ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซาฟรีรีนา

    ลำดับตอนที่ #15 : ความทรงจำที่ถูกขโมย

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 49


    ความทรงจำที่ถูกขโมย

    อัลทรอยหลบหนีความหวังดีที่รัฐบาลโลกหยิบยื่นให้

    เขาไม่ได้ขึ้นยานกลับบ้านตามกำหนดการ

    เพราะเขาต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมด...สืบหาความจริงที่แอบแฝง

    จริงอย่างที่ดิมเคยบอก 

    บางที...การ ’ไม่รู้’ มีความสุขกับ ’การรับรู้’ มากมายนัก...



    เขาถูกขโมยสมอง !

    เปล่าครับ...  ไม่มีใครแอบมาผ่าตัดและยกเอาสมองของเขาออกไปทั้งอันแบบขโมยของ...

    ในโลกยุคปลายศตวรรษที่ 21... 

    ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพเจริญสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว...  ทำให้กระแสการทำชีวิตให้เป็นอมตะเป็นที่นิยม  ระบาดไปทั่วโลก... 

    มันเกิดขึ้นมาจากการรวมตัวกันของ 2 สถาบันที่มุ่งพัฒนา 2 วิทยาการซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้ชีวิตมษุษย์เป็นอมตะ

    หนึ่งคือการโคลนนิ่ง...  ทำซ้ำสิ่งมีชีวิต

    และอีกหนึ่งคือการดาวน์โหลดสมอง !

    เมื่อมนุษย์สามารถสร้างกายภาพที่เหมือนร่างกายของคนเดิมทุกประการได้  และใส่ข้อมูลเดิมของเจ้าของกลับเข้าไปได้แล้ว

    มนุษย์ย่อมสามารถเป็นอมตะได้...

    นี่คือความเชื่อ  ความหวังใหม่ของโลกในยุคนั้น

    GOD ... เป็นชื่อบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ประมูลได้สัมปทานเพื่อใช้ผลงานวิจัยนี้ในเชิงธุรกิจเป็นรายแรก

    และเป็นบริษัทเดียวที่ครองสถิติร่ำรวยที่สุดในโลกกว่าครึ่งศตวรรษ !

    บุคคลสำคัญของโลกในแวดวงต่าง ๆ  ทั้งนักการเมือง  นักธุรกิจ  เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของแต่ละประเทศ  รวมไปถึง  นักกีฬา  ดาราและไฮโซชื่อดัง 

    ต่างก็เลี้ยงตัวทำซ้ำของตัวเองเอาไว้อย่างดี  คนละไม่ต่ำกว่า 4 คน !

    ผู้คนทั่วโลกกระเสือกกระสน  ดิ้นรนสร้างฐานะ  เก็บหอมรอมริตเพื่อทำชีวิตให้เป็นอมตะ

    จนแทบจะลืมการมีครอบครัว...  การมีลูกที่เกิดจากการรวมตัวกันของเซลล์สองเซลล์ที่แตกต่างกัน  ความรักของคนสองคน 

    และการเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูชีวิตที่เกิดจากธรรมชาติให้มานั้นจนเติบใหญ่ตามระบบการสืบสายพันธุ์ที่พระเจ้าประทานมาให้...

    แต่ทว่า...  ในที่สุด

    ความนิยมที่แพร่หลายนั้นก็จบไป...

    พร้อมกับคำตอบที่ยังไม่มีใครตอบได้จนถึงยุคนี้

    เมื่อมนุษย์ได้พบว่า...  แม้จะสามารถดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดที่เป็นความรู้  ความคิด  และความทรงจำในอดีตจากการเรียงตัวของเซลล์สมองได้นั้น  

    แต่จิตวิญญาณที่แท้จริงของตัวตนนั้นไม่ได้ติดตามมาด้วย !

    ตัวทำซ้ำกับคนเดิมเป็นคนละจิตวิญญาณกัน

    ความคิดเหมือนกัน  คนละความรู้สึก

    คนละคนกัน

    เมื่อคนเดิมตายไป... จิตวิญญาณนั้นก็หลุดลอยจากไป... 

    ไปไหน...ไม่มีใครบอกได้...  ไม่สามารถเรียกกลับมา...

    เหมือนพระเจ้าได้เขียนโปรแกรมป้องกันการสอดรู้สอดเห็นของพวกเราไว้

    ตัวตนของมนุษย์แต่ละคน  ยังคงเป็นปริศนา ...

    จนแล้วจนรอด... มนุษย์ก็ยังไม่สามารถ Crack รหัสลับแห่งการสร้างคนของพระองค์ได้

    ทำได้แต่เรื่องวุ่นวายสับสน...

    ความฝันสลายลง...  เกิดการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย  การประท้วงการทำลายตัวทำซ้ำซึ่งถือเป็นความผิดเชิงมนุษยธรรม 

    การทิ้งชีวิตของตัวทำซ้ำตามยัตถากรรมทำให้เกิดสภาพสังคมที่แย่ที่สุด  โดยเฉพาะ

    ...เมื่อมีคนด้อยโอกาสที่มีกายภาพเหมือนกันหลาย ๆ คน...  มีบ้างที่แอบฆาตกรรมแล้วสมอ้างเป็นตัวจริงไปเลย


    ที่น่ากลัวกว่านั้น...


    การดาวน์โหลดสมองกลับสร้างปรากฏการณ์วุ่นวายให้โลกในยุคนั้นได้อย่างมหาศาล 

    จนเป็นเป็นยุคมืดที่ตกต่ำกว่าโลกในยุคสงครามครั้งใด ๆ 

    เมื่อความลับของบุคคลระดับผู้นำระดับโลก ในวงการต่าง ๆ ทั้งการเมือง การเงิน การทหาร  อุตสาหกรรม และธุรกิจ 

    ถูกยักยอกออกมาแอบซื้อขายกันในระดับต่าง ๆ เพื่อหลายวัตถุประสงค์ 

    ทั้งเพื่อการสงคราม  การขยายอำนาจ  การแย่งชิงตำแหน่งทางการเมือง  การแทรกแซงทางเศรษฐกิจ 

    การจารกรรมข้อมูลการผลิตในวงการอุตสาหกรรม  การแข่งขันงานวิจัยและพัฒนา  การล้วงความลับทางธุรกิจระหว่างคู่แข่งทางการค้า... 

    ที่นิยมเอามาเผยแพร่ในวงการข่าว  เห็นจะเป็นความลับของดาราและไฮโซชื่อดัง

    จนต้องมีกฎหมายคุ้มครอง  สั่งห้ามไม่ให้ใช้เทคโนโลยีดาวน์โหลดสมองอีกเลย 

    ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน  มีโทษอย่างแรงทีเดียว


    แต่ตัวเทคโนโลยีนั้นยังถูกแอบวิจัยและพัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ โดยการสนับสนุนของชาติมหาอำนาจ  จนกลายเป็นรัฐบาลโลกในยุคนี้...

    มันถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจารกรรมข้อมูลลับของพวกเขาซึ่งเป็นผู้ตรากฎหมายห้ามนั้นเอง

    แน่นอน...  ในปัจจุบัน  ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่ายุคโบราณนั้นอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้  

    พวกเขาเพียงแค่ฉีดเซลล์หุ่นยนต์เข้าไปในสมองของเขา...แล้วส่งสัญญาณคลื่นความถี่ออกไปในขณะที่เขาหลับ 

    เพื่อสำรวจและรายงานการเรียงตัวของเซลล์สมองของเขา 

    อีกด้านหนึ่ง  เครื่องรับสัญญาณจะพล๊อตข้อมูลนั้นเป็น 4 มิติ 

    พวกเขาก็แค่ทำซ้ำสมองของผมโดยการสร้างเซลล์ตามแบบจำลองนั้นแล้วใส่เข้าไปในหุ่นยนต์มนุษย์สักตัวเพื่อเรียกข้อมูลออกมาประมวลในคอมพิวเตอร์...

    มิน่าล่ะ  ระหว่างนี้  เขารู้สึกแปลก ๆและคิดว่าเขาถูกขโมยเวลา...

    เขาถูกขโมยความทรงจำต่างหาก!!!

    เพราะการดาวน์โหลดสมองโดยเซลล์หุ่นยนต์จารกรรมนั้นต้องใช้เวลามากกว่าเครื่องสแกนขนาดใหญ่มาก 

    ถ้าทำอย่างเร่งรีบจะสร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าของสมองนั้น  เพราะถูกกระทบกระเทือนโดยตรง 

    ถือโอกาสที่เขาสับสนกับการนับคาบเวลาของดาวดวงนี้  แอบวางยานอนหลับให้เขานอนยาวนานเพื่อลักลอบขโมยสิ่งที่อยู่ในสมองของเขาออกไป

    ที่เลวร้ายอย่างน่าตกใจที่สุด...

    ถ้าเขาไม่ได้ไปพบกับเธอ... 

    ถ้าเขาไม่ได้ให้ดิมช่วยหาหมอมาตรวจร่างกายของเขาทันการณ์... 

    ถ้าเขากลับโลกและเชื่อฟังตามที่ทางรัฐบาลจัดการ...

    เมื่อถึงบ้าน...  เขาจะไม่เหลืออะไรเลย 

    กลายเป็นคนสูญเสียความทรงจำ !

    ข้อมูลคำสั่งแบบตั้งเวลาในเซลล์หุ่นยนต์ที่ถูกเรียกออกมาคือโปรแกรมลบความทรงจำของเขาออกไปให้หมดสิ้นระหว่างอยู่บนยานกลับโลก...  !

    เพื่ออะไรกัน...เขาเป็นเพียงแค่ศิลปินอิสระที่ยังไม่มีชื่อเสียง 

    เป้าหมายอยู่ที่ซาฟรีรีนา...

    จากนโยบายขยายอำนาจของมนุษย์โลกเพื่อสูบพลังงานจากต่างดาว 

    การครอบครองแหล่งพลังงานใหม่ในป่าหินกันดารของชาวคองกาจะทำได้ง่ายขึ้นเมื่อขาดผู้นำที่เป็นหัวใจอย่างซาฟรีรีนา

    ในตอนแรกที่ไม่มีข่าวใด ๆ เล็ดลอดออกมาเลย... เพราะความสงบนิ่งของซาฟรีรีนา

    เขานึกถึงภาพที่เห็นเธอครั้งแรก  เธอนั่งนิ่งราวรูปปั้น  ไม่พูด  ไม่ดื่มกิน  ไม่แม้แต่เคลื่อนไหว  เหมือนไม่หายใจด้วยซ้ำ...

    ไม่มีใครรู้เรื่องราวของชาวคองกา...  และยิ่งกว่านั้นคือไม่มีใครรู้เรื่องราวของซาฟรีรีนา

    แม้แต่พันธมิตรชาวอีบรูเองก็ตาม  พวกเขารู้เพียงว่าเธอเป็นผู้นำเผ่าคองกาในฐานะหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ 

    และให้ข้อมูลเพียงน้อยนิดว่าเธอเคยใช้ชีวิตช่วงสั้น ๆ ในโลกภายนอกตอนศึกษาอยู่  แต่ดูเหมือนว่า  ไม่มีใครรู้เรื่องของเธอจริง ๆ สักคน

    การเจรจาจะไม่มีวันเกิดขึ้น  และถ้าหากเป็นแบบนั้นต่อไป

    ที่น่ากลัวกว่านั้น  หากซาฟรีรีนาตายระหว่างที่อยู่ในความคุ้มครอง  หรือถ้าจะพูดให้ถูกคืออยู่ในการจำกัดบริเวณของรัฐบาลโลก 

    เรื่องคงไม่จบลงด้วยดีเป็นแน่  อาจบานปลายเป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามต่างดาวเลยก็ได้ 

    มีมนุษย์โลกเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องราวของเธอ 

    ผู้บุกรุกที่รอดพ้นจากการเป็นเหยื่อ...

    ที่สำคัญ...  เธอกลับยอมสละแขนและเสี่ยงชีวิต  แม้กระทั่งยอมสูญเสียอิสรภาพเพื่อรักษาชีวิตของมนุษย์โลกผู้นั้น

    ความทรงจำของเขาจึงกลายเป็นคำตอบที่ดี


    เรื่องราวบนผาหินแห่งกำเนิด...  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอยร้าวของดวงดาว... 

    เหมือนเป็นคำเฉลยที่ต้องการ    รัฐบาลโลกจึงใช้ชีวิตผมเป็นตัวประกัน  ในการต่อรองกับเธอ

    ในที่สุด...

    เธอจึงยอมร่วมมือในการเจรจา...หลังจากได้รับความเห็นชอบความคณะผู้นำเผ่า...
    และเมื่อทุกอย่างสำเร็จลงด้วยดีในทางการข่าว... 

    มันดีเพียงพอสำหรับสร้างภาพแล้ว  แต่ไม่ดีพอสำหรับข้อตกลงด้านผลประโยชน์ 
    รัฐบาลโลกจึงต้องการปิดฉากทุกอย่างลง


    หักหลัง...

    ในเมื่อข้อมูลจากความทรงจำผมบอกว่า  การกำจัดซาฟรีรีนา  ไม่ใช่การวางแผนฆ่าหญิงสาวผู้ดำรงตำแหน่งซาฟรีรีนาผู้นั้น 

    แต่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดการถ่ายทอดวิญญาณ...  จะต้องไม่มีซาฟรีรีนาอีกต่อไป   !!

    มนุษย์จะได้สร้างโลกใหม่ให้คองกา... !



    ซาฟรีรีนาจึงถูกวางยา...

    สารเคมีชนิดหนึ่ง  ที่จะไหลซึมสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต   ให้เกิดปฏิกิริยาเคมีในเลือด  เปลี่ยนร่างกายของคนคนหนึ่งให้กลายเป็นระเบิดเวลา !!!

    จะไม่มีใครสามารถรับการถ่ายทอดวิญญาณได้อีกในทุกกรณี...

    หากชาวคองการู้ตัวก่อนการระเบิด  ก็ไม่มีใครสามารถรับการถ่ายทอดวิญญาณแห่งซาฟรีรีนาด้วยการกินเลือดเนื้อตามความเชื่อได้ 

    และการตายโดยระเบิดจนไม่เหลือซากสังขารใด... 

    จะทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถรับการถ่ายทอดวิญญาณตามความเชื่อแห่งเผ่าพงศ์เดิมได้อีกเลยตลอดกาล

    เป็นแผนการอำมหิต  รอบคอบ

    พวกเขาคำนวณให้เกิดการระเบิดหลังการเจรจาจบสิ้นลง 2 วันซึ่งตรงกับการเดินทางกลับถึงเขตแดนของชาวคองกา 

    ซึ่งการระเบิดนี้จะสามารถทำลายชีวิตผู้นำเผ่าอีกหลายคน 

    ที่สำคัญยังสร้างความสับสน  ป้ายสีความผิดให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายชาวอีบรูผู้ต่อต้านมนุษย์โลกที่มารอรับการกลับดินแดนของซาฟรีรีนาอีกด้วย

    สร้างความสับสน  หวาดระแวง  และแตกแยก...  จุดเริ่มต้นของการยึดครองดวงดาวที่มนุษย์โลกถนัดนัก

    แต่ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน... 

    ซาฟรีรีนารู้สึกตัวก่อนถึงความผิดปกติในร่างกาย

    ...  เธอจึงแยกตัวออกมาจากขบวนเดินทางกลับกลางทาง  ลอบเข้ามาพบดิมและอ้อนวอนให้เขาช่วยส่งข่าวเพื่อที่จะได้พบอัลทรอยเป็นครั้งสุดท้าย 

    เขาหวนนึกถึงคำพูดของเธอวันนั้น...

    “เพราะข้าแท้ ๆ ... “



    “โอ... ไม่ผิดเลยจริง ๆ  ข้ารู้อยู่แล้วว่า ท่านไม่มีทางหักหลังข้า ข้าเชื่อมั่นเช่นนั้นมาตลอด  แล้วท่านก็ไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย...

    ข้าดีใจที่สุด...ข้าขอแค่พิสูจน์ความจริงอันนี้ให้หายกังวลแล้วข้าก็ไม่ต้องการอะไรอีก  ข้าจะได้จากไปอย่างมีความสุข...”
     

    เธอเป็นห่วงเขา... 

    เธอคงรู้ว่าเขาไม่ได้หักหลังเธอ...  แต่มีคนอื่นที่หักหลังเขาและเขากำลังอยู่ในระหว่างอันตราย... 

    เธอจึงทำทุกอย่างเพียงเพื่อพบหน้าเขาอีกครั้งก่อนจากไป

    เขาเองก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเธอทำอย่างไรถึงได้รู้ตัวก่อนว่าเธอได้กลายเป็นระเบิดชีวภาพลูกหนึ่งไปแล้ว 

    และชีวิตกำลังนับถอยหลังลงเรื่อย ๆ  ...

    น่าแปลกที่เธอสามารถคำนวณแม้แต่เวลาระเบิดได้อย่างแม่นยำ 

    เธอไม่อยากให้เขารับรู้ว่าเธอจากไปอย่างไร  เธอถึงย้ำกับดิมนักหนาว่าเขาต้องกลับมาก่อนพระจันทร์ขึ้น... 

    และเมื่อเขาและเธอไม่รักษาเวลาที่วางแผนไว้  เธอจึงให้เขาสัญญาว่าจะไม่หันกลับไป...

    เขาก็ไม่ได้หันกลับไปจริง ๆ ตามสัญญา...

    เอเกรธา...

    เธอคือขนนกสีขาวบริสุทธิ์ของเขา

    เหมือนเป็นความหมายของชีวิต  เป็นพลัง  เป็นแรงบัลดาลใจที่เขาค้นหามานานแสนนาน... 

    เขาเสียใจที่สุดที่ไม่ได้ให้เกียรติเธอตามที่เธอเข้าใจ 

     ผู้ที่ต้องมีร่างสุดท้ายเป็นซากศพอันเน่าเปื่อย  แตกสลายสู่รูปของอนินทรีย์แห่งธาตุทั้งสี่ 

    วิญญาณจากฟากฟ้า…ธาตุที่ห้า  หรือธาตุชีวิตจะล่องลอยจากไปสู่ความมืดมิดนอกจักรวาล  จากความเป็นคองกาชั่วนิรันดร์

     เขาได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้เป็นเช่นนั้นเลย

     สำหรับเขาแล้ว  การที่เขาเฝ้าคิดถึงเธออยู่เสมอ  คือการที่เธอไม่ได้ตายจากไปไหน   เธอจะมีชีวิตสถิตอยู่ในจิตใจของเขาตลอดไป

     แต่ทว่า...สำหรับเธอ 

    ความเชื่อของชาวคองกา  ทำให้เขาไม่แน่ใจ

    สิ่งเดียวที่เขาตั้งใจจะทำก่อนไปจากที่นี่  คือการตามหาสิ่งล้ำค่าที่เขาได้ทำหายไป...

    เขาจะไม่จากไปไหนจนกว่า...

    ได้ให้เกียรติเธอตามสัญญา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×