ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✰ ✡ Crazy Love ✰ ✡ {เกรทพอร์ช : END}

    ลำดับตอนที่ #9 : เมื่อมันยังฝังใจและความรู้สึกใหม่ที่เพิ่มมา [พี่เกรท]

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 61



    ไอ้เต้บอกว่ามันจะจีบพอร์ช ทั้งที่ผมบอกปากแทบฉีกว่าห้ามจีบ มันก็ชอบเถียงกลับทุกที

    คำพูดที่บอกว่าคนนี้มันจริงจัง คำที่สื่อว่าไอ้พอร์ชคือคนที่ทำให้มันอยากเปลี่ยนนิสัยตัวเอง ทำให้ผมพูดอะไรไม่ได้มาก แววตาจริงจังของมันสื่อถึงความมุ่งมั่นที่มีอยู่ข้างในใจ


    ผมรู้ว่าความรักสามารถเปลี่ยนนิสัยเราได้ จากประสบการณ์ที่ผมเองก็เคยเจอ ผมรู้ว่าผมเป็นพวกกวนประสาท พูดจาหยาบคาย แต่ถ้ามีแฟนคิดหรอว่าผมจะทำนิสัยอย่างนั้น ไม่เลยพายเองยังเคยบอกว่าผมไม่เหมือนตอนที่อยู่ในคลาส ไม่เหมือนผมตอนที่คุยกับเพื่อน


    ผมคิดว่านิสัยที่ผมทำกับเพื่อนหรือกับคนที่สนิท มันไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะมาทำกับแฟนตัวเอง หรือมี ใครล่ะที่อยากให้แฟนเรียกนำหน้าชื่อว่าไอ้เหี้ย’ หรือลงท้ายด้วยคำสบถหยาบๆ  ก็ไม่ไง เพราะงั้นผมจึงถือคติที่ว่า จะหยาบกับเพื่อนคนไหนก็ได้ แต่กับแฟนอย่าได้เอานิสัยนั้นมาใช้เด็ดขาด


    น้องพอร์ชของกูชอบกินอะไรวะมึง” 

    ที่มือคนถามมีสมุดเล่มเล็กกับปากกา 1 แท่ง แปลกดีที่เวลาเรียนไม่เห็นมันมีของพวกนี้เลย แล้วอะไรคือการที่มันบอกว่าไอ้หมูพอร์ชเป็นของมัน

    โคตรมโน ไม่ถงไม่ถามเจ้าตัวเขาสักคำ


    ขึ้นชื่อว่าของกินไอ้พอร์ชไม่เรื่องมากหรอก มันก็กินได้หมดทุกอย่างนั่นแหละ ไม่เว้นแม้แต่หญ้าโดยเฉพาะของกินที่ได้มาฟรีๆ ยิ่งไม่ต้องคิดให้ยากเลย


    ลองคิดดูว่าถ้าไอ้เต้กับไอ้หมูพอร์ชคบกันขึ้นมา ผมไม่รู้เลยว่าควรจะห่วงใครมากกว่ากัน ระหว่างกลัวว่าไอ้เต้จะเป็นฝ่ายทิ้งไอ้พอร์ช กับกลัวว่าไอ้พอร์ชจะทำเพื่อนผมล้มละลายเพราะของกิน กระเพาะมันเล็กซะที่ไหน


    กูรู้ว่าน้องกินได้หมดทุกอย่าง แต่คนเราก็ต้องมีของที่ชอบกินบ่อยไหมวะ ในฐานะที่มึงใกล้ชิดกับน้องมากที่สุด พอจะรู้ไหมว่าน้องพอร์ชบ่นอยากกินอะไรบ่อยๆ


    จู่ๆ ผมก็นึกเปรียบเทียบพายกับไอ้หมูพอร์ชขึ้นมา ในขณะที่ไอ้พอร์ชบ่นจะกินแต่แซลม่อนที่มันชอบ แม้จะกินบ่อยแค่ไหนแต่ผมก็ไม่เคยได้ยินคำว่าเบื่อออกมาจากปากมันเลยสักนิด ต่างกับพายที่เธอก็ชอบกิน แต่เป็นการกินที่เปลี่ยนร้านใหม่อยู่เสมอ ไม่เชิงว่าเปลี่ยนของชอบทุกวัน แต่มันก็ไม่นานเท่าไอ้พอร์ชเท่านั้นเอง


    มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมเฟลไปสักพัก จำได้ว่ามีร้านบาร์บีคิวเปิดใหม่ ซึ่งพายไปทดลองชิมความอร่อยของมันมาก่อนหน้าผมแล้ว เธอบอกผมว่ามันอร่อย และติดดาวว่ามันเป็นร้านโปรดของเธอ ผ่านไป 3 วันได้ ผมมีโอกาสขับรถผ่านร้านนั้นพอดี กะว่าซื้อไปฝากพายต้องดีใจมากแน่ๆ แต่คำพูดที่ได้รับกลับมาก็ทำเอาผมชะงักจนพูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูกเลยล่ะ

    ช่วงนี้พายกินบ่อยแล้วอ่ะเกรท คำพูดที่สื่อไปในทางว่าเธอเบื่อสิ่งที่ผมซื้อมาให้ อยากจะเขวี้ยงมันลงถังเพื่อระบายอารมณ์ขุ่นที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำไม่ลงเพราะต่อคิวตั้งนานกว่าจะได้


    มึงยังฟังกูอยู่ไหมไอ้เกรทกลับมาที่ปัจจุบันซึ่งไอ้เต้กำลังเลิกคิ้วถาม มือก็รอจดคำตอบจากผม


    ว่าไงนะ


    สรุปน้องพอร์ชของกูชอบกินไรถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชินกับ น้องพอร์ชของกูอยู่ดี


    ถามมันเอาเองสิ” 

    ผมบอกปัด จะจีบมันก็เชิญถามเจ้าตัวเขาเองเลย คนอย่างเกรทสพลจะไม่เป็นทางผ่านเพื่อความรักของใครอีกแล้ว แผลเก่ายังเจ็บไม่หายเลย


    รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสะพานให้พายข้ามไปอีกฝั่ง เหมือนเป็นสะพานที่ทอดยาว เป็นเรื่องราวระหว่างทางที่เธอแค่ผ่านมาเจอและผ่านไป หลงผิดคิดว่าตัวเองเป็นบทสรุปทั้งที่ความจริงมันอยู่ที่ปลายสะพานต่างหาก แต่มันก็ดีแล้วใช่ไหมที่อย่างน้อยเธอก็ได้มีความสุข ความสุขที่แท้จริงที่ไม่ใช่ผม

    ควรยอมรับใช่ไหมวะ

    แต่มันเจ็บนะเว้ย 


    โหย~ ไอ้เกรท กูเพื่อนมึงนะเว้ยช่วยกูหน่อยดิ มึงไม่อยากเรียกกูว่าน้องเขยบ้างหรอน้องเขยพ่อง! เป็นแค่เพื่อนก็ปวดประสาทจะตายอยู่แล้ว


    กูบอกให้มึงถามมันไง จะจีบใครก็ถามคนนั้นดิวะ ถ้ามึงถามกู กูจะคิดว่ามึงจีบกูนะ”  ไอ้เต้ลูบแขนตัวเองเมื่อผมพูดจบ อยากบอกว่ากูก็ขนลุกขนพองไม่ต่างจากมึงหรอก


    พูดซะกูเสียวเลย กูไปถามน้องเองก็ได้” 

    คนช่างพูดเงียบไป ผมเลยกลับมามีสมาธิกับหนังสือที่อ่านต่อ ก่อนหูจะกระดิกอีกครั้งเมื่อได้ยินไอ้เต้พูดจาหวานหูกับใครสักคน นึกว่ารถน้ำตาลคว่ำ พอเงยหน้ามองมันก็เห็นว่ามีโทรศัพท์แนบอยู่ที่หู


    หึ! ดูจากท่าสาวน้อยบิดไปมาก็พอจะรู้ว่าคนปลายสายเป็นใคร

    เออคุยเข้าไป หวานเข้าไปไม่ต้องสนใจคนอกหักอย่างกูหรอกว่ามันจะเป็นยังไง


    บอกตามตรงเห็นไอ้เต้คุยแล้วอยากหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาโทรหาใครสักคนเหมือนกัน แต่ก่อนคงจะมีชื่อพายขึ้นมาเป็นอันดับแรก ตอนนี้ไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะคุยด้วย แม้แต่ฐานะเพื่อนก็ยังไม่กล้า ก็รู้ดีว่าความรู้สึกลึกๆ มันไม่ได้อยากคุยในฐานะเพื่อนร่วมคณะนี่หว่า


    ไอ้พอร์ชบอกว่า อย่ามองหาตัวแทนอย่าชอบใครเพียงเพราะเห็นเขาเป็นตัวแทนของพาย ตอนที่ผมเห็นข้อความนี้ ผมรู้สึกว่าไอ้พอร์ชรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าผมเสียอีก ภาพวาดที่คิดว่ามันเป็นเด็กเรียนธรรมดาปลิวหายไปในทันที คนที่ดูไม่สนไม่แคร์เรื่องความรักดันเข้าใจความรักดีกว่า มันทำเหมือนเข้าใจความรู้สึกผมเลย


    ช่วงนี้ไอ้พอร์ชมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ส่วนผมก็กลายร่างเป็นเด็กให้ผู้ใหญ่อย่างมันสอน ไอ้พอร์ชเป็นคนเข้าใจความรัก เป็นคนที่คิดว่าจุดจบความรักของมันคงสวยงามกว่าผมเยอะ มันคงไม่เจ็บปวดเหมือนที่ผมรู้สึก เพราะงั้นผมเลยกลัวว่าไอ้เต้จะทำให้ไอ้พอร์ชมีจุดจบต่างจากที่ผมคิด


    มันจะเป็นยังไงถ้าวันนึงทั้งสองคนนี้คบกันจริงจัง นานวันไปไอ้เต้จะเบื่อไหม จะหาเรื่องชวนทะเลาะเพื่อเลิกกันหรือเปล่า ถ้าสองคนนี้คบกันแล้วไปไม่รอดขึ้นมา ผมคงรู้สึกผิดกับมัน เพราะคนที่ทำให้ไอ้เต้รู้จักมันคือผมเอง ผมที่พาทั้งสองคนนี้มาเจอกัน เพราะงั้นไม่ว่ายังไง ผมจะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์สองคนนี้เกินเลยไปกว่าพี่น้องแน่นอน


    ผมกวักมือเรียกไอ้เต้มานั่งที่เดิม หลังจากที่มันออกไปยืนเด็ดใบไม้เล่น กลัวว่าถ้าไม่รีบเรียกมันกลับมา ต้นไม้ของมหา'ลัยคงไม่เหลือสักใบ ถึงกระนั้นบทสนทนาของมันกับคนปลายสายก็ยังไม่สิ้นสุด


    สัดเกรท! อะไรของมึงเนี่ยมันโวยวายเมื่อผมคว้าสมาร์ทโฟนของมันมา


    กูเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าไอ้พอร์ชมันชอบกินอะไร เดี๋ยวกูบอกมึงเอง” 

    แถได้อีกกูถ้าเพิ่งนึกได้เหมือนอย่างที่ปากว่า ป่านนี้ไอ้เต้คงไม่ต้องการคำตอบจากปากผมหรอก มันคงถามไอ้พอร์ชแล้วได้คำตอบไปเรียบร้อยแล้วมั้ง ดีไม่ดีอาจจะได้ความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากแซลม่อนที่ผมมีก็ได้

    ผมโฟกัสสายตามาที่หน้าจอโทรศัพท์หมายจะกดวางสาย


    ไหนมึงบอกให้กูถามน้องเองไง นี่น้องกำลังจะตอบกูนะเว้ยคุยกันตั้งนานมันเพิ่งจะถามงั้นหรอ โอ้โห! ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่วะ มึงแต่งเพลงฉ่อยคุยกันหรือไง ช้าชิบหาย


    ทว่าพอจะกดวางสายหน้าจอกลับไม่มีปุ่มแดงๆ ไม่มีเวลาบอกว่าเมื่อกี้คุยกันกี่นาที ไม่มีชื่อคนที่มันโทรหา หรือเมื่อกี้ไอ้พอร์ช รอนานจนวางสายไปก่อนแล้ววะ เออก็อาจเป็นไปได้


    โหย~ เพราะมึงเลยไอ้เกรท น้องวางสายกูไปแล้วเนี่ยมันแย่งโทรศัพท์ของตัวเองคืนไป ไม่วายบ่นผมซึ่งเป็นสาเหตุของความพลาดในครั้งนี้

    จะโทษผมมันก็ไม่ถูกนะ ใครบอกให้มันช้าเองล่ะ


    …….


    ไอ้เต้ทำตาลุกวาวเมื่อผมพามันมาโผล่ที่กลางห้างหลังเรียนเสร็จ บ่นอยากมาซื้อของนักเลยจัดให้ซะเลย

    ตื่นเต้นว่ะ มึงนำไปดิ๊มันบอกก่อนจะควักเงินในกระเป๋าออกมานับ เห็นแล้วขำ มันไม่รู้ตัวหรอกว่าเงินในกระเป่าจะได้เกลี้ยงเพราะของชอบไอ้พอร์ช ไม่สิ ต้องบอกว่าของชอบผมถึงจะถูก


    อย่างที่รู้ว่าไอ้พอร์ชไม่เรื่องมากกับของกิน ซื้อขนมข้างทางให้กินยังได้ ไม่จำเป็นต้องจัดแซลม่อนชุดใหญ่ให้เปลืองเงิน เครป 50 บาทก็หรูแล้ว แต่ถ้าผมบอกไอ้เต้มันจะไปสนุกอะไร  อยากเห็นกระเป๋าเงินมันแบนชิบหาย เป็นป๋าทุ่มหนึ่งวันนะครับเพื่อน


    มาเลือกผลไม้ก่อนผมเข็นรถมาหยุดที่โซนผลไม้ ของที่ไอ้พอร์ชชอบคิดไม่ยากเลย อะไรที่กินแล้วอ้วนนั่นแหละ


    มึงวางทุเรียนลงเลย ไอ้พอร์ชมันไม่ชอบผมรีบห้ามคนที่ปรี่เข้าไปหยิบถาดราชาผลไม้  ปากบอกให้นำ แต่ไหงมือมันหยิบก่อนปากผมจะสั่งอีกวะ


    มันน่ากินนี่หว่า น้องไม่กินเดี๋ยวกูกินเองก็ได้ฟังซะที่ไหน ถ้ามันบอกว่าซื้อมากินเองก็แล้วไป

    ตอนนี้ในรถเข็นมีมังคุด ฝรั่ง สับปะรดแล้วก็ทุเรียนของไอ้เต้ ถือว่าราคายังเบาะๆ แค่นี้ไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าไอ้เต้ลดหรอก เราต้องไปต่อที่โซนต่อไปครับ


    เฮ้ย! นี่น้องชอบกินน้ำมะเขือเทศหรอวะจะว่ามันเป็นความเผลอของผมก็ว่าได้ ทุกครั้งที่ซื้อของเข้าบ้านผมมักจะหยิบไอ้นี่ติดมือประจำ

    คราวนี้ลืมไงว่าผมกำลังซื้อของชอบไอ้พอร์ช และในเมื่อไอ้เต้เชื่อว่าไอ้น้ำมะเขือเทศดอยคำเป็นที่โปรดปรานของนายศิฑาผมเลยหันไปพยักหน้าตอบรับ


    ใครไม่ชอบรถชาติมันจะรู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน แต่คุณครับ เราดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ ไม่ใช่เอาแค่อร่อยเว้ย เพราะงั้นกลั้นใจดื่มๆไปเถอะ ของเขาดีจะตายเชื่อผมสิ


    กูว่าเราไปดูขนมต่อดีกว่าไม่อยู่นานไอ้เต้ก็เป็นคนเข็นรถไปโซนอื่น นำโด่งไปถึงโซนขบเคี้ยวแล้ว และนี้แหละ แหล่งเผาผลาญเงิน

    มึงอย่าเดินมาทางนี้นะ ไอ้เต้กางแขนขวางทาง


    ทำไมกูจะเดินไปทางนี้ไม่ได้ พ่อมึงเป็นเจ้าของห้างหรอมาสั่งกูเนี่ยผมปัดแขนข้างหนึ่งของมันให้พ้นทาง เดินดูขนมที่พนักงานเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ และ


    กึก!


    กูว่าแล้วเสียงคนด้านหลังดังขึ้นเมื่อผมหยุดนิ่งอยู่ที่ถาดขนมชนิดหนึ่ง


    พายรวมพายทุกไส้เลยก็ว่าได้ พอเห็นขนมมันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนชื่อนี้ ป่านนี้จะมีความสุขแค่ไหน


    มึงจะซื้อหรอ

    อืมทำได้เพียงครางรับแล้วหยิบถุงมาใส่พายสักสองสามชิ้น ทำใจว่ามันก็แค่ขนม ทำไมผมต้องคิดมากด้วย


    ทว่าสิ่งที่ผมพยายามปลอบใจตัวเองไม่ได้ช่วยทำให้ความรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด อารมณ์สนุกที่มีกับการแกล้งเพื่อนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมแค่เดินเอื่อยๆตามหลังไอ้เต้ ซึ่งมันก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงเงียบไป


    กระทั่งถึงแคชเชียร์ ถึงช่วยยกของออกจากรถเข็นให้พนักคิดเงิน

    คิดถึงพายว่ะมันเป็นความคิดถึงที่ไม่สามารถหายไปได้เพียงแค่การพบหน้ากับได้ยินเสียงพูดของพาย และจากสมองเล็กๆของผมประมวลได้ มันไม่ใช่การคิดถึงคนคนนึงหรอก มันเป็นความรู้สึกที่อยากกลับไปอยู่ในสถานะเดิมมากกว่า


    อยากโทรหา อยากรายงานว่าตัวเองอยู่ไหนเหมือนที่เคยทำ พอไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนวันนึงมีเวลา 30 ชั่วโมง มันเยอะจนน่าเบื่อ พยายามห้ามตัวเองว่าอย่าจมอยู่กับอดีตมากนัก แต่คนอกหักก็คือคนอกหัก คนยังทำใจให้ชินไม่ได้ จะให้เฮฮาเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันก็ไม่ใช่


    โอเคปะ” 

    คนขับรถหันมาถามหลังรถหยุดนิ่งเพราะไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีแดง ตัวเลข 3 หลักที่โชว์หราบอกว่าคงใช้เวลาอีกนานกว่ารถจะเคลื่อนตัวอีกครั้ง


     พอไหวผมตอบกลับ หันหน้าออกไปมองรถที่ติดอยู่ข้างๆ กัน แต่สมองก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับรถคันข้างๆ เลย เคยไหมมองเฉยๆ แต่ในหัวกลับคิดไปอีกเรื่อง


    ถ้าไม่เจออะไรกระตุ้นความรู้สึกนี้ก็คงถูกเก็บเอาไว้ ทำไมการทำใจให้ชินกับการเปลี่ยนแปลงมันยากเย็นอย่างนี้วะ ถึงไม่ใช่คนที่จำเจอยู่กับอะไรเดิมๆ แต่ผมก็อยากให้คนที่ใช้สถานะแฟนเป็นคนเดิมทุกปีนะเว้ย คนที่พร้อมจะเดินไปด้วยกัน ขอเป็นคนๆ เดิมได้ไหมล่ะ


    ไม่ลองมองคนใหม่บ้างวะ หาคนมาดามใจบ้างก็ได้ผมส่ายหน้า การมองหาคนใหม่ในเวลานี้ไม่ได้มีอยู่ในระบบความคิดเลยสักนิด


    ฟังเพลงปะเดี๋ยวเปิดให้ฟัง” ไอ้เต้เอื้อมมือไปเปิดเพลงพร้อมๆ กับไฟจรจรที่ขึ้นเป็นสีเขียว ด้วยความที่ไม่ได้อยากให้บรรยากาศมันเงียบเลยไม่ได้ปฏิเสธอะไร

    แต่ใครจะรู้ว่าเพลงนั้นจะทำให้ผมจมดิ่งลงไปกว่าเดิม

    ~ นอนฉันก็ยังนอนคนเดียวอยู่ ฉันก็ยังตัวคนเดียวอยู่ ไม่มีอะไร มีแต่ใจที่ยังมั่นคงต่อเธอ


    ไอ้เต้ยิ้มแหย กดเปลี่ยนเพลงแทบจะทันที เขาบอกว่าถ้าเราฟังเพลงอกหักในร้านเหล้าจะอินกว่าปกติ แต่ตอนนี้ ไม่ต้องพึ่งร้านเหล้าผมก็เข้าใจถึงความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี

    มาถึงบ้านตัวเพลงพร้อมสติที่เริ่มจะกลับเข้าร่างหลังจากเหม่อลอยอยู่นาน ผมช่วยไอ้เต้ขนของ (ไอ้หมูพอร์ช) ลงมาจากรถ ไม่รู้ตอนนี้มันจะกลับมาจากโรงเรียนแล้วหรือยัง


    ทำไมห้องนอนมึงไม่ตรงกับห้องนอนน้องวะ ไม่เหมือนในหนังที่ห้องพระเอกกับนางเอกจะอยู่ตรงข้ามกัน

    ไอ้เต้เอ่ยขึ้น มันเคยมาห้องผมหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันดันพูดเรื่องเดียวกับที่ไอ้พอร์ชเคยถามเมื่อตอนเด็ก แต่เดี๋ยวนะเพื่อน นี่มันชีวิตจริงไหมละ ไม่มีหรอกพระเอกนางเอกอยู่ห้องตรงข้ามกัน


    แม่กูไปดูดวงมา หมอดูบอกว่าถ้าสร้างห้องนอนกูตรงกับห้องนอนของลูกชายคนข้างบ้าน เพื่อนกูจะขอมานอนด้วยทุกวัน


    สัด! กูไม่ทำขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยก็กลับไปนอนคอนโดตัวเองวันเสาร์-อาทิตย์แหมไอ้หยุดพักไปสองวันคือเกรงใจกูแล้วใช่ไหมวะ? “มึงไปอยู่คอนโดกูก็ได้นะ ให้อยู่ฟรีถุ้ย!


    รกขนาดนั้นกูคงนอนได้อยู่หรอก เกิดมีงูอยู่ในห้องกูไม่ตายเลยหรือไง

    ตายไปได้ก็ดีกูจะได้ไม่มีคู่แข่ง


    ห๊ะ! คู่แข่งอะไรของมึงสติสตางค์ยังอยู่ครบไหมเนี่ย

    ไม่มีไร ไปหาน้องกันเถอะมึงเพิ่งขึ้นมาบนห้องเมื่อกี้เองนะ จะพักหน่อยสักนิดได้ไหมล่ะ เอะอะน้องพอร์ชตลอด กูจะบ้าตาย


    มันยังไม่กลับมาหรอก

    น้องมาแล้ว ดูดิ..” มันยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดูแชทที่คุยกับไอ้พอร์ช เดี๋ยวนี้แม่งพัฒนาว่ะ แล้วอย่างนี้ผมจะห้ามยังไงไหว ถ้าปล่อยไปอย่างนี้ไอ้พอร์ชได้ตกหลุมพรางไอ้เต้แน่


    ผมจำใจเดินตามเพื่อนคนเดียวลงไปยังชั้นล่าง ยกถุงเดินตามหลังไอ้เต้ประหนึ่งว่าเป็นคนรับใช้ ออกมาจากรั้วบ้านตัวเองก็เห็นไอ้หมูยืนยิ้มแป้น ผมเดินเข้าไปประชิดมันก่อนไอ้เต้ ที่รีบไม่ใช่อะไร คือกูหนักครับ แล้วดูมันไม่คิดจะช่วยกันถือเลยใช่ไหม


    พอร์ชช่วยปะ

    อะ…”

    ไม่ต้องๆ เดี๋ยวพวกพี่ถือเองกำลังจะตอบตกลงไอ้มารผจญด้านหลังก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน ถามกูสักคำหรือยังว่ากูอยากถือ วันหลังก็ถามเพื่อนก่อนก็ได้


    ไอ้พอร์ชสบตากับผม เหมือนจะถามว่าให้ถือช่วยไหม

    เปิดประตูบ้านดิ๊ผมออกคำสั่ง ไหนๆ ก็ถือมาถึงบ้านมันละเนี่ย ถือต่อไปก็ได้


    ขอบคุณมากนะครับพี่เต้” 

    มันส่งยิ้มให้ไอ้เต้ โหกูนี่อากาศเลย รู้สึกอยากเฟดตัวออกไปห่างๆ ก็ไม่อยากยืนเป็นกขคหรอก ถ้าไม่ติดว่าต้องดูความเคลื่อนไหวของสองคนนี้ไม่ให้คลาดสายตา

    แล้วดูมันดิอุตส่าห์ถือเข้ามาให้ ไหนคำขอบคุณสำหรับผมวะ


    แล้วกูล่ะปากหนอปาก ยังไม่สั่งให้พูดก็ไม่ต้องรีบโพล่งออกไปก็ได้ไหม บางทีก็อยากให้มันเป็นแค่ความคิดไหมวะ

    แล้วพี่ใช่คนที่ซื้อของพวกนี้ให้ผมไหมล่ะใช่สิ  ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นนี่หว่า


    น้องพอร์ชชอบหรือเปล่าโคตรส่วนเกิน

    มากกกกกกครับมันลากเสียงยาว ซึ่งผมไม่เห็นว่าจะสำคัญตรงไหน เอาแค่มึงยิ้มตอนที่เห็นพวกกูถือของมาเขาก็รู้กันทั้งซอยแล้วไหม


    หูยย~ มีทุเรียนด้วย พอร์ชโคตรชอบเลย นี่เพิ่งคุยกับแม่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเอาแล้วๆ ไอ้เต้แม่งหันมาจ้องผมเขม็งเลย

    ไหนมึงบอกว่าน้องไม่ชอบทุเรียนไง

    พอร์ชเคยบอกพี่เกรทตอนไหนว่าไม่ชอบทุเรียนเอ้อ~ กูขอโทษ


    สงสัยกูจำผิดสองคนนั้นส่ายหน้า ผมเลยเฟดตัวอกมานั่งที่ห้องนั่งเล่น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแต่หูก็ยังได้ยินเสียงสองคนนั้นคุยกันอยู่ดี

    อยากตะโกนออกไปว่า รำคาญโว้ยแต่ก็ต้องคีพลุคเป็นนิ่ง ทั้งที่มันเกิดความรู้สึกแปลกๆ ในใจ

    หงุดหงิดชิบหายระบายกับอะไรได้บ้าง ถ้าชกหมอนอิงจนพังจะโดนไอ้หมูมันว่าอะไรไหม


    *******


     

     

     

     

     

     

     

     

     

    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ?
     Tiny Hand
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×