ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : กระเทียม
-' Forrest's Sight '-
ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิง เพศที่ชอบใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตไปกับการเลือกซื้อของไร้สาระ ที่ถูกเรียกด้วยภาษาของพวกเธอว่า ‘การช๊อปปิ้ง’
นี่เป็นความจริงในความคิดของผม และมันไม่มีข้อยกเว้น แม้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแวมไพร์ก็เถอะ
รู้สึกว่าพ่อจะยังไม่เชื่อใจผมเท่าไหร่ ถึงได้เรียกตัวพี่อลิเซียมาดูแลยัยคุณหนูนั่น
แม้พี่อลิเซียจะมีอายุพอที่ผมจะเรียกว่าแม่ได้แล้ว ผมก็ยังเรียกเธอว่า ‘พี่’ อยู่อย่างนี้
ด้วยความที่สมัยผมเด็กๆพ่อแม่ผมก็มักจะมาฝากผมไว้ให้พี่อลิเซียดูแลบ่อยๆ นั่นเป็นเหตุให้ผมสนิทกับครอส และผมเคารพเธอเป็นเหมือนกับพี่สาวแท้ๆ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะสะกดรอยตาม คอยมองเจ้าครอสกับยัยคุณหนูนี่ซื้อของหรอกนะ แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ที่คุณวินน์ ดาร์กเพิร์ลฝากฝังผมเอาไว้ต่างหาก
ใครจะไปรู้ว่าการทำให้แวมไพร์เลือดแท้โกรธนั้นมันจะน่ากลัวขนาดไหน
ผมรู้สึกหงุดหงิดไปหมดกับทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นพี่อลิเซียที่ละเลยหน้าที่ ครอสที่เข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องนี้
หรือแม้แต่คุณหนูแวมไพร์นั่นที่ไม่ยอมรับความจริงเอาซะเลย แถมยังไปไหนมาไหนโดยไม่บอกผมอีกต่างหาก ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่ของผมแท้ๆ
ถ้าจะพูดไปแล้ว... ผมซึ่งเป็นลูกผสมน่ะเป็นยังไงก็ได้ ไม่รังเกียจทั้งมนุษย์และแวมไพร์ แต่ลูนาร์ที่เป็นแวมไพร์เต็มตัวกลับอยากเป็นมนุษย์
เรื่องนี้นับว่าน่าขันทีเดียว ถ้าหากว่าคุณอาไปเล่าในหมู่แวมไพร์ด้วยกัน
“อ๊ะ... อันนี้ก็แล้วกัน...” ลูนาร์พูดอย่างสนิทสนมกับครอส หึๆ ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าถ้าเธอทำเสียงหวานแล้วมันจะน่าขนลุกแค่ไหน
อันที่จริงแล้วการสะกดรอยตามแวมไพร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก เพราะพวกเขาตาไวกว่า จมูกไวกว่า และหูดีกว่ามนุษย์หลายเท่า
แต่กับลูนาร์นั้นเป็นข้อยกเว้น นั่นเป็นเพราะเธอไม่รู้จักใช้พรสวรรค์ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งก็คงว่าอะไรไม่ได้ เพราะขนาดเธอยังไม่ยอมรับเลยว่าเธอมีพรสวรรค์เหล่านั้น
การเดินตามลูนาร์ในครั้งนี้ผมไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอะไรมาก เพราะที่นี่เป็นสถานที่พลุกพล่าน ที่ต้องระวังมีเพียงจมูกของเธอที่อาจจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นของพวกเดียวกัน
แต่ตอนนี้คงไม่ต้องสนใจเพราะดูเหมือนประสาทในการดมกลิ่นของเธอคงจะจดจ่อไปกับพวกขนมเสียแล้ว
“ไม่ระวังตัวซะเลย”
ผมขมวดคิ้ว ลองคิดเล่นๆดูว่าถ้ามีใครเล่นพิเรนทร์เอากระเทียมไปใส่ในขนมนั่นก็ขำไม่ออกแล้ว ผมรู้สึกเจ็บใจที่จุดอ่อนของพวกเราดันไปตรงกับในตำรา
พวกเราไม่ได้ถึงกับกลัวกระเทียม แต่พวกเราขยะแขยงมัน กลิ่นกระเทียมทำให้พวกเราสะอิดสะเอียน
แค่คิดผมก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว
“จะกลับกันแล้วเรอะ” ผมพูดกับตัวเองเมื่อเห็นสองคนนั้นขึ้นรถไปโดยมีพี่อลิเซียเป็นคนขับ
มันเดือดร้อนผมที่จะต้องกลับถึงโรงแรมให้เร็วกว่าพวกนั้น แต่เป็นที่รู้กันดีว่าพี่อลิเซีห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่าความเร็ว
ดังนั้นแค่ผมเรียกแท็กซี่ก็สามารถกลับถึงบ้านทันล่วงหน้าแบบสบายๆ
=============================================================
ลูนาร์เดินเข้ามาในล็อบบี้ ความจริงผมได้ยินเสียงตั้งแต่เธอลงจากประตูรถแล้วด้วยซ้ำ และนั่นเป็นเหตุผลให้ผมหยิบหนังสือขึ้นมาแสร้งทำเป็นสนอกสนใจมัน
“หืม... ไปเที่ยวมารึ” อยากรู้แฮะว่าเธอจะตอบว่ายังไง
“ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนี่” เสียงเชิดขึ้นจมูกแบบเด็กๆทำให้ผมนึกขัน ท่าทางเหมือนเธอจะอยากเอาชนะผมในทุกๆเรื่องเลยจริงๆ ดูเหมือนเธอจะตั้งแง่กับผมไว้ตั้งแต่แรกพบ
“เหรอ” ผมปิดหนังสือดังฉับ “ใช่ มันไม่เกี่ยวกับชั้น” นิ่งไปพักหนึ่ง ผมกำลังหาข้ออ้างเพื่อจะพูดต่อ “นั่นหมายถึงถ้าเธอไม่ได้ไปกับเพื่อนชั้น”
ผมด่าตัวเองในใจที่พลาดไป ถ้าผมอยู่ที่นี่ตลอดจริงๆผมควรจะรู้แค่ว่าพี่อลิเซียพาไปซื้อของ ผมไม่ควรจะรู้ว่าเธอหายไปกับเพื่อนผม
ขอบคุณพระเจ้าที่เธอเองก็ไม่เฉลียวใจพอจนเอะใจกับเรื่องนั้น เธอกระแทกเท้าปึงๆไปทางลิฟต์
ผมมองไปทางขวดบรรจุเลือดที่ตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง แวมไพร์เลือดแท้จำเป็นต้องดื่มเลือดอย่างน้อยหนึ่งขวดต่อเดือน นับประสาอะไรกับลูนาร์ที่ขาดเลือดมาเป็นปี
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตอนเด็กๆพ่อของเธอคงจะแอบกรอกมันใส่ปากเธอบ้าง ซึ่งมันคงจะเป็นเช่นนั้น ไม่งั้นป่านนี้เธอคงจะกลายเป็นซากแวมไพร์ไปแล้ว
“อีกสักพักก็แล้วกัน” ผมหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ
=============================================================
“ครอส มือนายไปโดนอะไรมา”
ผมถามขึ้นเมื่อเห็นเลือดไหลซิบๆออกมาจากมือสำอางของครอส แน่นอนว่าผมเองก็ถูกดึงดูดโดยเลือดนั้น แต่เหตุการณ์ทำนองนี้มันเกิดขึ้นมาบ่อยจนผมรับมือกับมันได้แล้ว
“แหะๆ แบบว่าชั้นกะจะช่วยแม่ทำอาหารน่ะ” ครอสหัวเราะแห้งๆ
“นายเนี่ยนะ ทำอาหาร” ผมถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่สุดในโลกก็คือการได้เห็นคนอย่างครอสคิดจะทำอาหาร “อ้อ” ผมทำเสียงรู้ทันอย่างนึกอะไรขึ้นได้
จะมีอะไรเสียอีกล่ะที่จะเป็นสาเหตุให้คุณหนูตระผมลดังลงมาทำครัว นอกไปจาก... เรื่องผู้หญิง
“เฮ้ยๆ นายอย่าไปบอกคุณลูนาร์นาว่าชั้นลงครัวเอง” หายากจริงๆที่จะได้เห็นครอส เรเพิร์ท หน้าแดง
“ไม่บอกหรอกน่า เอาเป็นว่าชั้นเอาใจช่วยก็แล้วกัน” ผมตบหลังให้กำลังใจ
“ขอบใจ แต่เดี๋ยวฉันขึ้นไปคืนเงินให้คุณลูนาร์ก่อน รู้สึกว่าเขาจะเกรงใจที่ชั้นออกเงินให้เลยทิ้งไว้”
“โอเค” ผมพอจะเข้าใจ “เอ้อ ก่อนนายจะขึ้นไปน่ะ แปะพลาสเตอร์หน่อยก็ดีนะ” ผมหมายถึงแผลที่มือนั่น ไม่อย่างนั้นยัยคุณหนูนั่นคลั่งอีกครั้งแน่
ผมเลิกสนใจครอส อีกสักพักผมก็ต้องเข้าไปตรวจสภาพห้องของลูนาร์เหมือนกัน ถึงแม้ช่วงเช้าจะมีพนักงานเข้าไปดูแลแล้วก็เถอะ
ผมแปลกใจตัวเองว่าจริงๆแล้ว ผมก็แค่หาข้ออ้างขึ้นไปหาเธอเท่านั้นเอง
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่นั้น ครอสก็ได้ขึ้นลิฟต์ไป
...และเขาก็ไม่ได้แปะพลาสเตอร์ตามที่ผมแนะนำ...
ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิง เพศที่ชอบใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตไปกับการเลือกซื้อของไร้สาระ ที่ถูกเรียกด้วยภาษาของพวกเธอว่า ‘การช๊อปปิ้ง’
นี่เป็นความจริงในความคิดของผม และมันไม่มีข้อยกเว้น แม้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแวมไพร์ก็เถอะ
รู้สึกว่าพ่อจะยังไม่เชื่อใจผมเท่าไหร่ ถึงได้เรียกตัวพี่อลิเซียมาดูแลยัยคุณหนูนั่น
แม้พี่อลิเซียจะมีอายุพอที่ผมจะเรียกว่าแม่ได้แล้ว ผมก็ยังเรียกเธอว่า ‘พี่’ อยู่อย่างนี้
ด้วยความที่สมัยผมเด็กๆพ่อแม่ผมก็มักจะมาฝากผมไว้ให้พี่อลิเซียดูแลบ่อยๆ นั่นเป็นเหตุให้ผมสนิทกับครอส และผมเคารพเธอเป็นเหมือนกับพี่สาวแท้ๆ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะสะกดรอยตาม คอยมองเจ้าครอสกับยัยคุณหนูนี่ซื้อของหรอกนะ แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ที่คุณวินน์ ดาร์กเพิร์ลฝากฝังผมเอาไว้ต่างหาก
ใครจะไปรู้ว่าการทำให้แวมไพร์เลือดแท้โกรธนั้นมันจะน่ากลัวขนาดไหน
ผมรู้สึกหงุดหงิดไปหมดกับทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นพี่อลิเซียที่ละเลยหน้าที่ ครอสที่เข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องนี้
หรือแม้แต่คุณหนูแวมไพร์นั่นที่ไม่ยอมรับความจริงเอาซะเลย แถมยังไปไหนมาไหนโดยไม่บอกผมอีกต่างหาก ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่ของผมแท้ๆ
ถ้าจะพูดไปแล้ว... ผมซึ่งเป็นลูกผสมน่ะเป็นยังไงก็ได้ ไม่รังเกียจทั้งมนุษย์และแวมไพร์ แต่ลูนาร์ที่เป็นแวมไพร์เต็มตัวกลับอยากเป็นมนุษย์
เรื่องนี้นับว่าน่าขันทีเดียว ถ้าหากว่าคุณอาไปเล่าในหมู่แวมไพร์ด้วยกัน
“อ๊ะ... อันนี้ก็แล้วกัน...” ลูนาร์พูดอย่างสนิทสนมกับครอส หึๆ ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าถ้าเธอทำเสียงหวานแล้วมันจะน่าขนลุกแค่ไหน
อันที่จริงแล้วการสะกดรอยตามแวมไพร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก เพราะพวกเขาตาไวกว่า จมูกไวกว่า และหูดีกว่ามนุษย์หลายเท่า
แต่กับลูนาร์นั้นเป็นข้อยกเว้น นั่นเป็นเพราะเธอไม่รู้จักใช้พรสวรรค์ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งก็คงว่าอะไรไม่ได้ เพราะขนาดเธอยังไม่ยอมรับเลยว่าเธอมีพรสวรรค์เหล่านั้น
การเดินตามลูนาร์ในครั้งนี้ผมไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอะไรมาก เพราะที่นี่เป็นสถานที่พลุกพล่าน ที่ต้องระวังมีเพียงจมูกของเธอที่อาจจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นของพวกเดียวกัน
แต่ตอนนี้คงไม่ต้องสนใจเพราะดูเหมือนประสาทในการดมกลิ่นของเธอคงจะจดจ่อไปกับพวกขนมเสียแล้ว
“ไม่ระวังตัวซะเลย”
ผมขมวดคิ้ว ลองคิดเล่นๆดูว่าถ้ามีใครเล่นพิเรนทร์เอากระเทียมไปใส่ในขนมนั่นก็ขำไม่ออกแล้ว ผมรู้สึกเจ็บใจที่จุดอ่อนของพวกเราดันไปตรงกับในตำรา
พวกเราไม่ได้ถึงกับกลัวกระเทียม แต่พวกเราขยะแขยงมัน กลิ่นกระเทียมทำให้พวกเราสะอิดสะเอียน
แค่คิดผมก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว
“จะกลับกันแล้วเรอะ” ผมพูดกับตัวเองเมื่อเห็นสองคนนั้นขึ้นรถไปโดยมีพี่อลิเซียเป็นคนขับ
มันเดือดร้อนผมที่จะต้องกลับถึงโรงแรมให้เร็วกว่าพวกนั้น แต่เป็นที่รู้กันดีว่าพี่อลิเซีห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่าความเร็ว
ดังนั้นแค่ผมเรียกแท็กซี่ก็สามารถกลับถึงบ้านทันล่วงหน้าแบบสบายๆ
=============================================================
ลูนาร์เดินเข้ามาในล็อบบี้ ความจริงผมได้ยินเสียงตั้งแต่เธอลงจากประตูรถแล้วด้วยซ้ำ และนั่นเป็นเหตุผลให้ผมหยิบหนังสือขึ้นมาแสร้งทำเป็นสนอกสนใจมัน
“หืม... ไปเที่ยวมารึ” อยากรู้แฮะว่าเธอจะตอบว่ายังไง
“ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนี่” เสียงเชิดขึ้นจมูกแบบเด็กๆทำให้ผมนึกขัน ท่าทางเหมือนเธอจะอยากเอาชนะผมในทุกๆเรื่องเลยจริงๆ ดูเหมือนเธอจะตั้งแง่กับผมไว้ตั้งแต่แรกพบ
“เหรอ” ผมปิดหนังสือดังฉับ “ใช่ มันไม่เกี่ยวกับชั้น” นิ่งไปพักหนึ่ง ผมกำลังหาข้ออ้างเพื่อจะพูดต่อ “นั่นหมายถึงถ้าเธอไม่ได้ไปกับเพื่อนชั้น”
ผมด่าตัวเองในใจที่พลาดไป ถ้าผมอยู่ที่นี่ตลอดจริงๆผมควรจะรู้แค่ว่าพี่อลิเซียพาไปซื้อของ ผมไม่ควรจะรู้ว่าเธอหายไปกับเพื่อนผม
ขอบคุณพระเจ้าที่เธอเองก็ไม่เฉลียวใจพอจนเอะใจกับเรื่องนั้น เธอกระแทกเท้าปึงๆไปทางลิฟต์
ผมมองไปทางขวดบรรจุเลือดที่ตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง แวมไพร์เลือดแท้จำเป็นต้องดื่มเลือดอย่างน้อยหนึ่งขวดต่อเดือน นับประสาอะไรกับลูนาร์ที่ขาดเลือดมาเป็นปี
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตอนเด็กๆพ่อของเธอคงจะแอบกรอกมันใส่ปากเธอบ้าง ซึ่งมันคงจะเป็นเช่นนั้น ไม่งั้นป่านนี้เธอคงจะกลายเป็นซากแวมไพร์ไปแล้ว
“อีกสักพักก็แล้วกัน” ผมหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ
=============================================================
“ครอส มือนายไปโดนอะไรมา”
ผมถามขึ้นเมื่อเห็นเลือดไหลซิบๆออกมาจากมือสำอางของครอส แน่นอนว่าผมเองก็ถูกดึงดูดโดยเลือดนั้น แต่เหตุการณ์ทำนองนี้มันเกิดขึ้นมาบ่อยจนผมรับมือกับมันได้แล้ว
“แหะๆ แบบว่าชั้นกะจะช่วยแม่ทำอาหารน่ะ” ครอสหัวเราะแห้งๆ
“นายเนี่ยนะ ทำอาหาร” ผมถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่สุดในโลกก็คือการได้เห็นคนอย่างครอสคิดจะทำอาหาร “อ้อ” ผมทำเสียงรู้ทันอย่างนึกอะไรขึ้นได้
จะมีอะไรเสียอีกล่ะที่จะเป็นสาเหตุให้คุณหนูตระผมลดังลงมาทำครัว นอกไปจาก... เรื่องผู้หญิง
“เฮ้ยๆ นายอย่าไปบอกคุณลูนาร์นาว่าชั้นลงครัวเอง” หายากจริงๆที่จะได้เห็นครอส เรเพิร์ท หน้าแดง
“ไม่บอกหรอกน่า เอาเป็นว่าชั้นเอาใจช่วยก็แล้วกัน” ผมตบหลังให้กำลังใจ
“ขอบใจ แต่เดี๋ยวฉันขึ้นไปคืนเงินให้คุณลูนาร์ก่อน รู้สึกว่าเขาจะเกรงใจที่ชั้นออกเงินให้เลยทิ้งไว้”
“โอเค” ผมพอจะเข้าใจ “เอ้อ ก่อนนายจะขึ้นไปน่ะ แปะพลาสเตอร์หน่อยก็ดีนะ” ผมหมายถึงแผลที่มือนั่น ไม่อย่างนั้นยัยคุณหนูนั่นคลั่งอีกครั้งแน่
ผมเลิกสนใจครอส อีกสักพักผมก็ต้องเข้าไปตรวจสภาพห้องของลูนาร์เหมือนกัน ถึงแม้ช่วงเช้าจะมีพนักงานเข้าไปดูแลแล้วก็เถอะ
ผมแปลกใจตัวเองว่าจริงๆแล้ว ผมก็แค่หาข้ออ้างขึ้นไปหาเธอเท่านั้นเอง
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่นั้น ครอสก็ได้ขึ้นลิฟต์ไป
...และเขาก็ไม่ได้แปะพลาสเตอร์ตามที่ผมแนะนำ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น