ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✰ ✡ Crazy Love ✰ ✡ {เกรทพอร์ช : END}

    ลำดับตอนที่ #5 : เมื่อมันไม่ใช่อย่างหวัง

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 61



    เป็นเช้าวันหยุดที่ตื่นเช้าที่สุดตั้งแต่จำความได้ ผมคว้าเสื้อในตู้ออกมาลองหลายตัว ทำเหมือนผู้หญิงเวลาออกเดทกับผู้ชายครั้งแรก ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะเป็นได้ขนาดนี้

    ผมเลือกใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน แมทช์กับกางเกงขาสั้นสีขาว คิดอยู่สักพักว่าจะใส่หมวกด้วยหรือเปล่า สุดท้ายก็ต้องทิ้งความคิดนี้เพราะเดี๋ยวผมเป็นรอย พี่เต้บอกผมว่าไม่ต้องไปกังวลอะไรมากหรอก ทำตัวปกติเหมือนที่เคยทำนั่นแหละ ยิ่งรนพี่เกรทยิ่งสงสัย ยิ่งใส่ใจพี่เกรทมันยิ่งจะคิดมาก


    ใส่ชุดเรียบร้อยก็หยิบน้ำหอมกลิ่นโปรดมาฉีด ก่อนจะเดินไปยืนเช็คความเรียบร้อยหน้ากระจก หมุนตัวสามรอบเป็นอันเสร็จพิธี… 

    คนอะไรดูดีชิบหาย


    เพิ่งรู้ว่าลูกแม่ก็หล่อกับเขาเหมือนกันลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นคุณนายนั่งดูข่าวอยู่ที่โซฟา ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ สงสัยกลิ่นน้ำหอมลอยไปแตะจมูก คุณนายถึงได้หันมาดมกลิ่นผมใหญ่



    ฉีดน้ำหอมด้วย?”


    แน่นอนผมยักไหล่ มองจอ TV ที่มีข่าวหุ้นตก ราคาน้ำมันขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้สึกอินเท่าไหร่ว่ะ สงสัยยังไม่ได้หาเงินใช้เองล่ะมั้งเลยมองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ทั้งที่พ่อกับแม่ก็บ่นประจำทุกครั้งที่ค่าน้ำมันขึ้น


    พ่อไปไหนอ่ะผมเอ่ยถาม ตั้งแต่ลงมายังไม่ได้ยินเสียงคุณชายเลย

    ไปออกรอบกับบอสอีกละ.. “จะกินข้าวเช้าที่บ้านไหม เดี๋ยวแม่ทำให้ผมพยักหน้า ไปกินที่ห้างเดี๋ยวก็ได้เสียเงินเพิ่มอีก

    คุณนายเดินเข้าไปในห้องครัว ได้ยินเสียงเปิดตู้เย็น ผมเลยวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยก่อนจะเดินตามเข้าไป


    พอร์ชอยากกินไก่ทอดอ่ะผมทำเสียงออดอ้อนเผื่อคุณนายใจดียอมทำให้กิน

    อ้วนแล้วยังจะกินของทอดอีกคุณนายบ่น แต่ผมก็เห็นนะว่าหยิบน่องไก่ออกมาจากตู้เย็น


    คุณนายไม่รู้อะไร ผมเลิกซีเรียสเรื่องหุ่นตั้งแต่คุยกับพี่เกรทแล้ว น่ารักสไตล์ตัวเองดีกว่าเยอะเลย


    พี่เกรทนัดไว้กี่โมงล่ะ มัวแต่กินเดี๋ยวก็สายซะหรอกเหอะ.. คิดว่าพี่เกรทจะตื่นเช้าหรือไง รายนั้นไม่ต่างกับผมเท่าไหร่หรอก

    เก้าโมงครับผมมองดูเวลาที่ข้อมือ นี่เพิ่งจะแปดโมงเช้า มีเวลาอีกเหลือเฟือ


    พอร์ชไปเรียกพี่เกรทมาทานข้าวด้วยกันสิมือที่กำลังหยิบส้มชะงัก

    ตอนนี้หรอ?”

    ก็ใช่น่ะสิไอ้พี่เกรทไอ้คนขัดจังวะ ผมวางส้มไว้ที่เดิม เดินกระทืบเท้าออกไปอย่างหัวเสีย


    ทว่ายังไม่ทันได้เปิดประตัวออกจากรั้วก็เห็นร่างของพี่มันกำลังเดินออกมาจากบ้านพอดี นึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นพี่เกรทในสภาพดูดี ไม่ใช่ชุดนอนย้วยๆ ทำไมวันนี้ตื่นเช้าได้วะหรืออยากไปดูหนังกับผมเร็วๆ ก็บ้าละ อย่าเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลยไอ้พอร์ช

    พี่เกรทเดินมาเปิดประตูรั้วตัวเอง ก่อนจะชะงักเมื่อเจอผม


    กูกำลังจะไปเรียกมึงพอดี เสร็จแล้วใช่ปะเห็นใบหน้าพี่มันมีรอยยิ้มก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ 

    รอยยิ้มพี่เกรทเหมือนหลุมขนาดลึก เดินไม่ระวังแล้วตกลงไปมีหวังไต่ขึ้นมาไม่ได้แน่ เหมือนผมที่เป็นอยู่ตอนนี้ไง


    ไปเร็วเดี๋ยวสายว่าแต่ทำไมพี่มันดูรีบจังวะ ยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย

    พอร์ชยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยจะชวนอีกคนมากินข้าวเช้าตามคำสั่งคุณนายก็กลัวจะโดนปฏิเสธ ดูท่าทางจะรีบมากจริงๆ

    ไปกินป๊อบคอร์นเอาก็ได้ เดี๋ยวกูเลี้ยงตัวอะไรเข้าสิงร่างพี่มันวะเนี่ย


    ได้ไง ข้าวเช้าสำคัญนะเว้ย เกิดพอร์ชเบลอขึ้นมาทำไงเดาว่าพี่มันก็น่าจะยังไม่ได้กินเหมือนกัน

    กินไม่กินมึงก็เบลออยู่ดีให้พอร์ช ทุกวันนี้มึงยิ่งทำให้กูคิดว่ามีน้องเป็นบ้านั่นปากหรอ ถ้าเป็นพี่แท้ๆ คงได้พาไปหาสัตวแพทย์แล้วล่ะ กลัวหมาในปากพี่มันจะหลุดออกมากัดผมเข้าสักวัน


    อยากจะนึกอีกทีว่าผมเผลอชอบคนแบบนี้ไปได้ยังไง


    ไปเร็วเดี๋ยวกูไม่ทันมีใครไปเล่นนาฬิกาบ้านพี่เกรทแล้วหมุนมันให้เร็วขึ้นหรือเปล่าวะ

    จะรีบไปไหนวะพี่ โรงหนังมันไม่หนีไปไหนหรอกพี่เกรทไม่ตอบอะไร แต่เดินมาทางผมพร้อมหมวกกันน็อกหนึ่งใบ ก่อนจะยัดหมวกใส่หัวผม ย้ำว่ายัด ไม่ได้บรรจงใส่อย่างทะนุถนอมเลยสักนิด

    ถ้าเปลี่ยนจากผมเป็นพี่พาย พี่เกรทจะเป็นผู้ชายที่อ่อนหวานกว่านี้ไหม?


    อย่าตั้งคำถามในสิ่งที่รู้คำตอบอยู่เลยครับ แล้วยิ่งคำตอบนั้นมันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นก็ยิ่งไม่ควรคิด


    ขึ้นรถ

    ห๊ะ!”

    ขึ้นรถทำไมชอบสั่งจังวะ

    ขอไปบอกแม่ก่อนดิ นี่แม่ทำข้าวเช้าไว้ให้พอร์ชอ่ะ

    กูให้เวลา 5 วิไปกลับคนนะเว้ย ไม่ได้มีพลังวิเศษหายตัวได้นะ


    ผมรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เร่งฝีเท้าไปยังห้องครัว แม่คร้าบบบ พอร์ชไม่กินข้าวนะคุณนายหันขวับมามอง ตานี่เขียวปั๊ดเลย

    แม่เคยบอกว่ายังไง ข้าวเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญผมต้องท่องประโยคนี้ตั้งแต่อนุบาล ทุกครั้งที่ตื่นสายแล้วไม่ยอมกินข้าว คุณนายจะถามผมทุกครั้งว่าแม่เคยบอกว่ายังไง

    แต่ครั้งนี้พี่เกรทแม่งเร่งผมยิกๆ จะมาอารมณ์เย็นนั่งกินข้าวก่อนก็ดูจะชิวเกินไป

    พี่เกรทรีบไปทำธุระอ่ะดิไขว้นิ้วไว้ด้านหลังแล้วโกหกคำโต พยายามเก็บพิรุธไม่ให้คุณนายจับได้


    อ้าว! แล้วไม่บอกแม่ล่ะ รีบไปเลยอย่าปล่อยให้พี่เกรทรอทีงี้ทำไมง่ายจังวะ อ้างพี่เกรทนิดหน่อยก็ได้เลย ไอ้พี่เกรทควรได้ตำแหน่งลูกรักจากบ้านผม

    พอร์ชไปนะบอกเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวออกจากบ้าน ลืมไปเลยว่าต้องหยิบโทรศัพท์ด้วย

    ปิดประตูรั้วเสร็จก็เห็นพี่มันทำหน้าบึ้ง กอดอกแล้วจ้องมายังผมอย่างกดดัน


    ชักช้าจังวะ นี่มึงเลทไปตั้งนาทีครึ่งถึงกับจับเวลาเลยหรอวะ ใครทำตามพี่มันได้ก็ไม่ใช่คนแล้วเว้ย ผมรีบก้าวขาขึ้นรถไม่ปล่อยให้พี่มันได้บ่นเยอะกว่านี้แน่นอน คนที่กำลังจะพูดเลยหุบปากฉับแล้วยอมเคลื่อนรถ

    รีวิวการได้เป็นคนซ้อนรถของพี่เกรท ถ้าไม่อยากตายฟรีแนะนำให้ทำประกันไว้ด้วย พี่เกรทแม่งบิดชนิดที่วาเลนติโน่ยังอาย ยิ่งมีเสียงบีบแตรไล่หลังผมยิ่งเกร็งหนัก ไม่อยากรีบตายนะเว้ยยังไม่เข้ามหาลัยเลย   


    พี่เกรทขับช้าๆ หน่อยดิ

    ผมเผลอจับชายเสื้อพี่มันแน่น บอกให้ขับช้าๆ ยิ่งบิดเร็วกว่าเดิมอีก หัวใจจะวาย

    ผมมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย นึกว่าออกมาแต่เช้าจะได้มานั่งแกร่วเพราะห้างยังไม่เปิดซะอีก พอเท้าแตะพื้นก็สัมผัสได้ถึงความสั่นของขาตัวเอง แทบล้มพับถ้าไม่จับแขนพี่มันไว้


    เป็นไรวะหน้าซีดๆแหมเพราะใครล่ะ บอกให้ขับช้าๆก็ไม่ทำตาม

    ผมนึกโทษพี่มันอยู่ในใจ รู้งี้นั่งกินข้าวที่บ้านแล้วให้แม่มาส่งทีหลังดีกว่า ไม่น่าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับพี่เกรทเลย ไม่รู้พี่มันจะรีบไปไล่ควายที่ไหน 

    ถ้าเกิดไม่มีหมวกกันน็อกหน้าผมคงชาหมดแล้วมั้งเนี่ย


    ทำไมมองกูอย่างนั้น แล้วนี่ไหวไหม ไม่สบายหรอ เคืองว่ะ ยังสงสัยเลยว่าถ้าตกรถขึ้นมาพี่มันจะรู้หรือเปล่า

    ปกติดี ไม่ต้องห่วง แค่ตกใจที่พี่ขับเร็ว

    อ๋อ! นี่คือสีหน้าตอนตกใจ?”

    ทำไม?” มีปัญหาอะไรกับสีหน้าตอนตกใจของผมไม่ทราบ

    วันหลังอย่าทำหน้าตาอย่างนี้นะ น่าเกลียดว่ะปรี๊ดดดเลย ผมไม่สนใจคนที่พยายามกลั้นขำ เดินกระทืบเท้าเข้าห้างคนเดียวด้วยใบหน้าบึ้งตึง


    เมื่อวานพี่เต้เล่าถึงแผนการเรื่องวันนี้ให้ผมฟัง เพราะผมเซ้าซี้พี่เขาไม่หยุด พี่เต้บอกว่าวันนี้ผมจะต้องมากับพี่เกรทสองคน ซึ่งอันนี้พี่เต้จะหาทางบอกพี่เกรทเองว่ามาไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ทำให้พี่เกรทมาชวนผม เป็นเพราะพี่เต้แลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญบางอย่างกับพี่เกรท

    ข้อมูลอะไรก็ไม่รู้ ถามแล้วไม่ยอมบอก

    เฮ้อ! น่าพี่เต้จะมาด้วยว่ะ


    เดินไปถึงบันไดเลื่อนผมก็ได้กลิ่นน้ำหอมของพี่เกรท อยากจะเดินหนีแต่ติดตรงที่ไม่มีทางให้ผมเดินนี่สิ แม่งยืนขวางทางกันหมดเลย กระทั่งมาถึงชั้นโรงหนังพี่เกรทก็เดินอยู่ข้างๆ ผมแล้ว  แต่ไม่แม้แต่จะมองผมเลยด้วยซ้ำ เอาแต่จิ้มโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ

    ทำไมโคตรสองมาตรฐานเลย ทั้งที่ผมก็มองแต่พี่มัน จะหายไปนานแค่ไหน จะอยู่ไกลเท่าไหร่พี่เกรทก็ยังอยู่ในสายตาผมตลอด ถึงผมจะชอบแสดงออกว่าไม่พอใจเวลาเห็นคนที่บ้านให้ความสำคัญกับพี่มัน แต่รู้ปะว่าผมดีใจโคตรๆ ที่ทุกคนรักพี่เกรทเหมือนลูกชายคนนึง นึกขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยซ้ำที่ทำให้เราสองคนสนิทกัน


    มึงอยู่ไหน ทำไมยังไม่มาพี่เกรทพูดกระแทกเสียง ไม่รู้ว่าปลายสายนั่นเป็นใคร

    หมายความว่าไง นี่จะให้กูดูกับมันหรอพอจะรู้แล้วว่าปลายสายคงเป็นพี่เต้แน่ๆ

    เออๆ แล้วนี่พายดูหนังเรื่องนี้แน่นะโอเคผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมพี่เกรทถึงยอมมา แล้วข้อมูลที่พี่เต้เอามาแลกเพื่อให้ผมมาดูหนังด้วยคืออะไร 


    ให้ตายเถอะถ้ารู้ตั้งแต่แรกจะไม่มาเลย


    พี่เกรทไม่ได้ตั้งใจจะชวนผมมาตั้งแต่แรกอันนี้พอรู้ แต่ที่เมื่อเช้ารีบร้อนจะมาถึงเร็วๆ เป็นเพราะพี่พายใช่ไหม ทุกอย่างที่ทำก็เพราะพี่พายหมดเลย ที่ผมไม่ได้กินข้าวก็เพราะรีบมาหาพี่พาย ที่บอกจะเลี้ยงป๊อบคอร์นก็เพราะพี่พาย ไม่ได้จะตามใจผมเลยสักนิด

    คิดว่าจะจำได้ซะอีกว่าผมชอบกินป๊อบคอร์น


    ถ้าบอกสักคำพอร์ชจะไม่มาเป็นก้างขวางคอพี่เลย จะไม่มาให้ตัวเองเจ็บใจเล่นอย่างนี้หรอก 


    วันหลังถ้ารู้ว่ามาไม่ได้ก็ไม่ต้องจองที่ดิ เปลืองเงินชิบหายคนข้างกายผมยังคงพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน แน่สิ.. พี่เกรทดีใจที่จะได้เจอพี่พายนี่หว่า คิดไรของมึงวะพอร์ช เขารักกันจะตาย จะตัดใจง่ายอย่างนี้หรอ

    ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ตาก็จ้องโปรแกรมหนังเผื่อไว้ เผื่อได้เปลี่ยนไปดูเรื่องใหม่


    แค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่มหาลัยพี่เกรทวางสายแล้ว

    พี่เกรท--” ตั้งท่าจะพูดว่าขอไปดูเรื่องอื่น แต่พี่มันไม่สนใจผมด้วยซ้ำ

    เดี๋ยวกูมาพูดตัดบทแล้วก็เดินไปที่เคาน์เตอร์เฉย ผมมองตามหลังพี่เกรทไป คิดว่าพี่มันจะไปเอาบัตรที่จองไว้ แต่ผิดคาด


    ตรงนั้นมีผู้หญิงที่ผมจำได้ดี ผู้หญิงตัวเล็กผมสั้น สเป็คพี่เกรทเลย และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่พาย

    อยู่ดีๆ ก็รู้สึกไม่มีที่ให้ยืนซะงั้น พื้นรอบข้างก็ออกจะกว้างแต่ไม่รู้จะเอาตัวเองไปอยู่ตรงไหน รู้สึกผิดที่ผิดทางปหมด


    เพื่อนพี่พายหลีกทางให้ทั้งสองคนได้คุยกัน มองจากมุมนี้ยังรู้ว่าสายตาพี่เกรทเป็นแบบไหน และก็พอจะเดาได้ด้วยว่า สิ่งที่พี่เกรทกำลังบอกพี่พายคืออะไร

    เห็นทีศึกครั้งนี้คงต้องถอยทัพแล้วแหละ


    ขาสองข้างผมก้าวไปเหยียบที่ขั้นบันไดเลื่อน พาตัวเองไปอยู่ชั้นอื่นดีกว่ายืนมองภาพเมื่อกี้ให้เจ็บใจเล่น ผมเดินเข้าไปในร้านกาแฟร้านหนึ่ง เอ่ยปากสั่งเมนูอะไรไม่รู้ สงสัยสมองจะเบลอจนจำไม่ได้

    นั่นแหละที่ต้องการ จะได้ไม่ต้องจำอะไรมาก ลืมความรู้สึกเสียเมื่อกี้ไปได้ยิ่งดี ลืมภาพเมื่อกี้ไปให้หมด


    ~ เชื่อฉันสักครั้งได้ไหมรักคนที่เขานั่นรักเรา และเธอจะไม่ต้องเสียใจแบบฉัน


    ถ้าคนเราเปลี่ยนความรู้สึกได้ง่ายๆ ผมก็คงจะทำตามสิ่งที่เพลงนี้บอกไปแล้ว ใครจะอยากรักคนที่ไม่ได้มีความรู้สึกเดียวกันกับเราวะ อย่างว่าแหละ โลกนี้มีอะไรให้เราเรียนรู้ตั้งหลายอย่าง ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ก็อาจเป็นบทเรียนที่คนบนฟ้าส่งมาให้เรียนรู้ความเจ็บปวดก็ได้ แต่บทเรียนแรกก็เป็น ความอกหัก เลยหรอ โหดร้ายไปไหม


    จนใครก็รู้ว่าฉันนั้นคือราชาแห่งการเก็บไปหวัง อยู่กับหวังลึกๆ ในใจแล้วเธออยากเป็นไหมแบบนั้น

    ผมส่ายหน้าใครจะอยากหวังในสิ่งที่จะผิดหวัง แต่เคยไหมทั้งที่เขาก็ไม่ได้ให้ความหวังเราเลยสักนิด แต่เราก็ยังจะหวังอยู่อย่างนั้น

    บางทีมันก็ไม่ต่างจากการฝันลมๆ แล้งๆ

    ผมหมดอารมณ์ที่จะดูหนัง แต่ก็ยังไม่อยากกลับไปตอบคำถามคุณนายตอนนี้ ยิ่งโกหกไม่เนียน เดี๋ยวโดนจับได้

    แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบความเครียด เลยคิดโปรแกรมหนังที่ดูผ่านตามาเมื่อกี้ จำได้ว่าอีกครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเข้าเลยรีบดูดน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ รสชาติหวานเลี่ยนจนผมต้องจิบน้ำเปล่าตามแหน่ะ คราวหลังจะไม่สั่งของกินตอนที่ไม่มีสติอย่างวันนี้แน่ เปลืองเงินด้วย ไม่อร่อยด้วย


    ผมกลับมาอยู่ที่ชั้นโรงหนังอีกครั้ง ได้บัตรหนังมาหนึ่งใบแล้ว เหลือซื้อป๊อบคอร์นนี่แหละ ระหว่างที่ยืนรอพนักงานตักใส่ถัง ผมก็กวาดสายตามองไปรอบๆ นึกหวังอะไรที่ไร้สาระอีกแล้ว ป่านนี้พี่เกรทคงดูหนังสักเรื่องอยู่กับพี่พาย ไม่สนใจเด็กข้างบ้านอย่างผมหรอก ก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นนี่

    อุตส่าห์นับวันรอ อยากให้มันมาถึงวันนี้เร็วๆ สุดท้ายก็ได้ดูหนังคนเดียว 

    …….

    เชี่ย! หนังรักบ้าบออะไรจบไม่สมหวังวะ เล่นเอาน้ำตาซึมเลยเนี่ย อินชิบหาย ฉากที่ตราตรึงใจผมที่สุดคงจะเป็นตอนที่เดลกำลังจะขอคิม เบอร์ลี่แต่งงาน แต่เธอดันบอกว่าประโยคบอกรักของเดลฟังดูไม่จริงจัง นี่คือฉากแรก

    ฉากที่สองคือตอนที่เดลโยนแหวนแต่งงานทิ้งในชักโครกเพราะคิม เบอร์ลี่เข้าใจผิดในสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ เธอเดินออกไปจากห้อง ทั้งที่เดลกำลังจะหยิบแหวนแต่งงานมาขอเธออีกรอบ

    สุดท้ายทั้งสองคนก็กลับมาเจอกัน แต่เป็นตอนที่สายไป คิม เบอร์ลี่ท้อง และกำลังจะแต่งงาน โคตรเศร้าเลยให้ตายเถอะ

    ไม่รู้หรอกว่าการต้องเลิกกันทั้งที่ยังรักกันดีมันจะเจ็บแค่ไหน คนนึงยังรักหมดใจ ส่วนอีกคนก็ยังไม่หมดรัก เพียงแต่ความรู้สึกที่มีมันน้อยกว่าใครอีกคนที่เข้ามา


    ว่ากันว่าหนังรักไม่จำเป็นต้องจบแบบ happy ending ผมว่าชีวิตจริงก็คงจะเหมือนกัน

    ดูเรื่องนี้แล้วผมอยากให้พี่เกรทกับพี่พายจบแบบ bad ending ซึ่งตอนนี้เขาสองคนคงจะคืนดีกันไปแล้วแหละ ความหวังผมมันล่มตั้งแต่คิดแล้ว ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการล้างมือที่มีกลิ่นป๊อบคอร์นให้สะอาด เช็ดน้ำตาที่มันปริ่มๆ อยู่รอบดวงตาด้วย เมื่อกี้จะมีใครเห็นว่าผมน้ำตาซึมไหมวะ


    การดูหนังช่วยให้ผมลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท คงเพราะกำลังจมดิ่งไปยังโลกของตัวละครล่ะมั้ง เวลานี้คงกลับบ้านได้แล้วแหละ ถ้าคุณนายถามถึงพี่เกรทก็อ้างว่าพี่มันไปหาเพื่อนก็แล้วกัน

    ผมเดินออกมายืนรอแท็กซี่ที่หน้าห้าง ผ่านไปสิบนาทีก็มีรถมาจอดหนึ่งคัน บอกปลายทางกับคุณลุงคนขับเรียบร้อยก็กลับมาคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

    ป่านนี้พี่เกรทกับพี่พายทำอะไรอยู่วะ ออกจากโรงหนังหรือยัง ไปกินข้าวกันต่อไหม พี่เกรทต้องมีความสุขแน่ๆ ที่ได้กลับไปคืนดีกับพี่พายอีกครั้ง ก็ดีเหมือนกัน พี่เกรทมีความสุขผมก็ควรยินดีด้วย เดี๋ยวก็ทำใจได้แล้วไอ้พอร์ช สู้ๆ ละกัน


    ทว่าความสงสัยของผมก็ยังไม่หมดไป อยากรู้จังว่าพี่เกรทจะตามหาผมไหม จะโทรถามหรือเปล่าว่าผมหายไปไหน เดี๋ยวนะถ้าพี่มันโทรถามแล้วจะมีคนรับได้ยังไงวะ โทรศัพท์ผมอยู่ที่บ้านนี่หว่า

    แต่ถ้าพี่มันไม่ได้สนใจผมก็ไม่เห็นต้องโทรถามกันนี่ว่าผมอยู่ไหน แสดงว่าผมก็สบายใจเรื่องนี้ได้แล้ว ไม่ต้องรีบกลับบ้านก็ได้ งั้นไปบ้านไอ้มิวซ์ดีกว่า อยู่กับมันคงทำให้ลืมเรื่องนี้ได้

    ลุงครับผมเปลี่ยนใจแล้ว   

    *******


    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ?
     Tiny Hand
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×