คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : สิ่งล้ำค่า
สิ่งล้ำค่า
ผมไม่ได้นับผิด แสงสลัวของดวงอาทิตย์ส่องลอดลงมาสลับกับความมืดมิดของกลางคืน
...1...2
3
คืนจันทร์ผ่านไป
อืม...รู้สึกว่าคนบนดาวดวงนี้นับเวลาด้วยกลางคืนและเรียกว่าคืนจันทร์ ...
ช่างมัน ... ผิดถูกมีประโยชน์อะไร...
ผมกำลังจะตาย
ผมรอ...รอ...รอ...และรอ จนคิดว่าเธอทิ้งผมไปแล้วจริง ๆ มันทรมานซะยิ่งกว่าความมืดและเงียบในขณะที่เธอยังอยู่เคียงข้างอย่างเทียบกันไม่ได้เลย
ไม่ควรเลยที่เธอไป
ผมอยากตะโกนกู่ก้องร้องให้เธอกลับมา
ผมยอมตายโดยถูกเธอกินเสียดีกว่า ถูกเธอทิ้งให้ตายไปอย่างเดียวดาย
ได้โปรดเถอะ ผมไม่เคยอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้ แม้แต่ผมเองก้อไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกลึก ๆ ที่จับต้องไม่ได้
ความผิดหวังกระแทรกจิตสำนึก ชะล้างการรอคอยที่ไร้คำตอบจนว่างเปล่า
คืนจันทร์ที่สี่ ย่างเข้ามา... ผมไร้เรี่ยวแรงจนหมดสิ้น ได้แต่นอนครึ่งหลับครึ่งตื่น รอคอยความตายมาเยือน ในสำนึกที่เหลือคือการว่ายวนเวียนกับความฝัน
มันยาวนานเหมือนไม่มีวันเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ
บางทีผมแทบจะลืมไปแล้วว่าผมมาจากดาวที่เรียกว่าโลกเมื่อไม่นานมานี้เอง
ลืมตัวตน ลืมความสุขที่เคยมีมา ราวกับผมกำเนิดขึ้นจากความทุกข์ทรมานในหุบเหวนรกแห่งนี้
แต่ในบางทีมันกลับมีความฝันเป็นร้อยพันเรื่องที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์และความคิดต่าง ๆ ทั้งหมดในชั่วชีวิต ว่ายวนไม่จบสิ้น...
แต่...ทันใด
ผมสะดุ้งสุดตัวด้วยความรู้สึกถึงวัตถุอะไรบางอย่างที่ตกลงมาข้างตัวอย่างแรง
หัวใจที่กำลังอ่อนล้ารอเวลาหยุดนิ่ง กลับเต้นแรงขึ้นจนเจ็บหน้าอก
...ผมรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเหลืออยู่ผงกหัวขึ้นดู....
เพื่อจะพบกับความตื้นตันอย่างที่ชั่วชีวิตของคนอย่างผมไม่มีมีวันได้พบเจอถ้าหากยังฝังชีวิตอยู่บนดาวโลก
และตายไปพร้อมความเคยชินของชีวิตประจำวันอันสะดวกสบายและศิวิไลซ์ !
ครึ่งหนึ่งของแขนสีดำสนิทโผล่พ้นฝุ่นทรายละเอียด มันเปรอะไปด้วยเลือดสีแดงเข้มสะท้อนกับแสงสลัวสีม่วงดูน่าสะพรึงกลัวในความรู้สึกสามัญ
หากสำหรับผมมันกลับกลายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตที่ไม่มีวันลบเลือน
ในชั่ววูบแรกผมได้แต่ประหลาดใจ ไม่เข้าใจ
มันเกิดอะไรขึ้น ... เกิดอะไรขึ้นกับซาฟีรีนา
ใจผมสั่นไหวราวกับมีระลอกคลื่นซัดสาดกระแทกจนหน้าอกแทบจะระเบิด
เวลานั้น ผมไม่สามารถลุกขึ้นได้แล้ว ได้แต่ฝืนเค้นกำลังเฮือกสุดท้ายเอื้อมมืออันสั่นเทาออกไปหามันอย่างยากเย็น
จนสามารถไขว่คว้ามาได้ เมื่อดูใกล้ ๆ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนแทบสำลัก ผมปัดทรายออกอย่างทะนุถนอม
ทำให้สังเกตุเห็นร่องรอยบางอย่างสากผิวสัมผัสที่ได้รับเหมือนเป็นแผลที่เกิดจากของมีคมกรีดเป็นทางยาวจากข้อมือจรดข้อพับ
ไม่ใช่สิ
ไม่ใช่รอยกรีดเป็นทาง...
ผมพยายามลืมตาอีกครั้งเพื่อลบความพร่าเลือนท่ามกลางแสงสลัวเลือนลาง
ลายสลัก...มันคือลายสลักเป็นจุดเล็ก ๆ ที่เกิดจากของมีคมทิ่มแทงจนเป็นรอยเลือดแดงคล้ำบนผิวดำสนิทจนผิวหนังเป็นรอยนูนสูงเรียงติดกันเป็นอักษร
จากอักษรเป็นคำ
จากคำเป็นประโยค...
หลังจากพยายามอ่านอย่างยากลำบากจนได้ความ แรกทีเดียวผมนิ่งงัน ไม่เข้าใจ...
"โปรดให้เกียรติข้าพเจ้า"
เธอ หมายถึง ... ?
หมายถึง ...
อา...
ผมขนลุกชันไปทั้งตัว น้ำขมฝาดเอ่อล้นทะลักมาจุกอยู่ที่ลำคอจนเจ็บแปลบ...
มันคือความหวัง คือสัญญา คือความเสียสละที่ยิ่งใหญ่
เกินกว่าที่คนอย่างนายอัลทรอยจะรับได้ ถึงอย่างไรผมก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา แสนจะธรรมดาคนหนึ่ง
ผมเห็นแก่ตัว ช่างระแวง สงสัย และที่น่ารังเกียจที่สุดคือความไม่เคยไว้วางใจใครด้วยความจริงใจ
ผมกลัวเจ็บ กลัวตาย กลัวถูกกิน กลัวถูกทิ้ง กลัวถูกหักหลัง กลัวความทรมานก่อนตาย ตอนนี้ผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ว แต่ผมทรมานยิ่งกว่า
...ยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเสียอีก
ทรมานใจ !
เธอตัดแขนตัวเองเพื่อเป็นอาหารประทังชีวิตผม เมื่อได้ใช้มันจนเสร็จแล้วอย่างสุดขีดความสามารถในการปีนป่ายความสูงที่มากมายมหาศาล เพื่อหาทางรอดให้กับผม
ผมลูบคลำตรงส่วนของปลายนิ้วที่เคยเรียวยาว นุ่มนวล หากกลับกลายถลอกปอกเปิกจนไม่เป็นสารรูปเดิม
ง่ามนิ้วทั้งห้าฉีกขาด รุ่งริ่ง ไม่มีเล็บเหลืออยู่เลยสักนิด
ข้อนิ้วบางนิ้วหักพับงอจนเกือบขาดออกจากมือ
ผมสัมผัสถึงความเจ็บปวดแสนเข็ญและเห็นภาพของการเดินทางอันทรหดผิดจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยพบเจอจากร่องรอยเหล่านั้นอย่างชัดเจน
แล้วผมก็รู้ว่า ความ 'เสียใจ' แท้จริงแล้วเป็นความรู้สึกเช่นไร
ผมร้องไห้..
น้ำตามันไหลออกมาเองโดยที่ไม่รู้ตัว
ไม่มีเสียงสะอื้นใด ๆ หากความรู้สึกเสียใจอย่างรุนแรงประดันขึ้นมาจนท่วมท้นไปทั่วทั้งกาย และแม้แต่ทั้งวิญญาณก็ถูกมันครอบงำไปหมดสิ้น
ผมตัวสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้ และคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบเค้นลำคออย่างรุนแรงจนทบอาเจียน
ผมสำลักน้ำขมฝาดที่เอ่อล้นจากภายในขึ้นมาจุกที่ลำคออันตื้นตัน..
คนที่เคยรู้ว่า คำว่า 'ตื้น' 'ตัน' เป็นความรู้สึกเช่นไรละก็ เขาผู้นั้นย่อมเข้าใจว่าผมในขณะนี้รู้สึกเช่นไร
มันเป็นความตื้นตันที่ขมขื่น และโศกเศร้าอย่างสุดแสน
.
ผมเสียใจ
มาก
เกินกว่าที่จะพรรณนาด้วยภาษา
ในความเงียบสงัดและวังเวง จนน่าสะพึงกลัว
ผมกอด 'มัน' ไว้แน่นแนบอก
ผมได้แต่กอด 'มัน' ราวกับเป็นไม้ท่อนสุดท้ายกลางทะเลคลั่ง เป็นสิ่งล้ำค่าสูงสุดในชีวิต
และผมคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดที่จะโยกคลอนความรู้สึกของคนได้มากกว่านี้อีกแล้ว
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกมาอบอวลอยู่ในประสาทสัมผัสของผม แต่ในความรู้สึกส่วนลึก ผมปานว่าได้กลิ่นไอแห่งกายของผู้เป็นเจ้าของ 'มัน'
แล้วในที่สุด...
ผมก็ผิดสัญญานั้น
...เพราะผมยังไม่สามารถทำใจกัดกิน 'มัน'ได้ มนุษย์โลกอย่างผมได้แต่นอนกอดมันไว้แนบอกอย่างหวงแหน
...
น้ำตาที่ไหลออกมาผสมกับสีแดงเข้มของเลือดบนแขนข้างหนึ่งซึ่งเป็นสีดำ
<a href="http://my.dek-d.com/Acciacatura/story/view.php?id=127910"></a>
ความคิดเห็น