ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 10-ความช่วยเหลือ 1/3
ผ่านไปเกือบเดือน ที่เมขลาทำงานหามรุ่งหามค่ำ ก็ยังไม่มีวี่แววจะเห็นยอดเงิน มิหนำซ้ำเสี่ยน่านยังยื่นคำขาดมาอีกว่าต้องจ่ายห้าหมื่นภายในเดือนนี้
หญิงสาวนับเงินที่กระจัดกระจายอยู่บนเตียงอย่างท้อใจ มันไม่ใช่เงินของเธอคนเดียว บุษบาทุบกระปุกให้เธอยืมมาก่อนด้วย
ในมือตอนนี้มีเงินเพียงสองหมื่นกว่าบาท ขาดอีกเกินครึ่งกับเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ เธอจะไปหาที่ไหนได้ทัน
ยืมแล้วก็ต้องเป็นหนี้อีกอยู่ดี
ยายสอางค์มองหลานสาว แล้วถอนใจ ก่อนปลอบใจ
"เงินห้าหมื่นมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะลูก"
"เมรู้"
"เสี่ยเขาเสนอว่าถ้าเมไปอยู่กับเขา เขาจะยกหนี้ให้ แล้วซื้อบ้านหลังใหม่ให้เราย้ายไปอยู่ที่อื่น"
เมขลาเบิกตาโตด้วยความตกใจ
"ยาย!"
"อย่าเพิ่งโวยวาย ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับเสี่ยเขาสักหน่อย แค่เล่าให้แกฟังเผื่อแกจะเห็นด้วย"
"ยายเลิกคิดไปเลย เมไม่มีวันเป็นเมียน้อยใครเด็ดขาด" เมขลาพูดอย่างหัวเสีย
"ฉันก็ไม่อยากให้แกเป็นแบบนั้น แกยังเด็กสู้เมียเสี่ยไม่ได้หรอก" เห็นหลานสาวนิ่ง เลยลองหว่านล้อมอีกครั้ง
"เหมือนที่บอกคุณเมธเขายังโสด อายุมากกว่าแกหน่อยก็ไม่เป็นไร แกน่าจะลองพิจารณาดูบ้าง
เมขลาอึ้งไป
"ตากับยาย อายุมากแล้วจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แกเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไหนจะมีหลานอีก ถ้าแกมีคนดูแล ตากับยายจะได้นอนตายตาหลับ
"ยายทำไมต้องพูดแบบนี้"
"ผู้หญิงเราต่อให้เก่งกาจยังไงก็ต้องมีคนดูแล คุณเมธเขาอาจไม่ได้ร่ำรวยแต่ฉันว่าเขาดูแลแกได้ แกจะได้เป็นเมียแรกแน่นอน "
"แต่มีเมียน้อยเกือบทั้งตลาดเนี่ยนะ "
"นังเม!" ยาสอางค์หัวเสียมาทันที
"ไม่เอาแล้ว เมไปทำขนมดีกว่า พรุ่งนี้ออร์เดอร์เยอะด้วย" พูดจบก็เก็บเงินใส่กระเป๋ารูดซิปอย่างดี
"วันนี้จะกลับกี่โมง" ถามด้วยความเป็นห่วง เมขลาร่วมหุ้นกับบุษบาทำขนมขายตามออร์เดอร์ ทั้งคู่จะช่วยกันทำที่บ้านของบุษบาในช่วงเย็นถึงค่ำเพราะช่วงกลางวันทั้งคู่ต้องทำงานอื่น เลยทำให้เมขลามักจะกลับมืดค่ำเสมอ
"ไม่ดึกหรอกค่ะขากลับเดี๋ยวเมแวะเอายาที่ร้านหมอแก้มด้วย"
เมขลาขับรถจักรยานยนต์ออกไปแล้ว ไปอุดมเดินโขยกเขยกเข้ามาหา
"ไม่สงสารหลานบ้างเหรอ"
"จะทำไงได้ล่ะฉันก็พยายามเต็มที่แล้ว ถ้าไม่อยากให้นังเมไปยุ่งเกี่ยวกับเสี่ยน่านก็ต้องพึ่งคุณเมธ เขาอาจจะไม่ได้รวยมากแต่เขาก็น่าจะพอช่วยเราได้"
"แกพูดเหมือนไม่รู้จักหลานตัวเอง เจ้าเมไม่มีวันยอมเด็ดขาด"
"ต่อให้เราต้องเสียที่ตรงนี้ไปอย่างนั้นเหรอ"
"ไอ้คนทำเรื่อง มันลอยนวลสบายปล่อยให้คนอยู่ข้างหลังต้องมาลำบาก" พูดจบอุดมก็เดินหนีไปอีกครั้งปล่อยให้ยายสอางค์นั่งถอนหายใจด้วยความกลุ้มอยู่คนเดียว
เแพทย์หญิงกังสดาลเงยหน้าขึ้นจากเอกสารเมื่อได้ยินเสียงโมบายประตูดังกรุ๊งกริ๊ง เธอมองคนที่กำลังเดินเข้ามาก่อนวางปากกาลง
"พี่หมอมีอะไรหรือเปล่า ถึงให้เมรีบมา วันนี้ปิดร้านเร็วเหรอคะ"
ตอนนี้เกือบสองทุ่มแล้ว ตลาดนัดเริ่มเงียบ คนไข้ของหมอกังสดาลก็หมดแล้วเช่นกัน แสงดาวพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็กลับไปแล้ว เธอเลยมีเวลาเคลียร์เอกสารบ้าง
"เปล่า มีธุระจะคุยด้วย มานั่งนี่สิ"
เมขลานั่งลงหน้าโต๊ะทำงาน มองหมอสาวด้วยความสงสัยเพราะวันนี้กังสดาลดูเคร่งเครียดกว่าทุกวันที่เธอเจอ
"มีอะไรทำไมไม่บอกพี่"
"คืออะไรคะ" เมขลาย้อนถาม
"ก็เรื่องที่เมจะต้องเอาเงินไปใช้หนี้เขา 50,000 บาทภายในเดือนนี้"
เมขลาก้มหน้านิ่ง ไม่ยอมสบสายตาพี่สาวนอกไส้ที่รักและเอ็นดูเธอราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ อาจเพราะหมอกังสดาลก็เป็นคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในตลาดโรยทอง มีพื้นฐานชีวิตที่ไม่แตกต่างกันนัก แต่คุณหมอคนสวยมีบุญกว่าเธอตรงที่มีคนอุปถัมภ์ส่งเสียให้เรียนจนจบเป็นแพทย์
ซองสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้าเธอ
"พี่แก้ม นี่คืออะไรคะ"
"เงินไง พี่รู้นะว่าเรายังหาได้ไม่ครบ ถ้าไม่เจอเบบี๋พี่คงไม่รู้ว่าเมกำลังลำบาก"
พี่หมอ" เมขลารู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก "ช่วงพี่หมอกำลังปลูกบ้าน ยังต้องใช้เงินอีกเยอะ พี่หมอเก็บไว้เถอะค่ะเมเกรงใจไม่อยากรบกวน"
แล้วเราจะหาเงินที่ไหนไปให้เสียน่าน 50,000 มันไม่ใช่น้อยๆ เอาของพี่ไปก่อน พี่ให้ยืม
"แต่เมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้คืนนะคะ
"เลิกคิดมากได้แล้ว เล่าให้พี่ฟังซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
เมขลาเลยเล่าให้แพทย์หญิงกังสดาลฟังเท่าที่เธอรู้มาจากคนเป็นยาย คุณหมอสาวนั่งฟังเงียบๆ
"สรุปว่ายายเป็นหนี้เสียน่านอยู่แสนห้าเขาขอภายในเดือนนี้ ห้าหมื่นแล้วที่เหลืออีกแสนเมจะทำยังไง"
เมขลาส่ายหน้าเธอเองจนปัญญาเหมือนกัน
"เมขอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ที่เหลือค่อยคิดทีหลังค่ะพี่หมอ เมไม่รู้จริงๆ ว่าจะหาเงินมากมายขนาดนั้นได้จากไหน ลำพังค่าอยู่ค่ากินสามคนก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว"
กังสดาลถอนหายใจ ก่อนลูบหลังมือคนอายุน้อยกว่าไปมาเป็นการให้กำลังใจ
'อย่าเครียด ค่อยๆ คิดไป มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้ คิดหลายคนดีกว่าคนเดียวนะ"
เมขลาประนมขึ้นไหว้กังสดาล ซาบซึ้งใจจนน้ำตารื้น
"พี่หมอใจดีกับเมตลอด เมไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนได้ยังไง"
เสียงกรุ๊งกริ๊งประตูดังขึ้นอีกครั้ง
หญิงสาวนับเงินที่กระจัดกระจายอยู่บนเตียงอย่างท้อใจ มันไม่ใช่เงินของเธอคนเดียว บุษบาทุบกระปุกให้เธอยืมมาก่อนด้วย
ในมือตอนนี้มีเงินเพียงสองหมื่นกว่าบาท ขาดอีกเกินครึ่งกับเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ เธอจะไปหาที่ไหนได้ทัน
ยืมแล้วก็ต้องเป็นหนี้อีกอยู่ดี
ยายสอางค์มองหลานสาว แล้วถอนใจ ก่อนปลอบใจ
"เงินห้าหมื่นมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะลูก"
"เมรู้"
"เสี่ยเขาเสนอว่าถ้าเมไปอยู่กับเขา เขาจะยกหนี้ให้ แล้วซื้อบ้านหลังใหม่ให้เราย้ายไปอยู่ที่อื่น"
เมขลาเบิกตาโตด้วยความตกใจ
"ยาย!"
"อย่าเพิ่งโวยวาย ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับเสี่ยเขาสักหน่อย แค่เล่าให้แกฟังเผื่อแกจะเห็นด้วย"
"ยายเลิกคิดไปเลย เมไม่มีวันเป็นเมียน้อยใครเด็ดขาด" เมขลาพูดอย่างหัวเสีย
"ฉันก็ไม่อยากให้แกเป็นแบบนั้น แกยังเด็กสู้เมียเสี่ยไม่ได้หรอก" เห็นหลานสาวนิ่ง เลยลองหว่านล้อมอีกครั้ง
"เหมือนที่บอกคุณเมธเขายังโสด อายุมากกว่าแกหน่อยก็ไม่เป็นไร แกน่าจะลองพิจารณาดูบ้าง
เมขลาอึ้งไป
"ตากับยาย อายุมากแล้วจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แกเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไหนจะมีหลานอีก ถ้าแกมีคนดูแล ตากับยายจะได้นอนตายตาหลับ
"ยายทำไมต้องพูดแบบนี้"
"ผู้หญิงเราต่อให้เก่งกาจยังไงก็ต้องมีคนดูแล คุณเมธเขาอาจไม่ได้ร่ำรวยแต่ฉันว่าเขาดูแลแกได้ แกจะได้เป็นเมียแรกแน่นอน "
"แต่มีเมียน้อยเกือบทั้งตลาดเนี่ยนะ "
"นังเม!" ยาสอางค์หัวเสียมาทันที
"ไม่เอาแล้ว เมไปทำขนมดีกว่า พรุ่งนี้ออร์เดอร์เยอะด้วย" พูดจบก็เก็บเงินใส่กระเป๋ารูดซิปอย่างดี
"วันนี้จะกลับกี่โมง" ถามด้วยความเป็นห่วง เมขลาร่วมหุ้นกับบุษบาทำขนมขายตามออร์เดอร์ ทั้งคู่จะช่วยกันทำที่บ้านของบุษบาในช่วงเย็นถึงค่ำเพราะช่วงกลางวันทั้งคู่ต้องทำงานอื่น เลยทำให้เมขลามักจะกลับมืดค่ำเสมอ
"ไม่ดึกหรอกค่ะขากลับเดี๋ยวเมแวะเอายาที่ร้านหมอแก้มด้วย"
เมขลาขับรถจักรยานยนต์ออกไปแล้ว ไปอุดมเดินโขยกเขยกเข้ามาหา
"ไม่สงสารหลานบ้างเหรอ"
"จะทำไงได้ล่ะฉันก็พยายามเต็มที่แล้ว ถ้าไม่อยากให้นังเมไปยุ่งเกี่ยวกับเสี่ยน่านก็ต้องพึ่งคุณเมธ เขาอาจจะไม่ได้รวยมากแต่เขาก็น่าจะพอช่วยเราได้"
"แกพูดเหมือนไม่รู้จักหลานตัวเอง เจ้าเมไม่มีวันยอมเด็ดขาด"
"ต่อให้เราต้องเสียที่ตรงนี้ไปอย่างนั้นเหรอ"
"ไอ้คนทำเรื่อง มันลอยนวลสบายปล่อยให้คนอยู่ข้างหลังต้องมาลำบาก" พูดจบอุดมก็เดินหนีไปอีกครั้งปล่อยให้ยายสอางค์นั่งถอนหายใจด้วยความกลุ้มอยู่คนเดียว
เแพทย์หญิงกังสดาลเงยหน้าขึ้นจากเอกสารเมื่อได้ยินเสียงโมบายประตูดังกรุ๊งกริ๊ง เธอมองคนที่กำลังเดินเข้ามาก่อนวางปากกาลง
"พี่หมอมีอะไรหรือเปล่า ถึงให้เมรีบมา วันนี้ปิดร้านเร็วเหรอคะ"
ตอนนี้เกือบสองทุ่มแล้ว ตลาดนัดเริ่มเงียบ คนไข้ของหมอกังสดาลก็หมดแล้วเช่นกัน แสงดาวพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็กลับไปแล้ว เธอเลยมีเวลาเคลียร์เอกสารบ้าง
"เปล่า มีธุระจะคุยด้วย มานั่งนี่สิ"
เมขลานั่งลงหน้าโต๊ะทำงาน มองหมอสาวด้วยความสงสัยเพราะวันนี้กังสดาลดูเคร่งเครียดกว่าทุกวันที่เธอเจอ
"มีอะไรทำไมไม่บอกพี่"
"คืออะไรคะ" เมขลาย้อนถาม
"ก็เรื่องที่เมจะต้องเอาเงินไปใช้หนี้เขา 50,000 บาทภายในเดือนนี้"
เมขลาก้มหน้านิ่ง ไม่ยอมสบสายตาพี่สาวนอกไส้ที่รักและเอ็นดูเธอราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ อาจเพราะหมอกังสดาลก็เป็นคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในตลาดโรยทอง มีพื้นฐานชีวิตที่ไม่แตกต่างกันนัก แต่คุณหมอคนสวยมีบุญกว่าเธอตรงที่มีคนอุปถัมภ์ส่งเสียให้เรียนจนจบเป็นแพทย์
ซองสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้าเธอ
"พี่แก้ม นี่คืออะไรคะ"
"เงินไง พี่รู้นะว่าเรายังหาได้ไม่ครบ ถ้าไม่เจอเบบี๋พี่คงไม่รู้ว่าเมกำลังลำบาก"
พี่หมอ" เมขลารู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก "ช่วงพี่หมอกำลังปลูกบ้าน ยังต้องใช้เงินอีกเยอะ พี่หมอเก็บไว้เถอะค่ะเมเกรงใจไม่อยากรบกวน"
แล้วเราจะหาเงินที่ไหนไปให้เสียน่าน 50,000 มันไม่ใช่น้อยๆ เอาของพี่ไปก่อน พี่ให้ยืม
"แต่เมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้คืนนะคะ
"เลิกคิดมากได้แล้ว เล่าให้พี่ฟังซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
เมขลาเลยเล่าให้แพทย์หญิงกังสดาลฟังเท่าที่เธอรู้มาจากคนเป็นยาย คุณหมอสาวนั่งฟังเงียบๆ
"สรุปว่ายายเป็นหนี้เสียน่านอยู่แสนห้าเขาขอภายในเดือนนี้ ห้าหมื่นแล้วที่เหลืออีกแสนเมจะทำยังไง"
เมขลาส่ายหน้าเธอเองจนปัญญาเหมือนกัน
"เมขอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ที่เหลือค่อยคิดทีหลังค่ะพี่หมอ เมไม่รู้จริงๆ ว่าจะหาเงินมากมายขนาดนั้นได้จากไหน ลำพังค่าอยู่ค่ากินสามคนก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว"
กังสดาลถอนหายใจ ก่อนลูบหลังมือคนอายุน้อยกว่าไปมาเป็นการให้กำลังใจ
'อย่าเครียด ค่อยๆ คิดไป มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้ คิดหลายคนดีกว่าคนเดียวนะ"
เมขลาประนมขึ้นไหว้กังสดาล ซาบซึ้งใจจนน้ำตารื้น
"พี่หมอใจดีกับเมตลอด เมไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนได้ยังไง"
เสียงกรุ๊งกริ๊งประตูดังขึ้นอีกครั้ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น