ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซาฟรีรีนา

    ลำดับตอนที่ #12 : โศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 49


    โศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่ง







    “...ซาฟรีรีนา ?...”

    “โอเค… ฉันจะเล่าให้แกฟัง”

    ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางไปสู่ศูนย์บัญชาการชั่วคราวของชาวโลก  อัลทรอยอยู่บนเปลสนาม 

    หลับตารอคอยฟังเรื่องราวระหว่างที่เขาอยู่ในรอยร้าวของดวงดาว

    จากเหตุการณ์เมื่อยานโดยสารข้ามห้วงอวกาศมาเกิดเหตุขัดข้องจนระเบิดระหว่างลงจอด

    แรงระเบิดครั้งแรกทำให้เขากระเด็นออกไปไกลมากจากจุดระเบิดครั้งที่สองซึ่งทำให้มีผู้รอดชีวิตเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น 

    ดิมและเพื่อนนักสำรวจดวงดาวถูกช่วยชีวิตไว้ได้โดยหน่วยกู้ภัยพิเศษ  และปฎิบัติการในส่วนสำรวจภาคพื้นหลังจากปลอดภัยแล้ว 

    แต่ต่อมาไม่นานนัก  ความลับของคำสั่งการปฎิบัติงานอยู่กลุ่มก็รั่วไหลออกมา  ...

    เป็นจริงอย่างที่ซาฟรีรีนาเคยบอกไว้  พวกเขาต้องการกำจัดเธอและทำลายเผ่าคองกา...

    แล้วดิมก็ได้เข้ามาพัวพันกับการตามล่าหญิงสาวหัวหน้าเผ่ากินคน...

    จวบจนได้พบกับตัวเธอ

    “ผู้หญิงคนนั้น...ซาฟรีรีนาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ... ให้พวกเรามาตามหาแกนะ 

    เธอทิ้งรหัสประจำตัวของฉันไว้เป็นระยะ  ตอนแรก...ไม่มีใครเข้าใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร  พวกเขาพยายามตีความ... 

    มันตลกสิ้นดีตรงที่นักวิชาการเกือบทุกแขนงและพวกนักภาษาต่างดาวมารุมถอดรหัสประจำตัวฉันอยู่ตั้งเป็นนาน 

    จนหมดหนทางแล้วเลยจัดประชุมหาไอเดียเอากับพวกนักสำรวจดวงดาว  พอดีแกหายตัวไป  ส่วนฉันก็เอะใจว่ามันรหัวประจำตัวฉันนี่หว่า 

    หรือว่าแกจะยังไม่ตายทิ้งเอาไว้  หรือถูกซาฟรีรีนาจับเป็นตัวประกันเลยทิ้งไว้ให้ฉันไปช่วย  ฉันเลยอาสาสะกดรอยตาม  พอเริ่มได้เบาะแส...” 

    สีหน้าของดิมเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง  เป็นความกังวลเจือความลำบากใจ  อัลทรอยได้แต่ขมวดคิ้วฟังอย่างตั้งใจ 

    “ฉันถูกเรียกตัวด้วยคำสั่งลับ...”เขาลดเสียงเบาลงจนเกือบเป็นกระซิบ 

    ...ถอนหายใจ  พยายามลำดับความเพื่อเล่าต่อไปเมื่อคิดว่าไม่สมควรปิดบังอะไรอัลทรอย  อย่างไรสักวันเขาก็ต้องรับรู้...

    “ทางกองทัพส่งฉัน...เป็นเครื่องมือ!” พูดออกไปแล้ว  ดิมสังเกตุสีหน้าและแววตาปวดร้าวของเพื่อนรัก 

    เขาได้แต่กลั้นใจรอให้อัลทรอยพูดอะไรออกมาสักอย่าง  แต่เมื่อเห็นเขาจ้องมองมาแน่วนิ่งรอคอย  จึงค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวเล่าต่อไป

    “เมื่อเราแน่ใจว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส...จึงตามรอยเลือดที่หยดเป็นทางไป   จ

    นพบเธอจนมุมอยู่ในหุบเขาใกล้กับรอยร้าวของดวงดาวในตำแหน่งที่แกตกลงไป...

    เหมือนกับว่าเธอจงใจ”

    ...


    “ช่วยอัลทรอยด้วย... เขาพลัดตกลงไปในรอยร้าวของดวงดาว...”

    “อะไรนะ...? ใคร...?” 

    ‘ในตอนนั้นฉันไม่แน่ใจว่าฟังถูก  ฉันไม่เคยคิดว่าชาวคองกาจะรู้ภาษาเรา  จนได้ยินชื่อแก  ฉันจึงแน่ใจ 

    และตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก  ที่แกยังไม่ตาย  แกยังมีชีวิตอยู่  แกรู้ไหม  ฉันรู้สึกผิดตลอดเวลาที่คิดว่าฉันพาแกมาตาย... 

    ได้ยินชื่อแกจากปากของเธอ  ฉันแทบจะเห็นเธอเป็นทูตสวรรค์’

    “อัลทรอย... ทรอย... เพื่อนคุณ”  เสียงที่เคยกังวาลหวานแต่หนักแน่น  บัดนี้เหลือเพียงเสียงกระซิบแหบพร่า 

    ดิมมองร่างตรงหน้าด้วยความเวทนา  บาดแผลฉกรรณ์ตรงที่เคยมีแขนติดอยู่ยังมีเลือดและน้ำเหลืองไหลซึมออกมาไม่ยอมหยุด 

    ดิมสังเกตุว่าแผลที่เหวอะหวะรุ่งริ่งนั้นนอกจากไม่ได้รับการห้ามเลือดพันแผลอย่างถูกต้องแล้ว 

    การที่เลือดไหลไม่หยุดไหลอาจเกิดจากการเปิดฉีกบาดแผลให้ใหญ่และลึกขึ้นเพื่อรีดโลหิตให้ไม่หยุดไหลอย่างจงใจ 

    หรือเธอจะทารุณตัวเองเพียงเพราะต้องการเป็นเหยื่อล่อ  เธอต้องการอะไรแน่...

    ใบหน้าสกปรกไปด้วยดินทราย  ยังมีบาดแผลบนศีรษะล้านเลี่ยนที่พุพองจากแสงแดดที่แผดเผามาตลอดทางหลบหนี ริมฝีปากหนาแห้งแตกจนมีเลือดไหลซึม 

    ไม่ผิดกับนัยน์ตาแดงช้ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย  บ่งบอกถึงความทรมานอย่างสัตว์ที่เจ็บปวดและหมดทางสู้...

    เธอเล่าเรื่องราวลายละเอียดทั้งหมดให้เขาฟัง  และฝากความหวังทุกอย่างไว้กับเขา

    เขาจึงเข้าใจเรื่องราวของอัลทรอยและได้นำเครื่องมือต่าง ๆพร้อมหน่วยกู้ภัยมาช่วยเขาไว้จนได้

    ...


    “ต่อจากนั้นเธอทำอย่างไรต่อไป... หนีรอดไปได้ไหม?”

    อัลทรอยถามคาดคั้น  ด้วยความรู้สึกว่าดิมกำลังบิดบังอะไรบางอย่างกับเขา  เรื่องราวไม่น่าจะจบแค่นั้น

    “... ฉันได้รับมอบหมายให้ทำงานอย่างหนึ่ง...  คือจับเป็นซาฟรีรีนา !!!... แล้วพวกเขาสัญญาว่าจะมีการประชุมและทำการเจรจา... ก็เรื่องแหล่งพลังงานใหม่ที่นายรู้แล้วนั่นแหละ”

    “เจรจา??... จริงเหรอ  ...ที่ว่าจะมีการเจรจา...เป็นความจริง ?”

    เขาแทบจะไม่เชื่อ...

    ถ้าจริง... ก็แปลก...

    คงเป็นเรื่องแปลกที่สุดในประวัติการณ์ 

    ดูจากประวัติศาสตร์ครั้งโบราณกาลมา  ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ด้วยผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยเพียงใด 

    จะมีครั้งไหนบ้างที่มี / ฝ่ายซึ่งอำนาจต่างกันมากมายมาเจรจากันด้วยข้อตกลงอันยุติธรรม  ?!

    “ฉันก็ไม่รู้...  เพียงแต่ได้รับคำสั่งลับมาเฉพาะกิจ  แต่พอมาพบเธอในสภาพนั่น  ทำให้อดลังเลไม่ได้ 

    แต่ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจเลือกที่จะขัดคำสั่งของรัฐบาลโลกจริง ๆ”

    ...

    ดิมเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ที่เกี่ยวกับการที่เขาได้รับคำสั่งมาให้จับกุมตัวซาฟรีรีนา...

    รวมทั้งการเจรจาที่พวกเขาสัญญาว่าจะจัดขึ้นเพื่อทำสนธิสัญญาตกลงกันในเรื่องของเหมืองพลังงาน

    การเจรจา...สนธิสัญญา...

    ซาฟรีรีนาหัวเราะเบา ๆ ให้กับมัน  เหมือนรู้ว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงเลย...

    “รีบหนีไป... เธอรีบหนีไปเสียดีกว่า... “

    ซาฟรีรีนามองเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นัยน์ตาสีแดงทับทิมฉายแววประหลาดใจอย่างมากมาย

    “เรื่องของอัลทรอย  ฉันสัญญาว่าจะช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ”

    “เธอพูดจริง ?”

    “แน่นอน  ทรอยเป็นเพื่อนผม  ผมกับเขารู้จักกันมาตั้งแต่อายุ...ไม่รู้กี่ขวบเหมือนกัน  จำไม่ได้  เหมือนตั้งแต่เกิดมาก็มีเขาเป็นเพื่อนแล้ว...”

    “ไม่ใช่  ข้าหมายถึง  ท่านจะปล่อยข้าไปจริง ๆ...?”

    “ทำไมเธอถึงคิดว่าผมโกหก”

    “ก็มนุษย์เก่งเรื่องโกหก”  เธอสวนกลับทันที

    “ผมไม่... แต่คุณเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจ  เราไม่มีเวลามากนัก”

    เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาเขา  นิ่งอยู่อึดใจเหมือนตัดสินใจไม่ถูก...

    “อย่าเพียงเพราะ...สงสารข้า หรือเพราะคิดว่าข้าใกล้ตาย  ข้ามีแรงพอที่จะฆ่าท่านตายเพื่อเป็นอาหารสำหรับประทังชีวิตข้าให้มีแรงหนีต่อไป...

    อย่าลืมว่าข้ารู้จักโลกของข้ามากกว่า...  ลองดูไหม” 

    ดิมทั้งตกใจและแปลกใจมากในพลังมหาศาลที่เธอปรากฏให้เขาเห็น  เมื่อบีบข้อมือของเขาด้วยแขนข้างเดียว...

    แขนที่เมื่อครู่ห้องตกแนบอยู่ข้างลำตัวอย่างหมดสภาพกลับคล้ายคีมเหล็กขนาดใหญ่ที่บีบจนข้อมือเขาปวดแปลบ 

    ก่อนจะชาด้านลามไปทั้งลำตัวครึ่งซีกนั้น !

    ช่างตรงข้ามกับสภาพที่เกรอะกรังไปด้วยเลือด  และบาดแผลน้อยใหญ่ทั้วตัวจนน่ากลัว  คละคลุ้มไปด้วยกลิ่นสาปและคาวเลือดราวซากศพเดินได้...

    “ท่านปลดเครื่องรับส่งสัญญาณออกไปแบบนั้น   ย่อมตกเป็นที่สงสัยของพวกเขา  และยิ่งถ้าท่านปล่อยข้า...

    ท่านจะกลายเป็นนักโทษตลอดไป...  ไม่แน่อาจต้องตายแทนข้า... 

    เอาอย่างนี้เถอะ...  ข้าขอยื่นข้อเสนอบางอย่างได้หรือไม่...”

    “ข้อเสนอ ?”

    “...บอกพวกเขา...  พวกเขาจะต้องปลดปล่อยชาวคองกาที่ไม่รู้เรื่องไป...  ให้เขาได้อยู่อย่างที่เขาเคยอยู่...

    หรือตามข้อเสนอใด ๆ ที่พวกเขาจะตกลงกันเองในภายหลังอย่างสันติ   เพียงแค่นั้น  แล้วข้าจะตามท่านออกไป  ถอนตัวออกจากการเป็นซาฟรีรีนา... 

    ข้ายอมแลกด้วยชีวิตและอิสรภาพ...!”

    ...

    “ฉันคิดอยู่นานมาก  ...ทรอย.... 

    ฉันมันก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือ  อยู่ดีดีก็กลายมาเป็นสื่อกลางทางการเมืองของคนสองกลุ่มอย่างช่วยไม่ได้ 

    ฉันไม่สิทธิ์ในการต่อรองหรือทำสัญญาใด ๆ...”

    “ตอนนี้...ซาฟรีรีนา อยู่ที่ไหน? “

    “…”

     

    พวกเขามารู้ภายหลังว่าเหตุการณ์ระเบิดระหว่างการกู้ภัยที่เกิดขึ้นตรงรอยร้าวของดวงดาวไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ…

    เสียงการต่อสู้ที่อัลทรอยได้ยินเมื่ออยู่บนหน้าผากับซาฟรีรีนาก่อนที่เธอจะพาเขาหนีลงมาและพลัดตกลงไปในรอยร้าวของดวงดาว 

    นั่นคือการเชิญร่วมลงนามในสนธิสัญญาเหมืองพลังงาน 

    หรือหากจะเรียกให้ถูก...น่าจะต้องบอกว่าเป็นการวาดต้อนชาวคองกาในระดับแกนนำและค้นหาตัวซาฟรีรีนา.. 

    เมื่อเกิดการปะทะกันของกลุ่มต่อต้านมนุษย์โลก  ผู้นำทหารของรัฐบาลโลกตัดสินใจร่วมกับสภาผู้ปกครองดวงดาวสั่งให้ใช้อาวุธเพื่อยุติกรณีพิพาท 

    ผู้มีอำนาจเป็นชนชั้นปกครองเผ่าและแกนนำชาวคองกาส่วนหนึ่งถูกจับกุมตัวและโดนข้อหาก่อความไม่สงบ

    เหตุการณ์ดังกล่าวและการหายตัวไปโดยไม่มีร่องรอยของซาฟรีรีนาทำให้กลุ่มต่อต้านมนุษย์โลกของพวกอีบรู

    เกิดการเคลื่อนไหวและรวมตัวกับชาวคองกาประท้วงสภาผู้ปกครองดวงดาว

    และในเวลาอันรวดเร็วเกิดกลุ่มกองโจรผู้ก่อการร้ายขึ้นขัดขวางการทำงานต่าง ๆ ของชาวโลก  ซึ่งยอมพลีชีพเพื่อยับยั้งสนธิสัญญาเหมืองพลังงาน

    จนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดถึง...

    ซาฟรีรีนาปรากฎตัวขึ้นและเข้าเจรจาต่อรองการปลดปล่อยแกนนำชาวคองกาและกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุม 

    โดยยอมแลกกับอิสรภาพของตนเองเพื่อยับยั้งการก่อความไม่สงบและการตามล่าอย่างโหดเหี้ยมของมนุษย์โลก 

    ภายหลังจากการถูกปลดปล่อย... 

    กลุ่มผู้ปกครองพร้อมด้วยแกนนำเผ่าคองกากลับจับมือกับผู้นำกลุ่มต่อต้านมนุษย์โลกพยายามซุ่มโจมตีกองกำลังทหารของรัฐบาลโลกเพื่อช่วยเหลือซาฟรีรีนา 

    รวมถึงการโจมตีหน่วยกู้ภัยที่ทำงานช่วยเหลืออัลทรอยขึ้นจากรอยร้าวของดวงดาวในครั้งนี้ด้วย 

    ซึ่งทำให้เดาได้ไม่ยากว่าซาฟรีรีนาอยู่จำกัดบริเวณอยู่ไม่ไกลออกไปจากที่ที่อัลทรอยอยู่... 

    ไม่แน่ว่าเธออาจจะร่วมอยู่ในยานขบวนนี้เดินทางไปสู่ศูนย์บัญชาการชั่วคราวของชาวโลกด้วยกันก็เป็นได้ 

    เพียงแต่...ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน...

    และจะช่วยเธอได้อย่างไร ?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×