ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dream ความฝันในเปลดิน

    ลำดับตอนที่ #3 : ทางช้างเผือก

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 49


    3.....
    ทางช้างเผือก

     เปิดเทอมใหม่ได้สัปดาห์หนึ่ง.......

     เสียงพูดคุยทักทายกันของเด็กนักเรียนในยามเช้าดังไปทั่วบริเวณโรงเรียน...

    ผู้ปกครองจูงเด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ  เดินเข้ามาในบริเวณสนามเด็กเล่นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่   แต่มีเครื่องเล่นน่ารัก  สีสันสดใสมากมาย…

     รถส่งนมสำหรับนักเรียนเลี้ยวเข้ามาในบริเวณถนนของโรงเรียนและกำลังจะผ่านไปยังห้องครัว

     ภาพต่าง ๆ เหล่านี้เริมที่จะชินตาสำหรบเรอัน  เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเด็กนักเรียนที่นี่ 

    เมื่อเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เกือบครึ่งปีแล้วและโรงเรียนนี้คือชีวิตใหม่ที่เขากำลังชินกับมัน 
    และก็ชินกับสายตาบางคู่ที่มองเขาแปลก ๆ เสมอ ทุกที ทุกหนทุกแห่ง..ทุกเวลา..มันน่าเบื่อเสียจริง ๆ

     เรอันเดินผ่านสนามเด็กเล่น   เด็กน้อยคนหนึ่งเห็นเขาก็วิ่งมาทักทาย

     “สวัสดีเรอัน”

      “สวัสดี...อืม...?   เขาอาจจะไม่รู้จักหมดทุกคน...แต่ทุกคนในโรงเรียนนี้  “ต้อง”  รู้จักเขา

     “บิลไงฮะ”

     “อ้อ...สวัสดีบิล...” เรอันชะงัก...ผู้ปกครองคนหนึ่งที่กำลังร่ำลาลูกสาวหางเปียชี้โด่เด่    หันมามองเขาแล้วเดินมาอุ้มพ่อหนูน้อยบิลออกไปเพื่อให้เด็กพ้นจากการสนทนากับเขา

     ไม่มีคำอธิบาย  แต่เรอันเข้าใจ  เขาได้แต่ยิ้มค้าง  คอตก...แล้วเดินจากไป...
     เขาน่าจะชินกับเรื่องแบบนี้ได้แล้วนะ! 

     “...ใช่ เขาก็น่ารักดีหรอกนะ แต่ฉันยังไม่อยากตาย!”

     เสียงแหลม ๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งดังลอดออกมาจากห้อง LOCKER จนถึงทางเดินเข้ามา
    เรอันจำได้ว่าเจ้าของเสียงชื่อ เรนนี...เพื่อนนักเรียนร่วมห้องของเขาเอง เธอกำลังคุยอยู่กับเพื่อนสาวอีก 2 คน

     “นักเรียนใหม่ที่อยู่ห้องเดียวกับเธอน่ะหรือ ชื่ออะไรนะ?”

     “เรอัน!”

     เรอันสะดุ้งอยู่หน้าประตู เขากำลังจะเข้าไปเก็บของอยู่พอดี... แต่ชักไม่อยากเข้าไปแล้วสิ

     “เขาอาจจะเป็นพวกเกย์ก็ได้นะ...น่ากลัวออก!”

     “อ้าวไหนว่าเขาติดเอดส์มาจากการถ่ายเลือด เมื่ออุบัติเหตุหลายปีก่อน?”

     “โธ่เอ๊ยรูส เธอก็รู้ เอดส์ก็เป็นโรคของพวกเกย์นั่นแหละ”

     “ใช่...แต่ใครเขาจะมาประกาศว่า ตัวเองติดโรคมาจากเกย์ด้วยกัน เห็นหล่อ ๆ อย่างงั้น ก็วิตถารดี ๆ นั่นเองแหละ เธอ!”

     “น่าเสียดายนะ ดูเผิน ๆ ก็ออกจะน่ารัก เขาจะเป็นพวก BISEXTUAL รึเปล่าเนี่ย?”

     “คงไม่ล่ะ ดูเขาไม่เห็นสนใจผู้หญิงเลย”

     “ผู้หญิงกลัวเขาละมากกว่า!” เสียงหัวเราะชอบใจของเด็กสาวทั้งสามดังเข้ามาเสียดแทงก้องอยู่ในหัวของเรอันอย่างเจ็บปวดที่สุด...
    และหัวใจเขามันเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาข้างนอก

     เขากำลังจะเดินหนี...

     แต่...หยุดก่อน! ...เขาหนีอะไร?

     หนีคำสนทนา นินทาอย่างไร้ข้อมูล ด้วยความสนุกปากเพียงไม่กี่ประโยคนั้น หรือหนีความจริง?

     ไม่จริง!

     “นี่อย่าไปว่าเขาเลย น่าสงสารออก เขาอายุเท่าพวกเราใช่ไหม... 17-18 ปี ไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่ปี”

     “ไม่นานหรอก ถ้าโชคดี อาจจะพรุ่งนี้ก็ได้!” เรอันเดินเข้ามา ตอบเรียบ ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรก่อนหน้านั้น...

     เด็กสาว 3 คน ยืนนิ่งแข็งเป็นหิน เมื่อเห็นผู้ที่พวกตนกำลังกล่าวถึงเข้ามาระหว่างการนินทาอย่างน่าเกลียด

     เด็กหนุ่มไม่สนใจ เขาเดินเข้าไปเก็บของในตู้เหล็กของเขาเองเงียบ ๆ ทั้งที่มือทั้ง 2 สั่นอย่างไม่ยอมหยุด... นี่มันไม่ใช่ครั้งแรก...ที่พบเจอเหตุการณ์ทำนองนี้

     เขาน่าจะชินได้แล้วนะ! ...

     “อ้อ... ฉันต้องไปแล้วละ ใกล้เลคเชอร์คาบแรกแล้ว BYE” หนึ่งในสามพูดขึ้น เมื่อตั้งสติได้


     “ฉันด้วย BYE BYE...” อีก 2 ตามบ้าง

     “BYE” เรอันตอบเบา ๆ 

     สิ้นเสียงประตูปิด เขาทรุดตัวนั่งลงตรงพื้นนั้นอย่างเหนื่อยหน่าย ดวงตาจับจ้องไปยังเพดานสีขาวที่ว่างเปล่า หลังพิงประตูตู้เหล็กที่เย็นเฉียบ...แต่ใจเขาเย็นยิ่งกว่า

     “พ่อ... ทำไมผมไม่ตายพร้อมพ่อตั้งแต่ตอนนั้น...?”


     ตกเย็นเป็นกิจวัตร...เมื่อโรงเรียนเลิก เรอันจะต้องเดินไปยังตึกศูนย์วิจัยโรคในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย
    ซึ่งบริเวณเดียวกับโรงเรียนของเขาเพื่อตรวจร่างกายและรับยาบำรุง

     มันเป็นแคมปัสขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม-ประถมของมหาวิทยาลัย หอพักนักเรียนนักศึกษา โรงพยาบาล รวมถึงศูนย์ศึกษาและวิจัยสาขาต่าง ๆ สนามกีฬา

    แม้กระทั่งสวนและแปลนทดลองขนาดหลายร้อยเอเคอร์ มันกว้างใหญ่มาก จนการสัญจรของนักศึกษาส่วนใหญ่จึงเป็นการขี่จักรยาน
    แต่เรอันชอบเดิน...เดินคิดเรื่อยเปื่อย...

     และวันนี้ก็เหมือนทุกวัน เขาเดินออกจากห้องตรวจด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ด๊อกเตอร์เคย์ ผู้เป็นหัวหน้าคณะแพทย์สาขาไวรัสวิทยา
    ซึ่งเป็นผู้ปกครองทางกฎหมายของเขาไม่อยู่ บางวันถ้ามีการเลคเชอร์ให้นักศึกษาแพทย์ เรอันก็จะเข้าไปฟังด้วยความสนใจ

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขา

     กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง...AIDS! 

     หรือ “โรคของเกย์” สำหรับผู้ไม่รู้...


     ทั้ง ๆ ที่ก่อนเขาจะเข้าโรงเรียนโดยความช่วยเหลือของรัฐ ด๊อกเตอร์
    และทางศูนย์วิจัยได้ให้การศึกษาเกี่ยวกับโรค ตัวไวรัส และพาหะ อาการ การติดต่อ แม้กระทั่งการใช้ชีวิตร่วมกับผู้ป่วย...
    ให้กับผู้ปกครอง นักเรียนทุกคน ไม่ว่าจะเด็กเล็ก เด็กโต รวมถึงครูและบุคลากรด้วย
     แม้ว่าผลออกมาจะมีอยู่จำนวนมากมายที่ลาออก แต่ว่า...

     “มันคือความต้องการของศูนย์วิจัยโรค และนโยบายของรัฐ ที่จะให้เธอกับโรงเรียนทดลองเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์และการยอมรับผู้ป่วยในสังคม
    เราจึงต้องพยายามต่อไป เพราะเราก็ไม่รู้ว่า อีกนานแค่ไหนเราจึงจะคิดยา หรือวิธีการรักษาได้สำเร็จ ในขณะที่สถิติจากหน่วยระบาดวิทยาเพิ่มขึ้นทุกที...”

     นั่นคือคำอธิบายจากด๊อกเตอร์เคย์ เรอันไม่รู้ว่าโชคดี หรือโชคร้ายที่เขาได้พบกับนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ผู้นี้
    แต่เขาก็ได้ให้ความร่วมมือกับโครงการของด๊อกเตอร์เคย์ โดยการเซ็นสัญญากับทางศูนย์วิจัยของรัฐนี้เอง

     เรอันกำลังเดินกลับไปสู่หอพักตามบาทวิถีเส้นเดิมที่เขาผ่านเป็นประจำจนถึงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง...
    เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดและนึกถึงเหตุการณ์ของวันนั้น มันผ่านมาราว ๆ เกือบครึ่งปี เมื่อเขายังเป็นเด็กใหม่ของที่นี่อยู่ แต่เขาจำได้ไม่เคยลืม...

     ทุกเย็นของทุกวัน ถ้าหากใครเดินผ่านบริเวณนี้ก็จะเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ผมเลื้อยต้นคอ รูปร่างสูง หยุดยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ ข้างม้านั่งพักบนบาทวิถี
    เหมือนรอใครบางคนซึ่งคงไม่ค่อยมีมารยาทนัก เพราะผิดนัดได้ทุกวี่ทุกวัน

     เรอันกำลังคิดถึงนัยน์ตาสีม่วงใส มันใสแจ๋วสวยประหลาด และเขาอดหวังไม่ได้ว่าจะพบกับเจ้าของมันอีก ไม่รู้ว่าทำไม
    แต่ก็ไม่เคยได้ตามที่คิดไว้เลย แม้แต่เงาของเธอ

     เธอคงไม่ได้เป็นคนในส่วนใดส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยนี้

     แต่ไม่แปลกนักหรอก แคมปัสใหญ่ ๆ มักจะกลายเป็นสวนสาธารณะของเมืองโดยปริยาย 

     เรอันถอนใจและเดินต่อไป

     ท้องฟ้ายามเย็นสีส้มนั้นค่อย ๆ ถูกสีน้ำเงินของความมืดขับไล่จนอยู่เพียงขอบฟ้าลิบ ๆ ตัดกับเงาดำของต้นไม้
    ดาวดวงแรกเยี่ยมหน้าออกมาทักทายตั้งนานแล้ว เด็กหนุ่มค่อย ๆ เดินจนถึงบริเวณหอพักที่เขาอาศัยอยู่...

    นักศึกษาบางคนนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ตรงมุมสนามเบสบอลที่ว่างเปล่า เพราะนักกีฬากำลังพักดื่มน้ำและเลิกเล่นแล้ว
    ที่โรงอาหารเปิดไฟสว่างจ้า กลิ่นอาหารและเครื่องเทศโชยออกมาจากครัวหอมฉุย เรียกน้ำย่อยได้อย่างดี
    แต่เรอันเดินผ่านไปเฉย ๆ เขารับประทานอาหารที่เมรันดาสั่งเตรียมให้เป็นชุดที่โรงพยาบาลทุกเย็น

     “ผมเชื่อว่าการได้รับสารอาหารที่ถูกต้อง จะเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นวิธีการสามัญที่มนุษย์ใช้เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงเสมอมาตั้งแต่สมัยโบราณ” ด๊อกเตอร์เคย์ เคยบอกว่าอย่างนั้น

     เรอันเดินขึ้นไปยังห้องพักตัวเองเงียบ ๆ ห้องของเขาเป็นห้องนอนเล็ก ๆ ห้องสุดท้ายของตึกหลังริมสุดในหมู่อาคารหอพัก
    เขาเปิดประตูเข้าพบกับความมืดที่ว่างเปลา ความเงียบเหงาสะท้อนกลับไปกลับมาไม่จบสิ้นและมันก็ทะลักออกมากระแทกหน้าเขาอย่างรุนแรง

     เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดสวิตไฟข้างฝา เตียงเล็ก ๆ ที่ทำให้เท้าเขายื่นออกมาจากผ้าห่มทุกคืน
    ตั้งอยู่มุมห้องติดกับเครื่องทำความร้อนที่มีกางเกงยีนส์กับผ้าขนหนูวางพาดอยู่ โต๊ะทำงานที่กองหนังสือและเครื่องเขียนไว้จนแทบไม่เห็นหน้าโต๊ะ

     เขาทิ้งตัวลงบนความนุ่มของฟูกหนา สบถเบา ๆ เมื่อหัวชนกับผนังห้องหัวเตียง...เสียงหัวเราะเคล้าเสียงเพลงอย่างสนุกสนานของคนข้างห้องดังเข้ามา
    นักเรียนระดับมัธยมในหอจะพักเป็นคู่ หรือสามคนต่อห้อง ยกเว้นเรอัน เขาไม่มีเพื่อนร่วมห้องสักคนเดียว

     ใครเขาจะกล้ามาอยู่กับนายเล่า...เรอัน

     น่าอิจฉาคนข้าง ๆ ห้องจัง

     เขาต้องทนฟังเสียงบ่งบอกความสนุกสนานแบบนี้ทุกวันและบางวันเขาก็แทบจะทนไม่ได้ เมื่อมีเสียงซุบซิบเรื่องของเขา อย่าง...

     “เฮ้ย! ได้ยินเสียงเปิดประตูรึเปล่า เกย์ข้างห้องมันกลับมาแล้วว่ะ! ปิดหน้าต่างเร็ว เดี๋ยวเอดส์ปลิวเข้ามา!!” หรืออย่าง...

     “ทำไมเกย์ข้างห้องมันเงียบอย่างนี้วะ สงสัยจะตายไปแล้วมั๊ง บรื๋อ... ไม่อยากคิดว่าพวกเรานอนอยู่ข้างห้องศพเอดส์อืด ๆ เลยว่ะ!” หรืออะไรอีกมากมาย...

     เรอันลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างและปิดไฟ ลมเย็น ๆ พัดเข้ามาเบา ๆ ฟ้ามืดสนิทแล้ว ดาวนับพันดวงออกมาแข่งกันส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้า
    ถ้าหากตอนนี้เป็นตอนกลางวัน จากหน้าต่างบานน้อยนั้นจะเห็นธารน้ำเล็ก ๆ ที่ขุดขึ้นโดยนักศึกษา
    เพื่อแบ่งเขตที่พักอาศัยออกจากแปลนทดลองเพาะชำพืชดอกขนาดใหญ่

     จากความมืดที่มีเพียงแสงดาวให้ความสว่าง เขาสามารถเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของเรือนกระจกตั้งอยู่กลางพื้นที่เพาะชำ
    มันใสเงาและสะท้อนแสงดาวราวกับเป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้า

     “พ่อ... มีแม่น้ำสีขาวบนฟ้าด้วย...”

     “ทางช้างเผือก...ลูก”

     “ทางไปสู่สวรรค์หรือครับ?”

     เขาจำได้พ่อยิ้ม...แล้วบอกกับเขาว่า

     “มันเป็นเพียงกลุ่มก๊าซ และสะเก็ดดาวที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศไกลแสนไกล...”

     พ่อเป็นคนจริงจัง และเล่าเรื่องราวที่เป็นความจริงให้เขาฟังเสมอ พ่อรักความเป็นเท็จจริงอย่างนักวิทยาศาสตร์
    น่าแปลก...ทั้ง ๆ ที่พ่อเป็นศิลปิน และนั่นทำให้ความจริงของพ่อก็มีความฝัน...แต่คนเรามักจะมีจินตนาการเสมอ
    "มันเป็นคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่ และประเสริฐสุดของมนุษย์มากกว่าความฉลาดที่เกินความสามารถในการเอาตัวรอดของสัตว์ทั้งมวล...”
    ใช่...แต่เวลานั้น เขายังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจ
    “เวลาเรามองท้องฟ้า เรามักจะคิดว่าสวรรค์นั้นอยู่บนฟ้า...อยู่เหนือเราขึ้นไป และเชื่อว่าพระเป็นเจ้าสถิตอยู่เบื้องบนนั้น
    แต่เมื่อเราตายลง พ่อไม่สามารถพิสูจน์ให้ลูกเห็นได้ว่า วิญญาณของเราได้ล่องลอยขึ้นไปบนฟ้าจริงดังที่บรรพบุรุษเราเคยจินตนาการรึเปล่า
    พ่อรู้แต่ว่า...ความจริงท้ายที่สุดแล้ว ร่างกายของคนเราก็ต้องสลายตัวจมลง เพื่อกลายเป็นดินบนโลกเสมอ
    ถึงอย่างนั้นพ่อก็เชื่อว่า พระเจ้ายังคงสถิตอยู่กับเรา...

     MILKY WAY...
     THE RIVER OF NIGHT,
     RAINBOW BRIGHT...
     THE BRIDGE OF DAY,
     ...AREN’T THE WAY TO HEAVEN...
     BUT, JUST TRUST AND PRAY...”


     เรอันจดจำวันเก่า ๆ ของเขาเมื่อยังเด็กได้เสมอ เขารักมัน...รักวันเวลาที่เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่นและแสนจะมีความสุข
    จนนึกอิจฉาเด็กน้อยเรอันเมื่ออดีต เด็กคนนั้นมีทุกอย่างและมีความสุขโดยไม่รู้ตัว แต่เขา...ไม่มีอะไรเลย
    และความไม่มีทำให้เราคอยอาลัยวันที่เคยมีอยู่เสมอ เขามักจะคิดถึงมันเมื่ออยู่คนเดียวเงียบ ๆ จนหลับไป...



    .....................................................................


     “เรอัน...อาจารย์ใหญ่ขอพบเธอ อีก 5 นาทีที่ห้องประชุมนะ” เลขาสาวใหญ่ผู้ซึ่งนักเรียนไม่เคยเบื่อที่จะได้นินทา
    เดินเข้ามาบอกเขาระหว่างการผ่าเครื่องในวัวแลปชีววิทยา

     กลิ่นคาวเลือดผสมกลิ่นสารเคมีกันบูดที่คลุ้งอยู่ในห้อง ทำให้คุณเลขาทำจมูกฟุดฟิดแล้วย่นหน้าอย่างรังเกียจ
    นักเรียนต่างมองอย่างหมั่นไส้ เด็กหนุ่ม 2 คนยิ้มให้กันและหรี่ตาเป็นรหัส ก่อนที่จะโยนก้อนหัวใจที่ผ่าครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่บนถาดลงตรงเป้าพอดี
    นั่นคือตรงคอของเจ้าหล่อน แล้วหัวใจเจ้ากรรมมันก็ดันไหลลงไปในเสื้อ เป็นเหตุให้เกิดเสียงกรีดร้องอย่างตกใจสุดขีด และเสียงเฮลั่นตามมา

     เรอันกำลังล้างมืออยู่พอดี หันไปเห็นก็ยังอดหัวเราะไม่ได้ ทั้งที่ในใจกำลังสงสัยว่า อาจารย์ใหญ่เรียกเขาไปทำไม หรือว่ามีเด็กใหม่เข้า?

     โดยปกติแล้วเมื่อมีนักเรียนเข้าใหม่ หรือเปิดเทอมใหม่ เรอันจะต้องได้รับการแนะนำตัวกับคนเหล่านั้น และในวันปฐมนิเทศพวกเขาจะได้รับการศึกษาเกี่ยวกับ
    กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างละเอียดจากด๊อกเตอร์เคย์ และเขา...เจ้าของโรค หรือพูดให้ถูกคือ ตัวปัญหาของโรงเรียน
    เหมือนอย่างตอนที่เขาเข้าเรียนใหม่ ดังนั้นนักเรียนที่นี่ทุกคนต้องรู้จักเรอัน และรู้จักเอดส์!

     แต่อย่างไรเขาก็รู้สึกโชคดีที่ได้โอกาสออกมาจากห้องก่อน ไม่ต้องถูกอาจารย์ทำโทษไปด้วยเพราะความคะนองของเพื่อน เขาขี้เกียจฟังและไม่ชอบ

     เด็กหนุ่มเคาะประตูที่ติดป้ายว่าห้องประชุม แล้วผลักเข้าไปเมื่อได้รับคำอนุญาต
     อาจารย์ใหญ่นั่งรออยู่แล้ว

     “สวัสดีครับ”

     “สวัสดี เรอัน สบายดีหรือ”

     “ครับ”

     “วันนี้มีนักเรียนใหม่มาเข้า...” เป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆ
    “เธอมาไม่ทันตอนปฐมนิเทศ เพิ่งลงทะเบียนเมื่อวาน และอยู่ห้องเดียวกับเธอ อยากให้ช่วยแนะนำตัวหน่อย”


     “ได้ครับ ด๊อกเตอร์ล่ะ”

     “ไม่อยู่ ติดประชุมที่สถาบันฯ แต่ฉันรู้ว่าเธอทำได้”

     “ตอนนี้เขาอยู่ไหนครับ?”

     “เดี๋ยวคงจะมา เรานัดกันไว้อีกราว ๆ 10 นาที...นี่เป็นประวัตินักเรียน ไม่ได้เป็นความลับอะไร รู้จักเธอไปพลาง ๆ ก่อนสิ”

     มือใหญ่หนาสมตัวยื่นแฟ้มเล่มบางเกินความเป็นประวัตินักเรียนมาให้เขา เด็กหนุ่มรับมาอ่านอย่างไม่ตั้งใจ...

     ประวัตินักเรียน...

     เฌอรีแอน แมรี มาดินี
     เกิด  – กุมภาพันธ์ 1970  เพศหญิง
     อายุ 17 ปี  สัญชาติอเมริกัน
     ผู้ปกครอง  –
     ที่อยู่  -
     ลักษณะ  ...
     สูง    5 ฟุต 5 นิ้ว
     ผิว   ขาว  ผม ยาวตรง สีทอง
     สีตา  น้ำเงินม่วง ...
     เสียงเคาะประตูตั้งแต่เมื่อไรเขาไม่รู้ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เรอันรู้สึกว่าตัวเองกำลังค้าง และเด็กสาวที่ก้าวเข้ามาใหม่ก็มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

     ผม ยาวตรง สีทอง สีตา น้ำเงินม่วง...

     เธอนั่นเอง!

     เขาไม่รู้ว่าควรดีใจ หรือเสียใจกันแน่ที่ได้พบเธออีกครั้ง แต่ในลักษณะนี้

     “เธอชื่อเรอันหรือ ดีใจที่เราได้พบกันอีก...คือเราได้เจอกันครั้งหนึ่งแล้วค่ะ แต่จะได้รู้จักจริง ๆ ก็เพิ่งวันนี้”
    ประโยคหลังเธอพูดกับอาจารย์ใหญ่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับเขา แต่เขากลับปั้นหน้าไม่ถูก...
    เขาเคยอยากพบเธออีกครั้ง อยากคุยด้วย อยากฟังเสียงกังวานสดใส...อยากเห็นตาสีสวยประหลาด เพราะเขารู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาแห่งฝันดี

     แต่แล้วเวลานี้ เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นฝันร้ายที่น่าเศร้า...แต่เขาต้องทำใจและยอมรับความจริง...

    เขาเป็นโรคร้าย และกำลังจะอธิบายให้เธอฟัง!

     เรอันเริ่มจากพยาธิกำเนิดของโรค หน่วยของไวรัส และลักษณะ รวมถึงคุณสมบัติของมัน

     อาจารย์ใหญ่ขอตัวไปทำงานต่อ หลังจากที่นั่งฟังเรอันค่อย ๆ อธิบายได้ระยะหนึ่ง

     “...มันสามารถทำลายระบบภูมิต้านทานของมนุษย์ได้โดยตรง โดยหลบอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-LYMPHOCYTES...
    ซึ่งเป็นเซลล์ที่ท่องเที่ยวไปทั่วร่างกายตามกระแสเลือดไปตามอวัยวะต่าง ๆ ...
    จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะถ่ายเลือดออกจนหมดตัวแล้วเอาเลือดใหม่ใส่เข้าไป ฉันก็เคยคิดแบบนั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้...
    หมายความว่า มันรักษาไม่หาย ยังไม่มีวัคซีน ไม่มียารักษา หรือวิธีการใด ๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น และผู้ป่วยก็จะตายในที่สุด”

     “แต่เธอก็ดูปกติดีนี่”

     “ใช่ไหมล่ะ มันถึงได้น่ากลัวไง ผู้ป่วยจะมีลักษณะปกติ ซึ่งอยู่ในระยะฟักตัวของไวรัส จนถึงจุดวิกฤต
    ซึ่งร่างกายไม่สามารถปรับตัวต่อสู้กบสภาวะต่าง ๆ ที่มาทำลายภูมิคุ้มกันได้อีก อาการจริง ๆ ของเอดส์ หรือ FULL BLOWN AIDS ก็จะปรากฏ
    ไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับโรคนี้ สำหรับฉันก็เหมือนกัน”

     “อีกนานไหม?” นัยน์ตาสีน้ำเงินม่วงนั้นกำลังถามเขาอย่างเลื่อนลอย ราวกับไร้ความรู้สึก
    เรอันเองก็พยายามเก็บความรู้สึกต่าง ๆ เขาตอบโดยแทบไม่กล้ามองตาคู่นั้นเลย

     “มันแล้วแต่คน แล้วแต่การรักษาตัว เฉลี่ยก็อยู่ในราว ๆ 5-10 ปี แต่ไม่มีทางเร็วกว่า 2 ปี คือมันต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการฟักตัว ฉันเป็นมาแล้ว...3 ปีกว่า”

    ประโยคหลังแผ่วเบา ทั้งคู่เงียบไป เหมือนต่างคนต่างคิดอะไรของตนอยู่ในใจ

     “อ้อ...ขอโทษนะ ฉัน...ถ้าฉันจะถามว่า เธอไปรับเชื้อมาได้อย่างไร คือ...เออ...” เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก

    แววตาสีม่วงใสมันฟ้องว่า เธอไม่มั่นใจว่าควรถามเขาไหม แต่ประโยคต่อไปรีบพูดเหมือนเด็กที่ต้องการแก้ตัวกับผู้ใหญ่

    “เออ...ฉันต้องออกตัวก่อนนะว่า ฉันไม่ค่อยได้สนใจ เพราะคิดว่ามันไกลตัว เลยไม่มีความรู้เรื่องนี้เท่าไร
    แต่ก็พอจะรู้ว่ามันเป็นโรคที่ติดต่อกันในหมู่เกย์ และก็พวกวิตถาร หรือไม่ก็ติดยา อ้อ...
    แต่ฉันคิดว่า เธอไม่น่าจะใช่... ฉันรู้สึกว่าเธอต้องไม่ใช่...แววตาเธอบอกว่าอย่างนั้น...

    ไม่ใช่ ใช่ไหม?”

     เรอันยิ้มเศร้า ๆ ไม่แปลกหรอกที่เธอจะคิดเช่นนั้น

     “ฉันได้รับเลือดที่มีเชื้อไวรัสนี้ปนอยู่ เมื่อได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เธอจะเชื่อก็ได้นะ”
    เด็กหนุ่มอธิบายเรียบ ๆ เขากำลังปิดกั้นความเจ็บปวดที่ไม่มีตัวตน ความเจ็บปวดและทรมานที่มาจากไหนก็ไม่รู้

     “ทำไมเธอถึงพูดอย่างนี้นะ”

     “ไม่แปลก ฉันมักจะถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิต วิตถาร เกย์ หรือติดยาเสพติดเสมอ แต่ผู้ป่วยหลายคนติดเชื้อจากทางเลือด
    บางคนเป็นฮีโมฟีเลีย และหลายคนก็เพศสัมพันธ์แบบปกติ...ซึ่งหมายความว่ามันติดต่อกันได้ โดยหลัก ๆ แล้วคือทางเลือดและเซกซ์เท่านั้น
    และตอนนี้พวกหมอกำลังพิสูจน์อยู่ว่า จากแม่สู่ลูกได้ไหม ยังไม่มีใครแน่ใจ เพราะงั้นเธออย่ากลัวฉันเลยนะ ฉันจะระวังตัว
    การอยู่ร่วมกันด้วยความสัมพันธ์ทางสังคมปกติ ไม่มีทางติดต่อได้หรอก  และนั่นทำให้ฉันต้องมาอยู่ตรงนี้ 
    เพื่อเป็นการทดลองเป็นตัวอย่างด้านความสัมพันธ์ทางสังคมและจิตวิทยา  แล้วก็คอยให้ความรู้แก่คนในชุมชน”
    เรอันพูดเป็นการเป็นงาน พยายามปิดกั้นความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูก

    แต่ที่รู้คือ...เขากลัว

     เขาไม่อยากถูกเธอรังเกียจ...ไม่อยากให้เธอเห็นเขาเป็นตัวประหลาดอย่างที่ใคร ๆ ชอบมองเขาให้เป็นอย่างนั้น

     “งั้นแปลว่า...ถ้าฉันดื่มน้ำถ้วยเดียวกับเธอ...”

     “เธอก็ติดได้แค่หวัด แต่ไม่ใช่เอดส์” เรอันตอบสวนขึ้นอย่างมั่นใจ
    “เมื่อตอนแรกที่ฉันบอก ในน้ำหลั่งทุกชนิดที่มาจากร่างกายผู้ป่วยมีไวรัสอยู่ แต่ในปริมาณต่างกัน ในน้ำลายก็มีแต่น้อยมาก
    น้อยจนไม่สามารถทำให้ติดเชื้อได้ ฉันเลยได้รับอนุญาตให้ใช้แก้วน้ำและภาชนะรวมกับของคนอื่นได้”

     “แล้วถ้าฉันได้รับเลือดจากเธอ?”

     “เธอก็ติดเอดส์ แต่ไม่ติดหวัด”

     “ถ้าฉันร่วมรักกับเธอล่ะ?”

     เด็กหนุ่มอึ้ง...เขาเห็นนัยน์ตาคู่นั้นที่จ้องมองมา นิ่ง รอคำตอบ เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันทั้งคู่ใสลึกและดูบริสุทธิ์เหลือเกิน

     เรอันถอนใจ

     “เธอก็ติดทั้งหวัด ทั้งเอดส์!”

     จบคำตอบของเขา เด็กสาวผมทองนิ่งไปนิดหนึ่ง

     “ถ้าจูบล่ะ?”

     เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอคิดอะไรอยู่!!!

     “ฉันคิดว่า Social Kiss หอมแก้ม คงไม่เป็นไร แต่ถ้ามากกว่านั้น...ก็ไม่แน่!”

     เรอันรีบเล่าเรื่องต่อก่อนที่จะพบกับคำถามแปลก ๆ จากเธอ...

    เขาเล่าถึงระยะของโรคและกลุ่มอาการ เท่าที่เขารู้และเคยศึกษากับด๊อกเตอร์เคย์...

    ดูเธอช่างสนใจจริง ๆ ดวงตาใสกลมคู่นั้นจ้องมองดูเขาตลอดเวลา แต่เหมือนกับว่าเธอพยายามค้นหาอะไรบางอย่างในตัวเขา

    มันไม่ได้ส่อแววรังเกียจ ไม่ได้แสดงความเห็นใจ หรือเวทนา...อย่างที่เรอันเคยพบเจอมา...

     หากสำหรับเรอัน เขากำลังเจ็บปวดและเกลียดตัวเอง เขาไม่เข้าใจ...ทำไมเพิ่งจะมารู้สึกเอาตอนนี้

    ทุกครั้งที่เขาอธิบายถึงเรื่องราวของโรคร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเขา จริงอยู่ มันอาจเสียดแทงอยู่ลึก ๆ ในใจ

    หากเขาไม่เคยเกลียดตัวเอง ไม่เคยเจ็บปวดเท่าครั้งนี้เลย เขาอยากภูมิใจว่าเขานั้นกล้าหาญที่จะยอมรับความจริง...

     แต่ขณะนี้ เวลานี้ ตอนที่เขาตีหน้าเฉยเมยต่อแววตาใสลึกคู่นั้น เขารู้ว่ากำลังหลอกตัวเอง...


     เขาอยากร้องไห้!

     ไม่เข้าใจ...

     และดูเหมือนว่าเธอจะรู้

     “เรอัน...เราเปลี่ยนเรื่องพูดดีไหม มันเครียดจัง เธออยู่กับคุณพ่อคุณแม่หรือ?”

     “เปล่า...พ่อแม่ฉันตายแล้ว”

     “เฮ้อ!” เธอถอนหายใจดัง ๆ กลอกตาขึ้นมองเพดาน “เครียดอีกแล้ว...เอาใหม่ดีกว่า...เธอรู้รึเปล่าว่าอาหารกลางวันวันนี้มีอะไรกินมั่ง เป็นไง ไม่ซีเรียสเลยใช่ไหม?”

     เด็กสาวหัวเราะเสียงกังวานสดใส ดูท่าทางการหาเรื่องคุยสนุก ๆ กับการทำตัวให้ร่าเริงเป็นประจำ จะเป็นงานถนัดของเธอ

    เธอพยายามปัดความเศร้าที่ครอบงำการสนทนาทิ้งไป เรอันคิดถึงวันที่พบกับเธอครั้งแรก

     และเธอกำลังกลับเป็นคนเดิม


     “ไม่รู้สิ อาจจะพายก็ได้”

     “YES ถูกต้อง! ฉันเดินเที่ยวไปรอบ ๆ ผ่านโรงอาหาร เห็นแม่ครัวเขาทำพายไตวัวกับเนื้อบดอยู่ด้วยล่ะ”

     “ฉันกำลังสงสัยว่า ไตวัวที่พวกเราผ่าใน LAB ชีวะฯ ตอนเช้านี้รึเปล่า คลื่นไส้ตายเลย”

     “เอ...อาจจะใช่นะ เห็นมันเละ ๆ ยังงัยชอบกล” เด็กสาวัวเราะสดใสอีกครั้ง จนเขาหัวเราะตามไปด้วย

     เรอันอดที่จะคิดไม่ได้ว่า อะไรก็ตามที่ผ่านมาในชีวิตของเขาจะเป็นฝันร้าย แต่เธอนั้นอาจเป็นฝันดี

     เขาอยากตะโกนว่า เขามีเพื่อนแล้ว!



     อนิจจา...ตอนนั้นเขาไม่รู้สักนิดว่า...มันคือการเริ่มต้นแห่งฝันที่ไม่มีวันดีได้เลย!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×