ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซาฟรีรีนา

    ลำดับตอนที่ #13 : ข่าวดีที่แฝงความลับ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 49


    ข่าวดีที่แฝงความลับ


    ทะเลสีเขียวเข้มจนเกือบดำทอประกายสีเงินระยิบระยับตัดกับสีม่วงอมน้ำเงินของท้องฟ้าราบเรียบไร้เมฆหมอกใด ๆ สวยแปลกไปจากทะเลบนโลกอันคุ้นเคย 

    อัลทรอยนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ในห้องพักของโรงพยาบาล...

    เขากำลังลำดับเรื่องราว... กับข่าวดีนั้น

    ข่าวดีที่น่าสงสัย

    เหมือนมีอะไรแอบแฝง  หรือเขาหวาดระแวงไปเอง...

    คิดไม่ออก

    ปวดหัว

    อาการปวดหัวอย่างรุนแรงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมา  และพบกับข่าวดี 

    เขาพยายามนึกเท่าไรก็ไม่สามารถคิดออก  สัญชาติญาณบอกว่าข่าวดีเหล่านั้นมีปัญหา 

    แต่ว่า  เมื่อพยายามใช้ความคิด  เรียบเรียงเหตุผลเรื่องราว  มันกับ...

    เหมือนหนังสือที่มีหน้าสีขาวว่างเปล่าเป็นช่วง ๆ ตอนสำคัญพอดี 

    เขาปวดหัวอย่างรุนแรงเมื่อพยายามคิด  คิด  คิด  ครั้งแล้วครั้งเล่า

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    ร่างกายเขาค่อย ๆ ฟื้นฟูแข็งแรงดีขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นเพราะใช้เวลาหมดไปกับการนอน

    หรือเป็นเพราะเขาสับสนกับการนับคาบเวลาด้วยคืนจันทร์ 

    การที่เขาชินกับนาฬิกาข้อมือของมนุษย์โลกแบบคลาสิคที่มีเข็มชั่วโมง นาที และวินาที 

    แต่เมื่อใช้ชีวิตตามการเดินของมันซึ่งต่างกับการนับคาบเวลาบนดาวดวงนี้ที่มีกลางวันของแต่ละวันยาวสั้นแตกต่างกันกลับทำให้เขาไม่แน่ใจ 

    เหมือนกับว่า... เวลาเดินไปเร็วกว่าที่ควรเป็น  ไม่รู้ทำไม  แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาถูกโขมยเวลา  ...

    ที่แน่ ๆ เขาถูกจำกัดบริเวณ

    หลังจากพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในรงพยาบาลมาระยะเวลาหนึ่ง 

    โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ในแคมปัสขนาดใหญ่ริมฝั่งทะเลติดกับเขตแดนรอยต่อของทะเลทรายที่ล้อมรอบป่าหินกันดารของเผ่าคองกา 

    มันเป็นหนึ่งในศูนย์บัญชาการชั่วคราวของมนุษย์โลกที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปบนดวงดาวแห่งนี้ 

    ที่นี่ประกอบไปด้วยศูนย์วิจัย หอประชุม หน่วยผลิตพลังงาน สถานีสื่อสารเชื่อมต่อระหว่างดวงดาว  คลังยุทโธปกรณ์และยานพาหนะ หอพัก ศูนย์การค้า และร้านรวงต่าง ๆ

    แม้กระทั่งสถานบันเทิงเริงรมย์ซึ่งมีไว้บริการมนุษย์โลกในเขตนี้

    ทั้งทหาร นักสำรวจดวงดาว ฝ่ายโยธา นักวิชาการ นักวิจัย รวมไปถึงพนักงานในระดับต่าง ๆ ด้วย 

    ราวกับจำลองเมืองเมืองหนึ่งบนโลกมาเลยทีเดียว

    แน่นอนที่สุด  ในบรรดาศูนย์บัญชาการชั่วคราวทั้งหมด  ที่นี่ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดราวกับเนรมิต 

    ด้วยความที่มันอยู่ใกล้กับแหล่งพลังงาน ทรัพยากรเป้าหมายสูงสุดที่มนุษย์ต้องการ ว่ากันว่าศูนย์บัญชาการใหญ่ที่อยู่ในเมืองหลวงของพวกอีบรูยังเล็กกว่าที่นี่ 

    และดีไม่ดีอาจย้ายข้ามฝั่งทะเลมาเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้

    ตอนแรกเขาเฝ้าติดตามข่าวของซาฟรีรีนาอย่างใจจดใจจ่อ  ส่วนดิมพยายามทุกทางที่จะสืบข่าวของซาฟรีรีนา แต่ว่าคว้าน้ำเหลว 

    มันเงียบจนน่าประหลาดใจ  ข่าวคราวการปรากฎตัวของเธอหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น 

    ในขณะที่ข่าวการก่อการร้ายของกลุ่มผู้ต่อต้านมนุษย์โลกถูกกระพือให้เป็นข่าวใหญ่

    และออกอากาศเจาะลึกถึงทุกรายละเอียดได้อย่างสม่ำเสมอเหมือนถูกโปรแกรม 

    แล้วเมื่อไม่กี่คืนจันทร์นี้เอง ข่าวดีก็มาถึง

    มันเป็นข่าวดีอย่างเหลือเชื่อจริง ๆ ...

    การเจรจาเกี่ยวกับการก่อสร้างเหมืองพลังงานในเขตป่าหินกันดาร ระหว่างมนุษย์โลก

    และชาวคองกาถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการด้วยความร่วมมือที่ดีจากทุกฝ่าย
    และมีข่าวดีต่อเนื่องมาทุกคืนจันทร์...

    การร่างสนธิสัญญาเหมืองพลังงานเป็นการกระทำร่วมกันของชาวโลก ชาวอีบรู และชาวคองกา…

    การเจรจาสำเร็จลงอย่างงดงาม และสนธิสัญญาได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่าย...
    จนถึงข่าวดีล่าสุด…

    ซาฟรีรีนาเดินทางกลับอณาเขตปกครองชนเผ่าคองกาคืนจันทร์วานนี้โดยทางกองทัพและคณะฑูตชาวโลกจัดพิธีส่งอย่างเป็นทางการพร้อมด้วยคณะผู้นำเผ่าคองกาอย่างสมเกียรติ

    ข่าวดีขึ้นทุกคืนจันทร์...

    ร่างกายของเขาฟื้นตัว แข็งแรงขึ้น

    เขาปวดหัวมากขึ้นและมากขึ้น  ...

    ลึกลงไปความหวาดกลัวบังเกิดขึ้นในจิตใจอย่างรุนแรง

    แต่ให้ตายก็คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร

    และข่าวที่น่าจะดีที่สุด…

    ทางรัฐบาลโลกเตรียมยานแคปซูลส่งเขากลับบ้าน !

    มันก็ถูกต้องที่สุดแล้ว  ซาฟรีรีนากลับบ้าน  เขากลับบ้าน... เป็นข่าวดีที่สมบูรณ์แบบ 

    เขาหวาดระแวงอะไรกันแน่...

    หรือเป็นเพราะว่า  เขาไม่มีโอกาสได้พบเธออีก

    ...ไม่มีโอกาสสารภาพ...ว่า

    เขาไม่ได้กินแขนเธอ...

    หรือนี่เป็นการลาจากโดยไม่มีคำอำลา...

    เสียงเรียกดังขึ้นเบื้องหลังทำให้เขาสะดุ้งเหลียวหลังกลับไปมองที่ประตูห้องพัก

    “ดิม ?... “ อัลทรอยสังเกตุว่าหน้าเพื่อนของเขาซีดเผือก  แววตาแฝงความหมายที่ยากจะเข้าใจ

    “...”

    “ดิม...  แกเป็นอะไรไป...”

    “...”

    “เกิดอะไรขึ้น ?”

    “...”

    “มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่...  แกจะบอกอะไรฉัน...”

    “ฉัน...  ไม่รู้จะบอกแกยังงัย  แค่ไหน... “ ดิมถอนหายใจยาว  ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องเล็ก ๆ นั้นอย่างน่าอึดอัด 

    บรรยากาศตึงเครียดเหมือนมีหมอกสีดำมาปกคลุมผิดกับบรรยากาศที่มีทัศนียภาพภายนอกหน้าต่างเป็นโค้งอ่าวฝั่งทะเลดูงดงามราวกับภาพวาด 

    ดิมสบตาอัลทรอยนิ่งนานก่อนจะตัดสินใจ...

    “ฉันคงบอกแกได้ไม่หมด...เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับ’เธอ’ ...”

    “ซาฟรีรีนา ?”  น่าแปลกที่อาการปวดหัวอย่างรุนแรงแทบจะถูกลืมไปสิ้น

    “เธอรอพบแกเป็นครั้งสุดท้าย  คงอยากอำลา  และถ้าแกต้องการพบเธอ...

    วันนี้ก่อนพระจันทร์ขึ้น  ให้ไปที่หน้าผาหินรูปสิงห์หมอบ  ตรงที่มีชะง่อนหินธรรมชาติซึ่งเป็นเพิงพักของนักเดินทางโบราณอยู่เชิงผา  ห่างจากที่นี่ไปพอสมควร 

    ฉันคำนวนดูแล้ว  ถ้าแกใช้ยานขับเคลื่อนเร็วลำเล็กก็ประมาณไม่เกิน 3 ชั่วโมงตามระบบนาฬิกาแกน่าจะถึง  หมายความว่าแกต้องเดินทางตั้งแต่ตอนนี้ !”

    ดิมทั้งพูดทั้งอธิบายรวดเดียวไม่หยุดเหมือนไม่อยากให้เขาถามอะไรมากไปกว่านั้น

    “เดี๋ยวก่อน...”

    “...ส่วนเรื่อง...ทางนี้  ฉันจัดการให้เสร็จแล้ว  แกไม่ต้องห่วงน่าฉันเส้นใหญ่ซะอย่าง ฉัน...”

    “ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่...”

    “เรื่องยาน...ฉันลองคุยกับจิลลานาแล้ว พอดีก่อนมานี่ฉันเจอเธอโดยบังเอิญ  โชคดีจริง ๆ  เธอสัญญาจะช่วยเตรียมให้ทันที แถมแผนที่กระดาษให้ด้วย

    เพราะแกจะใช้สัญญาณดาวเทียมที่ติดกับยานไม่ได้  ...เพื่อนแกน่ะ  เสน่ห์แรงขนาดนั้น ขออะไรสาวที่ไหนจะปฎิ...”

    “ดิม !” อัลทรอยจับแขนของเพื่อนเขย่าเบา ๆ  เสียงหัวเราะฝืน ๆ ของดิมหยุดลง  ...

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    “ซาฟรีรีนาเธอกลับไปเขตปกครองของเธอที่ป่าหินกันดารแล้วไม่ใช่เหรอ  ป่านนี้เธอน่าจะใกล้ถึงแล้ว  ทำไมเธอยังอยู่ที่ชายแดน  ข่าวนั้นเป็นพวกเรากุขึ้นมาเป็นละครแหกตากันหรือไง!!!”

    “...”

    “ดิม  แกรู้อะไรมากกว่านั้นใช่ไหม”

    “มี...มีอีกอย่างที่แกต้องจำไว้   แกต้องกลับมาก่อนพระจันทร์ขึ้นจนเต็มดวง  30  นาที”

    “แค่นั้น ?...”

    “มันสำคัญมาก  แกจำได้ใช่ไหม ?”

    “สำคัญ ? แค่นั้นเหรอ”

    “มันสำคัญต่อชีวิตแก  ชีวิตเธอ  และมันเป็นหน้าที่ของฉัน...
    ทรอย...ฟังให้ดี 

    จำไว้  ฉันคำนวณเวลาให้แกเข้าใจ เทียบกับนาฬิกาแก... 

    แกมีเวลา 3 ชั่วโมงสำหรับเดินทาง  

    1 ชั่วโมง สำหรับพบซาฟรีรีนา

    แกเข้าใจใช่ไหม  จากนี้ไปไม่เกิน 4 ชั่วโมง...แกต้องออกมาจากที่นั่นทันที!

    สำหรับคืนจันทร์นี้  พระจันทร์ขึ้นจนเต็มดวงใช้เวลา 30 นาทีพอดี   ดังนั้นสัญญาณที่แกจะดูได้อีกอย่างคือ  แกต้องกลับมาทันทีที่เห็นพระจันทร์เริ่มขึ้นที่ขอบฟ้า 

    แกเข้าใจนะ...  แกจำได้ใช่ไหม... สัญญากับฉันสิ”

    “โอเค...สัญญา...ว่าแต่ว่า ...ฉันไม่เข้าใจ...ทำไมก่อนพระจันทร์ขึ้นจนเต็มดวง  30  นาทีเป็นเส้นตายที่ฉันต้องกลับมา?”

    “...ทรอย...  ฉันขอโทษ  แต่ความจริง...แกควรจะขอบคุณฉันมากกว่าที่บอกแกเพียงแค่นี้...บางที...การ ’ไม่รู้’ มีความสุขกับ ’การรับรู้’ มากมายนัก...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×