คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : โศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่ง
โศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่ง
“...ซาฟรีรีนา ?...”
“โอเค ฉันจะเล่าให้แกฟัง”
ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางไปสู่ศูนย์บัญชาการชั่วคราวของชาวโลก อัลทรอยอยู่บนเปลสนาม
หลับตารอคอยฟังเรื่องราวระหว่างที่เขาอยู่ในรอยร้าวของดวงดาว
จากเหตุการณ์เมื่อยานโดยสารข้ามห้วงอวกาศมาเกิดเหตุขัดข้องจนระเบิดระหว่างลงจอด
แรงระเบิดครั้งแรกทำให้เขากระเด็นออกไปไกลมากจากจุดระเบิดครั้งที่สองซึ่งทำให้มีผู้รอดชีวิตเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ดิมและเพื่อนนักสำรวจดวงดาวถูกช่วยชีวิตไว้ได้โดยหน่วยกู้ภัยพิเศษ และปฎิบัติการในส่วนสำรวจภาคพื้นหลังจากปลอดภัยแล้ว
แต่ต่อมาไม่นานนัก ความลับของคำสั่งการปฎิบัติงานอยู่กลุ่มก็รั่วไหลออกมา ...
เป็นจริงอย่างที่ซาฟรีรีนาเคยบอกไว้ พวกเขาต้องการกำจัดเธอและทำลายเผ่าคองกา...
แล้วดิมก็ได้เข้ามาพัวพันกับการตามล่าหญิงสาวหัวหน้าเผ่ากินคน...
จวบจนได้พบกับตัวเธอ
“ผู้หญิงคนนั้น...ซาฟรีรีนาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ... ให้พวกเรามาตามหาแกนะ
เธอทิ้งรหัสประจำตัวของฉันไว้เป็นระยะ ตอนแรก...ไม่มีใครเข้าใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร พวกเขาพยายามตีความ...
มันตลกสิ้นดีตรงที่นักวิชาการเกือบทุกแขนงและพวกนักภาษาต่างดาวมารุมถอดรหัสประจำตัวฉันอยู่ตั้งเป็นนาน
จนหมดหนทางแล้วเลยจัดประชุมหาไอเดียเอากับพวกนักสำรวจดวงดาว พอดีแกหายตัวไป ส่วนฉันก็เอะใจว่ามันรหัวประจำตัวฉันนี่หว่า
หรือว่าแกจะยังไม่ตายทิ้งเอาไว้ หรือถูกซาฟรีรีนาจับเป็นตัวประกันเลยทิ้งไว้ให้ฉันไปช่วย ฉันเลยอาสาสะกดรอยตาม พอเริ่มได้เบาะแส...”
สีหน้าของดิมเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง เป็นความกังวลเจือความลำบากใจ อัลทรอยได้แต่ขมวดคิ้วฟังอย่างตั้งใจ
“ฉันถูกเรียกตัวด้วยคำสั่งลับ...”เขาลดเสียงเบาลงจนเกือบเป็นกระซิบ
...ถอนหายใจ พยายามลำดับความเพื่อเล่าต่อไปเมื่อคิดว่าไม่สมควรปิดบังอะไรอัลทรอย อย่างไรสักวันเขาก็ต้องรับรู้...
“ทางกองทัพส่งฉัน...เป็นเครื่องมือ!” พูดออกไปแล้ว ดิมสังเกตุสีหน้าและแววตาปวดร้าวของเพื่อนรัก
เขาได้แต่กลั้นใจรอให้อัลทรอยพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่เมื่อเห็นเขาจ้องมองมาแน่วนิ่งรอคอย จึงค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวเล่าต่อไป
“เมื่อเราแน่ใจว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส...จึงตามรอยเลือดที่หยดเป็นทางไป จ
นพบเธอจนมุมอยู่ในหุบเขาใกล้กับรอยร้าวของดวงดาวในตำแหน่งที่แกตกลงไป...
เหมือนกับว่าเธอจงใจ”
...
“ช่วยอัลทรอยด้วย... เขาพลัดตกลงไปในรอยร้าวของดวงดาว...”
“อะไรนะ...? ใคร...?”
‘ในตอนนั้นฉันไม่แน่ใจว่าฟังถูก ฉันไม่เคยคิดว่าชาวคองกาจะรู้ภาษาเรา จนได้ยินชื่อแก ฉันจึงแน่ใจ
และตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก ที่แกยังไม่ตาย แกยังมีชีวิตอยู่ แกรู้ไหม ฉันรู้สึกผิดตลอดเวลาที่คิดว่าฉันพาแกมาตาย...
ได้ยินชื่อแกจากปากของเธอ ฉันแทบจะเห็นเธอเป็นทูตสวรรค์’
“อัลทรอย... ทรอย... เพื่อนคุณ” เสียงที่เคยกังวาลหวานแต่หนักแน่น บัดนี้เหลือเพียงเสียงกระซิบแหบพร่า
ดิมมองร่างตรงหน้าด้วยความเวทนา บาดแผลฉกรรณ์ตรงที่เคยมีแขนติดอยู่ยังมีเลือดและน้ำเหลืองไหลซึมออกมาไม่ยอมหยุด
ดิมสังเกตุว่าแผลที่เหวอะหวะรุ่งริ่งนั้นนอกจากไม่ได้รับการห้ามเลือดพันแผลอย่างถูกต้องแล้ว
การที่เลือดไหลไม่หยุดไหลอาจเกิดจากการเปิดฉีกบาดแผลให้ใหญ่และลึกขึ้นเพื่อรีดโลหิตให้ไม่หยุดไหลอย่างจงใจ
หรือเธอจะทารุณตัวเองเพียงเพราะต้องการเป็นเหยื่อล่อ เธอต้องการอะไรแน่...
ใบหน้าสกปรกไปด้วยดินทราย ยังมีบาดแผลบนศีรษะล้านเลี่ยนที่พุพองจากแสงแดดที่แผดเผามาตลอดทางหลบหนี ริมฝีปากหนาแห้งแตกจนมีเลือดไหลซึม
ไม่ผิดกับนัยน์ตาแดงช้ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย บ่งบอกถึงความทรมานอย่างสัตว์ที่เจ็บปวดและหมดทางสู้...
เธอเล่าเรื่องราวลายละเอียดทั้งหมดให้เขาฟัง และฝากความหวังทุกอย่างไว้กับเขา
เขาจึงเข้าใจเรื่องราวของอัลทรอยและได้นำเครื่องมือต่าง ๆพร้อมหน่วยกู้ภัยมาช่วยเขาไว้จนได้
...
“ต่อจากนั้นเธอทำอย่างไรต่อไป... หนีรอดไปได้ไหม?”
อัลทรอยถามคาดคั้น ด้วยความรู้สึกว่าดิมกำลังบิดบังอะไรบางอย่างกับเขา เรื่องราวไม่น่าจะจบแค่นั้น
“... ฉันได้รับมอบหมายให้ทำงานอย่างหนึ่ง... คือจับเป็นซาฟรีรีนา !!!... แล้วพวกเขาสัญญาว่าจะมีการประชุมและทำการเจรจา... ก็เรื่องแหล่งพลังงานใหม่ที่นายรู้แล้วนั่นแหละ”
“เจรจา??... จริงเหรอ ...ที่ว่าจะมีการเจรจา...เป็นความจริง ?”
เขาแทบจะไม่เชื่อ...
ถ้าจริง... ก็แปลก...
คงเป็นเรื่องแปลกที่สุดในประวัติการณ์
ดูจากประวัติศาสตร์ครั้งโบราณกาลมา ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ด้วยผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยเพียงใด
จะมีครั้งไหนบ้างที่มี / ฝ่ายซึ่งอำนาจต่างกันมากมายมาเจรจากันด้วยข้อตกลงอันยุติธรรม ?!
“ฉันก็ไม่รู้... เพียงแต่ได้รับคำสั่งลับมาเฉพาะกิจ แต่พอมาพบเธอในสภาพนั่น ทำให้อดลังเลไม่ได้
แต่ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจเลือกที่จะขัดคำสั่งของรัฐบาลโลกจริง ๆ”
...
ดิมเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ที่เกี่ยวกับการที่เขาได้รับคำสั่งมาให้จับกุมตัวซาฟรีรีนา...
รวมทั้งการเจรจาที่พวกเขาสัญญาว่าจะจัดขึ้นเพื่อทำสนธิสัญญาตกลงกันในเรื่องของเหมืองพลังงาน
การเจรจา...สนธิสัญญา...
ซาฟรีรีนาหัวเราะเบา ๆ ให้กับมัน เหมือนรู้ว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงเลย...
“รีบหนีไป... เธอรีบหนีไปเสียดีกว่า... “
ซาฟรีรีนามองเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นัยน์ตาสีแดงทับทิมฉายแววประหลาดใจอย่างมากมาย
“เรื่องของอัลทรอย ฉันสัญญาว่าจะช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ”
“เธอพูดจริง ?”
“แน่นอน ทรอยเป็นเพื่อนผม ผมกับเขารู้จักกันมาตั้งแต่อายุ...ไม่รู้กี่ขวบเหมือนกัน จำไม่ได้ เหมือนตั้งแต่เกิดมาก็มีเขาเป็นเพื่อนแล้ว...”
“ไม่ใช่ ข้าหมายถึง ท่านจะปล่อยข้าไปจริง ๆ...?”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าผมโกหก”
“ก็มนุษย์เก่งเรื่องโกหก” เธอสวนกลับทันที
“ผมไม่... แต่คุณเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจ เราไม่มีเวลามากนัก”
เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาเขา นิ่งอยู่อึดใจเหมือนตัดสินใจไม่ถูก...
“อย่าเพียงเพราะ...สงสารข้า หรือเพราะคิดว่าข้าใกล้ตาย ข้ามีแรงพอที่จะฆ่าท่านตายเพื่อเป็นอาหารสำหรับประทังชีวิตข้าให้มีแรงหนีต่อไป...
อย่าลืมว่าข้ารู้จักโลกของข้ามากกว่า... ลองดูไหม”
ดิมทั้งตกใจและแปลกใจมากในพลังมหาศาลที่เธอปรากฏให้เขาเห็น เมื่อบีบข้อมือของเขาด้วยแขนข้างเดียว...
แขนที่เมื่อครู่ห้องตกแนบอยู่ข้างลำตัวอย่างหมดสภาพกลับคล้ายคีมเหล็กขนาดใหญ่ที่บีบจนข้อมือเขาปวดแปลบ
ก่อนจะชาด้านลามไปทั้งลำตัวครึ่งซีกนั้น !
ช่างตรงข้ามกับสภาพที่เกรอะกรังไปด้วยเลือด และบาดแผลน้อยใหญ่ทั้วตัวจนน่ากลัว คละคลุ้มไปด้วยกลิ่นสาปและคาวเลือดราวซากศพเดินได้...
“ท่านปลดเครื่องรับส่งสัญญาณออกไปแบบนั้น ย่อมตกเป็นที่สงสัยของพวกเขา และยิ่งถ้าท่านปล่อยข้า...
ท่านจะกลายเป็นนักโทษตลอดไป... ไม่แน่อาจต้องตายแทนข้า...
เอาอย่างนี้เถอะ... ข้าขอยื่นข้อเสนอบางอย่างได้หรือไม่...”
“ข้อเสนอ ?”
“...บอกพวกเขา... พวกเขาจะต้องปลดปล่อยชาวคองกาที่ไม่รู้เรื่องไป... ให้เขาได้อยู่อย่างที่เขาเคยอยู่...
หรือตามข้อเสนอใด ๆ ที่พวกเขาจะตกลงกันเองในภายหลังอย่างสันติ เพียงแค่นั้น แล้วข้าจะตามท่านออกไป ถอนตัวออกจากการเป็นซาฟรีรีนา...
ข้ายอมแลกด้วยชีวิตและอิสรภาพ...!”
...
“ฉันคิดอยู่นานมาก ...ทรอย....
ฉันมันก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือ อยู่ดีดีก็กลายมาเป็นสื่อกลางทางการเมืองของคนสองกลุ่มอย่างช่วยไม่ได้
ฉันไม่สิทธิ์ในการต่อรองหรือทำสัญญาใด ๆ...”
“ตอนนี้...ซาฟรีรีนา อยู่ที่ไหน? “
“ ”
พวกเขามารู้ภายหลังว่าเหตุการณ์ระเบิดระหว่างการกู้ภัยที่เกิดขึ้นตรงรอยร้าวของดวงดาวไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ
เสียงการต่อสู้ที่อัลทรอยได้ยินเมื่ออยู่บนหน้าผากับซาฟรีรีนาก่อนที่เธอจะพาเขาหนีลงมาและพลัดตกลงไปในรอยร้าวของดวงดาว
นั่นคือการเชิญร่วมลงนามในสนธิสัญญาเหมืองพลังงาน
หรือหากจะเรียกให้ถูก...น่าจะต้องบอกว่าเป็นการวาดต้อนชาวคองกาในระดับแกนนำและค้นหาตัวซาฟรีรีนา..
เมื่อเกิดการปะทะกันของกลุ่มต่อต้านมนุษย์โลก ผู้นำทหารของรัฐบาลโลกตัดสินใจร่วมกับสภาผู้ปกครองดวงดาวสั่งให้ใช้อาวุธเพื่อยุติกรณีพิพาท
ผู้มีอำนาจเป็นชนชั้นปกครองเผ่าและแกนนำชาวคองกาส่วนหนึ่งถูกจับกุมตัวและโดนข้อหาก่อความไม่สงบ
เหตุการณ์ดังกล่าวและการหายตัวไปโดยไม่มีร่องรอยของซาฟรีรีนาทำให้กลุ่มต่อต้านมนุษย์โลกของพวกอีบรู
เกิดการเคลื่อนไหวและรวมตัวกับชาวคองกาประท้วงสภาผู้ปกครองดวงดาว
และในเวลาอันรวดเร็วเกิดกลุ่มกองโจรผู้ก่อการร้ายขึ้นขัดขวางการทำงานต่าง ๆ ของชาวโลก ซึ่งยอมพลีชีพเพื่อยับยั้งสนธิสัญญาเหมืองพลังงาน
จนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดถึง...
ซาฟรีรีนาปรากฎตัวขึ้นและเข้าเจรจาต่อรองการปลดปล่อยแกนนำชาวคองกาและกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุม
โดยยอมแลกกับอิสรภาพของตนเองเพื่อยับยั้งการก่อความไม่สงบและการตามล่าอย่างโหดเหี้ยมของมนุษย์โลก
ภายหลังจากการถูกปลดปล่อย...
กลุ่มผู้ปกครองพร้อมด้วยแกนนำเผ่าคองกากลับจับมือกับผู้นำกลุ่มต่อต้านมนุษย์โลกพยายามซุ่มโจมตีกองกำลังทหารของรัฐบาลโลกเพื่อช่วยเหลือซาฟรีรีนา
รวมถึงการโจมตีหน่วยกู้ภัยที่ทำงานช่วยเหลืออัลทรอยขึ้นจากรอยร้าวของดวงดาวในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งทำให้เดาได้ไม่ยากว่าซาฟรีรีนาอยู่จำกัดบริเวณอยู่ไม่ไกลออกไปจากที่ที่อัลทรอยอยู่...
ไม่แน่ว่าเธออาจจะร่วมอยู่ในยานขบวนนี้เดินทางไปสู่ศูนย์บัญชาการชั่วคราวของชาวโลกด้วยกันก็เป็นได้
เพียงแต่...ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน...
และจะช่วยเธอได้อย่างไร ?
ความคิดเห็น