ใจขึ้นมาแล้วว่าเธอคนนี้ต้องการอะไรกันแน่แต่ก็ไม่ได้คิดจะถามให้มากความ เพราะวันนี้ปิดเทอมแล้วด้วยความจริงตอนนี้พวกเขาก็น่าจะไปนอนอ้าซ่าแผ่หลาอยู่บนเตียงในบ้านของใครของมันได้แล้ว ถ้าไม่ติดที่ว่าต้องเอาของมาคืนครูหน้าสาวนี่เสียก่อนน่ะ
เอ๊ะ! กลับบ้านงั้นเหรอ
ซองมินเอะใจขึ้นมาในทันที และเขาก็คิดออกแล้วว่าตัวเองลืมอะไร...
ลืมบอกให้ป้ามารับนี่เอง!!!
โอ้ย~! เรื่องแบบนี้เขาลืมไปเสียสนิทใจกันได้ยังไงนี่ ก็เพราะไอ้สมุดบันทึกบ้าบอคอแตกอะไรนั่นนั่นล่ะที่ทำให้เขาลืม ฮึ่ย~! น่าเจ็บใจชะมัด
เมื่อเจ้าตัวป่วนรำไม่ดีโทษปี่โทษกลองเสร็จก็รีบขอตัวกลับให้เร็วที่สุดในทันทีเพราะไม่อยากจะเสวนาพาทีกับคนตรงหน้าสักเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าครูเธอจะสวยแต่ก็มีความน่ากลัวแฝงอยู่ในตัวให้เห็นและสัมผัสได้ไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เขาตัวกลับก่อนนะฮะ” ซองมินบอกลาในทันที
“เดี๋ยวก่อน ครูรู้ว่าเธอยังไม่มีคนมารับกลับบ้านนะ ลี ซองมิน” ครูสาวแสนสวยพูดขึ้นมาลอยๆ ซึ่งก็ทำให้เจ้าของชื่อหน้าเจื่อนไปในทันทีพลางคิดในใจว่าครูคนนี้ไปรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ครูรู้ได้ยังไง”
“เพราะว่าไม่มีใครอยู่ในโรงเรียนแล้วตอนนี้ มีแต่ผู้ปกครองของอีวานยืนรออยู่หน้าหอพักนู่นแน่ะ”
“จริงเหรอฮะ” อีวานถาม นัยน์ตาเปล่งประกายแวววาววิบวับ
“จ้ะ”
“งั้นผมลาครูตรงนี้เลยนะฮะ แกก็ด้วยนะซองมิน ขอโทษทีที่ต้องกลับก่อน แต่เพราะว่าบ้านฉันกับบ้านแกอยู่กันคนละดอนเลยให้พ่อไปส่งไม่ได้ ไม่โกรธกันนะ” ว่าจบก็รีบวิ่งจู๊ดกลับลงไปในทันทีโดยไม่รอรับเอาคำตอบของเพื่อนยากกลับไปด้วย
ปล่อยให้เขาต้องเผชิญหน้ากับครูคนสวยแสนน่ากลัวสองคน
เขาอยากจะตอบมันกลับไปนักว่าจะไม่มีทางที่เขาจะไม่โกรธมันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน No Way!
“ไง” ครูคนเดิมเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ
ก็ไม่ไงล่ะทีนี้...
เฮ้อ!
เมื่อเพื่อนไม่อยู่ ไม่มีใครอยู่ในโรงเรียนแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกให้คนอย่าง ‘ลี ซองมิน’ เลือก เขาจำใจออกมาตามคำชวนของคุณครูสาวโดยที่ครูบอกว่าหลังจากทานข้าวเสร็จแล้วจะกลับไปส่งที่บ้าน เพราะบ้านครูกับบ้านของเขาอยู่ใกล้ๆ กัน
แต่ร้อยวันพันปีตั้งแต่เขาเกิดมาลืมตาดูโลกได้ถึงสิบแปดปีนี่ก็ไม่เคยจะได้เห็นครูอยู่แถวๆ นั้นเลยสักนิด
แต่ก็เอาเถอะ..!
เขาบอกแล้วว่ายายครูนี่ต้องชอบเขาแน่ๆ (ไม่เคยคิดเปลี่ยนใจที่หลงตัวเองเลยสักนิด)
คิดพลางแช่งให้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด (และหิว) อย่างไอ้ฮัน อีวานเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ให้มันขาหัก คอเคล็ด แต่ก็ขออย่าให้พ่อกับแม่มันเป็นอะไรเลยอยู่ในใจ
“ทางไปบ้านเธอไปทางซ้ายหรือขวา” ครูถามในขณะที่ขับรถขากลับจากทานข้าวเสร็จแล้ว
นัยน์ตาสีน้ำตาลของซองมินเหลือบไปมองครูสาวเล็กน้อย ไหนเธอบอกว่าทางไปบ้านเฮกับบ้านเขาไปทางเดียวกัน แล้วยังต้องมาถามกันอีกเหรอ
“ถอยหลัง” ซองมินตอบเสียงพึมพำ ก่อนจะตั้งท่าตอบใหม่ “ซ้ายฮะ”
“เออ...นั่นน่ะสินะ! ทางไปบ้านครูก็ไปทางนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้กลับไปนานเลยลืม”
รถวิ่งไปตามถนนที่ไร้ซึ่งผู้คนหรือไม่มีแม้กระทั่งรถมาขับแซง อาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลงบ่งบอกถึงเวลาอันใกล้พลบค่ำแล้ว เจ้าตัวป่วนซองมินยังคงนั่งสบายอารมณ์อยู่บนรถคันหรูของครูคนสวยอย่างไม่ได้รู้หรือคาดการณ์ไว้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
วิถีเริ่มเปลี่ยนไป พวงมาลัยรถถูกหักให้เลี้ยวไปทางซ้ายด้วยความตั้งใจของคนขับ ซองมินจะไม่คิดอะไรเลยถ้าหากว่าทางซ้ายมือที่พวกเขากำลังพุ่งตรงไปนั้นมันไม่ใช่แม่น้ำ
ให้ตายสิ!!! ยายครูนี่คิดจะทำอะไรของเธออีกล่ะนี่
“ครู!!!”
ความคิดเห็น