ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซาฟรีรีนา

    ลำดับตอนที่ #4 : กับดักดอกไม้...หญิงสาวสีดำ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 49


    กับดักดอกไม้ ... หญิงสาวสีดำ

     ง่วง…

     เป็นความรู้สึกเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่สำหรับประสาทการรับรู้ของผมในเวลานี้ 

    จากความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างที่ประดังขึ้นมาอย่างทรมาน  ทั้งหิว กระหาย  เหนื่อย  เมื่อย  ล้า  และปวดระบมไปหมดทั้งตัว 

    มันมลายหายไปสิ้นพร้อมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี

     แต่สิ่งที่แลกมาทั้งหมดในเวลานี้คือ แสงสว่างสีเงินยวงของดวงจันทร์กลมเต็มดวงขนาดมหึมาราวกับลอยอยู่ตรงหน้าใกล้ ๆ นี่เอง

     ในที่สุดผมก็หลุดพ้นจากความมืดมิดในก้นเหวนรกนั่นได้แล้ว 

    …ท่ามกลางความงุ่นง่วงบังเกิดความปิติอย่างเลือนลางยากที่จะบรรยาย

    เมื่อสายตาได้เห็นแสงนวลสาดส่องไปทั่วบริเวณที่เต็มไปด้วยผาหินอันสูงต่ำสลับซับซ้อนจนสุดขอบฟ้าที่โค้งเป็นวงใหญ่ผิดกับโลกที่คุ้นเคยมา

     ลมอ่อน ๆ พัดพากลิ่นหอมประหลาดมาห้อมล้อมัว  ทำให้ผมรู้สึกสบาย

    …สบายจนความงุ่นง่วงยิ่งกลืนกินผมไปทีละน้อย…

    ทีละน้อย 

    แต่ผมยังนอนไม่ได้…

    นอนไม่ได้อย่างเด็ดขาด  ผมยังต้องเดินทางต่อไป …

    ผมจะตายอยู่ที่นี่ไม่ได้  !



    ผมนึกแข็งใจแล้วรวบรวมพละกำลังยืนขึ้นมาอีกครั้งอย่างโงนเงน  บนผาหินลาดชันที่ผมยืนเกาอยู่นี่ยังมีทางลาดชันสูงขึ้นไปอีก 

    ผมจึงขยับตัวอย่างยากลำบากไปตามทางนั้น 

    ก้าวแล้ว ก้าวเล่า ...

    ก้าวแล้ว ก้าวเล่า อย่างระมัดระวัง 

     น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกว่าผมมีขาอีกต่อไปแล้ว  มันเจ็บระบมจนชาด้านไปหมด

    แต่ทั้งมันทั้งคู่ก็ยังพาผมเคลื่อนที่ไปได้จนสุดทางลาดชันซึ่งเป็นหน้าผาที่สูงสุดที่ผมจะสามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าโค้งพาดยาวจนสุดสายตาได้รอบทิศทางท่ามกลางแสงจันทร์ 




    แล้วผมก็ค่อยเข้าใจ 

    กลิ่นหอมประหลาดที่รุนแรงขึ้นทุกขณะที่ผมผ่านมา  มันคือกลิ่นของดอกไม้รูปร่างแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น  คล้าย ๆ จะเป็นกระเปาะทรงกลมที่มีระยางบางอย่างยื่นออกมาพันรอบ ๆ พวกมัน 

    ขึ้นบานสะพรั่งเป็นกอโค้งผุดขึ้นจากหินแข็งตรงสุดขอบผานี่เอง 

    แต่ที่ทำให้ผมตะลึงงันไปไม่ใช่มันเด็ดขาด….

     ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นคือปติมากรรม  ความฝัน  อุปทาน  หรืออะไรกันแน่ ?

     ร่างร่างหนึ่งขัดสมาธิขอบขอบผากลางวงของดอกไม้  เงาดำสนิทตัดกับสีเงินยวงกลมโตของแหล่งกำเนิดแสงที่เป็นฉากอยู่เบื้องหลัง 

    ทำให้ไม่รู้ว่าเขาหรือเธอ  หันหน้าหรือหันหลังให้กับผม 

    ผมขยับเข้าไปใกล้อย่างเชื่องช้าราวถูกมนต์สะกด…

    อ้อมกลุ่มดอกไม้จนสุดริมผาด้านหน้า  จึงได้เห็นที่เข้าใจว่าเป็นเงาดำของวัตถุที่อยู่หน้าแสง 

    มาบัดนี้ผิวเปลือยเปล่าที่ต้องแสงจันทร์ด้านหน้ากลับดำสนิทยิ่งกว่า ….!


     ทรวดทรงส่วนบนซึ่งไร้อาภรณ์ปกปิดงดงามอย่างสมบูรณ์ราวรูปปั้น 

    ตั้งแต่ลำคอยาวระหง  มาถึงแขนกลมกลึงเรียวบาง  และทรวงอกเอิบอิ่มได้รูป  ต่ำลงไปถึงเอวคอดบางอย่างยิ่งพ้นขึ้นมาจากผืนผ้ายับย่นสีขาวผืนใหญ่ที่พันกองอยู่รอบตัว

     น่าเสียดายที่ดวงตาคู่นั้นปิดสนิทอยู่  เห็นแต่เพียงขนตางอนยาวสีดำประกายเงินดูแปลกตา   ใต้คิ้วโก่งโค้งสูงรับกับจมูกโด่งและริมฝีปากอิ่มหนาใหญ่แต่ได้รูป  เป็นดวงหน้าอันสวยงามประหลาด 

    ทีแปลกไปกว่านั้นคือเหนือหน้าผากโหนกสูงขึ้นไปโค้งจรดท้ายทอยไม่มีผมสักเส้นบนศีรษะนั้นเลย

    แต่ผมพลันรู้สึกว่าเธอเป็นเจ้าของกระโหลกศีรษะที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นคนกล้อนผมมา

     ไม่รู้ว่าทำไม  ผมไม่สามารถสลัดความงุ่นง่วงนี้ออกไปได้ 

    …มัน..ราวกับความฝัน 

    ยิ่งเมื่อม่านตาผมค่อย ๆ หรี่ลง ๆ

    แม้ว่าใจที่เต้นแรงยังเต้นต่อไปอย่างไม่ยอมหยุด 

    ภาพเบื้องหน้าค่อย ๆ เลือนราง…  เลือนราง…

    และค่อย ๆ หายไปในความมืดมิด 

    หากไม่เคยหายไปจากความทรงจำของผมเลย…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×