ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Forrest Renn
ฟอร์เรสต์ เรนน์ เป็นเด็กพิเศษ... ไม่ว่าคุณจะถามใครในเมืองมิดไนท์ย่อมได้รับคำตอบนี้
พวกเขาคิดว่าผมพิเศษที่เกิดเป็นลูกเจ้าของโรงแรมหรู ทรัพย์สินของพ่อผมมีถึงระดับที่ว่าผมนั่งกินนอนกินไปสัก 3 ชาติมนุษย์มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมด
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าผมพิเศษกว่านั้น
นั่นเป็นเพราะว่าผมเป็นลูกครึ่งแวมไพร์ เผ่าพันธุ์โบราณที่เกือบจะสาบสูญไปจากโลก แต่ตัวตนของผมก็เป็นตัวพิสูจน์อย่างดีว่ามันมีอยู่จริง
“เฮ้ เรสต์ จองห้องนึงสิ ช่วยลดราคาให้ด้วยนะ”
แม้ผมจะอยู่ในวัยที่มนุษย์เรียกกันว่าวัยรุ่น แต่ผมก็ได้รับการยอมรับจากพ่อให้เป็นผู้จัดการโรงแรม มันฟังดูดีมีระดับ แต่ไม่เลย ตราบใดที่ผมยังถูกคนหลายคนตราหน้าว่าเป็นเด็ก และไม่ควรทำอะไรเกินกำลัง
“เสียใจด้วยนะ ครอส ชั้นไม่มีสิทธิ์ไปลดราคาห้องได้หรอก”
“ไม่เอาน่าเพื่อนยาก รู้ๆกันอยู่ว่านายคุมบังเห ียนกิจการโรงแรมนี้” คนที่คุยกับผมอยู่นี่คือครอส เรเพิร์ท เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ผมรู้จักมาตั้งแต่เข้าโรงเรียนใหม่
และแน่นอน... เขาไม่รู้ว่าผมมีเลือดแวมไพร์อยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง
“โทษทีนะ ชั้นเป็นแค่ผู้จัดการ ไม่ใช่เจ้าของกิจการ” ผมพูด
“เหมือนๆกันแหละน่า ถือซะว่าช่วยเหลือครอบครัวเพื่อนที่กำลังลำบาก”
มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับง่ายๆว่าเพื่อนของคุณกำลังลำบาก หากว่าคุณรู้ภูมิหลังของเพื่อนคนนั้นว่าครอบครัวหมอนั่นมีเงินมากจนนึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศที่นอนก็สามารถมาพักโรงแรมห้าดาวได้ง่ายๆ
อย่างเช่นในตอนนี้
“ฟอร์เรสต์ มาทางนี้” ชายสูงอายุคนหนึ่งกวักมือเรียกผมอย่างเป็นการเป็นงาน ซึ่งมันคงหมายความว่าคนนั้นคงเป็นพนักงานโรงแรม แต่ผิด เพราะคนๆนั้นคือพ่อของผม
“พ่อ เพื่อนของผมกำลังจะขอพัก” ผมแย้ง มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะดูแลลูกค้า... ตราบใดที่ไม่มีอะไรที่ดีพอจะมาล่อผมไปจากเขาหรือเธอ... อย่างเช่นเลือดสดๆสักแก้ว
“ครอส เรเพิร์ท เพื่อนของลูก”
พ่อของผมหันไปมองครอส ก่อนจะพูดในสิ่งที่ผมเองก็รู้ดีทีเดียว “เชิญพักฟรีได้เลย พ่อไม่เคยบอกลูกหรือไงว่าเราควรช่วยเหลือเพื่อนพ้องในยามยาก” ประโยคหลังเขาหันมาตำหนิผม
นั่นทำให้ผมอ้าปากค้าง “เดี๋ยว ผมว่าผมเคยได้ยินพ่อสอนผมว่า...”
“นั่นไม่ใช่ประเด็นลูกรัก ไม่ใช่สำหรับเวลานี้” มิสเตอร์เรนน์ส่งกุญแจห้องให้ครอส “ห้อง 402 เชิญพักผ่อนตามสบายนะ” เขาพูด “เอาล่ะ ทีนี้ลูกก็มากับพ่อได้แล้ว”
“ผมต้องทำงานนะ !” ผมแย้งอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วง อีกหนึ่งนาทีคุณโบนก็จะมาทำหน้าที่แทนลูก” โดยไม่รอให้ผมเถียงต่อ เขาลากผมเข้าไปในส่วนลึกของห้องรับรองพิเศษทันที
มันอาจจะน่าขันถ้ามีคนบอกคุณว่าเห็นมนุษย์กำลังลากตัวผีดูดเลือดเข้าไปในห้องรับรองพิเศษ แต่มันเป็นไปได้ เพราะตอนนี้ผมก็อยู่ในสถานการณ์นั้น ถึงจะไม่ถูกสักทีเดียว เพราะผมไม่ใช่แวมไพร์เลือดแท้ แต่เป็นพวกเลือดผสม จนถึงตอนนี้ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกว่าแม่ของผมเป็นแวมไพร์เลือดแท้หรอกนะ
ผมอดสังเกตไม่ได้ว่าพ่อดูมีชีวิตชีวาขึ้น
คนที่ผมต้องไปพบนี่เป็นใครกันนะ ?
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดอะไรไปมากกว่านั้น ผมจึงลองถามดู
“เพื่อนของพ่อเอง วินน์ ดาร์กเพิร์ล”
พ่อพูด “พ่อเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นานนี้เอง เขาช่วยชีวิตพ่อเอาไว้”
“เยี่ยมไปเลย เจ้าของกิจการโรงแรมได้รับการช่วยชีวิตจากชายแปลกหน้า แล้วเขาก็กำลังจะพาชายคนนั้นมาพักที่โรงแรมของเขาฟรี”
ผมปรบมือ “แล้วลูกชายของเขาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะนี่”
พ่อของผมแยกเขี้ยว แน่นอนว่าไม่ใช่เขี้ยวจริงๆหรอก แต่ผมต่างหากที่มีเขี้ยว
“ลูกเกี่ยวแน่ เพราะผู้ชายคนนั้นไม่ได้มาพัก แต่เขาจะพาลูกสาวมาฝากไว้ที่นี่ และลูกก็ควรจะช่วยดูแลลูกสาวเขา”
“ว้าว แล้วผมกับเธอคนนั้นจะจัดงานหมั้นกันเมื่อไหร่ล่ะ สิ้นเดือนนี้เลยดีไหม” ผมถากถางเต็มที่
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี” พ่อของผมประชด “อย่าลืมซะล่ะว่าเธอเป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณของพ่อ ดูแลเธอให้ดี ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน”
“ทั้งที่บ้านและที่...”
ผมชะงัก “โรงเรียน ?”
“ใช่แล้ว โรงเรียนเดียวกับลูกนั่นแหละ”
พวกเขาคิดว่าผมพิเศษที่เกิดเป็นลูกเจ้าของโรงแรมหรู ทรัพย์สินของพ่อผมมีถึงระดับที่ว่าผมนั่งกินนอนกินไปสัก 3 ชาติมนุษย์มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมด
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าผมพิเศษกว่านั้น
นั่นเป็นเพราะว่าผมเป็นลูกครึ่งแวมไพร์ เผ่าพันธุ์โบราณที่เกือบจะสาบสูญไปจากโลก แต่ตัวตนของผมก็เป็นตัวพิสูจน์อย่างดีว่ามันมีอยู่จริง
“เฮ้ เรสต์ จองห้องนึงสิ ช่วยลดราคาให้ด้วยนะ”
แม้ผมจะอยู่ในวัยที่มนุษย์เรียกกันว่าวัยรุ่น แต่ผมก็ได้รับการยอมรับจากพ่อให้เป็นผู้จัดการโรงแรม มันฟังดูดีมีระดับ แต่ไม่เลย ตราบใดที่ผมยังถูกคนหลายคนตราหน้าว่าเป็นเด็ก และไม่ควรทำอะไรเกินกำลัง
“เสียใจด้วยนะ ครอส ชั้นไม่มีสิทธิ์ไปลดราคาห้องได้หรอก”
“ไม่เอาน่าเพื่อนยาก รู้ๆกันอยู่ว่านายคุมบังเห ียนกิจการโรงแรมนี้” คนที่คุยกับผมอยู่นี่คือครอส เรเพิร์ท เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ผมรู้จักมาตั้งแต่เข้าโรงเรียนใหม่
และแน่นอน... เขาไม่รู้ว่าผมมีเลือดแวมไพร์อยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง
“โทษทีนะ ชั้นเป็นแค่ผู้จัดการ ไม่ใช่เจ้าของกิจการ” ผมพูด
“เหมือนๆกันแหละน่า ถือซะว่าช่วยเหลือครอบครัวเพื่อนที่กำลังลำบาก”
มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับง่ายๆว่าเพื่อนของคุณกำลังลำบาก หากว่าคุณรู้ภูมิหลังของเพื่อนคนนั้นว่าครอบครัวหมอนั่นมีเงินมากจนนึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศที่นอนก็สามารถมาพักโรงแรมห้าดาวได้ง่ายๆ
อย่างเช่นในตอนนี้
“ฟอร์เรสต์ มาทางนี้” ชายสูงอายุคนหนึ่งกวักมือเรียกผมอย่างเป็นการเป็นงาน ซึ่งมันคงหมายความว่าคนนั้นคงเป็นพนักงานโรงแรม แต่ผิด เพราะคนๆนั้นคือพ่อของผม
“พ่อ เพื่อนของผมกำลังจะขอพัก” ผมแย้ง มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะดูแลลูกค้า... ตราบใดที่ไม่มีอะไรที่ดีพอจะมาล่อผมไปจากเขาหรือเธอ... อย่างเช่นเลือดสดๆสักแก้ว
“ครอส เรเพิร์ท เพื่อนของลูก”
พ่อของผมหันไปมองครอส ก่อนจะพูดในสิ่งที่ผมเองก็รู้ดีทีเดียว “เชิญพักฟรีได้เลย พ่อไม่เคยบอกลูกหรือไงว่าเราควรช่วยเหลือเพื่อนพ้องในยามยาก” ประโยคหลังเขาหันมาตำหนิผม
นั่นทำให้ผมอ้าปากค้าง “เดี๋ยว ผมว่าผมเคยได้ยินพ่อสอนผมว่า...”
“นั่นไม่ใช่ประเด็นลูกรัก ไม่ใช่สำหรับเวลานี้” มิสเตอร์เรนน์ส่งกุญแจห้องให้ครอส “ห้อง 402 เชิญพักผ่อนตามสบายนะ” เขาพูด “เอาล่ะ ทีนี้ลูกก็มากับพ่อได้แล้ว”
“ผมต้องทำงานนะ !” ผมแย้งอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วง อีกหนึ่งนาทีคุณโบนก็จะมาทำหน้าที่แทนลูก” โดยไม่รอให้ผมเถียงต่อ เขาลากผมเข้าไปในส่วนลึกของห้องรับรองพิเศษทันที
มันอาจจะน่าขันถ้ามีคนบอกคุณว่าเห็นมนุษย์กำลังลากตัวผีดูดเลือดเข้าไปในห้องรับรองพิเศษ แต่มันเป็นไปได้ เพราะตอนนี้ผมก็อยู่ในสถานการณ์นั้น ถึงจะไม่ถูกสักทีเดียว เพราะผมไม่ใช่แวมไพร์เลือดแท้ แต่เป็นพวกเลือดผสม จนถึงตอนนี้ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกว่าแม่ของผมเป็นแวมไพร์เลือดแท้หรอกนะ
ผมอดสังเกตไม่ได้ว่าพ่อดูมีชีวิตชีวาขึ้น
คนที่ผมต้องไปพบนี่เป็นใครกันนะ ?
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดอะไรไปมากกว่านั้น ผมจึงลองถามดู
“เพื่อนของพ่อเอง วินน์ ดาร์กเพิร์ล”
พ่อพูด “พ่อเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นานนี้เอง เขาช่วยชีวิตพ่อเอาไว้”
“เยี่ยมไปเลย เจ้าของกิจการโรงแรมได้รับการช่วยชีวิตจากชายแปลกหน้า แล้วเขาก็กำลังจะพาชายคนนั้นมาพักที่โรงแรมของเขาฟรี”
ผมปรบมือ “แล้วลูกชายของเขาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะนี่”
พ่อของผมแยกเขี้ยว แน่นอนว่าไม่ใช่เขี้ยวจริงๆหรอก แต่ผมต่างหากที่มีเขี้ยว
“ลูกเกี่ยวแน่ เพราะผู้ชายคนนั้นไม่ได้มาพัก แต่เขาจะพาลูกสาวมาฝากไว้ที่นี่ และลูกก็ควรจะช่วยดูแลลูกสาวเขา”
“ว้าว แล้วผมกับเธอคนนั้นจะจัดงานหมั้นกันเมื่อไหร่ล่ะ สิ้นเดือนนี้เลยดีไหม” ผมถากถางเต็มที่
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี” พ่อของผมประชด “อย่าลืมซะล่ะว่าเธอเป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณของพ่อ ดูแลเธอให้ดี ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน”
“ทั้งที่บ้านและที่...”
ผมชะงัก “โรงเรียน ?”
“ใช่แล้ว โรงเรียนเดียวกับลูกนั่นแหละ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น