ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์เมขลา (มี e book)

    ลำดับตอนที่ #8 : 08-แสนห้า 2/3

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 66


    "ภู มาพอดีเลย มาลูกมา กินข้าวกัน" คุณนายอุไรร้องเรียกหลานชายที่กำลังเดินเข้าบ้านมา

    "เมื่อเช้าย่าลงไปที่ตลาดเหรอครับ"

    "ก็เด็กๆ บอกว่ามีปัญหา ย่าเลยลงไปดูนิดนึง"

    "ย่าทำแบบนั้นไม่ได้ ผมประกาศห้ามไปแล้ว"

    "มันจะเป็นไรไปล่ะ ก็อนุโลมให้เขาขายสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ผู้รับเหมายังไม่มาทำตอนนี้เสียก็หน่อย

    "ย่า " ภูษิตเรียกเสียงยาว

    "ภู คนพวกนั้นเขาอยู่กับย่ามานาน อลุ่มอล่วยบ้างก็ไม่เสียหายนี่ลูก รักษาน้ำใจกันไว้ดีกว่า มีอะไรช่วยเหลือกันไป ภูเพิ่งเข้ามาทำงานเต็มตัวต้องเรียนรู้อีกเยอะ"

    "แต่"

    คนเป็นย่ายกมือห้าม

    "เรื่องนี้ย่าขอละกัน ผู้รับเหมาเริ่มงานเมื่อไหร่ เขาจะย้ายไปที่ภูจัดให้ทันที ย่ารับรอง"

    ชายหนุ่มแอบถอนหายใจเบาๆ ถึงเขาจะเด็ดขาดกับใครแต่ไม่เคยใช้กับย่าได้สักที

    "มาสิ กินข้าว ย่าหิวจะแน่แล้ว"

    ภูษิตจำใจต้องนั่งลง ปกติเขาไม่ได้พักที่นี่ เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวเลยแยกไปอยู่ที่บ้านอีกหลัง ซึ่งไม่ไกลกัน แต่ยังมารับประทานอาหารเช้าและเย็นกับย่าเกือบทุกวัน

    วันไหนไม่มาย่าก็ให้แม่บ้านใส่ปิ่นโตไปให้ แม้ห้ามแล้วก็ไม่ฟัง สุดท้ายเลยปล่อยให้ย่าทำตามที่ต้องการไป

    "เจ้าพีทมันเรียนจบแล้ว จะกลับเมื่อไหร่"

    "ผมยังไม่ได้คุยกับน้องเลย ย่าได้คุยกับพีทเหรอครับ"

    "ไม่ได้คุย ย่าถามแม่รินก็ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ภูลองดูหน่อย เรียนจบก็กลับมาทำงานไม่ใช่เที่ยวเล่น ใช้เงินไปวันๆ"

    อุไรอดบ่นหลานคนเล็กไม่ได้

    พีรพลเป็นน้องชายต่างแม่ที่อายุห่างกันหลายปี เมื่อ'ชูชาติ' พ่อของเขาเสียไป น้องชายยึดเขาเป็นที่พึ่ง เขาเลยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากึ่งผู้ปกครองมาตั้งแต่นั้น

    รินดาเป็นเมียอีกคนของพ่อที่มีลูก ย่าเลยจำใจรับเข้ามาอยู่ในบ้านทั้งที่ไม่ชอบใจ เพราะย่ามีปมเรื่องปู่มีหลายเมีย พอมีลูกชาย ลูกชายก็เจ้าชู้ได้พ่อ มีเมียไปทั่ว ย่าเคยบ่นว่ามันอาจคงเป็นความโชคดีที่แม่ของเขาที่เสียชีวิตไปก่อน ไม่งั้นคงต้องเสียใจ ร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่าทุกวัน

    "ครับ"

    "ได้ข่าวเสี่ยน่านเขาสนใจที่ฝั่งโน้น ภูรู้หรือเปล่า"

    ที่ฝั่งโน้นที่ย่าอุไรหมายถึงคือที่ดินที่อยู่ด้านหลังตลาดเแต่อยู่คนละฝั่งคลอง ซึ่งนางอยากได้มานานแล้ว

    "มีอะไรที่ย่าไม่รู้บ้างเนี่ย" ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ

    "ถึงย่าจะแก่ ก็ไม่ได้หูหนวกตาบอดนี่ ยังไงก็ตามข่าวหน่อยแล้วกัน อย่าลืมบอกเจ้าชาญด้วย"

    'เจ้าชาญ' ที่อุไรพูดถึงคือลูกเลี้ยงของนางหรืออาของภูษิตนั่นเอง

    "อารู้แล่วครับ กำลังดูท่าทีอยู่ว่าเสี่ยน่านจะทำอะไร เท่าที่รู้ชาวบ้านไม่ได้ตัดสินใจขายทุกแปลงนะครับ"

    "พูดถึงอาแก ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปไหน ไม่เห็นเข้ามาเลย"

    ภูษิตยิ้ม แม้ย่าจะเจ็บช้ำจากความเจ้าชู้ของปู่ แต่ก็ยังรับเลี้ยงลูกของผู้หญิงคนอื่นไม่เกี่ยงงอน ให้ที่อยู่ที่กินให้การศึกษา ให้อาชีพแม้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ บ้านนี้เลยไม่มีปัญหาแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงให้รำคาญใจ

    "ใกล้ลงเลือกตั้ง อาชาญน่าจะยุ่ง ไว้ผมเจอแล้วจะบอกให้นะครับ"

    "เมื่อไหร่ภูจะสะดวกพาย่าไปเยี่ยมเพื่อนสักทีล่ะ" นางวกมาเรื่องที่ตัวเองต้องการ ซึ่งหลานชายรู้ดีอยู่แล้วว่าเป้าหมายมี่แท้จริงคือ พาเขาไปดูจตัวว่าที่หลานสะใภ้นั่นเอง

    "ย่า" เขาเรียกอย่างทดท้อ "ย่ายังไม่เลิกพยายามอีกเหรอ"

    "ก็ภูไม่ยอมแต่งเมียสักที ย่าก็ร้อนใจสิ ย่าแก่ลงทุกวันจะตายวันไหนไม่รู้ อยากเห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝ่ากับคนที่เหมาะสม ไม่ใช่ไปคว้าผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นเมีย"

    "ย่า" ภูษิตตีหน้านิ่งทั้งที่เบื่อหน่าย เขาฟังมาไม่รู้กี่รอบ แต่ย่าก็พยายามยัดเยียดให้เขาฟังทุกครั้งที่เจอกัน

    "ย่าพูดจริง เมียที่ดีต้องส่งเสริมผัว ช่วยทำมาหากิน ไม่ใช่แต่งตัวสวยเฉิดฉายไปวันๆ ย่าไม่ชอบ" ย่าคงพูดกระทบไปถึงคนรักของเขาที่คบมาหลายปี แต่ไม่สามารถเอาชนะใจคุณย่าจอมเฮี้ยบได้ สถานะเลยคลุมเครือจนบัดนี้

    "เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะครับย่า"

    "จะหาเมีย ก็ดูที่เหมาะสมทั้งครอบครัวและฐานะ.จะได้ไม่ต้องปรับตัวมาก ไม่ห่วงห่วงว่าเมียจะมาเกาะเรากิน" 

    ภูษิตยกมือขึ้นลูบท้ายทอย เหมือนไม่รู้ว่าจะทำอะไรได่มากกว่านั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×