คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ข่าวดีที่แฝงความลับ
ข่าวดีที่แฝงความลับ
ทะเลสีเขียวเข้มจนเกือบดำทอประกายสีเงินระยิบระยับตัดกับสีม่วงอมน้ำเงินของท้องฟ้าราบเรียบไร้เมฆหมอกใด ๆ สวยแปลกไปจากทะเลบนโลกอันคุ้นเคย
อัลทรอยนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ในห้องพักของโรงพยาบาล...
เขากำลังลำดับเรื่องราว... กับข่าวดีนั้น
ข่าวดีที่น่าสงสัย
เหมือนมีอะไรแอบแฝง หรือเขาหวาดระแวงไปเอง...
คิดไม่ออก
ปวดหัว
อาการปวดหัวอย่างรุนแรงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมา และพบกับข่าวดี
เขาพยายามนึกเท่าไรก็ไม่สามารถคิดออก สัญชาติญาณบอกว่าข่าวดีเหล่านั้นมีปัญหา
แต่ว่า เมื่อพยายามใช้ความคิด เรียบเรียงเหตุผลเรื่องราว มันกับ...
เหมือนหนังสือที่มีหน้าสีขาวว่างเปล่าเป็นช่วง ๆ ตอนสำคัญพอดี
เขาปวดหัวอย่างรุนแรงเมื่อพยายามคิด คิด คิด ครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ร่างกายเขาค่อย ๆ ฟื้นฟูแข็งแรงดีขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นเพราะใช้เวลาหมดไปกับการนอน
หรือเป็นเพราะเขาสับสนกับการนับคาบเวลาด้วยคืนจันทร์
การที่เขาชินกับนาฬิกาข้อมือของมนุษย์โลกแบบคลาสิคที่มีเข็มชั่วโมง นาที และวินาที
แต่เมื่อใช้ชีวิตตามการเดินของมันซึ่งต่างกับการนับคาบเวลาบนดาวดวงนี้ที่มีกลางวันของแต่ละวันยาวสั้นแตกต่างกันกลับทำให้เขาไม่แน่ใจ
เหมือนกับว่า... เวลาเดินไปเร็วกว่าที่ควรเป็น ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกเหมือนว่าเขาถูกโขมยเวลา ...
ที่แน่ ๆ เขาถูกจำกัดบริเวณ
หลังจากพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในรงพยาบาลมาระยะเวลาหนึ่ง
โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ในแคมปัสขนาดใหญ่ริมฝั่งทะเลติดกับเขตแดนรอยต่อของทะเลทรายที่ล้อมรอบป่าหินกันดารของเผ่าคองกา
มันเป็นหนึ่งในศูนย์บัญชาการชั่วคราวของมนุษย์โลกที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปบนดวงดาวแห่งนี้
ที่นี่ประกอบไปด้วยศูนย์วิจัย หอประชุม หน่วยผลิตพลังงาน สถานีสื่อสารเชื่อมต่อระหว่างดวงดาว คลังยุทโธปกรณ์และยานพาหนะ หอพัก ศูนย์การค้า และร้านรวงต่าง ๆ
แม้กระทั่งสถานบันเทิงเริงรมย์ซึ่งมีไว้บริการมนุษย์โลกในเขตนี้
ทั้งทหาร นักสำรวจดวงดาว ฝ่ายโยธา นักวิชาการ นักวิจัย รวมไปถึงพนักงานในระดับต่าง ๆ ด้วย
ราวกับจำลองเมืองเมืองหนึ่งบนโลกมาเลยทีเดียว
แน่นอนที่สุด ในบรรดาศูนย์บัญชาการชั่วคราวทั้งหมด ที่นี่ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดราวกับเนรมิต
ด้วยความที่มันอยู่ใกล้กับแหล่งพลังงาน ทรัพยากรเป้าหมายสูงสุดที่มนุษย์ต้องการ ว่ากันว่าศูนย์บัญชาการใหญ่ที่อยู่ในเมืองหลวงของพวกอีบรูยังเล็กกว่าที่นี่
และดีไม่ดีอาจย้ายข้ามฝั่งทะเลมาเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้
ตอนแรกเขาเฝ้าติดตามข่าวของซาฟรีรีนาอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนดิมพยายามทุกทางที่จะสืบข่าวของซาฟรีรีนา แต่ว่าคว้าน้ำเหลว
มันเงียบจนน่าประหลาดใจ ข่าวคราวการปรากฎตัวของเธอหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
ในขณะที่ข่าวการก่อการร้ายของกลุ่มผู้ต่อต้านมนุษย์โลกถูกกระพือให้เป็นข่าวใหญ่
และออกอากาศเจาะลึกถึงทุกรายละเอียดได้อย่างสม่ำเสมอเหมือนถูกโปรแกรม
แล้วเมื่อไม่กี่คืนจันทร์นี้เอง ข่าวดีก็มาถึง
มันเป็นข่าวดีอย่างเหลือเชื่อจริง ๆ ...
การเจรจาเกี่ยวกับการก่อสร้างเหมืองพลังงานในเขตป่าหินกันดาร ระหว่างมนุษย์โลก
และชาวคองกาถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการด้วยความร่วมมือที่ดีจากทุกฝ่าย
และมีข่าวดีต่อเนื่องมาทุกคืนจันทร์...
การร่างสนธิสัญญาเหมืองพลังงานเป็นการกระทำร่วมกันของชาวโลก ชาวอีบรู และชาวคองกา
การเจรจาสำเร็จลงอย่างงดงาม และสนธิสัญญาได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่าย...
จนถึงข่าวดีล่าสุด
ซาฟรีรีนาเดินทางกลับอณาเขตปกครองชนเผ่าคองกาคืนจันทร์วานนี้โดยทางกองทัพและคณะฑูตชาวโลกจัดพิธีส่งอย่างเป็นทางการพร้อมด้วยคณะผู้นำเผ่าคองกาอย่างสมเกียรติ
ข่าวดีขึ้นทุกคืนจันทร์...
ร่างกายของเขาฟื้นตัว แข็งแรงขึ้น
เขาปวดหัวมากขึ้นและมากขึ้น ...
ลึกลงไปความหวาดกลัวบังเกิดขึ้นในจิตใจอย่างรุนแรง
แต่ให้ตายก็คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร
และข่าวที่น่าจะดีที่สุด
ทางรัฐบาลโลกเตรียมยานแคปซูลส่งเขากลับบ้าน !
มันก็ถูกต้องที่สุดแล้ว ซาฟรีรีนากลับบ้าน เขากลับบ้าน... เป็นข่าวดีที่สมบูรณ์แบบ
เขาหวาดระแวงอะไรกันแน่...
หรือเป็นเพราะว่า เขาไม่มีโอกาสได้พบเธออีก
...ไม่มีโอกาสสารภาพ...ว่า
เขาไม่ได้กินแขนเธอ...
หรือนี่เป็นการลาจากโดยไม่มีคำอำลา...
เสียงเรียกดังขึ้นเบื้องหลังทำให้เขาสะดุ้งเหลียวหลังกลับไปมองที่ประตูห้องพัก
“ดิม ?... “ อัลทรอยสังเกตุว่าหน้าเพื่อนของเขาซีดเผือก แววตาแฝงความหมายที่ยากจะเข้าใจ
“...”
“ดิม... แกเป็นอะไรไป...”
“...”
“เกิดอะไรขึ้น ?”
“...”
“มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่... แกจะบอกอะไรฉัน...”
“ฉัน... ไม่รู้จะบอกแกยังงัย แค่ไหน... “ ดิมถอนหายใจยาว ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องเล็ก ๆ นั้นอย่างน่าอึดอัด
บรรยากาศตึงเครียดเหมือนมีหมอกสีดำมาปกคลุมผิดกับบรรยากาศที่มีทัศนียภาพภายนอกหน้าต่างเป็นโค้งอ่าวฝั่งทะเลดูงดงามราวกับภาพวาด
ดิมสบตาอัลทรอยนิ่งนานก่อนจะตัดสินใจ...
“ฉันคงบอกแกได้ไม่หมด...เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับ’เธอ’ ...”
“ซาฟรีรีนา ?” น่าแปลกที่อาการปวดหัวอย่างรุนแรงแทบจะถูกลืมไปสิ้น
“เธอรอพบแกเป็นครั้งสุดท้าย คงอยากอำลา และถ้าแกต้องการพบเธอ...
วันนี้ก่อนพระจันทร์ขึ้น ให้ไปที่หน้าผาหินรูปสิงห์หมอบ ตรงที่มีชะง่อนหินธรรมชาติซึ่งเป็นเพิงพักของนักเดินทางโบราณอยู่เชิงผา ห่างจากที่นี่ไปพอสมควร
ฉันคำนวนดูแล้ว ถ้าแกใช้ยานขับเคลื่อนเร็วลำเล็กก็ประมาณไม่เกิน 3 ชั่วโมงตามระบบนาฬิกาแกน่าจะถึง หมายความว่าแกต้องเดินทางตั้งแต่ตอนนี้ !”
ดิมทั้งพูดทั้งอธิบายรวดเดียวไม่หยุดเหมือนไม่อยากให้เขาถามอะไรมากไปกว่านั้น
“เดี๋ยวก่อน...”
“...ส่วนเรื่อง...ทางนี้ ฉันจัดการให้เสร็จแล้ว แกไม่ต้องห่วงน่าฉันเส้นใหญ่ซะอย่าง ฉัน...”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่...”
“เรื่องยาน...ฉันลองคุยกับจิลลานาแล้ว พอดีก่อนมานี่ฉันเจอเธอโดยบังเอิญ โชคดีจริง ๆ เธอสัญญาจะช่วยเตรียมให้ทันที แถมแผนที่กระดาษให้ด้วย
เพราะแกจะใช้สัญญาณดาวเทียมที่ติดกับยานไม่ได้ ...เพื่อนแกน่ะ เสน่ห์แรงขนาดนั้น ขออะไรสาวที่ไหนจะปฎิ...”
“ดิม !” อัลทรอยจับแขนของเพื่อนเขย่าเบา ๆ เสียงหัวเราะฝืน ๆ ของดิมหยุดลง ...
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ซาฟรีรีนาเธอกลับไปเขตปกครองของเธอที่ป่าหินกันดารแล้วไม่ใช่เหรอ ป่านนี้เธอน่าจะใกล้ถึงแล้ว ทำไมเธอยังอยู่ที่ชายแดน ข่าวนั้นเป็นพวกเรากุขึ้นมาเป็นละครแหกตากันหรือไง!!!”
“...”
“ดิม แกรู้อะไรมากกว่านั้นใช่ไหม”
“มี...มีอีกอย่างที่แกต้องจำไว้ แกต้องกลับมาก่อนพระจันทร์ขึ้นจนเต็มดวง 30 นาที”
“แค่นั้น ?...”
“มันสำคัญมาก แกจำได้ใช่ไหม ?”
“สำคัญ ? แค่นั้นเหรอ”
“มันสำคัญต่อชีวิตแก ชีวิตเธอ และมันเป็นหน้าที่ของฉัน...
ทรอย...ฟังให้ดี
จำไว้ ฉันคำนวณเวลาให้แกเข้าใจ เทียบกับนาฬิกาแก...
แกมีเวลา 3 ชั่วโมงสำหรับเดินทาง
1 ชั่วโมง สำหรับพบซาฟรีรีนา
แกเข้าใจใช่ไหม จากนี้ไปไม่เกิน 4 ชั่วโมง...แกต้องออกมาจากที่นั่นทันที!
สำหรับคืนจันทร์นี้ พระจันทร์ขึ้นจนเต็มดวงใช้เวลา 30 นาทีพอดี ดังนั้นสัญญาณที่แกจะดูได้อีกอย่างคือ แกต้องกลับมาทันทีที่เห็นพระจันทร์เริ่มขึ้นที่ขอบฟ้า
แกเข้าใจนะ... แกจำได้ใช่ไหม... สัญญากับฉันสิ”
“โอเค...สัญญา...ว่าแต่ว่า ...ฉันไม่เข้าใจ...ทำไมก่อนพระจันทร์ขึ้นจนเต็มดวง 30 นาทีเป็นเส้นตายที่ฉันต้องกลับมา?”
“...ทรอย... ฉันขอโทษ แต่ความจริง...แกควรจะขอบคุณฉันมากกว่าที่บอกแกเพียงแค่นี้...บางที...การ ’ไม่รู้’ มีความสุขกับ ’การรับรู้’ มากมายนัก...”
ความคิดเห็น