ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซาฟรีรีนา

    ลำดับตอนที่ #10 : สิ่งล้ำค่า

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 49


    สิ่งล้ำค่า


    ผมไม่ได้นับผิด แสงสลัวของดวงอาทิตย์ส่องลอดลงมาสลับกับความมืดมิดของกลางคืน 

    ...1...2…3… คืนจันทร์ผ่านไป

    อืม...รู้สึกว่าคนบนดาวดวงนี้นับเวลาด้วยกลางคืนและเรียกว่าคืนจันทร์ ...

    ช่างมัน  ... ผิดถูกมีประโยชน์อะไร...

    ผมกำลังจะตาย

    ผมรอ...รอ...รอ...และรอ  จนคิดว่าเธอทิ้งผมไปแล้วจริง ๆ มันทรมานซะยิ่งกว่าความมืดและเงียบในขณะที่เธอยังอยู่เคียงข้างอย่างเทียบกันไม่ได้เลย 

    ไม่ควรเลยที่เธอไป 

    ผมอยากตะโกนกู่ก้องร้องให้เธอกลับมา 

    ผมยอมตายโดยถูกเธอกินเสียดีกว่า ถูกเธอทิ้งให้ตายไปอย่างเดียวดาย 

    ได้โปรดเถอะ  ผมไม่เคยอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้  แม้แต่ผมเองก้อไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกลึก ๆ ที่จับต้องไม่ได้

    ความผิดหวังกระแทรกจิตสำนึก  ชะล้างการรอคอยที่ไร้คำตอบจนว่างเปล่า

    คืนจันทร์ที่สี่ ย่างเข้ามา...  ผมไร้เรี่ยวแรงจนหมดสิ้น  ได้แต่นอนครึ่งหลับครึ่งตื่น  รอคอยความตายมาเยือน   ในสำนึกที่เหลือคือการว่ายวนเวียนกับความฝัน

    มันยาวนานเหมือนไม่มีวันเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ 

    บางทีผมแทบจะลืมไปแล้วว่าผมมาจากดาวที่เรียกว่าโลกเมื่อไม่นานมานี้เอง 

    ลืมตัวตน  ลืมความสุขที่เคยมีมา ราวกับผมกำเนิดขึ้นจากความทุกข์ทรมานในหุบเหวนรกแห่งนี้ 

    แต่ในบางทีมันกลับมีความฝันเป็นร้อยพันเรื่องที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์และความคิดต่าง ๆ ทั้งหมดในชั่วชีวิต ว่ายวนไม่จบสิ้น...

    แต่...ทันใด

    ผมสะดุ้งสุดตัวด้วยความรู้สึกถึงวัตถุอะไรบางอย่างที่ตกลงมาข้างตัวอย่างแรง
    หัวใจที่กำลังอ่อนล้ารอเวลาหยุดนิ่ง กลับเต้นแรงขึ้นจนเจ็บหน้าอก 

    ...ผมรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเหลืออยู่ผงกหัวขึ้นดู....

    เพื่อจะพบกับความตื้นตันอย่างที่ชั่วชีวิตของคนอย่างผมไม่มีมีวันได้พบเจอถ้าหากยังฝังชีวิตอยู่บนดาวโลก

    และตายไปพร้อมความเคยชินของชีวิตประจำวันอันสะดวกสบายและศิวิไลซ์ !

    ครึ่งหนึ่งของแขนสีดำสนิทโผล่พ้นฝุ่นทรายละเอียด  มันเปรอะไปด้วยเลือดสีแดงเข้มสะท้อนกับแสงสลัวสีม่วงดูน่าสะพรึงกลัวในความรู้สึกสามัญ 

    หากสำหรับผมมันกลับกลายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตที่ไม่มีวันลบเลือน 

    ในชั่ววูบแรกผมได้แต่ประหลาดใจ  ไม่เข้าใจ 

    มันเกิดอะไรขึ้น ... เกิดอะไรขึ้นกับซาฟีรีนา 

    ใจผมสั่นไหวราวกับมีระลอกคลื่นซัดสาดกระแทกจนหน้าอกแทบจะระเบิด

    เวลานั้น  ผมไม่สามารถลุกขึ้นได้แล้ว  ได้แต่ฝืนเค้นกำลังเฮือกสุดท้ายเอื้อมมืออันสั่นเทาออกไปหามันอย่างยากเย็น 

    จนสามารถไขว่คว้ามาได้  เมื่อดูใกล้ ๆ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนแทบสำลัก  ผมปัดทรายออกอย่างทะนุถนอม

    ทำให้สังเกตุเห็นร่องรอยบางอย่างสากผิวสัมผัสที่ได้รับเหมือนเป็นแผลที่เกิดจากของมีคมกรีดเป็นทางยาวจากข้อมือจรดข้อพับ 

    ไม่ใช่สิ 

    ไม่ใช่รอยกรีดเป็นทาง...

    ผมพยายามลืมตาอีกครั้งเพื่อลบความพร่าเลือนท่ามกลางแสงสลัวเลือนลาง 

    ลายสลัก...มันคือลายสลักเป็นจุดเล็ก ๆ ที่เกิดจากของมีคมทิ่มแทงจนเป็นรอยเลือดแดงคล้ำบนผิวดำสนิทจนผิวหนังเป็นรอยนูนสูงเรียงติดกันเป็นอักษร 

    จากอักษรเป็นคำ 

    จากคำเป็นประโยค...

    หลังจากพยายามอ่านอย่างยากลำบากจนได้ความ  แรกทีเดียวผมนิ่งงัน  ไม่เข้าใจ...

    "โปรดให้เกียรติข้าพเจ้า"

    เธอ หมายถึง ... ?

    หมายถึง ... 

    อา...



    ผมขนลุกชันไปทั้งตัว  น้ำขมฝาดเอ่อล้นทะลักมาจุกอยู่ที่ลำคอจนเจ็บแปลบ... 
    มันคือความหวัง  คือสัญญา คือความเสียสละที่ยิ่งใหญ่

    เกินกว่าที่คนอย่างนายอัลทรอยจะรับได้  ถึงอย่างไรผมก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา  แสนจะธรรมดาคนหนึ่ง 

    ผมเห็นแก่ตัว  ช่างระแวง สงสัย  และที่น่ารังเกียจที่สุดคือความไม่เคยไว้วางใจใครด้วยความจริงใจ 

    ผมกลัวเจ็บ  กลัวตาย  กลัวถูกกิน  กลัวถูกทิ้ง  กลัวถูกหักหลัง  กลัวความทรมานก่อนตาย  ตอนนี้ผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ว  แต่ผมทรมานยิ่งกว่า 

    ...ยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเสียอีก

    ทรมานใจ !

    เธอตัดแขนตัวเองเพื่อเป็นอาหารประทังชีวิตผม  เมื่อได้ใช้มันจนเสร็จแล้วอย่างสุดขีดความสามารถในการปีนป่ายความสูงที่มากมายมหาศาล  เพื่อหาทางรอดให้กับผม

    ผมลูบคลำตรงส่วนของปลายนิ้วที่เคยเรียวยาว นุ่มนวล  หากกลับกลายถลอกปอกเปิกจนไม่เป็นสารรูปเดิม 

    ง่ามนิ้วทั้งห้าฉีกขาด รุ่งริ่ง  ไม่มีเล็บเหลืออยู่เลยสักนิด 

    ข้อนิ้วบางนิ้วหักพับงอจนเกือบขาดออกจากมือ   

    ผมสัมผัสถึงความเจ็บปวดแสนเข็ญและเห็นภาพของการเดินทางอันทรหดผิดจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยพบเจอจากร่องรอยเหล่านั้นอย่างชัดเจน

     แล้วผมก็รู้ว่า ความ 'เสียใจ' แท้จริงแล้วเป็นความรู้สึกเช่นไร… 

     …ผมร้องไห้..

     น้ำตามันไหลออกมาเองโดยที่ไม่รู้ตัว 

    …ไม่มีเสียงสะอื้นใด ๆ หากความรู้สึกเสียใจอย่างรุนแรงประดันขึ้นมาจนท่วมท้นไปทั่วทั้งกาย  และแม้แต่ทั้งวิญญาณก็ถูกมันครอบงำไปหมดสิ้น…

     ผมตัวสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้  และคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบเค้นลำคออย่างรุนแรงจนทบอาเจียน… 

    ผมสำลักน้ำขมฝาดที่เอ่อล้นจากภายในขึ้นมาจุกที่ลำคออันตื้นตัน..

     คนที่เคยรู้ว่า  คำว่า 'ตื้น' 'ตัน'  เป็นความรู้สึกเช่นไรละก็  เขาผู้นั้นย่อมเข้าใจว่าผมในขณะนี้รู้สึกเช่นไร… 

    มันเป็นความตื้นตันที่ขมขื่น  และโศกเศร้าอย่างสุดแสน….

     ผมเสียใจ…มาก …เกินกว่าที่จะพรรณนาด้วยภาษา…

     ในความเงียบสงัดและวังเวง  จนน่าสะพึงกลัว…

     ผมกอด 'มัน'   ไว้แน่นแนบอก

     ผมได้แต่กอด 'มัน' ราวกับเป็นไม้ท่อนสุดท้ายกลางทะเลคลั่ง  เป็นสิ่งล้ำค่าสูงสุดในชีวิต… 

    และผมคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดที่จะโยกคลอนความรู้สึกของคนได้มากกว่านี้อีกแล้ว

     กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกมาอบอวลอยู่ในประสาทสัมผัสของผม  แต่ในความรู้สึกส่วนลึก  ผมปานว่าได้กลิ่นไอแห่งกายของผู้เป็นเจ้าของ 'มัน' …

    แล้วในที่สุด...  

    ผมก็ผิดสัญญานั้น 

    ...เพราะผมยังไม่สามารถทำใจกัดกิน 'มัน'ได้  มนุษย์โลกอย่างผมได้แต่นอนกอดมันไว้แนบอกอย่างหวงแหน 
    ...
    น้ำตาที่ไหลออกมาผสมกับสีแดงเข้มของเลือดบนแขนข้างหนึ่งซึ่งเป็นสีดำ 
     
    <a href="http://my.dek-d.com/Acciacatura/story/view.php?id=127910"></a>

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×