คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เมื่อมันยังฝังใจและความรู้สึกใหม่ที่เพิ่มมา [พี่เกรท]
ไอ้เต้บอกว่ามันจะจีบพอร์ช ทั้งที่ผมบอกปากแทบฉีกว่าห้ามจีบ
มันก็ชอบเถียงกลับทุกที
คำพูดที่บอกว่าคนนี้มันจริงจัง
คำที่สื่อว่าไอ้พอร์ชคือคนที่ทำให้มันอยากเปลี่ยนนิสัยตัวเอง
ทำให้ผมพูดอะไรไม่ได้มาก แววตาจริงจังของมันสื่อถึงความมุ่งมั่นที่มีอยู่ข้างในใจ
ผมรู้ว่าความรักสามารถเปลี่ยนนิสัยเราได้ จากประสบการณ์ที่ผมเองก็เคยเจอ ผมรู้ว่าผมเป็นพวกกวนประสาท พูดจาหยาบคาย
แต่ถ้ามีแฟนคิดหรอว่าผมจะทำนิสัยอย่างนั้น ไม่เลย… พายเองยังเคยบอกว่าผมไม่เหมือนตอนที่อยู่ในคลาส
ไม่เหมือนผมตอนที่คุยกับเพื่อน
ผมคิดว่านิสัยที่ผมทำกับเพื่อนหรือกับคนที่สนิท
มันไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะมาทำกับแฟนตัวเอง หรือมี ใครล่ะที่อยากให้แฟนเรียกนำหน้าชื่อว่า ‘ไอ้เหี้ย’ หรือลงท้ายด้วยคำสบถหยาบๆ ก็ไม่ไง เพราะงั้นผมจึงถือคติที่ว่า จะหยาบกับเพื่อนคนไหนก็ได้ แต่กับแฟนอย่าได้เอานิสัยนั้นมาใช้เด็ดขาด
“น้องพอร์ชของกูชอบกินอะไรวะมึง”
ที่มือคนถามมีสมุดเล่มเล็กกับปากกา
1 แท่ง แปลกดีที่เวลาเรียนไม่เห็นมันมีของพวกนี้เลย
แล้วอะไรคือการที่มันบอกว่าไอ้หมูพอร์ชเป็นของมัน
โคตรมโน ไม่ถงไม่ถามเจ้าตัวเขาสักคำ
“ขึ้นชื่อว่าของกินไอ้พอร์ชไม่เรื่องมากหรอก
มันก็กินได้หมดทุกอย่างนั่นแหละ ไม่เว้นแม้แต่หญ้า” โดยเฉพาะของกินที่ได้มาฟรีๆ ยิ่งไม่ต้องคิดให้ยากเลย
ลองคิดดูว่าถ้าไอ้เต้กับไอ้หมูพอร์ชคบกันขึ้นมา ผมไม่รู้เลยว่าควรจะห่วงใครมากกว่ากัน
ระหว่างกลัวว่าไอ้เต้จะเป็นฝ่ายทิ้งไอ้พอร์ช กับกลัวว่าไอ้พอร์ชจะทำเพื่อนผมล้มละลายเพราะของกิน
กระเพาะมันเล็กซะที่ไหน
“กูรู้ว่าน้องกินได้หมดทุกอย่าง
แต่คนเราก็ต้องมีของที่ชอบกินบ่อยไหมวะ ในฐานะที่มึงใกล้ชิดกับน้องมากที่สุด
พอจะรู้ไหมว่าน้องพอร์ชบ่นอยากกินอะไรบ่อยๆ”
จู่ๆ ผมก็นึกเปรียบเทียบพายกับไอ้หมูพอร์ชขึ้นมา ในขณะที่ไอ้พอร์ชบ่นจะกินแต่แซลม่อนที่มันชอบ
แม้จะกินบ่อยแค่ไหนแต่ผมก็ไม่เคยได้ยินคำว่าเบื่อออกมาจากปากมันเลยสักนิด
ต่างกับพายที่เธอก็ชอบกิน แต่เป็นการกินที่เปลี่ยนร้านใหม่อยู่เสมอ
ไม่เชิงว่าเปลี่ยนของชอบทุกวัน แต่มันก็ไม่นานเท่าไอ้พอร์ชเท่านั้นเอง
มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมเฟลไปสักพัก จำได้ว่ามีร้านบาร์บีคิวเปิดใหม่
ซึ่งพายไปทดลองชิมความอร่อยของมันมาก่อนหน้าผมแล้ว เธอบอกผมว่ามันอร่อย
และติดดาวว่ามันเป็นร้านโปรดของเธอ ผ่านไป 3 วันได้ ผมมีโอกาสขับรถผ่านร้านนั้นพอดี
กะว่าซื้อไปฝากพายต้องดีใจมากแน่ๆ
แต่คำพูดที่ได้รับกลับมาก็ทำเอาผมชะงักจนพูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูกเลยล่ะ
“ช่วงนี้พายกินบ่อยแล้วอ่ะเกรท” คำพูดที่สื่อไปในทางว่าเธอเบื่อสิ่งที่ผมซื้อมาให้
อยากจะเขวี้ยงมันลงถังเพื่อระบายอารมณ์ขุ่นที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำไม่ลงเพราะต่อคิวตั้งนานกว่าจะได้
“มึงยังฟังกูอยู่ไหมไอ้เกรท” กลับมาที่ปัจจุบันซึ่งไอ้เต้กำลังเลิกคิ้วถาม
มือก็รอจดคำตอบจากผม
“ว่าไงนะ”
“สรุปน้องพอร์ชของกูชอบกินไร” ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชินกับ
‘น้องพอร์ชของกู’ อยู่ดี
“ถามมันเอาเองสิ”
ผมบอกปัด
จะจีบมันก็เชิญถามเจ้าตัวเขาเองเลย
คนอย่างเกรทสพลจะไม่เป็นทางผ่านเพื่อความรักของใครอีกแล้ว แผลเก่ายังเจ็บไม่หายเลย
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสะพานให้พายข้ามไปอีกฝั่ง
เหมือนเป็นสะพานที่ทอดยาว เป็นเรื่องราวระหว่างทางที่เธอแค่ผ่านมาเจอและผ่านไป
หลงผิดคิดว่าตัวเองเป็นบทสรุปทั้งที่ความจริงมันอยู่ที่ปลายสะพานต่างหาก
แต่มันก็ดีแล้วใช่ไหม… ที่อย่างน้อยเธอก็ได้มีความสุข ความสุขที่แท้จริง… ที่ไม่ใช่ผม
ควรยอมรับใช่ไหมวะ
แต่มันเจ็บนะเว้ย
“โหย~ ไอ้เกรท
กูเพื่อนมึงนะเว้ยช่วยกูหน่อยดิ มึงไม่อยากเรียกกูว่าน้องเขยบ้างหรอ” น้องเขยพ่อง! เป็นแค่เพื่อนก็ปวดประสาทจะตายอยู่แล้ว
“กูบอกให้มึงถามมันไง จะจีบใครก็ถามคนนั้นดิวะ
ถ้ามึงถามกู กูจะคิดว่ามึงจีบกูนะ”
ไอ้เต้ลูบแขนตัวเองเมื่อผมพูดจบ
อยากบอกว่ากูก็ขนลุกขนพองไม่ต่างจากมึงหรอก
“พูดซะกูเสียวเลย กูไปถามน้องเองก็ได้”
คนช่างพูดเงียบไป ผมเลยกลับมามีสมาธิกับหนังสือที่อ่านต่อ ก่อนหูจะกระดิกอีกครั้งเมื่อได้ยินไอ้เต้พูดจาหวานหูกับใครสักคน นึกว่ารถน้ำตาลคว่ำ
พอเงยหน้ามองมันก็เห็นว่ามีโทรศัพท์แนบอยู่ที่หู
หึ! ดูจากท่าสาวน้อยบิดไปมาก็พอจะรู้ว่าคนปลายสายเป็นใคร
เออ… คุยเข้าไป หวานเข้าไปไม่ต้องสนใจคนอกหักอย่างกูหรอกว่ามันจะเป็นยังไง
บอกตามตรงเห็นไอ้เต้คุยแล้วอยากหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาโทรหาใครสักคนเหมือนกัน
แต่ก่อนคงจะมีชื่อพายขึ้นมาเป็นอันดับแรก ตอนนี้ไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะคุยด้วย
แม้แต่ฐานะเพื่อนก็ยังไม่กล้า ก็รู้ดีว่าความรู้สึกลึกๆ มันไม่ได้อยากคุยในฐานะเพื่อนร่วมคณะนี่หว่า
ไอ้พอร์ชบอกว่า ‘อย่ามองหาตัวแทน’ อย่าชอบใครเพียงเพราะเห็นเขาเป็นตัวแทนของพาย ตอนที่ผมเห็นข้อความนี้
ผมรู้สึกว่าไอ้พอร์ชรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าผมเสียอีก
ภาพวาดที่คิดว่ามันเป็นเด็กเรียนธรรมดาปลิวหายไปในทันที คนที่ดูไม่สนไม่แคร์เรื่องความรักดันเข้าใจความรักดีกว่า
มันทำเหมือนเข้าใจความรู้สึกผมเลย
ช่วงนี้ไอ้พอร์ชมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ส่วนผมก็กลายร่างเป็นเด็กให้ผู้ใหญ่อย่างมันสอน
ไอ้พอร์ชเป็นคนเข้าใจความรัก เป็นคนที่คิดว่าจุดจบความรักของมันคงสวยงามกว่าผมเยอะ
มันคงไม่เจ็บปวดเหมือนที่ผมรู้สึก
เพราะงั้นผมเลยกลัวว่าไอ้เต้จะทำให้ไอ้พอร์ชมีจุดจบต่างจากที่ผมคิด
มันจะเป็นยังไงถ้าวันนึงทั้งสองคนนี้คบกันจริงจัง
นานวันไปไอ้เต้จะเบื่อไหม จะหาเรื่องชวนทะเลาะเพื่อเลิกกันหรือเปล่า
ถ้าสองคนนี้คบกันแล้วไปไม่รอดขึ้นมา ผมคงรู้สึกผิดกับมัน
เพราะคนที่ทำให้ไอ้เต้รู้จักมันคือผมเอง ผมที่พาทั้งสองคนนี้มาเจอกัน
เพราะงั้นไม่ว่ายังไง
ผมจะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์สองคนนี้เกินเลยไปกว่าพี่น้องแน่นอน
ผมกวักมือเรียกไอ้เต้มานั่งที่เดิม หลังจากที่มันออกไปยืนเด็ดใบไม้เล่น
กลัวว่าถ้าไม่รีบเรียกมันกลับมา ต้นไม้ของมหา'ลัยคงไม่เหลือสักใบ
ถึงกระนั้นบทสนทนาของมันกับคนปลายสายก็ยังไม่สิ้นสุด
“สัดเกรท! อะไรของมึงเนี่ย”
มันโวยวายเมื่อผมคว้าสมาร์ทโฟนของมันมา
“กูเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าไอ้พอร์ชมันชอบกินอะไร เดี๋ยวกูบอกมึงเอง”
แถได้อีกกู… ถ้าเพิ่งนึกได้เหมือนอย่างที่ปากว่า
ป่านนี้ไอ้เต้คงไม่ต้องการคำตอบจากปากผมหรอก มันคงถามไอ้พอร์ชแล้วได้คำตอบไปเรียบร้อยแล้วมั้ง
ดีไม่ดีอาจจะได้ความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากแซลม่อนที่ผมมีก็ได้
ผมโฟกัสสายตามาที่หน้าจอโทรศัพท์หมายจะกดวางสาย
“ไหนมึงบอกให้กูถามน้องเองไง นี่น้องกำลังจะตอบกูนะเว้ย”
คุยกันตั้งนานมันเพิ่งจะถามงั้นหรอ โอ้โห! ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่วะ
มึงแต่งเพลงฉ่อยคุยกันหรือไง ช้าชิบหาย
ทว่าพอจะกดวางสายหน้าจอกลับไม่มีปุ่มแดงๆ ไม่มีเวลาบอกว่าเมื่อกี้คุยกันกี่นาที ไม่มีชื่อคนที่มันโทรหา
หรือเมื่อกี้ไอ้พอร์ช รอนานจนวางสายไปก่อนแล้ววะ เออ… ก็อาจเป็นไปได้
“โหย~ เพราะมึงเลยไอ้เกรท
น้องวางสายกูไปแล้วเนี่ย” มันแย่งโทรศัพท์ของตัวเองคืนไป
ไม่วายบ่นผมซึ่งเป็นสาเหตุของความพลาดในครั้งนี้
จะโทษผมมันก็ไม่ถูกนะ ใครบอกให้มันช้าเองล่ะ
…….
ไอ้เต้ทำตาลุกวาวเมื่อผมพามันมาโผล่ที่กลางห้างหลังเรียนเสร็จ บ่นอยากมาซื้อของนักเลยจัดให้ซะเลย
“ตื่นเต้นว่ะ มึงนำไปดิ๊” มันบอกก่อนจะควักเงินในกระเป๋าออกมานับ
เห็นแล้วขำ มันไม่รู้ตัวหรอกว่าเงินในกระเป่าจะได้เกลี้ยงเพราะของชอบไอ้พอร์ช ไม่สิ ต้องบอกว่าของชอบผมถึงจะถูก
อย่างที่รู้ว่าไอ้พอร์ชไม่เรื่องมากกับของกิน
ซื้อขนมข้างทางให้กินยังได้ ไม่จำเป็นต้องจัดแซลม่อนชุดใหญ่ให้เปลืองเงิน เครป 50
บาทก็หรูแล้ว แต่ถ้าผมบอกไอ้เต้มันจะไปสนุกอะไร อยากเห็นกระเป๋าเงินมันแบนชิบหาย เป็นป๋าทุ่มหนึ่งวันนะครับเพื่อน
“มาเลือกผลไม้ก่อน” ผมเข็นรถมาหยุดที่โซนผลไม้
ของที่ไอ้พอร์ชชอบคิดไม่ยากเลย อะไรที่กินแล้วอ้วนนั่นแหละ
“มึงวางทุเรียนลงเลย ไอ้พอร์ชมันไม่ชอบ” ผมรีบห้ามคนที่ปรี่เข้าไปหยิบถาดราชาผลไม้ ปากบอกให้นำ
แต่ไหงมือมันหยิบก่อนปากผมจะสั่งอีกวะ
“มันน่ากินนี่หว่า น้องไม่กินเดี๋ยวกูกินเองก็ได้” ฟังซะที่ไหน
ถ้ามันบอกว่าซื้อมากินเองก็แล้วไป
ตอนนี้ในรถเข็นมีมังคุด
ฝรั่ง สับปะรดแล้วก็ทุเรียนของไอ้เต้ ถือว่าราคายังเบาะๆ
แค่นี้ไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าไอ้เต้ลดหรอก เราต้องไปต่อที่โซนต่อไปครับ
“เฮ้ย! นี่น้องชอบกินน้ำมะเขือเทศหรอวะ” จะว่ามันเป็นความเผลอของผมก็ว่าได้
ทุกครั้งที่ซื้อของเข้าบ้านผมมักจะหยิบไอ้นี่ติดมือประจำ
คราวนี้ลืมไงว่าผมกำลังซื้อของชอบไอ้พอร์ช
และในเมื่อไอ้เต้เชื่อว่าไอ้น้ำมะเขือเทศดอยคำเป็นที่โปรดปรานของนายศิฑาผมเลยหันไปพยักหน้าตอบรับ
ใครไม่ชอบรถชาติมันจะรู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน แต่คุณครับ เราดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ ไม่ใช่เอาแค่อร่อยเว้ย
เพราะงั้นกลั้นใจดื่มๆไปเถอะ ของเขาดีจะตายเชื่อผมสิ
“กูว่าเราไปดูขนมต่อดีกว่า” ไม่อยู่นานไอ้เต้ก็เป็นคนเข็นรถไปโซนอื่น นำโด่งไปถึงโซนขบเคี้ยวแล้ว และนี้แหละ แหล่งเผาผลาญเงิน
“มึงอย่าเดินมาทางนี้นะ” ไอ้เต้กางแขนขวางทาง
“ทำไมกูจะเดินไปทางนี้ไม่ได้ พ่อมึงเป็นเจ้าของห้างหรอมาสั่งกูเนี่ย”
ผมปัดแขนข้างหนึ่งของมันให้พ้นทาง
เดินดูขนมที่พนักงานเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ และ…
กึก!
“กูว่าแล้ว” เสียงคนด้านหลังดังขึ้นเมื่อผมหยุดนิ่งอยู่ที่ถาดขนมชนิดหนึ่ง
‘พาย’ รวมพายทุกไส้เลยก็ว่าได้
พอเห็นขนมมันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนชื่อนี้ ป่านนี้จะมีความสุขแค่ไหน
“มึงจะซื้อหรอ”
“อืม” ทำได้เพียงครางรับแล้วหยิบถุงมาใส่พายสักสองสามชิ้น
ทำใจว่ามันก็แค่ขนม ทำไมผมต้องคิดมากด้วย
ทว่าสิ่งที่ผมพยายามปลอบใจตัวเองไม่ได้ช่วยทำให้ความรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
อารมณ์สนุกที่มีกับการแกล้งเพื่อนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ผมแค่เดินเอื่อยๆตามหลังไอ้เต้ ซึ่งมันก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงเงียบไป
กระทั่งถึงแคชเชียร์ ถึงช่วยยกของออกจากรถเข็นให้พนักคิดเงิน
‘คิดถึงพายว่ะ’ มันเป็นความคิดถึงที่ไม่สามารถหายไปได้เพียงแค่การพบหน้ากับได้ยินเสียงพูดของพาย
และจากสมองเล็กๆของผมประมวลได้ มันไม่ใช่การคิดถึงคนคนนึงหรอก
มันเป็นความรู้สึกที่อยากกลับไปอยู่ในสถานะเดิมมากกว่า
อยากโทรหา อยากรายงานว่าตัวเองอยู่ไหนเหมือนที่เคยทำ พอไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนวันนึงมีเวลา
30
ชั่วโมง มันเยอะจนน่าเบื่อ…
พยายามห้ามตัวเองว่าอย่าจมอยู่กับอดีตมากนัก แต่คนอกหักก็คือคนอกหัก
คนยังทำใจให้ชินไม่ได้ จะให้เฮฮาเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันก็ไม่ใช่
“โอเคปะ”
คนขับรถหันมาถามหลังรถหยุดนิ่งเพราะไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีแดง
ตัวเลข 3 หลักที่โชว์หราบอกว่าคงใช้เวลาอีกนานกว่ารถจะเคลื่อนตัวอีกครั้ง
“พอไหว” ผมตอบกลับ หันหน้าออกไปมองรถที่ติดอยู่ข้างๆ กัน
แต่สมองก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับรถคันข้างๆ เลย เคยไหม… มองเฉยๆ แต่ในหัวกลับคิดไปอีกเรื่อง
ถ้าไม่เจออะไรกระตุ้นความรู้สึกนี้ก็คงถูกเก็บเอาไว้
ทำไมการทำใจให้ชินกับการเปลี่ยนแปลงมันยากเย็นอย่างนี้วะ
ถึงไม่ใช่คนที่จำเจอยู่กับอะไรเดิมๆ
แต่ผมก็อยากให้คนที่ใช้สถานะแฟนเป็นคนเดิมทุกปีนะเว้ย คนที่พร้อมจะเดินไปด้วยกัน
ขอเป็นคนๆ เดิมได้ไหมล่ะ
“ไม่ลองมองคนใหม่บ้างวะ หาคนมาดามใจบ้างก็ได้” ผมส่ายหน้า
การมองหาคนใหม่ในเวลานี้ไม่ได้มีอยู่ในระบบความคิดเลยสักนิด
“ฟังเพลงปะเดี๋ยวเปิดให้ฟัง” ไอ้เต้เอื้อมมือไปเปิดเพลงพร้อมๆ กับไฟจรจรที่ขึ้นเป็นสีเขียว
ด้วยความที่ไม่ได้อยากให้บรรยากาศมันเงียบเลยไม่ได้ปฏิเสธอะไร
แต่ใครจะรู้ว่าเพลงนั้นจะทำให้ผมจมดิ่งลงไปกว่าเดิม…
~
นอน… ฉันก็ยังนอนคนเดียวอยู่
ฉันก็ยังตัวคนเดียวอยู่ ไม่มีอะไร มีแต่ใจที่ยังมั่นคงต่อเธอ
ไอ้เต้ยิ้มแหย กดเปลี่ยนเพลงแทบจะทันที เขาบอกว่าถ้าเราฟังเพลงอกหักในร้านเหล้าจะอินกว่าปกติ
แต่ตอนนี้ ไม่ต้องพึ่งร้านเหล้าผมก็เข้าใจถึงความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดี
มาถึงบ้านตัวเพลงพร้อมสติที่เริ่มจะกลับเข้าร่างหลังจากเหม่อลอยอยู่นาน
ผมช่วยไอ้เต้ขนของ (ไอ้หมูพอร์ช) ลงมาจากรถ ไม่รู้ตอนนี้มันจะกลับมาจากโรงเรียนแล้วหรือยัง
“ทำไมห้องนอนมึงไม่ตรงกับห้องนอนน้องวะ ไม่เหมือนในหนังที่ห้องพระเอกกับนางเอกจะอยู่ตรงข้ามกัน”
ไอ้เต้เอ่ยขึ้น
มันเคยมาห้องผมหลายครั้ง
แต่ครั้งนี้มันดันพูดเรื่องเดียวกับที่ไอ้พอร์ชเคยถามเมื่อตอนเด็ก
แต่เดี๋ยวนะเพื่อน นี่มันชีวิตจริงไหมละ ไม่มีหรอกพระเอกนางเอกอยู่ห้องตรงข้ามกัน
“แม่กูไปดูดวงมา หมอดูบอกว่าถ้าสร้างห้องนอนกูตรงกับห้องนอนของลูกชายคนข้างบ้าน
เพื่อนกูจะขอมานอนด้วยทุกวัน”
“สัด! กูไม่ทำขนาดนั้นหรอก
อย่างน้อยก็กลับไปนอนคอนโดตัวเองวันเสาร์-อาทิตย์“ แหม… ไอ้หยุดพักไปสองวันคือเกรงใจกูแล้วใช่ไหมวะ?
“มึงไปอยู่คอนโดกูก็ได้นะ ให้อยู่ฟรี” ถุ้ย!
“รกขนาดนั้นกูคงนอนได้อยู่หรอก เกิดมีงูอยู่ในห้องกูไม่ตายเลยหรือไง”
“ตายไปได้ก็ดีกูจะได้ไม่มีคู่แข่ง”
“ห๊ะ! คู่แข่งอะไรของมึง” สติสตางค์ยังอยู่ครบไหมเนี่ย
“ไม่มีไร ไปหาน้องกันเถอะ” มึงเพิ่งขึ้นมาบนห้องเมื่อกี้เองนะ
จะพักหน่อยสักนิดได้ไหมล่ะ เอะอะน้องพอร์ชตลอด กูจะบ้าตาย
“มันยังไม่กลับมาหรอก”
“น้องมาแล้ว ดูดิ..” มันยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดูแชทที่คุยกับไอ้พอร์ช
เดี๋ยวนี้แม่งพัฒนาว่ะ แล้วอย่างนี้ผมจะห้ามยังไงไหว
ถ้าปล่อยไปอย่างนี้ไอ้พอร์ชได้ตกหลุมพรางไอ้เต้แน่
ผมจำใจเดินตามเพื่อนคนเดียวลงไปยังชั้นล่าง
ยกถุงเดินตามหลังไอ้เต้ประหนึ่งว่าเป็นคนรับใช้ ออกมาจากรั้วบ้านตัวเองก็เห็นไอ้หมูยืนยิ้มแป้น
ผมเดินเข้าไปประชิดมันก่อนไอ้เต้ ที่รีบไม่ใช่อะไร คือกูหนักครับ แล้วดูมัน…
ไม่คิดจะช่วยกันถือเลยใช่ไหม
“พอร์ชช่วยปะ”
“อะ…”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวพวกพี่ถือเอง” กำลังจะตอบตกลงไอ้มารผจญด้านหลังก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
ถามกูสักคำหรือยังว่ากูอยากถือ วันหลังก็ถามเพื่อนก่อนก็ได้
ไอ้พอร์ชสบตากับผม เหมือนจะถามว่าให้ถือช่วยไหม
“เปิดประตูบ้านดิ๊” ผมออกคำสั่ง
ไหนๆ ก็ถือมาถึงบ้านมันละเนี่ย ถือต่อไปก็ได้
“ขอบคุณมากนะครับพี่เต้”
มันส่งยิ้มให้ไอ้เต้ โห…
กูนี่อากาศเลย รู้สึกอยากเฟดตัวออกไปห่างๆ ก็ไม่อยากยืนเป็นกขคหรอก
ถ้าไม่ติดว่าต้องดูความเคลื่อนไหวของสองคนนี้ไม่ให้คลาดสายตา
แล้วดูมันดิ…
อุตส่าห์ถือเข้ามาให้ ไหนคำขอบคุณสำหรับผมวะ
“แล้วกูล่ะ” ปากหนอปาก
ยังไม่สั่งให้พูดก็ไม่ต้องรีบโพล่งออกไปก็ได้ไหม บางทีก็อยากให้มันเป็นแค่ความคิดไหมวะ
“แล้วพี่ใช่คนที่ซื้อของพวกนี้ให้ผมไหมล่ะ” ใช่สิ ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นนี่หว่า
“น้องพอร์ชชอบหรือเปล่า” โคตรส่วนเกิน…
“มากกกกกกครับ” มันลากเสียงยาว
ซึ่งผมไม่เห็นว่าจะสำคัญตรงไหน เอาแค่มึงยิ้มตอนที่เห็นพวกกูถือของมาเขาก็รู้กันทั้งซอยแล้วไหม
“หูยย~ มีทุเรียนด้วย พอร์ชโคตรชอบเลย
นี่เพิ่งคุยกับแม่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน” เอาแล้วๆ
ไอ้เต้แม่งหันมาจ้องผมเขม็งเลย
“ไหนมึงบอกว่าน้องไม่ชอบทุเรียนไง”
“พอร์ชเคยบอกพี่เกรทตอนไหนว่าไม่ชอบทุเรียน” เอ้อ~
กูขอโทษ
“สงสัยกูจำผิด” สองคนนั้นส่ายหน้า
ผมเลยเฟดตัวอกมานั่งที่ห้องนั่งเล่น
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแต่หูก็ยังได้ยินเสียงสองคนนั้นคุยกันอยู่ดี
อยากตะโกนออกไปว่า
‘รำคาญโว้ย’ แต่ก็ต้องคีพลุคเป็นนิ่ง
ทั้งที่มันเกิดความรู้สึกแปลกๆ ในใจ
หงุดหงิดชิบหายระบายกับอะไรได้บ้าง ถ้าชกหมอนอิงจนพังจะโดนไอ้หมูมันว่าอะไรไหม
*******
ความคิดเห็น