คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ครึ่งใจ
นานทีจะเป็นฝ่ายหยอดคำเสี่ยวแต่ดันลืมสกิลความฝีปากร้ายของพี่เกรทไปได้
จริงอย่างพี่มันว่าแหละ คิดจะเป็นคนสำคัญก็ต้องไต่เต้ามาให้ถึงตัวสำรองให้ได้ซะก่อน
ผมว่าการที่เราทะเลาะกันครั้งนี้มันก็สร้างความใกล้ชิดบางอย่างขึ้น
พี่มันยอมคุยกับผมมากกว่าเดิม ถึงแม้จะเป็นการคุยไปกวนไปก็เถอะ แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีล่ะมั้ง
[ยังอยู่หรือเปล่า]
เสียงของไอ้มิวซ์เรียกสติผมกลับคืนมา เอาแต่คิดถึงเรื่องพี่เกรทจนลืมไปว่าตอนนี้คุยกับมันอยู่
แน่นอนว่าผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้มันฟัง แรกๆ มันก็ด่าไอ้พี่เกรทนั่นแหละ จบเรื่องกลายเป็นผมโดนด่าซะงั้น
“ยังอยู่ๆ”
[ถ้าพี่เกรทไม่ได้กลับไปคืนดีกับพี่พาย พอร์ชก็มีหวังน่ะสิ]
พูดอีกก็ถูกอีก…
ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อวานพี่มันจะขอโทษผมด้วย ฟังจากที่เล่าก็รู้สึกเห็นใจอ่ะนะ คนที่แฟน(เก่า) บอกว่าชอบคนอื่นมากกว่าตัวเองแม่งจะเจ็บแค่ไหนวะ
ถ้าผมเป็นพี่เกรทก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมอารมณ์ได้เท่าพี่มันไหม ดีไม่ดีผมอาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้ ไม่เดินตามหาเด็กข้างบ้านให้เหนื่อยหรอก คิดแล้วก็ปลื้มใจที่รู้ว่าพี่เกรทเป็นห่วงขนาดนี้
“ก็คงงั้น กูว่าจะเนียนเป็นคนปลอบใจพี่เกรทเรื่อยๆ งี้แหละ”
นี่คือสิ่งที่ผมคิดหลังจากที่ได้ฟังเรื่องของพี่เกรทบ้าง
การได้เป็นคนปลอบใจพี่เกรทก็คงทำให้ผมอยู่ในสายตาพี่มันบ้าง
แอบหยอดให้พี่มันรู้ตัวสักนิด กวนพี่มันให้โมโหบ้างบางคราว ไม่นานก็คงตกหลุม
[งี้พอร์ชก็ต้องคุยกับพี่เกรทบ่อยๆ นะ]
“รู้แล้วน่า~”
ติ๊ง~
ผมกดเข้าไปดูแจ้งเตือนของเฟซบุ๊ค ส่วนใหญ่ก็มีแต่แจ้งเตือนตอนที่เพื่อนมาไลค์นี่แหละ เว้นก็แต่คราวนี้ที่มีแจ้งเตือนถึงคนที่ผมติดดาวเอาไว้
“ไว้คุยกันนะ แม่เรียกว่ะ” ผมบอกคนปลายสาย
กลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะสติผมหลุดไปกับโพสต์ล่าสุดของไอ้พี่เกรทแล้ว
[โอเค บาย]
สายถูกตัดไป
ผมเลยกลับมาโฟกัสที่โพสต์ของพี่เกรทอีกครั้ง
►สุดทางแค่นี้ความรัก
ไม่ว่าฉันคิดไกลสักแค่ไหน..
เพียงไม่กี่นาทียอดไลค์ก็พุ่งไปถึงสองร้อย แฟนคลับพี่มันคงจะเยอะสิท่า
เฮ้อ… บางทีผมก็ไม่ชอบที่มีคนรู้จักพี่เกรทเยอะอย่างนี้
ไม่ชอบที่พี่มันไปประกวดหุ่นอะไรนั่นด้วย แม่งโคตรไม่ชอบเลย ทำไมไม่เป็นพี่เกรทที่ผมรู้จักแค่คนเดียววะ
ผมกดถูกใจไปเรียบร้อย คิดว่าถ้าทักไปพี่มันจะตอบผมไหม
#เพ้อจังนะ
ส่งปุ๊บก็ read ปั๊บ นึกว่าจะได้รอนานข้ามวัน
ลุ้นว่ะ… พี่มันจะตอบอะไรกลับมาวะ
*เสือกว่ะ
อยากเสือกไม่ได้หรือไงเล่า!
#คิดถึงพี่พายอ่ะดิ
ไม่ได้จงใจจี้ปมความรักของพี่มันนะ แต่ใครบอกให้ด่ากันก่อนล่ะ
*เรื่องของกู
ไม่ได้ต่างจากเมื่อกี้เท่าไหร่ แต่ถือว่ามันซอฟท์ลงกว่าเยอะเลย
ผมว่าในหัวพี่เกรทต้องถูกแบ่งเป็นซีกซ้ายกับซีกขวา ทางซ้ายก็จะมีแต่คำพูดดีๆ
เพราะๆ ซึ่งนั่นเอาไว้พูดกับครอบครัว แฟน เพื่อน ส่วนทางขวาพี่มันต้องมีแต่คำกวนๆ อย่างนี้ และแน่นอนว่ามีแต่ผมที่ได้รับฟังคำเหล่านั้น รู้สึกพิเศษแบบแปลกๆ แฮะ
#มีอะไรก็บอกพอร์ชได้นะเว้ย
คุยกับพอร์ชได้
ผมบอกด้วยความหวังดี
อย่างน้อยก็อยากเป็นคนที่พี่เกรทระบายเรื่องนี้ให้ฟังได้
จะได้รู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์บ้าง
*บอกไปมึงก็ไม่เข้าใจกูหรอก
ช่วงที่ผมต้องทำใจว่าพี่เกรทมีแฟนมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก ไอ้พี่เกรทไม่ได้มีท่าทีเหมือนจะสนใจใคร พี่พายก็คงจะเหมือนกัน
คงไม่ได้แสดงท่าทีว่าชอบคนอื่นนอกจากพี่เกรทแน่ พี่เกรทไม่มีคำว่า ‘กูชอบคนนี้ว่ะ’ หลุดปากมาให้ได้ยินเลยสักครั้ง และมันก็ทำให้ผมตั้งตัวไม่อยู่เมื่อได้ยินว่าพี่พายคือแฟนพี่เกรท
เหมือนที่พี่เกรทรู้ว่าพี่พายชอบคนอื่นนั่นแหละ
ในตอนนั้นร่างกายที่ว่าแย่ยังไม่เท่าใจที่พังเลย ผมตัดสินใจเรียนพิเศษทุกเลิกเรียนเพื่อหลบหน้าพี่เกรท เพื่อหนีความจริง เพื่อให้สมองไม่ต้องมีเวลาว่างมานั่งคิดถึงคนข้างบ้าน ทำทุกอย่างให้ตัวเองยุ่งอยู่ตลอดเวลา ใช้ข้ออ้างที่ว่าอยากเป็นหมอฟันเพื่อให้แม่ไม่ขัด
แต่สุดท้าย… ถึงผมจะขัดพ่อกับแม่ได้ ถึงวิธีนี้จะทำให้ผมไม่มีเวลาว่างมาคิดถึงพี่เกรท ร่างกายของผมกลับไม่ไหว
มันทำให้ผมรู้ว่าวิธีนี้ไม่ได้ดีสำหรับร่างกายผมเลย
มันเป็นวิธีทำร้ายร่างกายอีกทางต่างหาก
#ถึงพอร์ชจะไม่เข้าใจแต่พอร์ชก็รับฟังได้นะ
#พี่เกรทเป็นพี่พอร์ช
อะไรไม่สบายใจก็บอกน้องคนนี้ได้เสมอ
นานทีจะเห็นผมจริงจังอย่างนี้ และนี่เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมได้เข้าใกล้พี่เกรทไปอีกขั้น ถึงไม่รู้ว่าขั้นบันไดมันจะมีเยอะเท่าไหร่
แต่ผมก็ต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้
*กูคิดถึงพาย
*กูพยายามจะเริ่มใหม่แล้วว่ะ
แต่แม่งก็ไม่ได้
*พยายามจะมองคนใหม่
แต่ก็ไม่มีใครมาแทนพายได้เลย
ผมยิ้ม… ไม่ใช่รอยยิ้มที่มาจากความสมเพชตัวเอง
หรือสงสารตัวเองแต่อย่างใด แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากความพึงพอใจกับสิ่งที่เห็น
ผมชอบที่ไอ้พี่เกรทบอกว่าไม่มีใครมาแทนที่พี่พายได้
ผมจะเกลียดพี่เกรทถ้าพี่มันบอกว่ากำลังมองหาใครเพื่อมาแทนที่คนที่จากไป
#มันแค่เริ่มต้นเองพี่
จะรีบลืมไปทำไมวะ
#สิ่งนึงที่พี่ควรเลิกทำคืออย่ามองหาตัวแทน
อย่าชอบใครเพราะเห็นว่าเขาเป็นตัวแทนของพี่พาย
เพราะถ้าเขารู้ว่าเขาเป็นแค่ตัวแทนมันคงจะเจ็บน่าดู
เจ็บกว่าฐานะตัวสำรองที่ผมยังไปไม่ถึงอีก
#อย่าลืมมันแต่ให้เก็บมันไว้ในความทรงจำก็พอ
#เก็บพี่พายไว้อีกครึ่ง
ส่วนอีกครึ่งก็ใช้มันเพื่อเริ่มต้นใหม่ในเวลาที่สมควร
สิ่งนึงที่ทำให้เราไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้
เพราะเรามัวแต่คิดว่าเราต้องลืมแฟนเก่าให้ได้ แต่แฟนเก่าก็เป็นคนคนนึงเลยนะ เราสามารถลืมใครสักคนได้จริงๆ หรอ โดยเฉพาะคนที่ทำให้เราเจ็บอย่างนี้ ไม่ได้หรอก วิธีง่ายๆ ซึ่งอาจจะเจ็บหน่อยคือทำใจยอมรับมันซะ ยอมรับว่าเราไม่สามารถทำให้มันกลับไปเป็นเหมือนอดีตได้แล้วเก็บมันไว้เป็นบทเรียน
*ไปเอามาจากหนังเรื่องไหนอีกล่ะ
#ดูถูกว่ะ นี่คิดเองเลยนะ
*คนอย่างมึงเนี่ยนะ
รู้จักความรักหรือยัง?
ก็รู้จักดีกว่าคนที่อกหักแล้วทำใจยังไม่ได้ก็แล้วกัน…
#พอร์ชจริงจังนะเว้ยที่บอกไปอ่ะ
*อืม
คำว่า ‘อืม’ สำหรับใครหลายคน
อาจหมายถึงคำตอบส่งๆ เพื่อให้เราเลิกถาม แต่สำหรับผม มันคือการอนุญาตให้ผมก้าวสู่โลกอีกใบ
แม้จะไม่รู้ว่าได้สิทธิ์นั้นมากแค่ไหนก็เถอะ
สเตตัสสุดท้ายหลังจากคุยกับพี่เกรทในวันนี้ ก็คงจะมีแต่เนื้อเพลงนี้เท่านั้นแหละที่แทนความในใจได้
►อยากขอแค่ครึ่งใจให้เธอเริ่มต้นใหม่กับฉัน
ไม่ขอมากไปใช่ไหมพี่เกรท…
…….
“ป้านงสวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักทายหญิงวัยทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ป้านงเป็นแม่ของพี่เกรท เป็นป้าข้างบ้านของผม แล้วก็เป็นเหมือนป้าแท้ๆ ของผมด้วย
อธิบายก่อนว่าทำไมผมมาโผล่ที่หน้าบ้านพี่เกรทในเวลาที่เพลงเคารพธงชาติยังไม่ร้อง
คืองี้…
ผมกำลังทำปฏิบัติการลับๆ
ปฏิบัติการหัวใจที่แม้แต่พี่เกรทเองยังไม่รู้ตัว
บอกได้ว่าต่อไปนี้ชีวิตไอ้พี่เกรทจะเห็นหน้าผมทุกวันแน่นอน
“เข้ามาก่อนสิพอร์ช.. ” คุณป้ากวักมือให้ผมเข้าไปด้านใน
ก่อนจะปิดประตูรั้ว
“เมื่อเช้าป้าไปตลาดเจอขนมที่เราชอบเลยซื้อติดมือมาด้วย
ว่าจะให้พี่เกรทเอาไปให้ตอนตื่น” พอได้ยินคำว่าไอ้พี่เกรทยังไม่ตื่นเท่านั้นแหละ
หูผึ่งเลย
อยากเห็นหน้าพี่มันตอนเหวอจังเลย
เสียดายที่ไม่ได้หยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วย
“ขอบคุณครับป้า… นี่พี่เกรทนอนอยู่บนห้องใช่ไหมครับ”
เดินเข้ามาบ้านปุ๊บผมก็ชี้ไปยังชั้นสอง พลางคิดว่าแกล้งยังไงให้พี่มันตกใจดี
ป้านีพยักหน้า
แวบนึงที่ป้าและผมสบตากัน เราเข้าใจกันถึงแผนร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
เพราะงั้นป้านงเลยเอ่ยขึ้นมา
“ป้าฝากพอร์ชปลุกพี่เกรทหน่อยนะลูก แล้วเดี๋ยวลงมาทานข้าวเช้าด้วยกัน”
ใจจริงก็อยากปฏิเสธอยู่หรอกนะเพราะว่าท้องมันอิ่มแล้ว
แต่เดี๋ยวแกล้งไอ้พี่เกรทเสร็จค่อยบอกป้านีทีหลังก็ได้เนอะ
ผมเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง
ยิ่งเข้าใกล้ห้องพี่เกรทเท้าสองข้างก็ค่อยๆ ย่องไปอย่างเงียบเชียบ
ไอ้พี่เกรทจะล็อคห้องไหมนะ…
แกร๊ก~
เสร็จโจร หึๆ
เข้าไปในห้องพี่มันเรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง
พี่เกรทใส่เสื้อกล้ามตัวโคร่งกับกางเกงขายาว
ผ้าห่มถูกถีบไปอยู่ที่ปลายเท้าอย่างคนขี้ร้อน
ไม่รู้ตัวว่าเผลอนั่งลงบนเตียงตั้งแต่ตอนไหน
แต่รู้ว่าอยากหยุดเวลาเอาไว้ที่ตอนนี้ ตอนที่ได้มองหน้าพี่เกรท
คนที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่ก็ยังดูดี คนที่ใส่แค่เสื้อกล้ามก็ยังหล่อ
คนที่ผมชอบแอบมองอยู่บ่อยๆ
“หันมาชอบพอร์ชเถอะ” ผมพูดกับคนที่หลับไม่ได้สติ
ทว่าหลังจากนั้นพี่มันก็เหมือนจะรู้สึกตัว
เปลือกตาสองข้างเปิดขึ้น ก่อนจะเบิกกว้างอย่าตกใจ ตามมาด้วย…
เท้ากระตุก
“โอ๊ย!!”
“เฮ้ย! มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย แล้วเป็นไรมากไหม
โทษทีว่ะ” พี่มันรีบลุกจากเตียงมาดูผมที่นั่งอยู่กับพื้น
บอกได้คำเดียวว่าปวด ถีบมาได้ไง?
“ถีบพอร์ชทำไมวะ” ลุกขึ้นเสร็จผมก็ย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน
กลัวพี่มันจะมีอาการเท้ากระตุกอีกรอบ เอาแค่รอบเดียวก็ปวดสะโพกแล้วเนี่ย
“เพราะมึงนั่นแหละทำกูตกใจ” อ้าวว ผิดเองสินะ “แล้วนี่เข้ามาในห้องกูได้ไง”
“เดินทะลุกำแพงมามั้ง” รู้กันอยู่ว่าต้องเปิดประตูเข้ามา
ถามทำไมวะ แต่เหมือนคำตอบจะไม่เข้าหูพี่ชายสักเท่าไหร่
“อยากกินตีนไหมไอ้พอร์ช”
“ขอตีนไก่นะ ชุบแป้งทอดมาด้วยก็ได้”
“มีแต่ตีนกูจะกินไหม” อูยยย เกรี้ยวกราดว่ะคนเรา
“มาปลุกไปกินข้าว”
แล้วก็ยอมบอกเหตุผลที่เข้ามาในห้องนอน
กวนอีกทีมีหวังโดนเตะออกจากห้องแน่ ไหนใครว่าหลังตื่นนอนเราจะอารมณ์ดีไงวะ
“บอกแม่ว่าเดี๋ยวกูลงไป” ง่ะ… เศร้าอีกละ
“พี่จะประชดรักด้วยการไม่กินข้าวไม่ได้นะเว้ย”
ผมลุกพรวดไปนั่งที่เตียง เอาหน้าวางบนเข่าทั้งสองข้างพร้อมมองพี่เกรทที่นั่งพิงพนักเตียง
“ไอ้บ้า! ใครมันจะไปทำอย่างนั้นวะ”
เอ้า! ก็นึกว่าพี่มันจะทำใจไม่ได้จนคิดทำอะไรบ้าๆ ไง
เป็นห่วงก่อนไม่ได้หรอ
“นี่อย่าบอกว่าจะมาชวนกูคุยให้หายเครียดนะ” ได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้คนรู้ทัน “นั่นไงมึงไม่ต้องมายิ้มเลย”
“กลัวพี่เครียดนี่”
“กูจะได้รำคาญมึงตอนนี้นี่แหละ”
พี่มันพึมพำเบาๆ “แล้วนี่อย่าบอกว่าจะมาหากูทุกวันนะ”
ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหนในเมือแต่ก่อนเราก็สนิทกัน
กลับมาคุยกันเหมือนเดิม กลับมาเจอหน้ากันเหมือนเดิม
สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมเห็นจะเป็นความรู้สึกตอนนี้ที่มันก่อตัวเพิ่มขึ้นทุกวัน มันก็ดีไม่ใช่หรือไง
“เหมือนแต่ก่อนที่เราสนิทกันไง”
“ถามกูสักคำยังว่าอยากสนิทกับคนหน้าหมูอย่างมึงไหม”
นี่มันด่ากันทางอ้อมว่าผมเหมือนหมูนี่หว่า
ไหนบอกเท่านี้พอดี น่ารักสไตล์พอร์ช เหอะ! กลับคำว่ะ
ทีงี้ว่าผมอ้วนเฉย แต่ถึงจะว่าผมเป็นหมู ขอแค่ได้เป็นหมูของพี่เกรทคนเดียวก็พอ
“ถึงพี่เกรทจะไม่อยากสนิทกับพอร์ช
ไม่อยากเจอหน้าพอร์ช แต่พอร์ชอยากเจอพี่เกรททุกวันเลยนะ”
ปัง!
ผมลุกพรวดมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง
อวัยวะที่เป็นแหล่งสูบฉีดเลือดก็เต้นแรงชิบหาย อีกนิดคงทะลุออกมานอกร่างแล้วมั้ง
หลังจากที่สมองประมวลผลได้ว่าเมื่อกี้เผลอพูดอะไรออกไปผมก็รีบเปิดประตูออกมาจากห้องทันที
ไม่มีเวลาไปมองหรอกว่าพี่มันทำสีหน้าแบบไหน
ได้แต่ภาวนาว่าอย่าคิดอะไรกับคำพูดของผมเลย
ก็นะ… มันเหมือนคำสารภาพเลยนี่หว่า
มีอย่างที่ไหนไปบอกว่าอยากเจอพี่มัน
ขาสองข้างเดินลงบันไดอย่างเอื่อยๆ
แอบชำเลืองดูประตูห้องข้างบนเป็นระยะว่าเจ้าของจะเปิดมันออกมาตอนไหน
“พอร์ชมาทานข้าวเช้าด้วยกันเร็วลูก”
เพิ่งหนีจากลูกชายป้ามาเมื่อกี้ เห็นทีว่าผมคงอยู่ไม่ได้หรอกครับ
“พอร์ชอิ่มแล้วครับป้า
เดี๋ยวยังไงแวะมาหาใหม่นะครับ” ชิ่งสิ จะอยู่ทำไม
*******
[พี่เกรท]
หนึ่งสัปดาห์กับการใช้ชีวิตชายโสด หลายอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม
รับรู้ถึงความอิสระที่ไอ้เต้พูดอยู่บ่อยๆ ว่าผมไม่มีวันเข้าใจ
ไม่เชิงว่าช่วงคบกันต้องคอยรายงานพายทุกเรื่องเวลาที่ไปไหน
แค่บอกให้รู้คร่าวๆ ว่าช่วงเวลานี้ไม่ว่าง ไม่จำเป็นต้องเจาะจงว่าทำธุระอะไร
พายหายไปจากชีวิตผมเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ผมหมายถึงความใกล้ชิดที่เรามีมันหายไป เพราะยังไงผมก็ยังเจอเธอที่คณะอยู่ดี แรกๆ ก็มันทำใจไม่ค่อยได้หรอก
แต่ผ่านไปสักห้าวันมันก็เริ่มชิน
กลายเป็นไอ้หมูข้างบ้านที่ย้ายเข้าอยู่ในวงโคจรชีวิตผม
ทั้งตัวทั้งชื่อคอยวนเวียนอยู่ตลอด จนบางทีก็รำคาญคำว่าพอร์ชไปเลย
ยิ่งไอ้เต้ยิ่งบ่อยเลยเถอะ ประหนึ่งว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์น้องพอร์ชของมัน
“สามนาฬิกาอย่างแจ่มเลยว่ะมึง”
มันใช้เท้าสะกิดเท้าผม ว่างอย่างนี้ก็ไม่เคยคิดจะหาอะไรใส่สมองเลยนะ
เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันมาเรียนหรือมาส่องสาว
รู้ว่าผมไม่สนใจก็ยังชวนมองอยู่ได้ แม่งลืมแล้วหรือไงว่าเพื่อนอกหักน่ะ
“เชี่ยเกรท… น้องคนนั้นมองมึงว่ะ”
มันป้องปากกระซิบ ด้วยควมรำคาญเลยเงยหน้าจากโทรศัพท์หันไปมองตาม
น้องผู้หญิงคนที่มันบอกส่งยิ้มหวานให้
ผมเลยยิ้มกลับ..
ไม่ได้จะหว่านเสน่ห์ ไม่ได้อ่อยใคร แต่ทำเพราะมารยาทต่างหาก
ก่อนจะวกกลับมาทำหน้าบึ้งใส่เพื่อน
“มึงเลิกพูดเรื่องนี้สักทีได้ไหมวะ”
ผมบอกมันตรงๆ เหมือนจะเข้าใจเพราะมันพยักหน้ารัวๆ และใช่… มันเข้าใจว่าควรเลิกพูดถึงผู้หญิง
แต่ไม่เข้าใจว่าผมก็ไม่ได้อยากได้ยินชื่อไอ้หมูข้างบ้านเหมือนกัน
“เย็นนี้กูไปบ้านมึงนะ อยากเจอน้องพอร์ช”
“ย้ายไปอยู่กับมันเลยไหมล่ะ” ผมประชด เริ่มอารมณ์ขุ่นขึ้นมา ถ้าวันนึงไอ้เต้เดินมาบอกผมว่าชอบไอ้พอร์ชผมจะไม่แปลกใจเลย หรือจริงๆ แล้วมันชอบแต่ไม่กล้าบอกวะ
“ถามจริงๆ นะ… มึงชอบไอ้พอร์ชหรอ”
คนตรงหน้าชะงักไป
ถ้ามันชอบไอ้พอร์ชจริงผมไม่สนับสนุนมันแน่พูดเลย วันๆ มองแต่ผู้หญิง เจ้าชู้จะตายไป
เห็นผมไม่สนใจไอ้พอร์ชแต่ผมก็อยากให้มันได้คนดีๆนะเว้ย
คนที่ยังไงก็ไม่ใช่ไอ้เต้เพื่อนผมแน่นอน
“มึงคิดไงล่ะ”
ผมเป็นเพื่อนกับมันสองปีกว่า สองปีที่รู้ทุกความคิด แค่มองตาก็รู้ใจ
แล้วทำไมตอนนี้ผมจะมองไม่ออกว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
อีกอย่างมันก็ไม่ได้จงใจปิดผมแต่แรก ไม่บอกแต่ให้คิดเอาเองก็เหมือนบอกว่าใช่นั่นแหละ
“กูขอเตือนให้มึงเลิกคิด”
“มึงจะกันท่ากูทำไมวะ”
นี่มันไม่รู้ตัวหรอว่าตัวเองนิสัยยังไง มีใครเคยได้สถานะแฟนจากไอ้เต้บ้างล่ะ ไม่… ไม่มีสักคน เล่นไปวันๆ แต่ไอ้พอร์ชคนที่ผมเห็นว่าถึงมันจะทำเล่นไปซะทุกเรื่อง แต่ลึกๆ แล้วมันจริงจัง ยังไงสองคนนี้ก็ไปด้วยกันไม่ได้
ไม่มีทาง… ผมไม่ให้มันเป็นไปได้แน่ๆ
“เพราะมึงเป็นคนเจ้าชู้ไง มึงก็แค่เล่นไปวันๆ ไอ้เต้ กับไอ้พอร์ชกูขอเหอะปล่อยมันไปได้ไหมวะ”
มันตบบ่าผมสองทีก่อนจะทำสีหน้าจริงจัง พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่เพื่อนอย่างผมไม่เคยได้ยิน
คำพูดที่บ่งบอกว่าครั้งนี้มันจะไม่ใช่แค่เล่นๆ
“กูรู้ว่ากูเล่น… แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กูเจอคนที่ใช่ขึ้นมากูก็พร้อมสลัดนิสัยสิ่ง นั่นทิ้งไป กูพร้อมเปลี่ยนเป็นคนจริงใจนะเว้ย“
“…”
“คนนี้มึงหลีกทางให้กูได้ไหมวะ”
และแล้วมันก็พูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน
*******
ความคิดเห็น