ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Underneath Moonlight

    ลำดับตอนที่ #3 : ความลับ

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 50


    -' Forrest's Sight '-

    พ่อหยุดไขกุญแจที่หน้าห้องรับรองพิเศษ ด้วยพรสวรรค์ของเลือดแวมไพร์ครึ่งหนึ่งในตัว ทำให้ผมได้ยินเสียงแว่วๆในห้องนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นดาร์กเพิร์ลทั้งสอง

    ประตูเปิดออกช้าๆ ความโอ่อ่าของทิวทัศน์ภายในห้องสมชื่อห้องพิเศษ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมหยุดกึก

    ...กลิ่นจางๆนี่มัน

    กลิ่นอายของเผ่าพันธุ์แวมไพร์ แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ผมก็มั่นใจว่าอย่างน้อยๆสองคนนั่นต้องเคยยุ่งเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ที่ผมสืบสายเลือดมา

    การกระซิบบอกผู้เป็นพ่อว่า ‘พ่อๆ สองคนนั้นเป็นผีดูดเลือด’ ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนัก เพราะหูของแวมไพร์ดีกว่าคนปกติหลายเท่า แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาบ่ายก็เถอะ แต่ยังไงผมก็ไม่กล้าเสี่ยงขนาดนั้นหรอก

    ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้รับแขกคงจะเป็นวินน์ ดาร์กเพิร์ล และถ้าเขาเป็นแวมไพร์ตามที่ผมคิดจริงๆเขาก็ควรจะอายุสักร้อยสองร้อยปีได้

    อายุขัยของแวมไพร์นั้นเหมือนคนปกติทุกประการในช่วงก่อนอายุ 20 ปีมนุษย์ และต่อจากนั้นพวกเลือดแท้ก็จะมีอายุขัยช้ากว่ามนุษย์ทั่วไปถึง 10 เท่า ส่วนเลือดผสมอย่างผม อัตราการเติบโตก็อาจจะช้าลงไปหน่อย... อาจจะซัก 5 ปี

    ด้วยเหตุนี้เอง... ชายวัยอายุราวๆ 35-40 ตรงหน้าก็ควรจะมีอายุประมาณ 370-420 ปี เพียงแค่คิดผมก็เหนื่อยแล้ว การใช้ชีวิตร่วมศตวรรษไม่ใช่ความต้องการของผมสักนิด

    “สวัสดีวินน์ นี่ลูกชายที่ผมเคยพูดให้ฟัง ฟอร์เรสต์ เขาเป็นเด็กขยันทีเดียว”

    มันเป็นประโยคโฆษณาลูกชายที่ไม่ค่อยจะเข้าท่านักในความคิดของผม ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อผมเห็นสายตาของมิสเตอร์ดาร์กเพิร์ลมองผม

    มันไม่ใช่สายตาที่สื่อความหมายว่า ‘ฉันจะเชื่อใจฝากลูกสาวไว้กับนายได้เหรอ’ แต่มันกำลังบอกว่า ‘ฉันรู้ว่าเธอเป็นใคร เจ้าหนู’ เอาล่ะ มันเป็นจินตนาการของผม แต่อย่างน้อยผมก็คิดอย่างนั้นจริงๆ

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อหนุ่ม” เขาเรียกผมว่าพ่อหนุ่ม อืม... มันอาจจะเป็นสรรพนามที่ดูดีก็ได้สักร้อยปีก่อน ใครจะไปรู้ “ฉันเชื่อว่าเธอจะดูแลลูกสาวฉันได้”

    ปกติคนเป็นพ่อเขาฝากฝังลูกสาวได้ง่ายดายอย่างนี้เลยเหรอ ?

    ผมหันไปมองเด็กสาววัยใกล้เคียงกับผมเป็นครั้งแรก สิ่งแรกที่โดดเด่นจนผมสังเกตเห็นก็คือ... นัยน์ตาสีแดง

    นัยน์ตาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของแวมไพร์ อย่างนัยน์ตาของผมแล้วมันอาจจะดูเป็นสีนิล แต่หากเพ่งพิศมองดูดีๆแล้วคุณก็จะเห็นว่ามันเป็นสีดำแดง หรืออาจจะเรียกว่าแดงขุ่นก็ได้ การที่นัยน์ตาของเธอมีสีแดงทับทิมนั่น สมองของผมก็รับรู้ทันทีว่าเธอเป็นแวมไพร์เลือดแท้ และนั่นก็หมายความว่าวินน์ ดาร์กเพิร์ลก็เป็นแวมไพร์เลือดแท้เช่นกัน

    “ลูกสาวของฉันชื่อลูนาร์ ทำความรู้จักกันไว้นะ” วินน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี

    “เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมยื่นมือไปทางเด็กสาว พลางนึกสงสัยว่าเธอจะจับมือของเขาไหม เพราะดูท่าทางแล้วเธอดูจะไว้ตัวยังไงอยู่ อีกทั้งท่าทางเงียบๆแกมลึกลับนั่นอีก

    แล้วผมก็คิดได้ ผมก็เคยวางตัวแบบเด็กสาวคนนี้ ผมวางตัวแบบนี้ภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ... ในเมื่อคุณเดินเข้าไปในสถานที่ๆไม่รู้จัก เผชิญหน้ากับคนที่ไม่คุ้นเคย สิ่งที่คุณควรทำก็คือการนิ่งเงียบ

    ถ้าจะว่าไป... ผมเองก็เพิ่งพูดประโยคแรกเมื่อครู่นี้นี่เอง

    ลูนาร์ยื่นมือมาสัมผัสมือกับผมครู่หนึ่ง “ยินดีที่ได้รู้จัก” เสียงของเธอฟังดูโหวงๆ

    “เอาล่ะ ลูนาร์ อย่าทำตัวให้เป็นภาระกับครอบครัวคุณเรนน์เขานะลูก” วินน์ว่า
    “ค่ะ” เด็กสาวรับคำ
    “ฝากลูกสาวฉันด้วยนะฟอร์เรสต์ แล้วอย่าทำอะไรพิเรณล่ะ” ดูเหมือนเขาจะพูดติดตลก แต่ผมทำอะไรมากไปหว่าหัวเราะแห้งๆไม่ได้ เพราะสายตาของเขามันลุกวาวจนผมไม่กล้าขยับเขยื้อน

    “แล้วคุณไม่อยู่กับลูกสาวหรือครับ” ผมตัดสินใจถาม และถ้าผมคิดไม่ผิด ลูนาร์เองก็สนใจคำถามนี้เช่นกัน
    “ฉันมีธุระหลายอย่างต้องทำ ฟอร์เรสต์”
    เขาบอก “และทำไมฉันถึงนำลูกสาวมาฝากไว้กับเธอ ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้ดีนะ”

    คำตอบนั้นอาจจะสร้างความฉงนให้กับพ่อของเขา หรือแม้กระทั่งลูนาร์ แต่ผมเข้าใจในความหมายของมัน

    นั่นก็คือวินน์ ดาร์กเพิร์ล ได้ช่วยเหลือพ่อของเขาโดยบังเอิญ และผมมั่นใจว่าเขาต้องได้กลิ่นอายของเผ่าพันธุ์เดียวกับเขาจางๆอย่างที่ผมได้กลิ่น แต่พ่อไม่มีเลือดแวมไพร์ในตัวสักหยด ด้วยการนั้นเขาจังเดินทางมาที่นี่ และได้พบกับผมที่มีเชื้อสายแวมไพร์... แบบเดียวกับลูกสาวของเขา

    มันเป็นความคิดที่ถูกต้องทีเดียว หากคุณต้องการฝากฝังคนสำคัญของคุณไว้กับใครสักคน คุณก็คงเลือกฝากคนๆนั้นไว้กับคนอย่างผม... คนที่มีความลับเดียวแบบเดียวกัน

    คราวนี้คงจะถึงเวลาที่ผมต้องผจญกับศึกหนัก เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กสาวตรงหน้านี้รู้เรื่องที่ตัวเองเป็นแวมไพร์หรือยัง และถ้ารู้แล้วรู้มากขนาดไหน แม้แต่เขาเองก็ยังเข้าใจความสามารถของตัวเองได้ไม่ทั้งหมด ดังนั้นเขาก็ย่อมไม่รู้ความสามารถของแวมไพร์เลือดแท้ นอกเหนือไปจากที่เคยได้ยินจากผู้เป็นมารดา ซึ่งตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว แน่นอนล่ะว่าไม่ใช่เพราะความชรา

    ถึงเขาจะไม่สนใจเธอ แต่หากเธอถูกล่วงรู้ความลับ เผ่าพันธุ์ของพวกเราคงยุ่งเหยิงเป็นแน่แท้ สรุปแล้วนอกจากตะดูแลเธอแล้ว ผมยังต้องรักษาความลับให้เธอด้วย หรือถ้าตอนนี้จะพูดให้ถูกก็คือ... ความลับของเรา

    และผมก็ถูกบังคับให้ตอบ

    “เข้าใจแล้วครับ”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×