ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Underneath Moonlight

    ลำดับตอนที่ #10 : S

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 50


    -' Forrest's Sight '-

    สุดท้ายขาทั้งสองผมก็นำพาให้ผมเดินเข้าไปในลิฟต์ กดปุ่มตรงไปยังชั้น 14 น่าแปลกที่ผมคิดถึงเจ้าของเรือนผมสีดำขลับคนนั้น แม้เจอกันทีไรก็เป็นต้องหาเรื่องทุกที
    หรือผมจะเป็นพวกมาโซคิสต์ ? ไม่หรอกน่า...

    เป็นเพราะผู้มีพระคุณของพ่อฝากให้ผมดูแลเท่านั้นเอง

    ใช่แล้ว... มันก็แค่นั้นเอง

    “คุณหนูฟอร์เรสต์คะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อผมก้าวออกมาจากลิฟต์

    ...และคนที่ใช้สรรพนามนี้เรียกผมมีเพียงคนเดียว

    “พี่อลิเซีย ผมเคยบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกผมอย่างนั้น”
    “ค่ะ เคยบอกแล้วค่ะ คุณหนู” เธอพูดเหมือนที่ผมเคยได้ยินมาครั้งแล้วครั้งเล่า
    “ใช่ และพี่ก็ไม่เคยคิดจะฟังมันเหมือนเคย” ผมยักไหล่ “ว่าแต่พี่มีธุระอะไรกับผมหรือ”
    “มีคนฝากสิ่งนี้มาให้ท่านลูนาร์ค่ะ จริงๆแล้วดิฉันควรนำไปให้เอง แต่คิดว่ามันคงเหมาะสมกว่าถ้า...” เธอหยุดพูดแล้วยิ้มแบบรู้ทัน

    ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองเริ่มร้อนๆขึ้นมา ในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะเดาความคิดของผมได้อย่างแม่นยำเท่าพี่อลิเซีย

    “ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่พูดอะไร แต่เอาเป็นว่าพี่งานยุ่งมาก เลยฝากมาทางผมก็แล้วกัน” ผมอ้อมแอ้มตอบไป
    “ค่ะ เป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ” เธอตอบหน้าตาย ยื่นของบางอย่างมาให้

    มันเป็นกล่องของขวัญสีเหลืองทองแสบตาทรงสี่เหลี่ยมที่พบเป็นได้ทั่วไปตามเทศกาล ผูกไว้ด้วยริบบิ้นสีชมพูผืนใหญ่
    ตอนนี้พี่อลิเซียลงลิฟต์ไปแล้ว ก่อนประตูลิฟต์จะปิด ถ้าผมไม่ได้ตาฝาด ผมก็ว่าผมเห็นพี่อลิเซียชูสองนิ้วทำท่า Victory ให้ผม

    อย่างน้อยผมก็มีข้ออ้างที่หนักแน่นพอจะทำให้ผมต้องพาตัวเองขึ้นมาได้แล้ว

    ผมเคาะประตูห้องตามมารยาทอันดีที่ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก และหนึ่งในคำพูดที่ยิ่งใหญ่ของผู้ให้บริการอย่างพวกเราจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก “ลูกค้าคือพระเจ้า”
    ยังไม่นับรวมถึงกฎต่างๆที่ต้องยึดมั่นไว้ให้ดีอย่าง “ของขวัญล้ำค่าที่สุดของเรานั้นคือความพึงพอใจของท่าน” “ความเป็นส่วนตัวของท่านคือความรับผิดชอบของเรา” และอื่นๆที่ผมไม่สามารถสาธยายหมดได้ภายในวันเดียว

    “ชั้นเข้าไปนะ ลูนาร์” ผมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีนักตั้งแต่ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ
    และเมื่อผมได้ยินเสียงคนมากกว่าหนึ่งคนในห้องผมก็ไขประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล

    ผมยืนตัวแข็งเมื่อเห็นว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น อดโมโหไม่ได้ที่ได้กลิ่นเลือดโชยมาจากแผลเก่าของครอส
    อุตส่าห์เตือนแล้วนะนี่ ! ใช้ไม่ได้จริงๆ อีกทั้งยัยคุณหนูนั่นก็ด้วย ถึงจะยังไม่เข้าที่เข้าทางก็เถอะ อย่างน้อยก็น่าจะหัดควบคุมตัวเองบ้าง

    “ลูนาร์ ! หยุดนะ !!” ผมตะเบ็งเสียง แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ได้ยินเลย

    ผมไม่แปลกใจที่ลูนาร์ไม่รู้สึกตัว ตอนนี้สัญชาตญาณของแวมไพร์กำลังเข้าควบคุมเธออยู่ และมันยากที่จะดึงให้เธอหลุดออกมาจากวังวนนั้นได้โดยปราศจากเลือดอย่างน้อยสักครึ่งขวด
    แต่ครอสเนี่ยสิ ทั้งๆที่หมอนั่นก็ไม่ได้กลัวถึงขนาดเป็นหมดสติ แต่ทำไมเจ้านั่นถึงไม่พูดอะไรสักคำ ?

    ไม่ต้องสงสัยนานนักสิ่งที่แม่ของผมสอนสั่งก็เข้ากระแทกหัว วิชาสะกดจิต ! พรสวรรค์อีกอย่างของแวมไพร์

    ผมต้องขอบคุณพระเจ้าอีกสักหนที่ตอนนี้ไม่ใช่ตอนกลางคืน ผมปราดเข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน มันไม่ใช่เรื่องยากเพราะทั้งคู่ต่างก็ดูเหมือนคนที่อดหลับอดนอนมาเป็นวัน
    และต่อมาผมก็ต้องขอบคุณสมองของตัวเองที่เตือนให้เอาขวดเลือดมาสำรองไว้ ถ้าการคำนวณของผมไม่พลาด เลือดในขวดนี้คงจะแข็งตัวภายในอีกไม่กี่ชั่วโมง

    จริงๆแล้วเลือดในขวดควรจะแห้งไปตั้งนานแล้ว แต่นั่นเป็นเพราะเลือดของผมที่ผสมลงไปเล็กน้อย จึงทำให้มันคงสภาพของเหลวอยู่ได้
    ข้อเสียซึ่งบางทีก็เป็นข้อดีของเลือดแวมไพร์ก็คือ คุณสมบัติที่จะเป็นของเหลว และไม่มีทางแข็งตัว เลือดของคนครึ่งแวมไพร์ก็มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ยังมีการแข็งตัวได้ถ้าใช้เวลานานสักหน่อย

    นั่นหมายความว่าหากแวมไพร์ได้รับบาดเจ็บ เขาหรือเธอก็จะต้องหาอะไรมาปิดปากแผลทันที และปล่อยให้เนื้อเยื่อสมานกันจนกลายเป็นแผลเป็น ไม่มีการรอให้เลือดเข็งตัวเหมือนอย่างมนุษย์ทั่วไป

    ยังดีที่พระเจ้าไม่ได้รังเกียจแวมไพร์ขนาดนั้น เพราะท่านชดเชยให้กับแวมไพร์ด้วยการตอบแทนด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป และการที่กล้ามเนื้อจะสมานตัวได้รวดเร็วกว่ามนุษย์ปกติ
    แต่กระนั้นก็เถอะ... ถ้าไม่รีบหาอะไรมาปิดปากแผลไว้... แวมไพร์ก็อาจจะต้องประสบปัญหาเสียเลือดจนหมดตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงๆในหมู่แวมไพร์ !

    “สรรหาเรื่องมาป่วนชั้นได้ทุกทีสิน่า !” ผมจับเลือดกรอกปากลูนาร์จนหมด ถ้าเป็นคนปกติถูกบังคับให้ดื่มของเหลวบางอย่างตอนที่ยังสะลึมสลือคงจะบ้วนมันออกมา
    แต่เลือดมนุษย์นั้นเย้ายวนใจนักสำหรับแวมไพร์ ยิ่งโดยเฉพาะกับแวมไพร์ที่ขาดเลือดมาแสนนานอย่างลูนาร์ด้วยแล้ว

    หลังจากเลือดหมดขวดลูนาร์ก็ยังไม่มีท่าทีได้สติ ผมตบหน้าเธอเบาๆอย่างเกรงใจ และมันก็ได้ผล

    ลูนาร์ที่เพิ่งรู้สึกตัวกอดผมแน่นพลางร้องไห้โฮ... ฝันไปเถอะ เรื่องพรรค์นั้นน่ะไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก

    “นายถือดียังไงมาตบฉัน !” เธอโวย และไม่ได้โวยเปล่า ยังผลักผมออกไปชนผนังห้องเสียเต็มแรง
    “น่าจะตบเรียกความฉลาดอีกสักสองสามด้วยซ้ำ” ผมบ่นพึมพำ ลืมคิดไปว่ามิอาจรอดพ้นหูทิพย์ของแวมไพร์สาว
    “หยาบคาย !”
    “ที่เธอทำกับชั้นมันสุภาพนักนี่” ผมประชด

    ตอนนั้นเองที่ลูนาร์เพิ่งเหลียวมองสถานการณ์รอบๆ “ครอส !” เธอโผเข้าไปหาเขา
    หลังจากที่เธอตั้งสติได้ว่าเขาเพียงแค่เป็นลมไปเฉยๆ เธอก็ถามผม “นี่ฉัน... เป็นอะไร”

    “แวมไพร์” ผมตอบดื้อๆ “ชั้นขอร้องเถอะว่าเธอช่วยยอมรับความจริงหน่อย และรู้จักควบคุมสัญชาตญาณให้ได้
    รู้ไหมว่าชั้นเคยได้ยินเกี่ยวกับแวมไพร์ที่หลีกหนีความจริงมาบ้าง และพวกนั้นลงเอยด้วยการเป็นฆาตกรโรคจิตสูบเลือดคนจนไม่เหลือสักหยด”

    “...ไม่จริง” แววตาสีแดงของเธอมีร่องรอยของความปวดร้าว แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเห็นใจ มันเป็นเวลาของความจริง
    “เธอเกือบจะฆ่าเพื่อนของชั้นแล้ว” ผมพูดได้แค่นั้น

    ======================================================================================================

    ผมเข้ามาในห้องส่วนตัวของผม แน่ละว่าผมเป็นเพียงพนักงานไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ในห้องพักโอ่อ่า
    แต่ความเป็นจริงก็คือผมเป็นฟอร์เรสต์ เรนน์ เด็กที่เป็นลูกชายของเจ้าของกิจการโรงแรม และมีฐานะเป็นผู้จัดการโรงแรม เรื่องเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

    แน่นอนล่ะว่าเหตุผลที่แท้จริงมันมีมากกว่าที่เห็น เพราะเหตุผลหลักนั้นก็คือ... ผมเป็นมนุษย์ครึ่งแวมไพร์

    ตอนนี้สมาธิผมกำลังเลื่อนลอย มันน่าโมโหตัวเองนักที่เอาแต่คิดว่า ตอนนี้เธอกำลังโกรธอยู่รึเปล่า ? เราพูดแรงไปไหม ?
    เธอกำลังเสียใจอยู่สินะ ? เราควรจะไปปลอบโยนเธอดีไหม ? เธอน่าสงสารออกขนาดนั้นแล้วนี่เราทำอะไรลงไป ?

    บ้าที่สุด !!

    ฟอร์เรสต์ เรนน์ ไม่เคยอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้มาก่อน

    ผมส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆที่ไม่สมควรจะมาอยู่ให้รกสมอง แต่มันก็ยากพอๆกับการทำให้เลือดของแวมไพร์แข็งตัวนั่นแหละ
    เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมควรทำก็คือทุ่มเทสมาธิไปกับสิ่งอื่น และสิ่งนั้นก็คือห่อของขวัญที่ผมลืมนำไปให้กับลูนาร์

    จะบากหน้าไปเคาะประตูห้องแล้วบอกว่า “แด่แวมไพร์บ้าเลือดคนใหม่” ก็ไม่เข้าท่า

    ขนาดว่าผมเพ่งสมาธิกับมันเต็มที่ ผมยังไม่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอะไรเลย แสดงว่าของข้างในต้องไร้กลิ่น หรือไม่ก็ถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนามากๆ
    ตามปกติแล้วคนเราก็มักจะประณีตกับของขวัญอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ แต่เลือดของส่วนที่เป็นมนุษย์มันบอกให้ระแวงเข้าไว้

    “??” อีกคำถามที่ผุดขึ้นมาก็คือคนที่ส่งมาเป็นใคร ทำไมถึงรู้ว่าลูนาร์อาศัยอยู่ที่นี่ ?
    หรือว่าจะเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์ของเจ้าครอส ? แต่ถ้าอย่างนั้นฝากพี่อลิเซียไปเลยก็ได้นี่นา ?

    อาจจะเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของยัยนั่น... แต่ก็เพื่อความปลอดภัย...

    ผมฉีกทั้งห่อของขวัญและกล่องกระดาษอย่างง่ายดาย และสิ่งที่กระจัดกระจายออกมาก็ทำให้ผมสะดุ้งโหยง

    มันคือกระเทียม ! จุดอ่อนอันใหญ่หลวงของเหล่าแวมไพร์

    กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียดลอยเตะจมูก เลือดแวมไพร์ครึ่งหนึ่งในตัวไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งราวกับจะกระตุ้นให้ผมตื่นตัวว่ากระเทียมเป็นพิษร้ายแรง

    “ใครเล่นบ้าๆอย่างนี้ฟะ !” ผมคำราม ทั้งๆที่จุดประสงค์มันชัดเจน มีใครบางคนรู้ว่าลูนาร์เป็นแวมไพร์ และตอนนี้ใครคนนั้นก็กำลังยื่นสาสน์ท้ารบโดยใช้โรงแรมของเขาเป็นทางผ่าน
    ผมยิ่งมั่นใจในความคิดนี้เขาไปใหญ่เมื่อเห็นกระดาษสีขาวรวมอยู่ในสิ่งที่กระจัดกระจายออกมา ไม่ต้องสงสัยว่ามันต้องเรียนข้อความอะไรบางอย่างเอาไว้

    ผมจำใจหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาแม้จะแทบอาเจียนออกมาเป็นสมองด้วยฤทธิ์กระเทียม จะกำจัดเองก็ไม่ได้ คงต้องเรียกพ่อมาจัดการกระเทียมในห้อง

    แต่เรื่องนี้เอาไว้ก่อน... ผมคลี่กระดาษแผ่นนั้นออก...

    และผมก็ช็อก ช็อกชนิดที่ว่าหัวสมองขาวโพลน ไม่สนใจตัวเองด้วยซ้ำที่ยืนท่ามกลางกลิ่นเหม็นร้ายกาจของกระเทียม

    บนกระดาษนั้นเขียนไว้ว่า “Vampire Hunter”ข้อความนั้นเขียนขึ้นมาด้วยเลือด ซึ่งยังเป็นเลือดหนืดๆอยู่เลยด้วยซ้ำ
    โดยไม่ต้องคิด ผมรู้ดีว่ามันคือเลือดแวมไพร์... รู้ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบกลิ่นหรือสัมผัส

    แต่สิ่งที่ทำให้ผมตะลึงไม่ใช่สิ่งนั้น แต่มันคือนามแฝงที่เขียนไว้มุมกระดาษ

    “S”

    บุคคลที่ผมจำได้ดี... ผู้อ้างตนเป็นนักล่าแวมไพร์...

    ...และลงมือสังหารแม่ของผม...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×