คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ไอ้หมูของพี่เกรท
[ฮัลโหลพอร์ช]
พอคนปลายสายตอบรับ ผมก็เด้งตัวออกจากเตียง กระโดดโลดเต้นอย่างเก็บคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่
แหงล่ะ คีพลุคต่อหน้าพี่เกรทอยู่ไง ใครจะรู้ว่าลับหลังพี่มัน
ผมนั่งกอดนั่งดมเสื้ออย่างกับโรคจิต
ถ้าเสื้อมันพูดได้ก็คงด่าผมไปแล้วว่าเป็น 'โรคจิต' น่ะ
“มึงงงง พี่เกรทยังเก็บเสื้อไว้อยู่ พี่มันบอกว่ามีเสื้อลายเดียวกันกับกูอยู่ในตู้!!” ผมพูดรัวจนลิ้นแทบพันกัน
“พอร์ช! แม่อ่านหนังสืออยู่
เบาเสียงหน่อย”
ไม่มีเสียงเคาะประตูเลยสักกะติ๊ด
ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้คุณนายที่เปิดประตูแล้วมองมายังลูกชายตาขวาง นี่แหละครับข้อเสียที่ห้องนอนเราติดกับห้องพ่อแม่
มันก็จะทำอะไรไม่สะดวกอย่างนี้แหละ
แม่ชี้นิ้วคาดโทษก่อนจะปิดประตูลง
หลังจากเหตุการณ์กลับมาเป็นปกติผมเลยยกโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง
[โดนดุเลย] เดาว่าคนทางนู้นคงกลั้นขำผมอยู่
ปกติแม่ผมไม่ใช่คนใจร้ายอะไรหรอก
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็โดนดุบ่อยๆ ด้วยนิสัยชอบกวนคนอื่นล่ะมั้ง
บอกอะไรไม่เคยฟัง เอาแต่เถียงกลับ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ผมก็ทำตามนะเว้ย
ไม่กล้าขัดคุณนายหรอก เดี๋ยวอดได้เงินค่าขนม
“ถึงไหนแล้วนะ” สงสัยสมองกระทบกระเทือน นี่ผมควรไปเบิกเงินกับแม่ดีไหม
[พอร์ชบอกเราว่าพี่เกรทมีเสื้อลายเดียวกันกับพอร์ช
อย่างนี้ก็แสดงว่า…]
“เสื้อคู่ตัวนั้นยังอยู่!”
[เบาๆ สิ เดี๋ยวแม่ก็เข้ามาอีกหรอก]
ผมยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที
เชื่อเลยว่าถ้าคุณนายได้เข้ามาห้องผมรอบที่สอง คงได้เรียกไปปรับพฤติกรรมชัวร์
ผมเดินไปชิดหน้าต่าง เปิดผ้าม่านออกแล้วมองไปยังบ้านหลังข้างๆ โชคร้ายที่ห้องผมดันตรงกับห้องพระบ้านพี่เกรท ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เหมือนหนังเรื่อง about time ผมจะบอกคุณป้าว่าอย่าสร้างห้องพระตรงนี้เลย มันไม่ดี ควรย้ายห้องพี่เกรทมาอยู่นี่แทนจะดีกว่า ดีสำหรับผมล่ะนะ
เห็นใจคนแอบชอบลูกชายคุณป้าอย่างผมเถอะ
นี่ดูเอ็มวีเพลง you belong with me ทีไร ยังนึกอิจฉาเทย์เลอร์ชิบหาย
แม่งมีห้องนอนตรงกับผู้ชายที่ชอบ ต้องทำบุญด้วยอะไรวะ?
“กูควรทำยังไงต่อดีวะ”
กับเรื่องตัวเอง
ผมว่าทุกคนก็ต้องเป็นเหมือนผมนั่นแหละ ไม่มีใครฉลาดไปซะทุกเรื่องหรอก
[อ่า.. อันนี้เราก็ไม่รู้จะบอกพอร์ชยังไงอ่ะ
เราไม่เคยจีบใครก่อน]
เออว่ะ ปรึกษาผิดคนละกู
ไอ้คุณชายมันจะไปรู้เรื่องกับผมได้ยังไง มันรู้จักชอบใครหรือยังก็ไม่รู้
“กูคิดไม่ออกว่ะ
ไม่รู้จะทำยังไงให้พี่เกรทมันรู้ตัว”
ไอ้เรื่องที่จะทำให้พี่มันรู้ตัวว่ายากแล้ว
แต่ไอ้การที่พี่มันจะยอมรับได้ อันนี้ยากกว่า เพราะงั้นหนทางเดียวที่ควรทำก่อนที่พี่เกรทจะรู้ว่าผมคิดอะไร
คือทำให้พี่เกรทรู้สึกเหมือนกัน
ตอนนี้ผมเลยเพิ่มสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตมาอีกสองข้อ
ข้อแรก… วันพรุ่งนี้จะกินอะไรดี
ข้อสอง… ทำยังไงให้พี่เกรทมันรู้ว่าผมชอบ และข้อสาม… ทำยังไงให้พี่เกรทชอบผม
[พอร์ชก็ลองพูดเพราะๆ กับพี่เกรทดูสิ]
ผมว่าล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม คิดภาพตัวเองพูดเพราะกับพี่มันไม่ออกว่ะ ถ้าอีกฝ่ายเป็นมิวซ์ไม่ใช่พี่เกรท อันนี้ผมว่าผมเปลี่ยนได้นะ
แต่เพราะนี่เป็นพี่เกรท
ผมเลยต้องงัดสกิลความปากหมามาพูดกับพี่มัน จะมีก็แต่การแทนตัวเองว่าพอร์ชนี่แหละ
ที่พอจะสุภาพบ้าง
“ไม่ไหวว่ะ มีวิธีอื่นไหม“
[เข้าทางเพื่อนพี่เกรทได้ไหม
พอร์ชพอจะรู้จักเพื่อนพี่เขาหรือเปล่า]
ไอ้รู้มันก็พอรู้บ้างอ่ะนะ แต่จะเข้าหายังไงวะ
เดินไปบอกว่า ผมชอบพี่เกรท ช่วยผมจีบหน่อย งี้หรอ ก็บ้าละ
“รู้จักอยู่คนนึงว่ะ”
[อย่างนี้ก็ง่ายเลยสิ]
“ยากเว้ยยยย ทำไมมันยากอย่างนี้วะ
มึงว่ากูเปลี่ยนไปชอบคนอื่นดีปะ” จังหวะที่ผมกำลังถอดใจ
ความจริงที่มันพูดก็กระแทกเข้าให้
[ชอบมานานแล้วไม่ใช่หรอ พอร์ชเคยบอกเราว่าจะตัดใจตั้งหลายครั้ง แต่ไม่เห็นว่าจะทำได้เลยสักครั้ง]
ไอ้มิวซ์!!
[ลองคิดดูดีๆ สิ
ตอนนี้พี่เกรทก็ไม่มีใครแล้วนะ จะปล่อยไปจริงๆ หรอ]
“ถ้าลองแล้วไม่สำเร็จล่ะ” ผมเริ่มคิดมากละ ถ้าทำทุกอย่างให้พี่เกรทรู้ แล้วพี่เกรทไม่ชอบผมกลับล่ะ
จะเหลือสถานะพี่น้องให้ผมอยู่ไหม
[อย่าเพิ่งไปคิดมากสิ
มันยังไม่เกิดขึ้นสักหน่อย]
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
รู้สึกหมดแรงเลยล้มตัวนอนบนเตียง หยิบกระดาษที่มีลายมือพี่เกรทมาดูต่างหน้า
จินตนาการว่าอีกฝ่ายนั่งบนเตียงเดียวกัน
ตอนนี้พี่เกรทจะทำอะไรอยู่วะ…
[เราต้องวางแล้ว
เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ]
“อื้ม… เจอกันพรุ่งนี้”
พอไม่มีคนคุยด้วยสมองก็คิดไปเรื่อยเปื่อย
ไม่พ้นเรื่องของพี่เกรทหรอก พักหลังชักจะเข้ามาอยู่ในความคิดผมบ่อยซะด้วย
ก็ตั้งแต่พี่มันเลิกกับแฟนมั้ง
บางทีก็สงสัยว่าพี่เกรทเคยคิดถึงแฟนเก่าบ้างไหม
ปากพูดเหมือนตัดใจได้ แต่อย่าลืมสิว่าแผลมันยังสดอยู่เลย
ก๊อก ก๊อก
ผมลุกไปเปิดประตู เวลาล่วงเลยเข้าสี่ทุ่มแล้วทำไมคุณนายยังไม่นอนอีก
“อ้าวพ่อ!” ผิดคาด
คนที่เคาะดันเป็นคุณชายซะนี่
“ทำอะไรทำไมยังไม่นอน” ดูท่าคุณชายไม่ได้มาดุหรอก คงมีเรื่องคุยด้วยมากกว่า
ในมือก็ถือถุงอะไรไว้ไม่รู้
“เมื่อกี้พอร์ชคุยกับมิวซ์อยู่ ว่าจะนอนแล้วเนี่ย”
“พรุ่งนี้พ่อฝากของไปให้คุณป้าหน่อย
พอดีบอสพ่อซื้อของมาฝาก พ่อเลยว่าจะแบ่งให้ป้าเราด้วย”
“ครับผม เดี๋ยวพอร์ชเอาไปให้
พรุ่งนี้พ่อมีประชุมเช้าหรอ” ผมรับของมาเก็บไว้ในห้อง
ไม่รู้ว่าคุณชายเดินเข้ามาตอนไหน
หันหลังกลับมาอีกทีก็เห็นพ่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานแล้ว
“อื้ม.. ตอนเด็กๆ ลูกพ่อก็น่ารักเหมือนกันนี่”
“ตอนนี้ก็น่ารักเหอะ” คุณชายถอนหายใจ คงเอือมกับนิสัยหลงตัวเองขั้นเทพ เดี๋ยวนี้เริ่มจะชินแล้วครับ
โดนชมว่าน่ารักบ่อยจะมีแต่คุณนายที่บอกว่าผมน่าเกลียดอยู่เรื่อย
“พ่อไปนอนแล้วดีกว่า
เราก็อย่านอนดึกล่ะ” ผมตะเบ๊ะรับคำ หลังจากคุณชายออกจากห้องเลยลองเข้าไปดูที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของพี่เกรท
รายนี้ไม่ค่อยจะอัพเดทอะไรสักเท่าไหร่
ต่างจากผมที่รายงานทุกความเคลื่อนไหว ช่วงนี้พี่เกรทแชร์เพลงอกหักบ่อยมาก
วันนี้ไม่รู้ว่ากี่เพลงแล้ว
อยากรู้นักว่าสองคนนี้เลิกกันได้ยังไง ดูจากที่พี่เกรทแชร์เพลงถี่ขนาดนี้
แสดงว่าอาการคงหนักน่าดู
‘พี่เต้’ เพื่อนคนเดียวที่ผมคิดว่าคงรู้เรื่องนี้
แน่นอนว่านิ้วผมจิ้มไปยังห้องแชทของพี่เขาทันที
*พี่เต้คร้าบบบบ
#ว่าไงครับน้องพอร์ช
ไม่ถึงนาทีก็ได้รับข้อความตอบกลับมา เห็นไหม… พี่เต้แม่งโคตรคนดีเลยเถอะ
*พอร์ชถามอะไรหน่อยสิ
*พี่เต้รู้ปะว่าทำไมพี่เกรทถึงเลิกกับพี่พาย
ขึ้น read แต่ยังไมตอบกลับ อย่าบอกว่าพี่เต้ก็ไม่รู้
#ไม่รู้สิ ถามแล้วมันไม่ยอมบอก
สงสัยกลัวเพื่อนห่วง
*พอร์ชมีเรื่องจะปรึกษาพี่ ตอนนี้พี่ว่างไหมครับ
ผมตัดสินใจละ
เข้าทางพี่เต้นี่แหละง่ายที่สุด เพราะเท่าที่รู้พี่เต้เป็นคนที่ไว้ใจได้
คงไม่เอาเรื่องไปบอกพี่เกรทก่อนแผนจะสำเร็จหรอก
- พี่เกรท -
ผมนั่งเหม่ออยู่หน้าจอคอมฯ ตั้งแต่ติวฟิสิกส์ให้ไอ้หมูที่อยู่ข้างบ้านเสร็จ
สามชั่วโมงได้มั้ง กลับเข้ามาในห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยนั่งฟังเพลงไปเรื่อย
ปล่อยให้เพลงอกหักพาความรู้สึกกลับไปจมดิ่งกับแฟนเก่าอีกครั้ง
ไอ้เต้พยายามถามผมหลายรอบว่าทำไมเลิกกับพาย แต่ผมก็ไม่ยอมตอบ
บ่ายเบี่ยงพูดเรื่องอื่นตลอดจนมันเลิกถาม
วินาทีที่ถูกบอกเลิก แม่งโคตรเคว้งเลย
เคยเจอประโยคบอกเลิกว่า ‘เราไม่ชอบเธอแล้ว’ ปะ
ไม่ได้เตรียมใจเพื่อฟังคำนั้นเลยด้วยซ้ำ
อะไรคือนัดไปกินข้าวปกติ แล้วพูดประโยคนั้นออกมาได้อย่างง่ายดาย
ผมยังคิดเลยว่าคนเรามันหมดรักกันง่ายขนาดนี้เลยหรอ ที่ผ่านมาคืออะไรวะ
เหมือนจู่ๆ ฝนก็ตก ทั้งที่ไม่มีเมฆครึ้ม
พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้ร้อนจัด เหมือนผมกับพาย ไม่มีอะไรเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราจะเลิกกันเลย
ไม่มีระยะห่าง ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนใหม่ ไม่มีเหี้ยอะไรให้ผมรู้ตัว
ปุบปับจนผมตั้งตัวไม่ทัน
คิดจะโกรธก็ทำไม่ลง
ได้แต่บอกตัวเองให้เริ่มต้นใหม่
เหมือนเมื่อกี้แค่เลี้ยวรถผิดซอยแล้วเราต้องย้อนกลับมาทางที่ถูก ก็แค่นั้น
แค่นั้นที่ยากชิบหาย
ในโลกโซเชียลเรายังติดตามกันอยู่เหมือนเดิม
ไม่มีใครลบรูปคู่ พายก็ยังใช้ชีวิตปกติ ไปกินข้าวกับเพื่อน ดูหนังกับเพื่อน
ทำงานกับเพื่อน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ไม่มีอารมณ์ทำงาน
ใจอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่ อยากหายไปสักพักแล้วค่อยกลับมายอมรับความจริง
ครืด
ครืด
หน้าจอขึ้นชื่อเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะนินทามันในความคิด
ผมมองหน้าจอจนมันดับไปรอบนึง ก่อนคนทางนั้นจะโทรมาอีกรอบ คราวนี้เลยกดรับ
[ตายยัง] ปากหมา
“ถ้ากูตายแล้วผีตัวไหนมันจะรับสายมึง”
[ยังไม่ตายก็ดี] น้ำเสียงแปลกๆว่ะ
“มีอะไร” ผมถามเสียงขุ่น
ไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนหน้าตาหรอกนะ
[เสาร์นี้ดูหนังกัน] ห๊ะ! นี่มึงว่างมากเลยใช่ไหม ไม่มีอารมณ์ดูเว้ย นี่มันไม่ไปหลีสาวที่ไหนอีกหรือไง
ปกติเสาร์อาทิตย์นี่หายเงียบ ไม่ป่วยจนใกล้ตายคงไม่เห็นมันนอนอยู่ที่ห้อง
“กูไม่--”
[ไม่ใช่ประโยคคำถาม
นี่เป็นคำสั่งที่มึงต้องทำตามกู]
“ทำไมกูต้องทำตาม” ตอนนี้มันบังคับผมได้แค่คำพูดเท่านั้นแหละ
เรื่องจะทำหรือไม่ทำผมเป็นคนตัดสินเอง มันไม่ใช่คนที่นั่งสั่งการอยู่ในสมองผมนี่หว่า
[เพราะกูได้ข่าวมาว่าพายจะไปดูหนังเรื่องนี้เหมือนกัน]
กึก!
[ว่าไง จะไปดูไหม]
ใจสั่งว่าห้ามตอบตกลงเด็ดขาด แต่เหมือนปากจะทำงานสวนทาง
“อืม เสาร์นี้แน่ใช่ไหม”
สุดท้ายที่บอกว่าจะตัดใจ ที่บอกว่าจะเริ่มต้นใหม่
ก็ดันล้มไม่เป็นท่า เหมือนกำลังเดินอยู่ในเขาวงกต พยายามหาทางออกแต่ก็ไม่เจอสักทาง
วนไปวนมาจนกลับมายืนที่จุดเดิม ยอมแพ้ให้กับความรู้สึกที่ย้ำเตือนว่ายังรักเขาอยู่เหมือนเดิม
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้
คิดว่าตอนปีหนึ่งก็คงจะจีบพายอยู่ดี
ทำไมวะ… อุตส่าห์คิดว่าใช่แล้วแท้ๆ
นึกว่าจะคบได้นานกว่านี้ซะอีก ทำไมต้องเลิกกันด้วยหตุผลนั้นด้วย ผมเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อขนาดนั้นเลยหรือไง
[ใช่ๆ เสาร์นี้แหละ
ชวนน้องพอร์ชกูมาด้วยนะ] ให้ชวนไอ้หมูเนี่ยนะ เหอะๆ เห็นถึงความพังพินาศอยู่ไม่ไกล
“ไม่!”
พูดถึงไอ้หมูข้างบ้าน
วันแรกที่ใช้ชีวิตอย่างคนอกหัก ผมโดนมันถามถึงพายบ่อยมาก
คำถามสุดท้ายที่ไม่ตอบคือมันถามว่าผมเลิกกันได้ยังไง
แต่เพิ่งรู้ว่าการที่มีมันชวนคุยบ่อยๆ จะทำให้ผมลืมเรื่องเศร้าในใจไปได้ขณะนึง
กลับมาอยู่คนเดียวก็จะเพ้อแบบนี้แหละ เหมือนช่วงเย็นที่ไปติวฟิสิกส์ให้
มันทำผมโมโหไปหลายรอบอยู่เหมือนกัน
กว่าจะอธิบายให้มันเข้าใจได้
ผมต้องพูดจนเมื่อยปาก
ไม่คิดว่าเวลาจะเปลี่ยนจากรุ่นน้องคนน่ารักกลายเป็นไอ้พอร์ชจอมกวนได้ขนาดนี้
[ขอร้องงงง ชวนน้องมาด้วย นะเกรทนะ] ไอ้พอร์ชแม่งเล่นคุณไสยปะเนี่ย
ชอบอะไรขนาดนั้น
“มันพูดมาก แม่งน่ารำคาญ”
[กูอุตส่าห์คาบข่าวมาบอกมึงเลยนะ]
ไอ้เต้ทวงบุญคุณ แม่งพิศวาสอะไรไอ้พอร์ชวะ
น่ารักเหมือนตอนมันเด็กก็ว่าไปอย่าง นี่อ้วนอย่างกับหมู
”เออๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ชวนให้”
[ดีมากเพื่อนรัก กูไปนอนละ
อย่าเพ้อมากนะมึง] มันตัดสายไปแล้ว ผมเลยโยนโทรศัพท์ไปไว้บนเตียง
ลื่นดูรูป ดูโพสบนหน้าไทม์ไลน์ จนกระทั่งง่วงนอน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำตอบให้กับคำถามของตัวเองว่าเสาร์นี้ผมจะทำหน้ายังไงตอนเจอพาย…
……
ติ๊งต่อง~
“เกรทไปดูหน่อยว่าใครมา”
เคยไหมครับ กำลังจะตักข้าวเข้าปากก็โดนใช้เสียก่อน
หมดอารมณ์เลยกู
“พี่เกรท!!” และยิ่งเห็นหมูยืนโบกมือหยอยๆ ยิ่งอยากกลับเข้าไปนั่งกินข้าวเหมือนเดิม
เจอหน้ามันทีไรอารมณ์ผมเสียทุกที
“เฮ้ยไอ้พี่เกรท กลับมาก่อนนน”
อ้าว! แล้วนี่ผมเดินกลับมาหน้าประตูตอนไหนวะ
ไม่น่าล่ะไอ้หมูพอร์ชมันถึงร้องลั่นอย่างนั้น
ช่วงนี้ไอ้พอร์ชแทบจะไม่นับผมเป็นพี่มันอยู่ละ
ดูมันเรียกสิ ‘ไอ้พี่เกรท’ ฟังแล้วโคตรเคารพเลย
ผมสาวเท้าไปถึงหน้ารั้ว เปิดประตูเล็กให้มันเข้ามาในเขตบ้านตัวเอง
อีกฝ่ายก็ยื่นถุงใบใหญ่มาให้
“พ่อฝากมาให้” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ไอ้พอร์ชเลยส่ายหน้าว่าไม่ใช่
“ให้แม่พี่ต่างหาก”
“แต๊ง แล้วไม่ไปเรียนล่ะ
เดี๋ยวก็สายหรอก” ปกติมัธยมเข้าแถวแปดโมงเช้าไม่ใช่เหรอ ทำไมไอ้หมูมันยังอยู่บ้านอยู่เลย
“มีอะไรจะบอกพอร์ชปะ” ห๊ะ! เพี้ยนเหรอ ผมจะมีอะไรไปบอกมัน
หรือมันมีอะไรจะบอกผมแต่ใช้รูปประโยคผิด ตกภาษาไทยนะมึงเนี่ย
“ไม่มี”
“ต้องมีดิ” มันทำหน้ามุ่ย
น่าเกลียดชิบหาย อยู่เฉยๆ หน้าก็เหมือนหมูละ
“บอกว่าไม่มีไง” ผมปฏิเสธอีกครั้ง เท่าที่นึกดูก็ไม่มีอะไรต้องคุยกับมันนี่หว่า
“งั้นกลับนะ” คราวนี้ซึมไปเลย เป็นไรของมันวะ
“เดี๋ยวๆ นึกแปบ” เหมือนเมื่อคืนคุยไรกับไอ้เต้สักอย่าง “วันเสาร์นี้ว่างไหม”
“ว่าง!” คิดก่อนก็ได้
ไม่ต้องรีบตอบหรอก อีกอย่าง.. ผมไม่ได้ต้องการได้ยินคำตอบว่ามันว่างเลยสักนิด
“ให้คิดดีๆ”
“ว่างมาก โคตรว่างเลย ทำไมอ่ะ
จะชวนไปดูหนังเหรอ” ทายใจคนได้ด้วย คิดว่ามันแปลกๆ นะที่ไอ้พอร์ชดูกระตือรือร้นอย่างนี้
“เออ แต่ไปกับไอ้เต้ด้วยนะ”
บอกไว้ก่อนเผื่อมันเปลี่ยนใจ แต่ผมคงลืมไปว่าไอ้สองคนนี้เข้ากันจะตาย
“จริงหรอ!”
“อืม”
“งั้นพอร์ชไป” นั่นไงกูว่าแล้ว
เห็นความซวยของผมหรือยัง ความซวยที่เคลื่อนที่ได้
แถมความซวยนั้นยังกินเก่งซะด้วย ไอ้พอร์ชยิ้มกว้างอย่างดีใจ
ต่างจากผมที่ทำหน้าอมทุกข์
“ถ้าจะไปด้วยก็ห้ามพูดมาก
ห้ามถามเยอะ เข้าใจใช่ไหม” นี่ผมพาเด็กมัธยมไปดูหนังหรือพาเด็กอนุบาลไปดูหนังกันแน่วะ
เริ่มไม่แน่ใจละ ทำไมต้องห้ามมันเยอะขนาดนั้น
ตอนเด็กมันก็พูดมากนะ
แต่จำได้ว่าไม่เคยรู้สึกรำคาญหูเหมือนตอนมันโตเลยสักนิด หรือจะเป็นเพราะตอนนั้นหน้าตามันน่ารักวะ
ผมเลยมองว่ามันเป็นเด็กน่าเอ็นดูมากกว่า
ไอ้พอร์ชเป็นคนที่ไม่น่าโตเลยจริงๆ
“มองทำไม ไม่เคยเห็นคนน่ารักรึไง” เป็นหมูยังไม่พอ ดันเป็นหมูหลงตัวเองอีก น่าสงสารเขานะครับ - -‘ “เออ! ไม่น่ารักก็บอกตรงๆ ไม่เห็นต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย” ผมว่าประจำเดือนมันไม่มาแน่ๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
“ไม่ไปเรียนวะ จะแปดโมงแล้วเนี่ย”
พอมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าอีกไม่กี่นาทีก็แปดโมงแล้ว
ขืนยังมัวคุยกันอย่างนี้มันคงได้สายแน่ แต่รู้สึกว่ามันจะมองคำเตือนผมอีกแบบว่ะ
“ไม่อยากคุยด้วยก็บอกกันดิ
ไม่เห็นต้องไล่เลย” ชักจะปวดหัวกับมันละ
ใครได้มันไปเป็นแฟนถือว่าโชคร้ายโคตรๆ
“ก็ไม่ได้ไล่ให้ไปนี่หว่า”ผมพูดตามหลัง ซึ่งคนที่เดินกระทืบเท้าออกไปคงไม่ได้ยินหรอก งอนไปนู่นละ
อยากบอกแฟนในอนาคตมันว่าขอให้โชคดีนะ
ซื้อยาแก้ปวดหัวมาไว้เยอะๆ เพราะเขาไม่รู้หรอกว่าจะได้ใช้มันตอนไหน ดีไม่ดีวันนึงได้กินสิบเม็ด
ด้วยความหวังดีจาก… เกรทเกรทเอง
*******
ความคิดเห็น