คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พอร์ชเป็นบ้า
อาการน้อยใจล่วงเลยมาถึงวันจันทร์ ตอนนี้ผมนั่งซึมกระทืออยู่ในห้องหลังกลับมาจากโรงอาหาร รับรู้ได้ว่าสองวันที่ผ่านมาตัวเองพูดน้อยลงแค่ไหน
“พอร์ชเป็นอะไรหรือเปล่า” กระทั่งเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างกันเอ่ยปากถาม มันชื่อ ‘มิวซ์’ ครับ
ผู้ชายที่เรียบร้อยจนผู้หญิงในห้องยังอาย
ก็คิดดูสิ มีใครที่ไหนพูดเรากับเพื่อนสนิทกันบ้างล่ะ
นี่ผมไม่ได้พูดให้ตัวเองดูดีเลยนะ แต่เพื่อนปกติเขาก็พูดอย่างนี้กันหมด กู-มึงคือคำธรรมดาเว้ย
ไม่ได้หยาบคายอะไรเลย
“วันนี้เราเห็นพอร์ชเงียบทั้งวันเลยนะ”
แต่ผมก็ยังเป็นผม จะพูดเราตามมันก็กระดากปากว่ะ
“มึงจำไอ้พี่เกรทที่เคยเล่าให้ฟังได้ไหม”
สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่า มันคือเพื่อนที่ไว้ใจได้ที่สุดในห้อง
เพราะงั้นเวลามีเรื่องอะไรลำบากใจผมเลยมาระบายให้มันฟังตลอด
เรื่องของพี่เกรทก็เหมือนกัน
“ใช่พี่ชายข้างบ้านที่พอร์ชชอบหรือเปล่า”
“ชู่! เบาๆ สิ
เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก” ผมรีบห้ามปราม
ไม่รู้ว่าทุกวันนี้มีเพื่อนหรือโทรโข่งกระจายเสียงกันแน่ ดีที่มิวซ์มันยังยอมฟังผม
ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นน่ะหรอป่านนี้รู้ไปทั่วโรงเรียนแล้ว
“โทษที… เราตื่นเต้นนิดหน่อย ว่าแต่พี่เกรทเกี่ยวอะไรกับการที่พอร์ชนั่งซึมทั้งวันอย่างนี้ล่ะ”
“ก็ไอ้พี่เกรทอ่ะดิ” พอเริ่มเกริ่น ไอ้คนดีของห้องก็จ้องผมตาแป๋ว “พี่เกรทแม่งลืมว่าเสื้อที่กูให้ยืมใส่เป็นเสื้อที่พี่มันซื้อให้”
ผมระเบิดอารมณ์ตัวเองออกมา ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมเป็นอย่างนี้ไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
เดินออกมาจากบ้าน พี่มันยังไม่คิดจะมาตามเลย
จากที่น้อยใจก็ชักจะมีความโกรธร่วมด้วยแล้วเนี่ย
“แค่นี้หรอ” ผมว่ามิวซ์กำลังลืมอะไรบางอย่าง คือมันไม่ใช่แค่เสื้อเว้ยมึง
“ไม่แค่นี้ดิ นั่นมันเสื้อคู่ที่พี่เกรทก็มีเหมือนกัน”
มีเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่ามีอยู่ในตู้หรือเปล่านี่สิ ตอนเก็บห้องก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับตู้เสื้อผ้าพี่มันด้วย
แต่วันนั้นผมน่าจะเอาเสื้อกลับมาด้วยว่ะ
ไม่น่ารีบร้อนเลย จะเอามาเผาทิ้งแม่ง คนซื้อให้จำไม่ได้ก็ไม่รู้จะใส่มันไปทำไม
“อ่า…
เราพอจะเข้าใจพอร์ชละ” มันยิ้มเจื่อนๆ ทีนี้เข้าใจหรือยังล่ะว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนี้
คราวนี้แหละผมจะโกรธพี่มันจริงจังเลย
“กูแม่งอยากเอาค้อนทุบหัวพี่เกรทชิบหายเผื่อความจำจะกลับคืนมาบ้าง” พอได้ระบายออกไป ความรู้สึกขุ่นมัวในอกก็ลดลง
“แต่เราว่ามันไม่เกี่ยวกับความจำหรอก”
ผมมองมันอย่างสงสัย ลางสังหรณ์กำลังบอกว่ามันต้องพูดอะไรแทงใจผมอีกแล้วแน่ๆ
“เราว่ามันเกี่ยวกับความสำคัญของคนที่ใส่เสื้อคู่กันมากกว่า
คิดดูสิ ถ้าเกิดคนที่ได้เสื้อตัวนั้นไปเป็นแฟนพี่เกรท
เราว่าพี่เกรทก็ต้องจำได้แหละ”
นี่มิวซ์หรือมีด? ประโยคยาวยืดที่มันพูดมาเหมือนโดนมีดจ้วงแทงจนผมแทบสิ้นลม
“ไอ้มิวซ์!! นี่มึงเพื่อนกูปะเนี่ย”
บางทีผมก็สงสัยว่ามันแกล้งซื่อเพื่อฟังความลับแล้วหลอกด่าผมทางอ้อมหรือเปล่า
“เราไม่ได้หมายความเหมือนอย่างที่พอร์ชคิดนะ
ไม่ได้จะว่าพอร์ชไม่สำคัญ แต่ถ้าวันนึงพอร์ชเป็นแฟนพี่เกรท
เราว่าพี่เกรทก็คงจำได้แหละว่านี่เป็นเสื้อคู่ของพอร์ชกับพี่เขา”
อืม… อันนี้เห็นด้วย
แต่คิดยังไงผมก็ไม่ใช่คนสำคัญของพี่เกรทอยู่ดีนี่หว่า
“แต่ตอนนี้กูเป็นแค่น้องชาย
มันก็ยังไม่สำคัญอยู่ดี”
“เอาไว้พี่เกรทเลิกกับแฟนพอร์ชก็ลองจีบพี่เขาดูสิ”
ไอ้บ้า! ให้ผมเนี่ยนะจีบพี่เกรท
พี่มันคงไม่คิดว่าคนอย่างผมจะทำอะไรอย่างนี้หรอก จะหาว่ากวนตีนล่ะสิไม่ว่า
อีกอย่างที่มิวซ์ควรรู้ในตอนนี้คือ…
“พี่เกรทเลิกกับแฟนแล้ว” มันเบิกตากว้าง สภาพไม่ต่างกับตอนที่ผมได้ยินพี่เกรทพูดหรอก
“’งั้นพอร์ชก็ลงมือจีบเลย”
ถ้ามันง่ายเหมือนตักข้าวเข้าปากผมก็คงทำไปนานแล้ว
แต่นี่มันยากกว่าที่คิดว่าเย็นนี้จะกินอะไรซะอีก
พี่เกรทกับผมรู้จักกันมานาน
คุยเล่นหยอกล้อกันมาหลายปี จะไปเล่นลูกหยอดเหมือนจีบสาวสมัยนี้ไม่เวิร์คหรอก
ที่สำคัญคือพี่เกรทไม่เคยมองผมในแง่นั้น
คำว่า ‘พอร์ช’ เหมือนมีดอกจันทร์หน้าชื่อ 500 ดอก พร้อมขีดเส้นใต้สีแดงเข้มๆ
เน้นและย้ำสถานะว่าเป็นได้แค่น้องชายเท่านั้น ไม่มีทางจะมองเป็นอื่น แม้พี่เกรทจะไม่เคยพูดแต่ผมก็รับรู้ได้
ถ้าพี่มันจะเฉียดตามามองคนอย่างผม ก็คงเกิดขึ้นมานานแล้วแหละ
ผมก็เลยทำใจยอมรับมาตั้งแต่ต้นไงว่ายังไงซะไอ้พอร์ชคนนี้ก็อยู่ข้างพี่เกรทได้ในฐานะน้องชายคนนึงเท่านั้น
“ยากว่ะ พี่เกรทไม่เคยมองกูแบบนั้นไง”
“ก็ทำให้พี่เกรทมองซะสิ” สัด! กูก็พูดอยู่ไหมว่ามันยาก
“มันง่ายที่ไหนล่ะ”
“งั้นเราถามอะไรหน่อย” ผมพยักหน้าอนุญาต
บางทีมันอาจจะมีความคิดที่คนอับจนหนทางอย่างผมคิดไม่ออกก็ได้
“พี่เกรทเกลียดเพศที่สามไหม
อย่างตุ๊ด กระเทย เกย์หรือทอม อะไรประมาณนี้” ผมส่ายหน้า
แต่ก่อนมันยังเปิดคลิปที่เขาประกวดมิสทิฟฟานี่ดูอยู่เลย ถ้าเกลียดก็คงไม่ดูอ่ะนะ
“ในเมื่อพี่เกรทไม่ได้เกลียด งั้นมันจะยากตรงไหนที่พี่เขาจะมองพอร์ชมากกว่าน้องชาย
ขึ้นอยู่กับการกระทำของพอร์ชแล้วแหละว่าจะชัดเจนแค่ไหน”
เออว่ะ ทำไมผมคิดไม่ได้วะ อย่า… อย่าด่าว่าพอร์ชโง่เลย พอร์ชแค่คิดไม่ถึง เขาเรียกว่าเส้นผมบังภูเขา
“ยิ้มอย่างนี้หมายความว่าจะลองดูใช่ไหม”
อ้าว! นี่ผมยิ้มอยู่หรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย
“อื้ม! จะลองดูสักตั้งละกัน”
ผมตอบกลับ ความมั่นใจตอนนี้มันเต็มเปี่ยมเชียวล่ะ
และแน่นอนว่าหายน้อยใจเรื่องนั้นแล้วด้วย
งั้นเอาไว้กลับไปถึงบ้านให้พี่มันติวฟิสิกส์ให้ดีกว่า
รู้สึกไม่เข้าใจที่ครูอธิบายตอนเช้าเลย ห๊ะ! อะไรนะ? เมื่อเช้าทำเทสได้เต็มหรอ
บ้า… ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ไม่มีเหอะ
“มีอะไรก็ปรึกษาเราได้นะ
เราพร้อมรับฟังทุก 24 ชั่วโมง” พร้อมรับฟังหรือพร้อมเสือกกันแน่วะ
เออ… เห็นแก่ที่มันช่วยผมในวันนี้ จะรายงานทุกความคืบหน้าก็ได้
“เออๆ เดี๋ยวไว้โทรหา แต๊งกิ้วนะเว้ย”
“เปลี่ยนเป็นฮันนี่โทสหน้าโรงเรียนแทนได้ไหม” อีกหนึ่งอย่างที่ผมกับมันเข้ากันได้ คือเราสายกินแหลกกันทั้งคู่
แต่ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมกูมีแก้มมีเหนียงคนเดียววะครับ
คือไอ้นี่มันก็กินเหมือนกันปะ โคตรสองมาตรฐาน!
“จัดไป!” พูดคุยกันอีกสักพักก็หมดเวลาพักเที่ยง
คาบบ่ายวันนี้เป็นวิชาประวัติศาสตร์ที่โคตรน่าเบื่อ
เอาแค่เนื้อหาก็น่าเบื่อพออยู่ละ ครูยังพูดวกไปวนมาอีก เน้นเรื่องเดิมๆ อยู่นั่นแหละ นี่ถ้ามีใครสักคนสามารถพูดตามครูได้เป๊ะทุกคำผมจะไม่แปลกใจเลย
ปิดท้ายการเรียนของวันนี้ด้วยแลปเคมี ผมก็ไม่ชอบมันเท่าไหร่หรอก
จำชื่อสารไม่ค่อยจะได้ จะมีช่วงทำแลปนี่แหละที่เห็นนายศิฑากระตือรือร้น
กริ๊งงง~
สิ้นสุดสัญญาณบอกเวลาหมดคาบคุณครูก็สั่งการบ้านนิดหน่อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ผมกับมิวซ์คุยกันเรื่องร้านเบเกอรี่ที่กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ เห็นว่าวันแรกมีโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่งด้วย
กำลังคิดอยู่เลยว่าทำยังไงถึงจะไปทันสาวๆ ในห้อง
เราสองคนเดินเอื่อยๆ มาจนถึงหน้าโรงเรียน
กำลังจะข้ามทางม้าลายไปยังร้านที่คุยกันไว้เมื่อตอนเที่ยง
ทว่าเสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
“ไอ้พอร์ช!” ตะโกนซะดังลั่น
เล่นเอาคนแถวนั้นหันไปมองเป็นตาเดียวกัน
ว่าแต่… ไอ้พี่เกรทมาได้ยังไงวะ หรือผมตาฝาด
เอ๊ะ! หรือหูแว่ว ก็บ้าละ คนเขามองกันทั้งแถบ
ถ้าเป็นมันก็เป็นทั้งหมดนี้นี่แหละ
จึกๆ
คนข้างๆ ใช้นิ้วจิ้มแขนผมใหญ่ “พี่เกรทใช่ไหม”
มันเคยเห็นพี่เกรทแค่ในโทรศัพท์ที่ผมเปิดรูปให้ดูเท่านั้นครับ
ตัวเป็นๆ น่ะเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก
“อื้ม! ตัวจริงเสียงจริงเลย”
ทำไมต้องมองเหมือนพี่มันหล่อขนาดนั้นด้วยวะ เลิกอึ้งกันได้แล้ว
ผู้หญิงแถวนี้ก็เหมือนกัน
ไม่เห็นว่าพี่มันจะหล่อตรงไหน… หล่อประมาณนึงก็ได้
ไม่อยากผิดศีล5
“พี่เขามาทำไมอ่ะ” อยากบอกมันว่ากูก็ไม่รู้เหมือนมึงอ่ะแหละ
ผมเดินไปยังคนที่กวักมือเรียกให้เข้าไปหา
แม้จะงงๆ แต่บอกเลยว่าดีใจชิบหายที่เจอพี่มันในตอนนี้ ไม่เคยโกรธ งอน
หรือน้อยใจข้ามวันข้ามคืนเหมือนครั้งนี้มาก่อน ถึงเรื่องนี้พี่มันจะไม่รู้ตัวก็เถอะ
“มาทำไรโรงเรียนพอร์ชอ่ะ” ผมเป็นคนเริ่มต้นถามก่อน ชักอยากไล่พี่มันให้รีบกลับซะแล้วสิ
คนมองเยอะชิบหาย
“มารับตัวภาระไง” ไอ้พี่เกรทมีตัวภาระอยู่โรงเรียนเดียวกันกับผมด้วยเหรอ ไม่เห็นรู้
“ใครวะ ญาติพี่เหรอ พอร์ชไม่เห็นรู้เลยว่าญาติพี่เรียนโรงเรียนนี้
คนไหนอ่ะ หญิงหรือช--” ไม่ทันได้พูดจบ พี่มันก็สวนขึ้นมาก่อน
“หยุดพูดแล้วขึ้นรถ” ห๊ะ! สั่งผมขึ้นรถเฉย ไรของพี่มันวะ “จะกลับบ้านไหม ถ้ากลับก็ขึ้นรถ ไม่กลับก็ยืนเป็นเจ้าที่อยู่นี่แหละ”
สรุปคือตัวภาระหมายถึงผม พี่เกรทมารับผมที่โรงเรียน
OMG! ควรดีใจหรือเสียใจก่อนดี
ได้เป็นตัวภาระที่พี่มันมารับด้วย
“ขอไปบอกเพื่อนก่อนดิ” ได้รับคำอนุญาตจากผู้ปกครองผมก็วิ่งจู๊ดไปอธิบายให้มิวซ์ฟัง
แม่งมีการทวนความจำด้วยว่า อย่าลืมพูดเพราะๆ กับพี่เกรทนะ ก่อนจะตบท้ายด้วยฮันนี่โทสซึ่งถูกเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้
นี่มันยังวกเข้าเรื่องของกินได้อีกเหรอ
แม้จะสงสัยว่าลมอะไรหอบพี่มันมาถึงนี่ แต่ผมก็ต้องวิ่งกลับมาที่มอ’ไซค์คนเดิมซึ่งมีพี่เกรทนั่งคร่อมอยู่ก่อนแล้ว
ยังไม่ได้พักหายเหนื่อยพี่มันก็ตั้งท่าจะบิดหนีกันเฉย
“รีบขึ้นเร็ว!” ให้พักก่อนได้ไหมล่ะ ใจอยากตอบแบบนั้นไง แต่พูดออกไปได้ที่ไหน ต้องทำตามใจเจ้าของรถไป
พี่เกรทขับออกมาจากเขตโรงเรียนได้สักพักผมก็ชวนคุยทันที
“ทำไมได้มารับพอร์ชอ่ะ” ปกติไม่พ่อก็เป็นแม่ที่จะมารับผมไง ถ้ามาไม่ได้จะโทรบอกล่วงหน้าอยู่แล้ว
แต่นี่ไม่เห็นเบอร์ใครโทรเข้ามาเลย
“คุณน้าฝากมา
บอกว่าให้ช่วยมารับตัวภาระแทนทีวันนี้ไม่ว่าง” อ้อ! ที่แท้ก็ลมปากแม่ผมนี่เองที่หอบพี่มันมาถึงนี่
วันหลังไปบอกคุณนายขอร้องพี่เกรทมานอนเป็นเพื่อนเหมือนตอนเด็กดีกว่า
จะดูบ้าเกินไปไหม ไม่หรอกเนอะ
“พอร์ชมีชื่อนะเว้ย
ไม่ต้องเรียกตัวภาระก็ได้”
“ชื่อพอร์ชมันน่ารักไปไม่เหมาะกับคนอย่างมึงหรอก”
เมื่อกี้พี่เกรทพูดว่าอะไรนะ…
ชื่อพอร์ชมันน่ารัก… แต่ถ้าตัดคำข้างหน้าออกไปก็จะเหลือแค่
พอร์ชน่ารัก..
ไอ้สัด! ทำไมต้องเขิน
“วันนี้พี่เกรทว่างไหม” ว่างเถอะขอร้อง
“ถามทำไม” ให้ตอบ
ไม่ได้ให้ถามกลับ
“ตอบก่อนดิว่าว่างหรือไม่ว่าง”
“ถ้าคนอื่นถามก็คงว่าง แต่นี่มึงถามกูไม่ว่างละ”
ไอ้พี่เกรท! ผมว่าผมตัดใจจากพี่มันยังง่ายกว่าพยายามให้คนปากปีจออย่างพี่มันชอบผมกลับเลย
“ตกลงมีอะไร” ผมถึงกับหูตั้งเมื่อได้ยินคำถามจากพี่เกรท เดี๋ยวนะ
หูตั้งนี่มันหมาไหมวะพอร์ช
“ติวฟิสิกส์ให้พอร์ชหน่อยดิ
วันนี้มีครูเทสหลังเรียนจบแล้วพอร์ชไม่ผ่านเกณฑ์ ต้องซ่อมพรุ่งนี้แล้วด้วย พี่เกรทติวให้พอร์ชหน่อยนะ”
เหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะเล็ดลอดมาจากหมวกกันน็อคที่พี่เกรทใส่
ไอ้พี่เกรทคงคิดว่าน้องข้างบ้านที่รู้จักมาตั้งแต่เด็กโง่นักสินะ เหอะ! เดี๋ยวพอร์ชจะโชว์สกิลความ(เนียน)โง่ให้พี่ดู
จะให้พี่มันติวจนถึงสี่ทุ่มเลย คอยดูเถอะ
“มึงมันโง่ไง” ไม่โง่เว้ยยยย ผมเถียงอยู่ในใจ
“พี่เกรทก็ติวให้พี่พอร์ชดิ นะๆ
ไม่ได้พี่ติวให้พรุ่งนี้พอร์ชตายแน่”
“เออๆ เดี๋ยวกูติวให้” เยส! ตกหลุมพรางของนายศิฑาแล้วล่ะคุณสพล
…….
กลับมาถึงบ้านผมก็บอกให้พี่เกรทนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น ขอเอากระดาษที่เทสเมื่อเช้าไปซ่อนแป๊บ เกิดพี่มันเปิดหนังสือแล้วเจอกระดาษที่บอกคะแนนผมจะซวยเอา
พอวิ่งลงมาหา พี่มันก็ดันหายตัวไปไหนไม่รู้
คิดว่าน่าจะกลับบ้าน สงสัยกลับไปทบทวนความรู้แหงๆ
ผมเลยถือโอกาสนี้เดินไปเปิดตู้เย็นหาของกินซะเลย
ก็มันหิวนี่หว่า
ใครบอกให้พี่มันมารับเร็วขนาดนี้ล่ะ
ได้นมกล้วยกลับมาหนึ่งกล่องก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาในห้องเหมือนเดิม
เปิดดูบทที่ตัวเองเรียนวันนี้อีกรอบ พลางคิดว่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ตรงจุดไหนดี
ตรงนี้แม่งง่าย ตรงนี้ก็ด้วย นี่ก็อีก
เปิดไปเปิดมา สุดท้ายก็จบบท เป็นอันว่าไม่มีอะไรที่งงเลยสักนิด โอเค
งั้นจบการติวแต่เพียงเท่านี้
ใช่ที่ไหนล่ะโว้ย!
“ไอ้พอร์ชกูเอาเสื้อมาคืน” เสียงพี่เกรทดังมาจากทางด้านหลัง พร้อมกับเสื้อที่ถูกโยนมาคลุมหัวผม
พอหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นเสื้อที่ผมนึกอยากจะเผาทิ้งเมื่อไม่นานมานี้
ตอนนี้ขอเก็บไว้ดีกว่า ได้กลิ่นหอมๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่มด้วย
“ว่าจะคืนตั้งแต่ตอนเช้าละ
แต่ตื่นไม่ทัน” โอ้โหซึ้งใจ… นี่พี่มันไม่สงสัยจริงๆ ใช่ไหมวะ
ว่าทำไมวันนั้นผมถึงเดินออกมาจากห้องเฉย
“เออพี่เกรท วันนั้นขอโทษนะเว้ย”
“วันไหน?”
“ก็วันที่พอร์ชไปช่วยพี่เคลียร์ห้องไง
อยู่ดีๆก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา” ลองย้อนกลับไปมอง
ก็ขำตัวเองที่ทำตัวอย่างนั้น แต๋วแตกชิบหายเลยกู
“กูเข้าใจ
ประจำเดือนไม่มาก็งี้แหละ” ถ้าจะพูดอย่างนี้ก็อย่าบอกว่าเข้าใจเลย
TT
“พอร์ชเป็นผู้ชายไหมล่ะ”
“อ้าวหรอ~” เกลียดสีหน้าและแววตาพี่มันตอนนี้มาก
กวนตีนว่ะ
“เอาเสื้อไปเก็บได้แล้ว เดี๋ยวทำนมหกใส่ก็เปื้อนอีก
อุตส่าห์ซักมาให้เนี่ย” คนที่ผมให้ยืมเสื้อไปใส่ใช้คำว่า ’อุตส่าห์ซักให้’ ได้ด้วยหรอ
ไม่อยากคิดสภาพตอนที่พี่มันไม่ซักเลย คงจะเหม็นเน่าน่าดู
“คร้าบๆ เดี๋ยวเอาไปเก็บ ขอติวก่อน”
“เอาไปเก็บก่อน
เดี๋ยวกูก็เผลอหยิบติดมือกลับไปด้วยหรอก อยู่ในตู้ก็มีตัวนึงลายเหมือนมึงเลย”
ควรสบถคำไหนให้สมกับความดีใจที่มีอยู่ในตอนนี้ (100คะแนน)
ไอ้พี่เกรทเก็บเสื้อไว้ในตู้!! อยากจะโทรรายงานให้ไอ้มิวซ์ฟังเหลือเกิน
ว่าผมดีใจโคตรๆ
“ยิ้มอะไรของมึง เพี้ยนเหรอ”
พอร์ชไม่ได้ยิน พอร์ชตายแล้ว
“ไอ้พอร์ช! มึงหยุดยิ้มเดี๋ยวนี้” ผมจะโทรไปบอกมันว่าดีใจแค่ไหน ถึงพี่มันจะลืมว่าเสื้อนี้ได้มายังไง
แต่แค่มันยังอยู่ในตู้ แค่นี้ก็พอให้หัวใจพองโตแล้ว
“ไอ้พอร์ช… หยุดยิ้ม
สัด! กูกลัวแล้วนะ” ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่เกรทมันพูดอะไรบ้าง
เคยเป็นไหมครับ อยู่ดีๆ ก็เหมือนหูมันดับ ได้ยินแต่เสียงตี๊ดดดด
“เชี่ย! นี่กูต้องโทรบอกแม่มึงปะเนี่ยว่าอาการมึงไม่โอเคแล้ว
กูว่าต้องพามึงไปหาจิตแพทย์แล้วว่ะ” แล้วพี่มันก็บ่นไปเรื่อย
ได้ยินแต่จะพาไปหาใครสักคน
กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับไปได้ก็ปาไปเกือบสิบนาที
สุดท้ายผมก็โดนพี่เกรทว่า เรื่องที่ทำให้พี่มันตกใจ อีกนิดจะกดโทรไปหาแม่ผมละ
ไม่อยากจะคิดว่าถ้าคุณนายได้ฟังจะช็อคแค่ไหน
แม่…พอร์ชไม่ได้เป็นบ้า
อย่าไปฟังพี่เกรทนะ
*******
ความคิดเห็น