ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Doppelganger

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9 : พันธะ

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 50


    -'๑'- Doppelganger -'๑'-

    -' Chapter 9 : พันธะ '-

    เวนัวร์ในสภาพฟรานส์ก้าวเข้าไปยังห้องโถงในหอพักชาย

    ทั้งๆที่พระอาทิตย์เพิ่งจะตกดิน... แต่ในห้องกลับไม่ค่อยจะมีคนสักเท่าไหร่

    "ผมสีเงิน ตาสีม่วง"
    เวนัวร์หันไปมองต้นเสียง เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนจ้องเขานิ่ง "นายคือคนที่ซื้อดาบมณีจันทร์จากตาลุงร้านขายดาบใช่ไหม ?"

    เด็กหนุ่มผมสีเหลืองจางซอยสั้นยิ้มเย็นๆมาให้เขา... นัยน์ตาสีเปลวเพลิงหรี่ตาสำรวจตัวเวนัวร์อย่างพินิจวิเคราะห์เหมือบกับที่เวนัวร์กำลังทำกับเขาอยู่ในขณะนี้
    ดูจากท่าทางแล้วคนตรงหน้าคงยโสไม่เบา... ผิวสีแทนและสีหน้าที่ยากจะมองความคิดออก ทำให้เจ้าหมอนี่ดูเจนโลกพอตัว

    "ใช่แล้ว มีธุระอะไรรึ ? นาย..." เวนัวร์พยายามจะนึกชื่อ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาผ่านคาบแนะนำตัวมาโดยที่ไม่รู้จักใครสักคนด้วยซ้ำ
    "ไซรอส...ส่วนนายก็คือ... "

    ท่าทางคงจะไม่ใช่เขาคนเดียวสินะที่ให้ร่างแฝดเรียนแทนในคาบแรก... เวนัวร์หัวเราะในใจ

    "เวนัวร์ หรือจะเรียกว่าเวลล์ก็ได้ แล้วตกลงว่านายมีธุระอะไรกับฉันล่ะ ?"
    "พอดีว่าตาลุงนั่นฝากบางอย่างมาให้นายน่ะ"

    ไซรอสโยนหนังสือเล่มบางมาเข้ามือเวนัวร์ ตัวปกไม่มีอะไรดึงดูดตานอกจากคำว่า 'อาวุธ' ตัวโต

    "อะไรเนี่ย ?" เวนัวร์เกาหัว

    "คู่มือเกี่ยวกับกฎหมายการใช้อาวุธทำนองนี้แหละ...ไม่ต้องไปสนหรอก"
    ไซรอสยักไหล่ "ที่อยากให้ดูคือหน้าสุดท้าย มันเป็นพิธีกรรมการทำพันธะระหว่างอาวุธกับผู้เป็นเจ้าของ... ถ้าอาวุธของนายยังไม่ถูกทำพิธีมาก่อนแล้วน่ะนะ"

    เวนัวร์ยังไม่ค่อยเข้าใจในความหมาย เขาพลิกหนังสือไปดูหน้าสุดท้าย มันเป็นบทบรรยายสั้นๆเกี่ยวกับ 'พันธะแห่งศาสตรา'

    "ข้อดีของการทำพันธะก็คือนายสามารถเรียกใช้อาวุธนั้นได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ส่วนข้อเสียก็คืออาวุธที่ถูกทำพันธะจะออกสู่ตลาดยาก เนื่องจากคงไม่มีใครอยากได้อาวุธที่อาจจะถูกใครเรียกไปได้ทุกเมื่อหรอก"
    ไซรอสอธิบาย ซึ่งจริงๆแล้วมันก็มีเขียนอยู่ในหนังสือที่เวนัวร์กำลังอ่าน "ฉันแนะนำให้นายรีบทำพันธะ ไม่งั้นถ้าดาบนายถูกใครชิงไปทำพันธะก่อนนายก็เตรียมเสียดาบนั้นไปได้เลย ...สุดท้ายที่จะบอกก็คือ ผลของพันธะจะหายไปเมื่อเจ้าของเสียชีวิต เพราะงั้นถ้าอาวุธนายดีก็ระวังจะถูกฆ่าด้วยล่ะ" ไซรอสหัวเราะหึๆ

    "เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก" เวนัวร์เอ่ยขอบคุณ

    "เดี๋ยว..."
    ไซรอสเอ่ย "มาเจอกันหน่อยไหม...สู้กันด้วยดาบ...ใครแพ้มอบอาวุธให้คนชนะ"

    สีหน้ามั่นใจนิ่งๆที่ดูเจ้าเล่ห์ของไซรอสทำให้เวนัวร์หวนนึกถึงเขาในสมัยโรงเรียนเก่า...
    เหมือนกันไม่มีผิดเลยแฮะ... เวนัวร์ยิ้มบางๆ นัยน์ตาสีม่วงพราวระยับอย่างนึกสนุก

    ...และในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งสังเกต... ห่อผ้าขนาดยาว... เหมือนกับของเขาไม่มีผิดเพี้ยน... ถ้าไม่นับสีผ้าสีส้มอ่อนนั้น ซึ่งของเขาเป็นสีเขียวตุ่นๆ

    "อย่างที่นายคิด ฉันนี่แหละคือผู้ครองดาบเทพสุริยัน"
    "จันทราปะทะสุริยา เอาเปรียบเกินไปมั้ง" เวนัวร์หัวเราะหึๆ
    "มันขึ้นอยู่กับฝีมือต่างหากล่ะ... ว่าไง ตกลงไหม ? ฉันยังไม่ได้ทำพันธะกับดาบพอดี" ผู้ครองดาบแห่งสุริยันกล่าวท้าทาย

    เวนัวร์ชั่งน้ำหนักในใจอยู่ครู่หนึ่ง

    "ไม่ละ ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน" รอยยิ้มจางๆปรากฎบนใบหน้าเวนัวร์
    "หึๆ ฉันก็หวังว่าจะมีวันนั้นนะ" ไซรอสยิ้มตอบ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องส่วนตัวไป

    เวนัวร์บิดตัวด้วยความล้าเล็กน้อย แล้วสายตาเขาก็บังเอิญไปเห็นป้ายกระกาศตัวโต...

    "ศึกเสริมประสบการณ์พวกปีหนึ่ง... ก็คือให้ปีหนึ่งเข้าไปดูการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้พลังแฝง จะได้เข้าใจอะไรได้ไวๆ"

    เสียงดังข้ามไหล่มาจากข้างหลัง เวนัวร์หันไปก็ได้พบกับซาร์ฟัส... รุ่นพี่ที่อายุน้อยกว่าเขา
    คราวนี้รู้สึกว่าซาร์ฟัสจะเฉี่ยวขึ้นเยอะ เขาสวมสร้อยคอที่มีเขี้ยวสุนัขป่าประดับ และมีเล็บสีดำของสุนัขป่าห้อยที่หูซ้าย
    ...แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็คือแอร์บอร์ดที่เขาถือมันไว้อย่างทะนุถนอม

    "หือ ? พี่ก็จะเข้าแข่งด้วยเหรอ ?" เวนัวร์ถาม

    "ไม่ต้องเรียกว่าพี่ก็ได้เฟ้ย !"
    ซาร์ฟัสโวยวาย "ส่วนเรื่องแข่งน่ะฉันไม่เกี่ยวหรอก งานนี้เฉพาะปีสามปีสี่" เขาเดาะนิ้วอย่างนึกเสียดายนิดๆ

    "ว้า..." เวนัวร์คราง
    "อะไร ?" ซาร์ฟัสรู้สึกตงิดๆ
    "น่าเสียดายน่ะสิ อดเห็นคนรู้จักลงไปกอง"

    "หนอยแน่ะ ! ปากดีนักนะ" ซาร์ฟัสแยกเขี้ยว
    ...ผ่านไปไม่กี่วันเปลี่ยนไปยังกับคนละคน "เฮ้ย !? นายคือเจ้าเวลล์จริงๆรึเปล่าเนี่ย หรือว่าร่างแฝด ?"

    "โธ่~ ผมเนี่ยและเวนัวร์ ตัวจริงเสียงจริง"
    เวนัวร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ "สองวันก่อนนั่น... พี่ยังรู้จักผมไม่ดีพอ" เขาหัวเราะ

    นัยน์ตาสีม่วงหันมาสนใจหนังสือในมืออีกครั้ง

    "พันธะแห่งศาสตราเรอะ..."

    ==========================================================

    กลางดึก... เวนัวร์ก้าวไปตามทางเดินหินอ่อน เข้าสู่สถานที่ที่เรียกว่า 'สวนทะเลสาบ'

    สวนทะเลสาบได้ชื่อนี้เพราะเป็นสถานที่เพียงสถานที่เดียวที่มีทะเลสาบแอ่งใหญ่ รายล้อมด้วยต้นไม้ใบหญ้าหลายชนิดดูร่มรื่น
    จึงไม่น่าแปลกใจที่สถานที่นี้จะเป็นที่หย่อนใจอันดับต้นๆของหมู่นักเรียนไม่ว่าปีไหน

    แม้แต่เวนัวร์ก็ยังรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาดเมื่อมองเห็นดวงจันทร์สีเหลืองนวลลอยเด่นอยู่บนผืนทะเลสาบ ความเหนื่อยล้าทั้งหลายดูจะเป็นเรื่องไร้สาระไปเลยเมื่อถูกล้อมรอบด้วยทิวทัศน์เหล่านี้

    แต่วันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อชื่นชมบรรยากาศ...

    พื้นที่ข้างๆสวนเป็นพื้นที่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันเป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ล้อมรอบด้วยเสาทรงสูง และเพดานทรงสี่เหลี่ยมแบนราบเป็นชั้นๆ
    ตรงกลางทรุดลงไปเล็กน้อยเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่พอสมควร มีลวดลายอักขระสีทองที่เวนัวร์อ่านไม่ออกขดเกลียวกันเป็นวงถึง 3 ชั้น ส่วนในสุดเป็นรูปดาวหกแฉกสีเงินส่องแสงออกมาจางๆ

    "ที่นี่สินะ..." เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงกล่าวลอยๆ

    เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสถานที่นี้มาจากซาร์ฟัสหลังจากปรึกษาเรื่องการทำพันธะกับอาวุธ
    ซาร์ฟัสบอกว่าการทำพิธีจำเป็นต้องมีวงเวท และที่ๆเหมาะสมกับการทำพิธีที่สุดก็คือที่นี่... สถานที่ที่ถูกเรียว่า... วิหารเทพ...

    เวนัวร์หยุดยืนตรงหน้าวงเวท เขาคลี่ห่อผ้าออก ก่อนจะวางดาบมณีจันทร์ลงกึ่งกลางวงเวทย์นั้น

    "เอ... กาลเวลาที่ผันผ่าน สัตย์อันเป็นนิรันดร์... หนึ่งผู้ครอง หนึ่งอาวุธ ร่วมขับขาน"
    เวนัวร์คลี่หนังสือมาอ่านตรงหน้า "ในนามแห่งข้า... เวนัวร์ ชาร์โกนอฟ ผู้ถือครอง..."

    ดาบมณีจันทร์ลอยขึ้นเหนือวงเวท มันส่องแสงสีเงินยวงออกมาจนเวนัวร์รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

    "...ด้วยสัตย์สาบานแห่งศาสตรา ข้าขอทำพันธะสัญญา..."

    ด้วยอะไรบางอย่างที่จู่ๆก็มาดลใจ... เวนัวร์เหลือบมองไปทางทิศที่เป็นสวนทะเลสาบอีกครั้ง... แม้ระยะห่างจะค่อนข้างไกล... แต่เขาก็เห็นคนๆหนึ่งอย่างชัดเจน...

    เด็กสาวร่างบางในชุดเสื้อยืดและกางเกงสามส่วนสีเหลืองจางๆ รองเท้ารัดส้นที่ดูโทรมๆกับสนับมือสีนิลทำให้ผู้เป็นเจ้าของดูสมบุกสมบันไม่น้อย
    เจ้าหล่อนอาจจะดูจืดๆในสายตาคนอื่นในยามปกติ หากแต่มิใช่ในยามนี้... ในยามที่ร่างกายของเธอพลิ้วไหวจนเหมือนกับเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติรอบด้าน

    ในความเป็นจริงเด็กสาวคงกำลังฝึกซ้อมกระบวนท่าในระยะประชิดตัวแบบต่างๆ
    ...แต่ในสายตาของเวนัวร์มันราวกับ... การร่ายรำของเทพธิดาก็ไม่ปาน...

    เวนัวร์ยังคงเหม่อมองเจ้าหล่อน... สาวน้อยตรงหน้ามิได้สวยสง่า มิได้งดงาม... แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดเขาอย่างประหลาด

    เด็กสาวผู้ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเพ่งพิศยังคงออกลีลาเคลื่อนไหวต่อไป เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาตามใบหน้ารูปไข่นั้นเล็กน้อย
    ผมของเธอยาวประบ่าไม่เหมือนกับผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขารู้จัก มันเป็นสีออกเทา แต่ก็ส่องประกายสีเงินให้เห็นยามเมื่อกระทบแสงจันทร์
    นัยน์ตาสีนิลที่ดูเด่นชัดเมื่อเทียบกับคิ้วบางของเจ้าหล่อน ส่วนจมูกเล็กๆที่เชิดขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกดีกรีความรั้นในตัวเจ้าหล่อนได้เป็นอย่างดี

    แสงจากจันทร์เพ็ญที่ส่องมาวันนี้ดูสวยเป็นพิเศษ... ยิ่งเมื่อกระทบกับผิวสีน้ำผึ้งของเด็กสาว... เวนัวร์จ้องมองนิ่งราวต้องมนต์สะกด...

    ...ดุจดั่งเทพธิดาแห่งจันทรา...

    เวนัวร์สะดุ้งรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเห็นนัยน์ตาสีนิลคู่โตคู่นั้นจ้องมองมา

    เอ... มองจากข้างนอกไม่น่าจะเห็นอะไรนี่นา...

    แล้วเวนัวร์ก็นึกขึ้นได้... แสงจากเจ้าดาบนี่นี่เอง !
    เขาโทษความผิดไปให้แสงสีเงินเรืองๆบนใบดาบ

    "..." เขารีบใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว แม้ความจริงถึงเด็กสาวคนนั้มาเจอเขาก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่ในใจเขากลับรู้สึกผิดที่เผลอไปจ้องเธอเสียนาน

    ดาบนี่มันชื่ออะไรนะ !? ว้าโว้ย !!

    "เอ่อ... ข้าขอพันธะสัญญาต่อศาสตราวุธเบื้องหน้า... จันทราสวรรค์ !!"

    ด้วยความเร่งรีบทำให้เวนัวร์คิดอะไรไม่ออก เขาตัดสินใจโมเมคิดชื่อขึ้นมาใหม่ซะเลย
    เขารีบเก็บดาบที่บัดนี้แสงอ่อนๆได้ถูกความมืดบดบังจนหมด ก่อนจะวิ่งไปทางหอพักอย่างเงียบกริบโดยไม่หันมามองอะไรทั้งสิ้น

    จะว่าไป... ชื่อนี้ก็เข้าท่าดีแฮะ...

    "จันทราสวรรค์"

    -' To Be Continue '-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×