ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Underneath Moonlight

    ลำดับตอนที่ #9 : กระเทียม

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 50


    -' Forrest's Sight '-

    ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิง เพศที่ชอบใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตไปกับการเลือกซื้อของไร้สาระ ที่ถูกเรียกด้วยภาษาของพวกเธอว่า ‘การช๊อปปิ้ง’
    นี่เป็นความจริงในความคิดของผม และมันไม่มีข้อยกเว้น แม้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแวมไพร์ก็เถอะ

    รู้สึกว่าพ่อจะยังไม่เชื่อใจผมเท่าไหร่ ถึงได้เรียกตัวพี่อลิเซียมาดูแลยัยคุณหนูนั่น

    แม้พี่อลิเซียจะมีอายุพอที่ผมจะเรียกว่าแม่ได้แล้ว ผมก็ยังเรียกเธอว่า ‘พี่’ อยู่อย่างนี้
    ด้วยความที่สมัยผมเด็กๆพ่อแม่ผมก็มักจะมาฝากผมไว้ให้พี่อลิเซียดูแลบ่อยๆ นั่นเป็นเหตุให้ผมสนิทกับครอส และผมเคารพเธอเป็นเหมือนกับพี่สาวแท้ๆ

    ผมไม่ได้ตั้งใจจะสะกดรอยตาม คอยมองเจ้าครอสกับยัยคุณหนูนี่ซื้อของหรอกนะ แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ที่คุณวินน์ ดาร์กเพิร์ลฝากฝังผมเอาไว้ต่างหาก
    ใครจะไปรู้ว่าการทำให้แวมไพร์เลือดแท้โกรธนั้นมันจะน่ากลัวขนาดไหน

    ผมรู้สึกหงุดหงิดไปหมดกับทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นพี่อลิเซียที่ละเลยหน้าที่ ครอสที่เข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องนี้
    หรือแม้แต่คุณหนูแวมไพร์นั่นที่ไม่ยอมรับความจริงเอาซะเลย แถมยังไปไหนมาไหนโดยไม่บอกผมอีกต่างหาก ทั้งๆที่มันเป็นหน้าที่ของผมแท้ๆ

    ถ้าจะพูดไปแล้ว... ผมซึ่งเป็นลูกผสมน่ะเป็นยังไงก็ได้ ไม่รังเกียจทั้งมนุษย์และแวมไพร์ แต่ลูนาร์ที่เป็นแวมไพร์เต็มตัวกลับอยากเป็นมนุษย์
    เรื่องนี้นับว่าน่าขันทีเดียว ถ้าหากว่าคุณอาไปเล่าในหมู่แวมไพร์ด้วยกัน

    “อ๊ะ... อันนี้ก็แล้วกัน...” ลูนาร์พูดอย่างสนิทสนมกับครอส หึๆ ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าถ้าเธอทำเสียงหวานแล้วมันจะน่าขนลุกแค่ไหน

    อันที่จริงแล้วการสะกดรอยตามแวมไพร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก เพราะพวกเขาตาไวกว่า จมูกไวกว่า และหูดีกว่ามนุษย์หลายเท่า
    แต่กับลูนาร์นั้นเป็นข้อยกเว้น นั่นเป็นเพราะเธอไม่รู้จักใช้พรสวรรค์ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งก็คงว่าอะไรไม่ได้ เพราะขนาดเธอยังไม่ยอมรับเลยว่าเธอมีพรสวรรค์เหล่านั้น

    การเดินตามลูนาร์ในครั้งนี้ผมไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอะไรมาก เพราะที่นี่เป็นสถานที่พลุกพล่าน ที่ต้องระวังมีเพียงจมูกของเธอที่อาจจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นของพวกเดียวกัน
    แต่ตอนนี้คงไม่ต้องสนใจเพราะดูเหมือนประสาทในการดมกลิ่นของเธอคงจะจดจ่อไปกับพวกขนมเสียแล้ว

    “ไม่ระวังตัวซะเลย”

    ผมขมวดคิ้ว ลองคิดเล่นๆดูว่าถ้ามีใครเล่นพิเรนทร์เอากระเทียมไปใส่ในขนมนั่นก็ขำไม่ออกแล้ว ผมรู้สึกเจ็บใจที่จุดอ่อนของพวกเราดันไปตรงกับในตำรา
    พวกเราไม่ได้ถึงกับกลัวกระเทียม แต่พวกเราขยะแขยงมัน กลิ่นกระเทียมทำให้พวกเราสะอิดสะเอียน

    แค่คิดผมก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว

    “จะกลับกันแล้วเรอะ” ผมพูดกับตัวเองเมื่อเห็นสองคนนั้นขึ้นรถไปโดยมีพี่อลิเซียเป็นคนขับ

    มันเดือดร้อนผมที่จะต้องกลับถึงโรงแรมให้เร็วกว่าพวกนั้น แต่เป็นที่รู้กันดีว่าพี่อลิเซีห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่าความเร็ว
    ดังนั้นแค่ผมเรียกแท็กซี่ก็สามารถกลับถึงบ้านทันล่วงหน้าแบบสบายๆ

    =============================================================

    ลูนาร์เดินเข้ามาในล็อบบี้ ความจริงผมได้ยินเสียงตั้งแต่เธอลงจากประตูรถแล้วด้วยซ้ำ และนั่นเป็นเหตุผลให้ผมหยิบหนังสือขึ้นมาแสร้งทำเป็นสนอกสนใจมัน

    “หืม... ไปเที่ยวมารึ” อยากรู้แฮะว่าเธอจะตอบว่ายังไง
    “ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนี่” เสียงเชิดขึ้นจมูกแบบเด็กๆทำให้ผมนึกขัน ท่าทางเหมือนเธอจะอยากเอาชนะผมในทุกๆเรื่องเลยจริงๆ ดูเหมือนเธอจะตั้งแง่กับผมไว้ตั้งแต่แรกพบ

    “เหรอ” ผมปิดหนังสือดังฉับ “ใช่ มันไม่เกี่ยวกับชั้น” นิ่งไปพักหนึ่ง ผมกำลังหาข้ออ้างเพื่อจะพูดต่อ “นั่นหมายถึงถ้าเธอไม่ได้ไปกับเพื่อนชั้น”

    ผมด่าตัวเองในใจที่พลาดไป ถ้าผมอยู่ที่นี่ตลอดจริงๆผมควรจะรู้แค่ว่าพี่อลิเซียพาไปซื้อของ ผมไม่ควรจะรู้ว่าเธอหายไปกับเพื่อนผม

    ขอบคุณพระเจ้าที่เธอเองก็ไม่เฉลียวใจพอจนเอะใจกับเรื่องนั้น เธอกระแทกเท้าปึงๆไปทางลิฟต์

    ผมมองไปทางขวดบรรจุเลือดที่ตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง แวมไพร์เลือดแท้จำเป็นต้องดื่มเลือดอย่างน้อยหนึ่งขวดต่อเดือน นับประสาอะไรกับลูนาร์ที่ขาดเลือดมาเป็นปี
    ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตอนเด็กๆพ่อของเธอคงจะแอบกรอกมันใส่ปากเธอบ้าง ซึ่งมันคงจะเป็นเช่นนั้น ไม่งั้นป่านนี้เธอคงจะกลายเป็นซากแวมไพร์ไปแล้ว

    “อีกสักพักก็แล้วกัน” ผมหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ

    =============================================================

    “ครอส มือนายไปโดนอะไรมา”

    ผมถามขึ้นเมื่อเห็นเลือดไหลซิบๆออกมาจากมือสำอางของครอส แน่นอนว่าผมเองก็ถูกดึงดูดโดยเลือดนั้น แต่เหตุการณ์ทำนองนี้มันเกิดขึ้นมาบ่อยจนผมรับมือกับมันได้แล้ว

    “แหะๆ แบบว่าชั้นกะจะช่วยแม่ทำอาหารน่ะ” ครอสหัวเราะแห้งๆ
    “นายเนี่ยนะ ทำอาหาร” ผมถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่สุดในโลกก็คือการได้เห็นคนอย่างครอสคิดจะทำอาหาร “อ้อ” ผมทำเสียงรู้ทันอย่างนึกอะไรขึ้นได้

    จะมีอะไรเสียอีกล่ะที่จะเป็นสาเหตุให้คุณหนูตระผมลดังลงมาทำครัว นอกไปจาก... เรื่องผู้หญิง

    “เฮ้ยๆ นายอย่าไปบอกคุณลูนาร์นาว่าชั้นลงครัวเอง” หายากจริงๆที่จะได้เห็นครอส เรเพิร์ท หน้าแดง
    “ไม่บอกหรอกน่า เอาเป็นว่าชั้นเอาใจช่วยก็แล้วกัน” ผมตบหลังให้กำลังใจ
    “ขอบใจ แต่เดี๋ยวฉันขึ้นไปคืนเงินให้คุณลูนาร์ก่อน รู้สึกว่าเขาจะเกรงใจที่ชั้นออกเงินให้เลยทิ้งไว้”
    “โอเค” ผมพอจะเข้าใจ “เอ้อ ก่อนนายจะขึ้นไปน่ะ แปะพลาสเตอร์หน่อยก็ดีนะ” ผมหมายถึงแผลที่มือนั่น ไม่อย่างนั้นยัยคุณหนูนั่นคลั่งอีกครั้งแน่

    ผมเลิกสนใจครอส อีกสักพักผมก็ต้องเข้าไปตรวจสภาพห้องของลูนาร์เหมือนกัน ถึงแม้ช่วงเช้าจะมีพนักงานเข้าไปดูแลแล้วก็เถอะ

    ผมแปลกใจตัวเองว่าจริงๆแล้ว ผมก็แค่หาข้ออ้างขึ้นไปหาเธอเท่านั้นเอง

    ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่นั้น ครอสก็ได้ขึ้นลิฟต์ไป

    ...และเขาก็ไม่ได้แปะพลาสเตอร์ตามที่ผมแนะนำ...
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×