ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เปิดโรงเรียน
                              ค่ำคืนวันเสาร์  ในบ้านหลังน้อยกลางป่า    ภายนอกฝนตกหนัก  ฟ้าร้องดังไปทั่วราวกับคน
โกรธบ้าคลั่ง    เหล่าบรรดาเป็ดที่คุณยายเลี้ยงไว้ต่างพลอยดีใจ  ออกมาเล่นน้ำฝนกันให้ทั่วบึง    เสียงอึ่งอ่าง
ร้องระงมไปทั่ว ส่งเสียงแข่งกับเสียงฝน        แต่เสียงทั้งสองหรือจะสู้เสียงเพลงของคุณยาย  ที่ตอนนี้มันดังกลบ
เสียงทุกสิ่ง ทุกอย่างในอาณาบริเวณนี้
        หญิงชรา  วัย  60    กับหญิงสาววัย  30  สองแม่ลูกผลัดกันร้องผลัดกันเต้น  ภายในบ้าน
อย่างสนุกสนาน  งานปาร์ตี้ย่อมๆ ของ คน 3 คน  ที่สนุกแต่เพียงสองแม่ลูกเท่านั้น      จนวินาทีนี้  ไม้น้ำยังไม่รู้
เลยว่า  ทำไมต้องเฉลิมฉลองเอิกเหริกกันมากมายขนาดนี้      แสงไฟจากโคมที่โยงระโย้ระย้า  ไฟกะพริบ 
สายรุ้งสีสดใสที่พันกันไปพันกันมา  จนไม้น้ำเวียนหัว  เสียงเพลงที่ดังกรอกหูเขาจนแทบไม่ได้ยินเสียงจาก
ภายนอก
“  แม่ครับ ..แม่!!!    ไม้ไปนอนนะฮะ “
“  อะไรกันจะนอนแล้วเหรอ  “ 
“  มาเต้น  กันหน่อยสิจ้ะ  หลานจ๋า  “
ท่าทางการเต้นที่สุดสวิงดิงโก้  ของคนทั้งสอง  ทำเอาไม้น้ำส่ายหัวขึ้นมาทันที    ทำไมแม่และยายร่าเริงกันมาก
จนผิดปกติ  คำถามนี้ยังค้างคาใจจนไม้น้ำขึ้นนอน
        ไม้น้ำก้าวขึ้นบันไดวน    ตรงสู่ประตูสีรุ้ง    ห้องนอนใต้หลบังคาของเขา  ภายในห้อง
นอกจากเตียงเล็กๆ  เก่าๆ  ที่อยู่ริมข้างหน้าต่างแล้วนั้น  ชั้นหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดก็คงเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม้น้ำ
ชอบมากเมื่อได้มาอยู่ในห้องเล็กๆห้องนี้  มันถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  ตรงหัวนอนโปสเตอร์
นักฟุตบอลที่ไม้น้ำชื่นชอบยังคงอยู่คงเดิม  ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหน  แม้สภาพห้องจะดูเก่าลงไปก็ตาม 
        “ เฮ้อ “    เสียงไม้น้ำถอนหายใจ  นอนตาแป๋วอยู่บนเตียง  จะให้เขาหลับลงได้ยังไงล่ะ
ในเมื่อข้างล่างยังเปิดเพลงครึกโครม  สนั่นหวั่นไหวจนมาถึงชั้นบน    เขาพยายามข่มตานอนแต่ทำยังไงก็ยังนอน
ไม่หลับซะที      “  อยู่ไหนนะ “    ไม้น้ำบ่นพึมพำ  ขณะกำลังค้นหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดจากชั้นหนังสืออยู่ 
“  ไม่ไหวแล้วนะ  หาเท่าไรๆ  ก็ไม่เจอซะที “    ไม้น้ำเริ่มแสดงอาการหงุดหงิด  เขาหลับตาปี๋  นึกในใจว่าหยิบ
หนังสือการ์ตูนเล่มอะไรมาก็ได้  ขอแค่ให้เขานอนหลับซะที  “  เอาเล่มนี่ก็แล้วกัน  อะไรกันเนี่ย  ไม่ใช่หนังสือ
การ์ตูนนี่นา  “    ไม้น้ำออกอาการโมโห  เมื่อรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นไม่ใช่หนังสือการ์ตูนอย่างที่เขาหวังไว้แต่ทีแรก
หนังสือสีน้ำตาล หนา เล่มใหญ่ ที่เต็มไปด้วยฝุ่น  ถูกวางบนพื้นอย่างช้าๆ    ดูจากสภาพหนังสือแล้วไม่น่าจะต่ำ
กว่าสิบปี    ฝุ่นหนาเตอะที่เกาะอยู่บนหน้าปก    จนแทบจะอ่านชื่อของปกไม่ออก 
“  Falcon High  โรงเรียนขมังเวทย์  หนังสืออะไรกันเนี่ย  “    ไม้น้ำร้องเสียงหลงเมื่อได้เห็นชื่อหนังสือ
เสียงฟ้าร้องดังคำรามจากภายนอก      ดังลั่นกว่าครั้งไหนๆ    ลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างก็เริ่มแรงขึ้นๆ ทุกทีๆ
ลมหนาวจากด้านนอก  มันหนาวซะจนแทบเข้ากระดูก  ไม้น้ำพยายามจะเปิดอ่านหน้าแรกแต่แล้ว ..
พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆ      เสียงกระดาษที่ถูกลมพัดมันแรงซะจน  ไม้น้ำสะดุ้งโหยง      เมื่อลมสงบ  เขาค่อยๆ คลาน
มาใกล้หนังสือเล่มนั้น  ที่เปิดอ้าอยู่บนพื้น        ไม้น้ำแอบดูทีละนิดๆ    จนเขากล้าเปิดตาดูอย่างเต็มตา
“  โรงเรียนขมังเวทย์เหรอ    ไหน ไม่เห็นมีตัวหนังสือเลย  ก็อีแค่กระดาษเปล่าๆ  นี่หว่า  “
ไม้น้ำหยิบหนังสือขึ้นมาดู    แต่ไม่ว่าจะพลิกไปหน้าไหนหน้าไหน  ก็มีเพียงแต่กระดาษสีน้ำตาลอ่อนๆ  เปล่าๆ 
เท่านั้น .แต่หลังจากไม้น้ำวางสมุดลง    เพียงไม่กี่วินาที  เขาก็เริ่มเห็นตัวอักษรสีดำปรากฎขึ้นบนกระดาษ
                  “ วันเวลาล่วงเลยมาปีสิบสาม        ต้องเอ่ยนามศาสตร์หลักสูตรแห่งกรุงศรี
                มิมลายสลายคว่ำเป็นรากดี                    ที่แห่งนี้จะสอนสั่งศาสตร์เล่ห์กล ”
ไม้น้ำอึ้งไปชั่วขณะ    เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา  บ้านคุณยาย  มีหนังสือประหลาดๆ  แบบนี้ด้วยเหรอ
ไม่ทันที่ไม้น้ำจะปิดหนังสือลง  หน้าต่อไปก็ถูกพลิกขึ้น ..
    “ อันศาสตร์แรกเรียกว่าศาสตร์แห่งสิงห์สืบ    มารยาคืบวนเวียนเพียรเสาะหา
              ใคร่อยากได้วิชาและตำรา            หมั่นศึกษาเจ้าแห่งดินสินธรณี ”
ตัวอักษรสีดำบรรจงลายไทย  เริ่มจางลงจากหน้ากระดาษ      ไม่ทันให้ไม้น้ำได้ฉุกคิดแม้แต่น้อย  แล้วสักพัก
กระดาษหน้าต่อไปก็ถูกพลิกขึ้น
    “  ศาสตร์เวทมนต์ดลบันดาลมาหนสอง    เจ้าจะลองรสชาติขมปนผลหวาน
อันตำราสร้างคนมานมนาน                        ณ  สายธารห้วยสมุทรสุดนที ”
ตัวอักษรสีดำบนหน้ากระดาษเริ่มจางลงช้าๆ    ทันทีที่ไม้น้ำอ่านเสร็จ    เขาถอนหายใจอย่างแรง  เมื่อเห็นหน้า
กระดาษแผ่นต่อไปไม่กระดิก  แต่แล้ว
    “ อันวาโยลมปราชญ์เป่าแห่งเนาไพร        ฤายิ่งใหญ่หรือจะเท่าศาสตร์แห่งศรี
ความสุขเจ้าหาแห่งใดมิเคยมี            มาที่นี่จะประจักษ์กับวาโย ”
“ อะไรกัน  นึกว่าหมดแล้วนะเนี่ยยังมีอีกเหรอ  “  ไม้น้ำนั่งบ่นอยู่คนเดียว  เมื่อเขาเห็นหน้ากระดาษ
เริ่มขยับ
    “  ศาสตร์สุดท้ายเรียกว่าศาสตร์แห่งมนต์ดำ        จะชอกช้ำหรือเป็นทุกข์สุขศาสตร์นี้
ไฟมลายปรโลกโชกกากี                    เหล่าภูติผีวิญญาณมารเปลวเพลิง ”
    ไม้น้ำอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย  เขาเริ่มเกิดอาการสั่นหลังวาบ  ลมหนาวที่เล็ดลอดออกมาทางช่อง
หน้าต่างคราวนี้ดูเยือกเย็นกว่าครั้งก่อนๆ  เขาไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรมากมายถึงขนาดนี้  เขาเพ่งมองไปที่กระดาษ
เพื่อจะดูว่าจะมีอะไรปรากฎขึ้นอีก .
พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆ  หน้ากระดาษถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้มันเปิดไปแรงมาก  แรงพอที่ทำให้ไม้น้ำเห็นภาพอะไร
บางอย่าง ขยับเขยื้อน  ตามหน้าหนังสือ    เขาเห็นภาพปราสาทเก่าๆ  หลังใหญ่อยู่ตรงหน้า  อิฐสีเทาเก่าๆ  ก่อ
ตัวขึ้น  จนถึงยอดสูง  ด้านข้างถูกรายล้อมด้วยปราสาทเล็กๆ  4  แห่ง  ซึ่งแต่ละแห่งถูกตกแต่งแตกต่างกันออก
ไปอย่างสิ้นเชิง    ปราสาทหลังแรกเป็นปราสาทสีออก น้ำตาลแดงเข้ม    ตัวปราสาทตบแต่งออกมาดูดี  ดูสง่า
กว่าหลังอื่นๆ  ผ้าสีน้ำตาลแดงเข้มผืนใหญ่ถูกทักถอ ลงมาจากยอดปราสาทหอคอย  เขาเพ่งอ่านข้อความบนผ้า
ดูเหมือนจะเขียนว่า  “ ศาสตร์สิงห์สืบ ”  ต้นไม้ใบหญ้าของปราสาทหลังนี้ดูจะร่มรื่นที่สุด  ดอกไม้นานาพันธุ์
ต่างแข่งกันออกดอกชูช่อ  อวดโฉมผู้พบเห็น  ปราสาทเล็กหลังต่อมาคือปราสาท สีน้ำทะเลเข้ม  ด้านหน้า
ปราสาทหลังนี้  มีแม่น้ำสายยาวทอดออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา  เห็นเพียงแต่ประกายของละอองน้ำเล็กๆ
ที่กระทบกับแสงแดดเพียงเท่านั้น      ไม้น้ำพยายามมองทะลุเข้าไปใกล้ๆ  กับจุดเล็กๆ  ดำๆ  จุดหนึ่ง  ตรงกลาง
หน้าปราสาทหลังนี้ว่ามันเป็นจุดอะไรกันแน่    “  โอ้ย !!! “  ไม้น้ำร้องเสียงหลง  เมื่อน้ำพุ่งเข้าตาเขาเข้าเต็มๆ   
เขาเพิ่งถึงบางอ้อ ว่าจุดนี้ คือน้ำพุของปราสาทหลังงามหลังนี้นี่เอง    น้ำพุพุ่งอออกมาสูงมาก  ถ้ามองจากหน้า
กระดาษ  มันสูงกว่ายอดหอคอยของปราสาทเสียอีก    ผ้าแพรผืนใหญ่สีน้ำทะเล  ถูกปล่อยลงมาจากยอด
ปราสาทหลังเล็กว่า    “ ศาสตร์เวทมนต์ “    ถัดออกไปบริเวณทิวเขามีปราสาทหลังงามสีขาวสะอาดตั้งอยู่ 
ด้านบนบริเวณยอดภูเขาหลังปราสาท  มีกังหันลมขนาดยักษ์หมุนปลิวหวิวไหวอยู่    ใบพัดของมันใหญ่เท่า
หลังคาบ้านเลยได้มั้ง    ยิ่งเข้าใกล้ปราสาทหลังนี้เท่าไหร่  ไม้น้ำเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นมาทุกทีๆ  หมอกจางๆ  บริเวณ
ยอดปราสาท  กับผ้าแพรไหมสีขาวที่ปลิวว่อนจากตัวปราสาทนั้นเขียนไว้ว่า  “ ศาสตร์สุขสันต์ ”    และแล้วก็
มาถึงปราสาทหลังสุดท้ายปราสาทสีเทาดำทะมึน  ชวนขนลุก  อาณาบริเวณโดยรอบของปราสาทนั้นดูลึกลับ
จนไม้น้ำแทบมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร    ฝูงค้างคาวโฉบบินผ่านกระทบหน้ากระดาษ  เสียงปีกที่กระพือบิน
ของมันดังจนเขาแทบอุดหูหนี  สีแดงสลัวๆ  เป็นฉากด้านหลังที่ดูทรงพลังกว่าใคร    ผ้าแพรสีแดงผืนใหญ่ถูก
ปล่อยออกมาจากยอดหอคอย  ด้วยข้อความที่ว่า  “ ศาสตร์มนต์ดำ “    ทันทีที่เขาอ่านข้อความนั้นจบ 
พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ  กระดาษนั้นมันเริ่มเปิดขึ้นอีกครั้ง  แต่ที่นี้มันดังขึ้น และแรงขึ้นกว่าครั้งก่อนๆ  ไม้น้ำไม่รู้ว่า
ข้างล่างเลิกรางานเลี้ยงไปตั้งแต่เมื่อไร  แต่ตอนนี้หน้ากระดาษที่เปิดมันแรงซะจนเขาแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว 
พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  เสียงหนังสือเล่มนั้นเริ่มฉีกขาด  ซักพักหน้ากระดาษก็ปลิวว่อน  มันปลิวไปปลิวมาทั่งห้อง
เหมือนพายุยังไงยังงั้น  หนังสือเริ่มฉีกขาด  พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ  มันขาดลงเรื่อยๆ    ขาดลงเรื่อยๆ  จนหมดเล่ม   
พายุก็เริ่มค่อยๆ  สงบ  กระดาษบางใบเริ่มตกลงสู่พื้น    แล้วมันก็ตกลงบนพื้น  ตรงหน้าไม้น้ำที่ยืนอึ้งชิดข้าง
ผนัง  ไม้น้ำข่มใจ  พลิกหน้ากระดาษ  นั้นดูทีละน้อยๆ  เขาเริ่มเห็นตัวอักษรสีแดงราวกับสีเลือด  อยู่บนหน้า
กระดาษข้างใต้  ตัวอักษรนั้นใหญ่จนเต็มหน้ากระดาษ    เขาค่อยๆ อ่านข้อความที่ปรากฎนั้นว่า 
“ คุณคือคนต่อไป ” ..
โกรธบ้าคลั่ง    เหล่าบรรดาเป็ดที่คุณยายเลี้ยงไว้ต่างพลอยดีใจ  ออกมาเล่นน้ำฝนกันให้ทั่วบึง    เสียงอึ่งอ่าง
ร้องระงมไปทั่ว ส่งเสียงแข่งกับเสียงฝน        แต่เสียงทั้งสองหรือจะสู้เสียงเพลงของคุณยาย  ที่ตอนนี้มันดังกลบ
เสียงทุกสิ่ง ทุกอย่างในอาณาบริเวณนี้
        หญิงชรา  วัย  60    กับหญิงสาววัย  30  สองแม่ลูกผลัดกันร้องผลัดกันเต้น  ภายในบ้าน
อย่างสนุกสนาน  งานปาร์ตี้ย่อมๆ ของ คน 3 คน  ที่สนุกแต่เพียงสองแม่ลูกเท่านั้น      จนวินาทีนี้  ไม้น้ำยังไม่รู้
เลยว่า  ทำไมต้องเฉลิมฉลองเอิกเหริกกันมากมายขนาดนี้      แสงไฟจากโคมที่โยงระโย้ระย้า  ไฟกะพริบ 
สายรุ้งสีสดใสที่พันกันไปพันกันมา  จนไม้น้ำเวียนหัว  เสียงเพลงที่ดังกรอกหูเขาจนแทบไม่ได้ยินเสียงจาก
ภายนอก
“  แม่ครับ ..แม่!!!    ไม้ไปนอนนะฮะ “
“  อะไรกันจะนอนแล้วเหรอ  “ 
“  มาเต้น  กันหน่อยสิจ้ะ  หลานจ๋า  “
ท่าทางการเต้นที่สุดสวิงดิงโก้  ของคนทั้งสอง  ทำเอาไม้น้ำส่ายหัวขึ้นมาทันที    ทำไมแม่และยายร่าเริงกันมาก
จนผิดปกติ  คำถามนี้ยังค้างคาใจจนไม้น้ำขึ้นนอน
        ไม้น้ำก้าวขึ้นบันไดวน    ตรงสู่ประตูสีรุ้ง    ห้องนอนใต้หลบังคาของเขา  ภายในห้อง
นอกจากเตียงเล็กๆ  เก่าๆ  ที่อยู่ริมข้างหน้าต่างแล้วนั้น  ชั้นหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดก็คงเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม้น้ำ
ชอบมากเมื่อได้มาอยู่ในห้องเล็กๆห้องนี้  มันถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  ตรงหัวนอนโปสเตอร์
นักฟุตบอลที่ไม้น้ำชื่นชอบยังคงอยู่คงเดิม  ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหน  แม้สภาพห้องจะดูเก่าลงไปก็ตาม 
        “ เฮ้อ “    เสียงไม้น้ำถอนหายใจ  นอนตาแป๋วอยู่บนเตียง  จะให้เขาหลับลงได้ยังไงล่ะ
ในเมื่อข้างล่างยังเปิดเพลงครึกโครม  สนั่นหวั่นไหวจนมาถึงชั้นบน    เขาพยายามข่มตานอนแต่ทำยังไงก็ยังนอน
ไม่หลับซะที      “  อยู่ไหนนะ “    ไม้น้ำบ่นพึมพำ  ขณะกำลังค้นหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดจากชั้นหนังสืออยู่ 
“  ไม่ไหวแล้วนะ  หาเท่าไรๆ  ก็ไม่เจอซะที “    ไม้น้ำเริ่มแสดงอาการหงุดหงิด  เขาหลับตาปี๋  นึกในใจว่าหยิบ
หนังสือการ์ตูนเล่มอะไรมาก็ได้  ขอแค่ให้เขานอนหลับซะที  “  เอาเล่มนี่ก็แล้วกัน  อะไรกันเนี่ย  ไม่ใช่หนังสือ
การ์ตูนนี่นา  “    ไม้น้ำออกอาการโมโห  เมื่อรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นไม่ใช่หนังสือการ์ตูนอย่างที่เขาหวังไว้แต่ทีแรก
หนังสือสีน้ำตาล หนา เล่มใหญ่ ที่เต็มไปด้วยฝุ่น  ถูกวางบนพื้นอย่างช้าๆ    ดูจากสภาพหนังสือแล้วไม่น่าจะต่ำ
กว่าสิบปี    ฝุ่นหนาเตอะที่เกาะอยู่บนหน้าปก    จนแทบจะอ่านชื่อของปกไม่ออก 
“  Falcon High  โรงเรียนขมังเวทย์  หนังสืออะไรกันเนี่ย  “    ไม้น้ำร้องเสียงหลงเมื่อได้เห็นชื่อหนังสือ
เสียงฟ้าร้องดังคำรามจากภายนอก      ดังลั่นกว่าครั้งไหนๆ    ลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างก็เริ่มแรงขึ้นๆ ทุกทีๆ
ลมหนาวจากด้านนอก  มันหนาวซะจนแทบเข้ากระดูก  ไม้น้ำพยายามจะเปิดอ่านหน้าแรกแต่แล้ว ..
พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆ      เสียงกระดาษที่ถูกลมพัดมันแรงซะจน  ไม้น้ำสะดุ้งโหยง      เมื่อลมสงบ  เขาค่อยๆ คลาน
มาใกล้หนังสือเล่มนั้น  ที่เปิดอ้าอยู่บนพื้น        ไม้น้ำแอบดูทีละนิดๆ    จนเขากล้าเปิดตาดูอย่างเต็มตา
“  โรงเรียนขมังเวทย์เหรอ    ไหน ไม่เห็นมีตัวหนังสือเลย  ก็อีแค่กระดาษเปล่าๆ  นี่หว่า  “
ไม้น้ำหยิบหนังสือขึ้นมาดู    แต่ไม่ว่าจะพลิกไปหน้าไหนหน้าไหน  ก็มีเพียงแต่กระดาษสีน้ำตาลอ่อนๆ  เปล่าๆ 
เท่านั้น .แต่หลังจากไม้น้ำวางสมุดลง    เพียงไม่กี่วินาที  เขาก็เริ่มเห็นตัวอักษรสีดำปรากฎขึ้นบนกระดาษ
                  “ วันเวลาล่วงเลยมาปีสิบสาม        ต้องเอ่ยนามศาสตร์หลักสูตรแห่งกรุงศรี
                มิมลายสลายคว่ำเป็นรากดี                    ที่แห่งนี้จะสอนสั่งศาสตร์เล่ห์กล ”
ไม้น้ำอึ้งไปชั่วขณะ    เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา  บ้านคุณยาย  มีหนังสือประหลาดๆ  แบบนี้ด้วยเหรอ
ไม่ทันที่ไม้น้ำจะปิดหนังสือลง  หน้าต่อไปก็ถูกพลิกขึ้น ..
    “ อันศาสตร์แรกเรียกว่าศาสตร์แห่งสิงห์สืบ    มารยาคืบวนเวียนเพียรเสาะหา
              ใคร่อยากได้วิชาและตำรา            หมั่นศึกษาเจ้าแห่งดินสินธรณี ”
ตัวอักษรสีดำบรรจงลายไทย  เริ่มจางลงจากหน้ากระดาษ      ไม่ทันให้ไม้น้ำได้ฉุกคิดแม้แต่น้อย  แล้วสักพัก
กระดาษหน้าต่อไปก็ถูกพลิกขึ้น
    “  ศาสตร์เวทมนต์ดลบันดาลมาหนสอง    เจ้าจะลองรสชาติขมปนผลหวาน
อันตำราสร้างคนมานมนาน                        ณ  สายธารห้วยสมุทรสุดนที ”
ตัวอักษรสีดำบนหน้ากระดาษเริ่มจางลงช้าๆ    ทันทีที่ไม้น้ำอ่านเสร็จ    เขาถอนหายใจอย่างแรง  เมื่อเห็นหน้า
กระดาษแผ่นต่อไปไม่กระดิก  แต่แล้ว
    “ อันวาโยลมปราชญ์เป่าแห่งเนาไพร        ฤายิ่งใหญ่หรือจะเท่าศาสตร์แห่งศรี
ความสุขเจ้าหาแห่งใดมิเคยมี            มาที่นี่จะประจักษ์กับวาโย ”
“ อะไรกัน  นึกว่าหมดแล้วนะเนี่ยยังมีอีกเหรอ  “  ไม้น้ำนั่งบ่นอยู่คนเดียว  เมื่อเขาเห็นหน้ากระดาษ
เริ่มขยับ
    “  ศาสตร์สุดท้ายเรียกว่าศาสตร์แห่งมนต์ดำ        จะชอกช้ำหรือเป็นทุกข์สุขศาสตร์นี้
ไฟมลายปรโลกโชกกากี                    เหล่าภูติผีวิญญาณมารเปลวเพลิง ”
    ไม้น้ำอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย  เขาเริ่มเกิดอาการสั่นหลังวาบ  ลมหนาวที่เล็ดลอดออกมาทางช่อง
หน้าต่างคราวนี้ดูเยือกเย็นกว่าครั้งก่อนๆ  เขาไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรมากมายถึงขนาดนี้  เขาเพ่งมองไปที่กระดาษ
เพื่อจะดูว่าจะมีอะไรปรากฎขึ้นอีก .
พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆ  หน้ากระดาษถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้มันเปิดไปแรงมาก  แรงพอที่ทำให้ไม้น้ำเห็นภาพอะไร
บางอย่าง ขยับเขยื้อน  ตามหน้าหนังสือ    เขาเห็นภาพปราสาทเก่าๆ  หลังใหญ่อยู่ตรงหน้า  อิฐสีเทาเก่าๆ  ก่อ
ตัวขึ้น  จนถึงยอดสูง  ด้านข้างถูกรายล้อมด้วยปราสาทเล็กๆ  4  แห่ง  ซึ่งแต่ละแห่งถูกตกแต่งแตกต่างกันออก
ไปอย่างสิ้นเชิง    ปราสาทหลังแรกเป็นปราสาทสีออก น้ำตาลแดงเข้ม    ตัวปราสาทตบแต่งออกมาดูดี  ดูสง่า
กว่าหลังอื่นๆ  ผ้าสีน้ำตาลแดงเข้มผืนใหญ่ถูกทักถอ ลงมาจากยอดปราสาทหอคอย  เขาเพ่งอ่านข้อความบนผ้า
ดูเหมือนจะเขียนว่า  “ ศาสตร์สิงห์สืบ ”  ต้นไม้ใบหญ้าของปราสาทหลังนี้ดูจะร่มรื่นที่สุด  ดอกไม้นานาพันธุ์
ต่างแข่งกันออกดอกชูช่อ  อวดโฉมผู้พบเห็น  ปราสาทเล็กหลังต่อมาคือปราสาท สีน้ำทะเลเข้ม  ด้านหน้า
ปราสาทหลังนี้  มีแม่น้ำสายยาวทอดออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา  เห็นเพียงแต่ประกายของละอองน้ำเล็กๆ
ที่กระทบกับแสงแดดเพียงเท่านั้น      ไม้น้ำพยายามมองทะลุเข้าไปใกล้ๆ  กับจุดเล็กๆ  ดำๆ  จุดหนึ่ง  ตรงกลาง
หน้าปราสาทหลังนี้ว่ามันเป็นจุดอะไรกันแน่    “  โอ้ย !!! “  ไม้น้ำร้องเสียงหลง  เมื่อน้ำพุ่งเข้าตาเขาเข้าเต็มๆ   
เขาเพิ่งถึงบางอ้อ ว่าจุดนี้ คือน้ำพุของปราสาทหลังงามหลังนี้นี่เอง    น้ำพุพุ่งอออกมาสูงมาก  ถ้ามองจากหน้า
กระดาษ  มันสูงกว่ายอดหอคอยของปราสาทเสียอีก    ผ้าแพรผืนใหญ่สีน้ำทะเล  ถูกปล่อยลงมาจากยอด
ปราสาทหลังเล็กว่า    “ ศาสตร์เวทมนต์ “    ถัดออกไปบริเวณทิวเขามีปราสาทหลังงามสีขาวสะอาดตั้งอยู่ 
ด้านบนบริเวณยอดภูเขาหลังปราสาท  มีกังหันลมขนาดยักษ์หมุนปลิวหวิวไหวอยู่    ใบพัดของมันใหญ่เท่า
หลังคาบ้านเลยได้มั้ง    ยิ่งเข้าใกล้ปราสาทหลังนี้เท่าไหร่  ไม้น้ำเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นมาทุกทีๆ  หมอกจางๆ  บริเวณ
ยอดปราสาท  กับผ้าแพรไหมสีขาวที่ปลิวว่อนจากตัวปราสาทนั้นเขียนไว้ว่า  “ ศาสตร์สุขสันต์ ”    และแล้วก็
มาถึงปราสาทหลังสุดท้ายปราสาทสีเทาดำทะมึน  ชวนขนลุก  อาณาบริเวณโดยรอบของปราสาทนั้นดูลึกลับ
จนไม้น้ำแทบมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร    ฝูงค้างคาวโฉบบินผ่านกระทบหน้ากระดาษ  เสียงปีกที่กระพือบิน
ของมันดังจนเขาแทบอุดหูหนี  สีแดงสลัวๆ  เป็นฉากด้านหลังที่ดูทรงพลังกว่าใคร    ผ้าแพรสีแดงผืนใหญ่ถูก
ปล่อยออกมาจากยอดหอคอย  ด้วยข้อความที่ว่า  “ ศาสตร์มนต์ดำ “    ทันทีที่เขาอ่านข้อความนั้นจบ 
พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ  กระดาษนั้นมันเริ่มเปิดขึ้นอีกครั้ง  แต่ที่นี้มันดังขึ้น และแรงขึ้นกว่าครั้งก่อนๆ  ไม้น้ำไม่รู้ว่า
ข้างล่างเลิกรางานเลี้ยงไปตั้งแต่เมื่อไร  แต่ตอนนี้หน้ากระดาษที่เปิดมันแรงซะจนเขาแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว 
พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  เสียงหนังสือเล่มนั้นเริ่มฉีกขาด  ซักพักหน้ากระดาษก็ปลิวว่อน  มันปลิวไปปลิวมาทั่งห้อง
เหมือนพายุยังไงยังงั้น  หนังสือเริ่มฉีกขาด  พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆ  มันขาดลงเรื่อยๆ    ขาดลงเรื่อยๆ  จนหมดเล่ม   
พายุก็เริ่มค่อยๆ  สงบ  กระดาษบางใบเริ่มตกลงสู่พื้น    แล้วมันก็ตกลงบนพื้น  ตรงหน้าไม้น้ำที่ยืนอึ้งชิดข้าง
ผนัง  ไม้น้ำข่มใจ  พลิกหน้ากระดาษ  นั้นดูทีละน้อยๆ  เขาเริ่มเห็นตัวอักษรสีแดงราวกับสีเลือด  อยู่บนหน้า
กระดาษข้างใต้  ตัวอักษรนั้นใหญ่จนเต็มหน้ากระดาษ    เขาค่อยๆ อ่านข้อความที่ปรากฎนั้นว่า 
“ คุณคือคนต่อไป ” ..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น