ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เลือด
-' Forrest's Sight '-
คืนแรกผมก็ต้องเจ็บตัวเสียแล้ว บทเรียนครั้งนี้สอนให้ผมรู้ว่าแวมไพร์เลือดผสมแม้จะเป็นผู้ชาย ก็ไม่อาจสู้กับแวมไพร์เลือดแท้ที่เป็นผู้หญิงในยามวิกาลได้ ส่วนในตอนกลางวันนี่คงต้องลองดูอีกที
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ผมเห็นว่าผิวของเธอเริ่มขาวซีด อันเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงอาการที่แวมไพร์ไม่กี่คนมักจะเป็นกัน... อาการขาดเลือด
ผมมีความรู้สึกว่าเธอคงยังไม่เคยดื่มเลือดมนุษย์สักอึกเลยด้วยซ้ำ ปล่อยไว้อย่างนี้อีกไม่นานก็คงจะเป็นอันตรายต่อตัวเธอ ผมจำเป็นต้องหาเลือดให้เธอดื่ม
แต่ผมไม่ได้พิศวาสเธอถึงขั้นที่จะยอมสละเลือดตัวเอง และผมก็ไม่ได้เป็นคนเนรคุณขนาดจะเอาเลือดของพ่อหรือลูกค้ามายื่นให้เธอ ดังนั้นคืนนี้ผมคงต้องออกไปหาเลือดที่อื่น
“ต้องเอาอะไรไปบ้างล่ะนี่”
ผมไม่ได้ดื่มเลือดมาตั้งหลายปีก่อน ตั้งแต่ตอนที่แม่ของผมเสียชีวิตไปนั่นแหละ แม่ผมเป็นแวมไพร์เลือดแท้ที่เชี่ยวชาญวิชาสะกดจิต ดังนั้นการล่าเลือดจึงไม่ใช่ปัญหา
แต่ตอนนี้สิปัญหา... เพราะผมไม่มีความสามารถแบบนั้น วิชาสะกดจิตเป็นพรสวรรค์สำหรับแวมไพร์เลือดแท้เท่านั้น
ผมคิดว่าครอบครัวดาร์กเพิร์ลก็คงทำได้ทุกคน ยกเว้นลูนาร์นี่ล่ะ ที่บางทีเจ้าหล่อนอาจจะยังไม่รู้แม้แต่ความลับของพวกเราเลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายผมก็ตัดสินไปไม่พกอะไรติดตัวไปมาก เพียงแค่ผ้าคลุมสีแดงดำผืนหนึ่งเพื่อให้สมกับภาพลักษณ์แวมไพร์
...เอาล่ะ ได้เวลาล่าเหยื่อแล้ว...
=============================================================================
ผมย่องเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง มันอาจจะเป็นการไม่สมเกียรติแวมไพร์อยู่บ้างสำหรับการสะเดาะกุญแจ แทนที่จะพังกระจกเข้ามาในบ้าน
แต่สิ่งที่ผมต้องคำนึงตอนนี้ไม่ใช่ศักดิ์ศรี แต่เป็นการลงมือที่ไม่ทิ้งร่องรอยต่างหาก
“ใครน่ะ”
สิ่งเดียวที่ผมต้องการตอนนี้ก็คือการที่ได้เห็นเด็กผู้หญิงตรงหน้ากรีดร้องลั่นบ้าน และเผื่อว่าคุณจะไม่รู้ เมื่อครู่ผมประชดน่ะ
เด็กเมืองมิดไนท์นอนดึกสมชื่อ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อโรงเรียนยังไม่เปิดด้วยแล้ว
โชคยังเข้าข้างผมที่เธอยังงัวเงีย... แต่นั่นก็ไม่นานนักหรอก
“ผะ... ผีดูดเลือด !!”
ผมเข้าไปปิดปากเธอก่อนที่เธอจะตะโกนออกมา หวังว่าคงไม่มีใครตื่นเพราะเสียงเมื่อครู่นะ
“เผ่าพันธุ์ของพวกเราสูงส่งเกินกว่าจะถูกเหมารวมว่าเป็นภูตผีปิศาจนะ” ผมกระซิบ
เด็กผู้หญิงคนนั้นดิ้นขัดขืน แน่นอนล่ะว่าเธอสู้แรงผู้ชายไม่ได้หรอก โดยเฉพาะถ้าผู้ชายคนนั้นมีเลือดแวมไพร์อยู่ในตัวครึ่งนึง
ไม่นานเธอก็ล้วงเอาไม้กางเขนที่ห้อยคอขึ้นมาทาบกับมือของผม การกระทำนั่นทำให้ผมหัวเราะยกใหญ่กับความเชื่อของเธอ
“ขอโทษที เธอเชื่อจริงๆหรือว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ร่างกายจะละลายเมื่อสัมผัสกับไม้กางเขน”
ผมกลั้นหัวเราะ “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่านอนดึกนักเลย” แล้วผมก็ใช้สันมือฟาดให้เธอหลับ
เห็นลำคอขาวๆนั่นแล้วผมก็ชักจะกระหายเลือด แต่ก็ต้องยั้งใจไว้ วันนี้ผมมาเพื่อการณ์อื่น
ผมเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนิ้วให้แข็งแรงขึ้น และด้วยความคมของเล็บ ทำให้ผมเจาะมันที่ลำคอของเธอสบายๆ
ผมหยิบขวดโหลใสยื่นไปรองเลือดที่ค่อนๆไหลเทลงมา ที่เป็นอย่างนั้นเพราะผมไม่ได้เจาะที่เส้นเลือดใหญ่ ผมไม่ได้โหดร้ายอย่างนั้นหรอกน่ะ แค่ขอแบ่งเลือดมาเล็กน้อยเท่านั้นเอง
อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ ถ้าผมใช้แรงมากเกินไป แผลของเธออาจจะใหญ่จนเป็นที่สังเกต
หวังว่าคงไม่ลืมว่าผมกำลังทำภารกิจที่ต้อง ‘ทิ้งร่องรอยน้อยที่สุด’
ผมหยุดมือเมื่อเลือดหยุดไหลออกมาจากเด็กคนนั้น “หวังว่าบ้านนี้คงมีคนอยู่อีกสักคนนะ” ผมวางตัวเธอบนโซฟา
พลางปรารถนาว่าเธอจะคิดว่าสิ่งที่เธอเผชิญมันเป็นเพียงความฝัน ผมไม่ลืมเปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้เพื่อตบตาว่าเธอแค่ผล็อยหลับไประหว่างดูทีวี
=============================================================================
ผมได้แผลมาแผลหนึ่งด้วยฝีมือของเด็กผู้ชายอายุมากกว่าผมสักสามปี ลำพังแรงของเขาน่ะไม่เท่าไหร่หรอก
แต่เป็นเพราะว่าไม้เบสบอลของเขาต่างหากที่ทำให้ผมเจ็บ แต่สิ่งที่เด็กคนนั้นต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทนก็คือเลือดของเขาราวครึ่งขวด
หลังจากใช้เวลาหลังตื่นนอนแหย่ลูนาร์ หรือที่ตอนนี้ผมควรจะเรียกว่า ‘คุณหนู’ จะดีกว่า (ผมประชดนะ อย่าเข้าใจผิด)
ซึ่งเหตุผลก็คือ ผมสังเกตสีหน้าของเจ้าหล่อนตั้งแต่มาที่นี่แล้ว... ดูท่าทางเธอจะเป็นคนที่เอาแต่ใจพอตัวเลยทีเดียว
ลูนาร์ทำหน้าบูดบึ้งเมื่อได้ยินว่าต้องไปรับชุดนักเรียนและหนังสือที่โรงเรียนกับผม
“เฮ้ ลูนาร์ เป็นอะไรไปน่ะ”
ผมอดถามไม่ได้ สงสัยเหลือเกินว่าเธอรู้ตัวไหมว่าหน้าของเธอน่ะมันซีดเสียยิ่งกว่าซีดแล้ว ผมว่าคงต้องรีบไปเอาเลือดขวดนั้นให้เธอดื่มแล้วล่ะ
แต่ก็นั่นแหละ ผมดันสะเพร่าเผลอวางขวดบรรจุเลือดนั่นเอาไว้ที่โต๊ะอาหาร อุตส่าห์คิดว่าเธอจะเห็น แต่ท่าทางผมจะคิดผิด เจ้าหล่อนท่าทางจะไม่สนอะไรนอกจากอาหารตรงหน้าจริงๆ
นัยน์ตาของเธอดูเลื่อนลอย ผมรู้สึกผิดปกติ ถ้าเธอขาดเลือดจริงเธอควรจะสลบหรืออะไรทำนองนี้มากกว่า แต่การที่เธอมีอาการแบบนี้ก็หมายความว่า... เธอกำลังได้กลิ่นเลือด
ไม่ต้องคิดนานผมก็รู้ตัว เลือดที่เข่าของผมนี่เอง !
“ลูนาร์” ไม่ตลกเลยที่ได้รู้ว่าเลือดตัวเองกำลังจะถูกสูบ ไม่เชื่อคุณลองจินตนาการถึงมันดูสิ ยิ่งเป็นคนที่คุณพยายามจะช่วยเหลืออยู่ด้วย
“...ฟอร์เรสต์” เสียงเบาหวิวอย่างนี้แหละที่ทำให้ผมผวา ท่าทางสติของเธอจะเลือนรางเต็มที
เธอเอื้อมมือมาสัมผัสที่เข่าของผม... และกำลังจะก้มลงลิ้มรส...
“เดี๋ยว !” ผมขืนตัวไว้อย่างไม่ลำบากนัก เนื่องด้วยตอนนี้ไม่ใช่เวลากลางคืน ผมจึงมีเรี่ยวแรงมากกว่าเธอ ยิ่งในตอนที่เธอกำลังอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นอย่างนี้
ผมสะบัดตัวออก ก่อนจะรีบลากตัวเธอไปทางโต๊ะอาหารที่เธออยู่เมื่อครู่ เปิดฝาจุกออก ก่อนจะกรอกปากเธอ
ลูนาร์ดื่มด่ำกับรสชาตินั้นราวกับโหยหามานานแสนนาน ผมรีบปิดฝาขวดเมื่อมันลงคอลูนาร์ไปกว่าครึ่ง
ถ้าไม่อย่างนั้นเธออาจจะคลั่งไคล้เลือดถึงขั้นเสพติด... ผมเคยได้ยินแม่สอนมาอย่างนั้น
เธอเลียริมฝีปากอย่างเสียดาย
“ที่เหลือเอาไว้โอกาสหน้านะคุณหนู” ผมปิดฝาขวด พลางมองดูสีหน้าของเธอที่เริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นท่าทางเธอก็ดูเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
“นี่ ! นาย !”
เธอโวยทันทีเมื่อพบว่าตัวเธออยู่ในอ้อมแขนของผม หน้าขึ้นสีจัด “ทำอะไรน่ะ !”
ผมนิ่วหน้า ตัดสินใจอธิบายเธอตั้งแต่แรก “เธอควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีของแวมไพร์เสียที”
“ชั้นว่าแล้วว่านายต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายก็เป็นผีดูดเลือดเหรอ”
“ไม่ใช่ผี... พวกเราคือแวมไพร์” ผมย้ำ
คืนแรกผมก็ต้องเจ็บตัวเสียแล้ว บทเรียนครั้งนี้สอนให้ผมรู้ว่าแวมไพร์เลือดผสมแม้จะเป็นผู้ชาย ก็ไม่อาจสู้กับแวมไพร์เลือดแท้ที่เป็นผู้หญิงในยามวิกาลได้ ส่วนในตอนกลางวันนี่คงต้องลองดูอีกที
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ผมเห็นว่าผิวของเธอเริ่มขาวซีด อันเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงอาการที่แวมไพร์ไม่กี่คนมักจะเป็นกัน... อาการขาดเลือด
ผมมีความรู้สึกว่าเธอคงยังไม่เคยดื่มเลือดมนุษย์สักอึกเลยด้วยซ้ำ ปล่อยไว้อย่างนี้อีกไม่นานก็คงจะเป็นอันตรายต่อตัวเธอ ผมจำเป็นต้องหาเลือดให้เธอดื่ม
แต่ผมไม่ได้พิศวาสเธอถึงขั้นที่จะยอมสละเลือดตัวเอง และผมก็ไม่ได้เป็นคนเนรคุณขนาดจะเอาเลือดของพ่อหรือลูกค้ามายื่นให้เธอ ดังนั้นคืนนี้ผมคงต้องออกไปหาเลือดที่อื่น
“ต้องเอาอะไรไปบ้างล่ะนี่”
ผมไม่ได้ดื่มเลือดมาตั้งหลายปีก่อน ตั้งแต่ตอนที่แม่ของผมเสียชีวิตไปนั่นแหละ แม่ผมเป็นแวมไพร์เลือดแท้ที่เชี่ยวชาญวิชาสะกดจิต ดังนั้นการล่าเลือดจึงไม่ใช่ปัญหา
แต่ตอนนี้สิปัญหา... เพราะผมไม่มีความสามารถแบบนั้น วิชาสะกดจิตเป็นพรสวรรค์สำหรับแวมไพร์เลือดแท้เท่านั้น
ผมคิดว่าครอบครัวดาร์กเพิร์ลก็คงทำได้ทุกคน ยกเว้นลูนาร์นี่ล่ะ ที่บางทีเจ้าหล่อนอาจจะยังไม่รู้แม้แต่ความลับของพวกเราเลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายผมก็ตัดสินไปไม่พกอะไรติดตัวไปมาก เพียงแค่ผ้าคลุมสีแดงดำผืนหนึ่งเพื่อให้สมกับภาพลักษณ์แวมไพร์
...เอาล่ะ ได้เวลาล่าเหยื่อแล้ว...
=============================================================================
ผมย่องเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง มันอาจจะเป็นการไม่สมเกียรติแวมไพร์อยู่บ้างสำหรับการสะเดาะกุญแจ แทนที่จะพังกระจกเข้ามาในบ้าน
แต่สิ่งที่ผมต้องคำนึงตอนนี้ไม่ใช่ศักดิ์ศรี แต่เป็นการลงมือที่ไม่ทิ้งร่องรอยต่างหาก
“ใครน่ะ”
สิ่งเดียวที่ผมต้องการตอนนี้ก็คือการที่ได้เห็นเด็กผู้หญิงตรงหน้ากรีดร้องลั่นบ้าน และเผื่อว่าคุณจะไม่รู้ เมื่อครู่ผมประชดน่ะ
เด็กเมืองมิดไนท์นอนดึกสมชื่อ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อโรงเรียนยังไม่เปิดด้วยแล้ว
โชคยังเข้าข้างผมที่เธอยังงัวเงีย... แต่นั่นก็ไม่นานนักหรอก
“ผะ... ผีดูดเลือด !!”
ผมเข้าไปปิดปากเธอก่อนที่เธอจะตะโกนออกมา หวังว่าคงไม่มีใครตื่นเพราะเสียงเมื่อครู่นะ
“เผ่าพันธุ์ของพวกเราสูงส่งเกินกว่าจะถูกเหมารวมว่าเป็นภูตผีปิศาจนะ” ผมกระซิบ
เด็กผู้หญิงคนนั้นดิ้นขัดขืน แน่นอนล่ะว่าเธอสู้แรงผู้ชายไม่ได้หรอก โดยเฉพาะถ้าผู้ชายคนนั้นมีเลือดแวมไพร์อยู่ในตัวครึ่งนึง
ไม่นานเธอก็ล้วงเอาไม้กางเขนที่ห้อยคอขึ้นมาทาบกับมือของผม การกระทำนั่นทำให้ผมหัวเราะยกใหญ่กับความเชื่อของเธอ
“ขอโทษที เธอเชื่อจริงๆหรือว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ร่างกายจะละลายเมื่อสัมผัสกับไม้กางเขน”
ผมกลั้นหัวเราะ “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่านอนดึกนักเลย” แล้วผมก็ใช้สันมือฟาดให้เธอหลับ
เห็นลำคอขาวๆนั่นแล้วผมก็ชักจะกระหายเลือด แต่ก็ต้องยั้งใจไว้ วันนี้ผมมาเพื่อการณ์อื่น
ผมเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนิ้วให้แข็งแรงขึ้น และด้วยความคมของเล็บ ทำให้ผมเจาะมันที่ลำคอของเธอสบายๆ
ผมหยิบขวดโหลใสยื่นไปรองเลือดที่ค่อนๆไหลเทลงมา ที่เป็นอย่างนั้นเพราะผมไม่ได้เจาะที่เส้นเลือดใหญ่ ผมไม่ได้โหดร้ายอย่างนั้นหรอกน่ะ แค่ขอแบ่งเลือดมาเล็กน้อยเท่านั้นเอง
อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ ถ้าผมใช้แรงมากเกินไป แผลของเธออาจจะใหญ่จนเป็นที่สังเกต
หวังว่าคงไม่ลืมว่าผมกำลังทำภารกิจที่ต้อง ‘ทิ้งร่องรอยน้อยที่สุด’
ผมหยุดมือเมื่อเลือดหยุดไหลออกมาจากเด็กคนนั้น “หวังว่าบ้านนี้คงมีคนอยู่อีกสักคนนะ” ผมวางตัวเธอบนโซฟา
พลางปรารถนาว่าเธอจะคิดว่าสิ่งที่เธอเผชิญมันเป็นเพียงความฝัน ผมไม่ลืมเปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้เพื่อตบตาว่าเธอแค่ผล็อยหลับไประหว่างดูทีวี
=============================================================================
ผมได้แผลมาแผลหนึ่งด้วยฝีมือของเด็กผู้ชายอายุมากกว่าผมสักสามปี ลำพังแรงของเขาน่ะไม่เท่าไหร่หรอก
แต่เป็นเพราะว่าไม้เบสบอลของเขาต่างหากที่ทำให้ผมเจ็บ แต่สิ่งที่เด็กคนนั้นต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทนก็คือเลือดของเขาราวครึ่งขวด
หลังจากใช้เวลาหลังตื่นนอนแหย่ลูนาร์ หรือที่ตอนนี้ผมควรจะเรียกว่า ‘คุณหนู’ จะดีกว่า (ผมประชดนะ อย่าเข้าใจผิด)
ซึ่งเหตุผลก็คือ ผมสังเกตสีหน้าของเจ้าหล่อนตั้งแต่มาที่นี่แล้ว... ดูท่าทางเธอจะเป็นคนที่เอาแต่ใจพอตัวเลยทีเดียว
ลูนาร์ทำหน้าบูดบึ้งเมื่อได้ยินว่าต้องไปรับชุดนักเรียนและหนังสือที่โรงเรียนกับผม
“เฮ้ ลูนาร์ เป็นอะไรไปน่ะ”
ผมอดถามไม่ได้ สงสัยเหลือเกินว่าเธอรู้ตัวไหมว่าหน้าของเธอน่ะมันซีดเสียยิ่งกว่าซีดแล้ว ผมว่าคงต้องรีบไปเอาเลือดขวดนั้นให้เธอดื่มแล้วล่ะ
แต่ก็นั่นแหละ ผมดันสะเพร่าเผลอวางขวดบรรจุเลือดนั่นเอาไว้ที่โต๊ะอาหาร อุตส่าห์คิดว่าเธอจะเห็น แต่ท่าทางผมจะคิดผิด เจ้าหล่อนท่าทางจะไม่สนอะไรนอกจากอาหารตรงหน้าจริงๆ
นัยน์ตาของเธอดูเลื่อนลอย ผมรู้สึกผิดปกติ ถ้าเธอขาดเลือดจริงเธอควรจะสลบหรืออะไรทำนองนี้มากกว่า แต่การที่เธอมีอาการแบบนี้ก็หมายความว่า... เธอกำลังได้กลิ่นเลือด
ไม่ต้องคิดนานผมก็รู้ตัว เลือดที่เข่าของผมนี่เอง !
“ลูนาร์” ไม่ตลกเลยที่ได้รู้ว่าเลือดตัวเองกำลังจะถูกสูบ ไม่เชื่อคุณลองจินตนาการถึงมันดูสิ ยิ่งเป็นคนที่คุณพยายามจะช่วยเหลืออยู่ด้วย
“...ฟอร์เรสต์” เสียงเบาหวิวอย่างนี้แหละที่ทำให้ผมผวา ท่าทางสติของเธอจะเลือนรางเต็มที
เธอเอื้อมมือมาสัมผัสที่เข่าของผม... และกำลังจะก้มลงลิ้มรส...
“เดี๋ยว !” ผมขืนตัวไว้อย่างไม่ลำบากนัก เนื่องด้วยตอนนี้ไม่ใช่เวลากลางคืน ผมจึงมีเรี่ยวแรงมากกว่าเธอ ยิ่งในตอนที่เธอกำลังอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นอย่างนี้
ผมสะบัดตัวออก ก่อนจะรีบลากตัวเธอไปทางโต๊ะอาหารที่เธออยู่เมื่อครู่ เปิดฝาจุกออก ก่อนจะกรอกปากเธอ
ลูนาร์ดื่มด่ำกับรสชาตินั้นราวกับโหยหามานานแสนนาน ผมรีบปิดฝาขวดเมื่อมันลงคอลูนาร์ไปกว่าครึ่ง
ถ้าไม่อย่างนั้นเธออาจจะคลั่งไคล้เลือดถึงขั้นเสพติด... ผมเคยได้ยินแม่สอนมาอย่างนั้น
เธอเลียริมฝีปากอย่างเสียดาย
“ที่เหลือเอาไว้โอกาสหน้านะคุณหนู” ผมปิดฝาขวด พลางมองดูสีหน้าของเธอที่เริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นท่าทางเธอก็ดูเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
“นี่ ! นาย !”
เธอโวยทันทีเมื่อพบว่าตัวเธออยู่ในอ้อมแขนของผม หน้าขึ้นสีจัด “ทำอะไรน่ะ !”
ผมนิ่วหน้า ตัดสินใจอธิบายเธอตั้งแต่แรก “เธอควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีของแวมไพร์เสียที”
“ชั้นว่าแล้วว่านายต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายก็เป็นผีดูดเลือดเหรอ”
“ไม่ใช่ผี... พวกเราคือแวมไพร์” ผมย้ำ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น