ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Friendship for you ..บันทึกรัก..เพื่อเธอ

    ลำดับตอนที่ #3 : เที่ยวเมืองเล...

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 48


    ตอนที่ 3  



      ปิดเทอมใหญ่



    “พ่อ  ไหนบอกว่าปิดเทอมใหญ่  จะไปเที่ยวไง”



    “โอ๊ย...พ่อยังไม่ว่างเลย  ใจเย็นๆ”น้ำเสียงของพ่อช่างใจเย็นเหลือเกิน  แต่ที่บ้านซิเสียงเริ่มเขียวแล้ว



    “พ่อก็อย่างงี้ทุกทีแหละ   งานตลอดเลย”



    “’งั้นแค่นี้นะ  หวัดดีฮะ”หลังจากที่วางหูโทรศัพท์จากพ่อ  เฟิร์น ก็กลับมาเล่าให้คนในบ้านที่เหลือฟังว่าพ่อพูดอะไรกับเธอ



    พอดีกับที่ซิ่งโทรหาฟาง   ซิ่งบอกว่าตอนนี้ซิ่งอยู่ตากในร้านส้มตำป้าหวิล ซึ่งร้านนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านฟางเท่าไรนัก

      

    ตอนแรกที่ได้ฟังก็คิดว่าล้อเล่นเพราะได้ยินเสียงแทรกจากบรรดาคณะลิงทะโมน(เปา  กรร  ซัน)ว่า “ตากผ้าอยู่ต่างหาก”



    แม่จึงลองขี่รถไปดูปรากฏว่าพวกเมืองเพชรฯมากันจริงๆ  และหลังจากทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว



    พวกเพชรก็มากันที่บ้านเฟิร์น(แมรี่ไม่ได้มาด้วย)  และนั่นเป็นการกระตุ้นต่อมหวงพี่สาวของเฟิร์นขึ้นมาในทันใด  



    แต่คราวนี้พวกเพชรแวะมาแค่แป๊บเดียวเพราะต้องขึ้นไปเชียงใหม่ต่อ   แต่หลังจากวันนั้น พ่อก็โทรมาบอกว่า



    จะไปเที่ยวกันวันที่ 22-25 เดือนนี้   เราดีใจกันมากเพราะนี่วันที่16 แล้ว  แต่ก็ตามเคย  ต่อมาอีกไม่กี่วัน



    ประมาณวันที่19 พ่อโทรมาบอกว่าวันที่เราจะไปเที่ยวกันพ่อต้องเลื่อนออกไปเพราะมีงานด่วน  ถ้าจะไปพ่อมีเวลาให้ 3วัน



    คือเดินทางไปกลับก็ 2 วันและเหลือเวลาเที่ยววันเดียว  ตอนนั้นพวกเราอารมณ์เสียกันมากเพราะมีเวลาเที่ยวน้อย



    โรงเรียนก็จะเปิดวันที่ 26  นี้แล้ว   แต่สวรรค์ก็ไม่ได้ใจร้ายกับเด็กดีอย่างเรานัก(ชมตัวเองก็ได้)  



    และเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้มันช่างเหลือเชื่ออย่างยิ่ง(เขียนไปก็อดอมยิ้มไปไม่ได้)  แม้จะไม่เลิศเลอ



    แต่ก็มีความสุขและสนุกมาก  วันที่19(ตรงกับวันจันทร์)  ซิ่งเดินทางกลับและจะผ่านตาก  ซิ่งรู้เรื่องไปเที่ยวของบ้านฟางจากฟาง



    ซิ่งเลยบอกลุงเมาและอานก(ศรีภรรยาแสนสวยของลุงเมา  คู่ขาอีกคนของแม่เฟิร์น)  ลุงเมาจึงโทรคุยกับพ่อเฟิร์นว่าจะรับเด็กๆ



    กับแม่ไปเที่ยวเพชรด้วย  แล้วให้พ่อตามไปรับทีหลัง  พวกเราเลยได้ไปเพชรบุรีด้วยกัน  ซึ่งพวกเมืองเพชรฯเอารถมากันเอง  



    บ้านของเฟิร์นนั่งไปกับรถของซิ่ง (แม่เจ้า!อะไรจะปานนั้น เมื่อฟางนั่งตรงเบาะหลังคนขับและคนขับคือซิ่ง  นี่เค้าให้ดูทางนะยะ

      

    ไม่ใช่ดูคนหลัง  โอ้โห!ตาหวานเยิ้มเชี่ยว)  เราใช้เวลาเดินทางกันทั้งวันกว่าจะถึงก็ค่ำแล้ว   พวกเมืองเพชรจัดที่พักให้

      

    ก็คือบ้านของกรร (ซิ่งขับรถมาส่งเราที่บ้าน แต่ฉอดเด็ดอยู่ที่...ซิ่งให้ของหมั่นฟางนี่ซิ   โอ้!พระเจ้า  มันคือสร้อยเงินแท้



    ที่มีมูลค่าถึง 500 บาท  และกระปุกออมสินรูปคนแต่งงาน  อาจฟังดูเล็กน้อยสำหรับบางคนแต่มันช่างมากมาย



    ในความรู้สึกของเขาทั้งคู่....คนอะไรจะโรแมนติกได้ขนาดนี้ TOT)   บ้านที่เราพักหลังนี้เป็นบ้านเก่าแก่ตั้งแต่สมัย



    ตากับยายของกรรแต่ยังคงสวยงาม  และมีบรรดาไม้หอมอยู่มากมาย   ส่วนทางขึ้นชั้นที่ 2 เป็นบันไดที่มีไม้เลื้อยอย่างเฟื่องฟ้า



    ยิ่งทำให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น  อีกทั้งยังร่มรื่นมาก  ในละแวกนี้ยังมีบ้านของแซม อีกหนึ่งหนุ่มที่เรายังไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน



    เพราะเค้าไม่เคยไปตาก  มาคราวนี้พวกเราก็ยังไม่ได้พบเค้าอยู่ดี   แซมเป็นญาติอีกคนของกรร(พบแซมได้ในบทต่อไปจ้า)



    หลังจากสำรวจที่พักเสร็จเรียบร้อย  เราก็แยกไปทำภารกิจของตัวเอง  และเด็กๆอย่างเรา(ตอนนั้น14ปี ; เฟิร์น)



    ก็ไม่เว้นที่จะหากิจกรรมทำ  เราดูการ์ตูนโคนันจนข้ามวัน(เลยเที่ยงคืน  แหม!พูดซะหรูเชียวนะยะ)  ซึ่งบ้านของกรรมีเยอะมาก



    เราดูจนหลับ(ไม่ต้องถามว่าใครหลับก่อน  เป็นที่รู้กัน)  ส่วนผู้ใหญ่ก็พูดคุยกันหลังจากไม่ได้เจอกันนาน



    เฟิร์นผู้มีสติที่สุดในตอนนั้นจึงต้องลุกมาปิดซีดี  น้องกรรซึ่งหลับไปแล้ว  พวกเราเลยนอนในห้องเดียวกัน..



    จะมีแม่ของเฟิร์น  เฟิร์น  ฟาง  ฟลุ๊คและกรร(อ่ะๆ  คิดไรกันอยู่..รู้นะ  กรรถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็เป็นรุ่นน้องของเฟิร์นถึง 3 ปี  



    และอย่าคิดว่ากรรจะทะลึ่งเกินเด็กเพราะนิสัยของกรรเด็กยิ่งกว่าที่คุณคิดซะอีก  ถ้าคุณได้มารู้จักกับตัวจริงของเค้า  คุณก็จะรู้เอง..*_* )







    เช้าวันรุ่งขึ้น



    อากาศยามเช้าของวันนี้ช่างสดใสจริงๆ  หลังจากที่เราทุกคนได้พักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่มไปเมื่อคืน  วันนี้เราก็พร้อมที่จะลุยกันแล้ว



    เย่ๆๆ  {^_^} (สดชื่นไปแล้วมั้งหล่อน;รี่เฟิร์น)  เช้านี้อานกพาแม่ไปเที่ยวตลาดแต่เช้า  เด็กๆทยอยกันตื่นที่ละคน



    (และไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครจะตื่นเป็นคนสุดท้าย..)  เมื่อแม่กับอานกกลับมาเราทุกคนก็ทานอาหารเช้ากัน

      

    เช่นเคยการไปทัวร์ครั้งนี้ยังคงเป็นซิ่งที่ขับรถให้  แต่พวกเราไปกันแค่แม่ของเฟิร์น  เฟิร์น ฟาง  ซิ่ง  ฟลุ๊ค  เปา  



    กรรและปอย(หนูน้อยเสียงใส  น้องสาวแท้ๆของเปา  ช่างเหมือนกับพี่ชายตัวแสบก็คือความเป็นเจ้าพ่อและเจ้าแม่เหน่อพันธุ์แท้นั่งเอง..)  



    วันนี้เราตะลุยเที่ยวกันตามวัดต่างๆของเพชรบุรี  จังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดที่มีวัดมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากอยุธยา  



    วัดที่นี่มีมากจริงๆเพราะเท่าที่เห็นในแถบเดียวกันจะมีวัดติดๆกันเพียงแต่คั่นด้วยถนนเท่านั้น   นอกจากนี้ภายในวัด



    แต่ละวัดยังมีลิงอยู่มาก แต่แปลกที่แม่ของเฟิร์นชอบดู  สารคดีเกี่ยวกับลิงกลับกลัวลิง เราจึงไม่ได้ลงไหว้พระเลยซักวัด

      

    ทั้งที่เฟิร์นผู้ที่ชอบความผจญภัย เช่นการเข้าถ้ำซึ่งวัดที่เพชรบุรีก็มีถ้ำอยู่มาก เราจึงไม่ได้ลงถ้ำกัน  ตอนกลางวันเราแวะ



    ไปกินข้าวกันที่ร้านเฟินๆ  เป็นร้านไอศครีมและมีบรรดาอาหารจานเดียว  เราสั่งข้าวผัดจานโตมากินกัน  แล้วไม่พลาดที่จะสั่งไอศครีม



    เฟิร์นกับฟางเสนอความคิดว่าสั่งไอศกรีมถ้วยใหญ่หลายๆลูกมากินด้วยกัน  เพราะเวลาแย่งกันกินหลายๆคนมันจะสนุกและอร่อยมาก



    (ถ้าไม่เชื่อคุณก็ลองดูซิแล้วจะรู้ว่าความสุขมันเกิดขึ้นได้จากจุดเล็กๆที่คุณทำ..)  ซิ่งกับเปาจึงตกลงตามนั้น  ส่วนกรร  ฟลุ๊ค

      

    และน้องปอย  สั่งไอศกรีมมากินกันเอง  เราเลยเปิดศึกแย่งกันกินแค่ 4 คนแต่ก็มีแจมด้วยตอนหลัง



    (สนุกตรงไหนยะ โดนเจ้าของร้านมองหน้า  ก็เล่นฟาดฟันช้อนซะเสียงดังเชียว  -*- )  แต่เป็นมื้อแรกที่พวกเราได้กินไอศครีมด้วยกัน

      

    ซิ่งกับเปาบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ได้กินไอศกรีมแย่งกัน ซึ่งก็ยิ่งสร้างความภูมิใจให้แก่เฟิร์นและฟางอย่างยิ่งที่ได้เป็นต้นคิดเรื่องสนุกแบบนี้



    (แอบยิ้มในใจ)  พวกเรา(เด็กตาก+เด็กเพชร)ยังได้แย่งไอศครีมของน้องปอยกิน  ตอนที่น้องปอยไปเข้าห้องน้ำกับแม่ของเฟิร์น

      

    แถมพวกเรายังหรอกว่าเป็นไอศกรีมผีมันละลายหายไปแล้ว(ทำไปได้!*-*)  หลังจากเราทานอะไรกันเสร็จก็บ่ายแก่ๆแล้ว  



    พอดีอานกโทรฯตาม   ให้ไปรวมกันที่บ้านของซัน   เย็นนี้เรากับพวกเมืองเพชรกินข้าวด้วยกันที่นี่ หลังจากที่เด็กๆอิ่มกันแล้ว



    เราก็เล่นเกมส์ต่อคอนโดกัน(เป็นไม้แท่ง  เวลาเล่นต้องดึงอย่าให้ล้มและต่อให้สูงที่สุด  ใครทำล้มก็แพ้ไป)  



    เราเล่นกันอย่างสนุกจนไม่อยากกลับบ้าน  และเมื่อคอนโดล้มในตาสุดท้ายเราก็ต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อน  



    และเช่นเคยเรากลับไปดูโคนันและหลับทิ้งเหมือนเดิม   แต่คราวนี้กรรเป็นคนปิดซีดี(เปลี่ยนกันปิดอยู่ 2 คน)  





    เช้าวันพุธ



    วันนี้อานกหยุดขายขนมหวานเพราะรู้สึกไม่ดีที่ไม่ได้ดูแลแขกอย่างเต็มที่  ยิ่งทำให้คนตากยิ่งเกรงใจมากขึ้น

      

    จากนั้นอานกและลุงเมาก็พาพวกเราไปเที่ยว  ยังมีน้าปลาแม่ของเปากับน้องปอยและน้าปูแม่ของซิ่งมาด้วย  



    และหลังจากที่พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายวัน ยิ่งทำให้เรารู้จักกันและสนิทกันมากขึ้น  พวกเราจึงมีคู่หูที่เวลาไปไหน



    ไปด้วยกันอย่างกลุ่มของเฟิร์น  เปา  กรร  และกลุ่มของฟาง  ซิ่ง  ซัน   แต่ก็ยังคงเที่ยวด้วยกันเพียงแต่บางครั้งที่จะแยกกันไป  



    ในตอนเช้าเราไปห้างบิ๊กซีกันแต่ก็ไม่วายที่จะหาเรื่องเล่น  เราเล่นซ่อนแอบ(หนีน้องปอย)  พวกผู้ใหญ่(ผู้หญิง)เดินซื้อของ  



    ส่วนพวกผู้ชายก็นั่งรอพวกผู้หญิงช็อป..  พวกเราวิ่งเล่นกันจนพนักงานมองหน้า  หลังจากกลับจากห้าง พวกเราก็ไปเที่ยวต่อ



    และพักกินข้าวกลางวัน ที่แก่งกระจาน  ที่นี่ก็คล้ายๆเขื่อนหรือฝายเก็บน้ำทั่วไป  แต่มีวิวที่สวยมาก และมีลมเย็นสบายตลอด



    การเดินทางแม้ว่าอากาศวันนี้จะร้อนก็ตาม  เราเดินทางกันต่อ และที่ต่อไปที่ไปคือศาลเจ้าแม่พันมือ  เพราะรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิม



    มีถึง 1000 มือ(ไม่เชื่อก็มานับเองนะจ๊ะ ^_^ ; รี่เฟิร์น)  พวกเรานั่งรถรางชมกันรอบๆเพราะที่นี่มีอาณาบริเวณที่กว้างขวางมาก



    เรายังได้เห็นการประกอบพิธีกรรมของเหล่านักบวชชาวจีนซึ่งอาจพบเห็นได้แต่ในหนังเท่านั้น  ซึ่งเมื่อได้เห็นจริงๆช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก



    แต่ไม่ได้เข้าชมจุดที่พบร่องรอยซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นU.F.O มาลง(ช่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง)  และก่อนที่จะกลับ เราได้แวะชมพิพิธภัณฑ์



    ศาสนาของโลก  ทำให้เราได้รู้ถึงที่มาของศาสนาและมีทั้งหมดกี่ศาสนาในโลก  นับได้ว่าการมาเที่ยวครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ



    ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าชมหลุมจอด U.F.O ก็ตาม  ที่ต่อไปที่เราจะไปนั้นสำคัญมากเพราะถ้ามาเมืองทะเลแล้วไม่ได้เล่นน้ำทะเล



    ก็ถือว่ามาไม่ถึง  เราลงเล่นน้ำกันที่หาดเจ้าหลาว คลื่นน้ำที่นี่สงบและมีคนไม่ค่อยมาก  เราเล่นสร้างกำแพงน้ำ  เมื่อเหนื่อยก็ขึ้นมาก่อกอง



    ทรายกันจนเย็น  ขากลับเรานั่งตากลมด้วยกันหลังรถและร้องเพลงเสียงดังกันตลอดทาง มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก

      

    เย็นวันนี้เราไปกินหมูกระทะกับพวกเมืองเพชร  อาหารเย็นวันนี้พวกเด็กๆต่างขะมักเขม้นกับการกิน  อาจเป็นเพราะสูญเสียพลังงาน



    ไปมากจากการเล่นน้ำ   หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  วันนี้เราไม่ได้ดูโคนันคงเพลียกันมากเลยหลับกันไวกว่า



    ปกติ...(อยากให้เช้าเร็วๆจัง  อยากรู้ว่าจะมีเรื่องสนุกๆอะไรบ้างในวันพรุ่งนี้...)  นอกจากกิจกรรมเหล่านี้



    ซิ่งยังถ่ายV.D.O.ของพวกเราร่วมกัน(ที่จริงตั้งใจถ่ายฟาง  แต่ใครที่บังเอิญอยู่ใกล้ฟางก็จะติดไปด้วยโดยเฉพาะ



    คนขยาดกล้องอย่างเฟิร์น  มันช่างไม่สนุกเลยสำหรับเธอ {-*-} ส่วนคนอื่นๆก็มีติดบ้างเล็กน้อย...)





    วันพฤหัสฯ



    เช้าวันนี้ยังคงสดใสเช่นทุกๆวัน   ซิ่งและเปายังคงมาบ้านกรรแต่เช้า  และหลังจากสวาปามอาหารมื้อเช้าเสร็จ



    พวกเราก็เตรียมออกเดินทาง  วันนี้ครอบครัวของซิ่งก็ไปกับพวกเราด้วย  และที่เที่ยวก็ยังไม่พ้นวัดแต่วัดที่เราไปนั้น



    อยู่ค่อนข้างไกลมาก  ลุงเมาพาพวกเราไปนมัสการหลวงพ่อองค์หนึ่งซึ่งท่านเก่งมากเรื่องนั่งทางใน



    ท่านพำนักอยู่ในถ้ำอากาศในนั้นเย็น  มีกลิ่นของมูลค้างคาว  บรรยากาศรอบๆยิ่งทำให้ชวนสยิว(กิ๋ว)  



    หลวงพ่อท่านแนะนำให้นั่งสมาธิ   มีแค่แม่ของเฟิร์นกับฟลุ๊คเท่านั้นนั่งสมาธิ   ส่วนคนอื่นๆนั่งดู   แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือ



    การร้องไห้ของเฟิร์นเพราะปกติแล้วเธอเป็นคนที่ร้องไห้ยากมาก   แต่เธอกลับร้องไห้จนตัวสั่นโดยไม่ทราบเหตุผล



    แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากหลวงพ่อกลับเป็นกลายคำตอบที่น่าขนลุก... หลวงพ่อให้เธอนั่งสมาธิ

      

    แต่..แปลกมากเพราะหลังจากที่เธอนั่งสมาธิอาการสั่นและร้องไห้ของเธอก็หายเป็นปริดทิ้ง...  



    หลังจากที่ออกมาจากวัดเธอยังคงร่าเริงเหมือนปกติ  เราไปเล่นน้ำกันที่หาดเจ้า  ที่เดิมกับที่มาเมื่อวาน

      

    เราเล่นกันจนเย็นแต่ก็เท่าเมื่อวาน  เปาบอกว่าไม่เคยเที่ยวทะเล 2 วันติดกันแบบนี้มาก่อนแม้จะอยู่เมืองทะเลก็ตาม

      

    เย็นวันนี้เราทำกับข้าวกินกันเองที่บ้านของกรร  หลังจากที่ช่วยพวกแม่ๆบ้างนิดหน่อย  เราก็ออกไปปั่นจักรยานเล่นกัน



    แถวๆบ้านของกรรแต่เราหาจักรยานได้แค่ 2คัน  คันหนึ่งขี่คนเดียว  ส่วนอีกคันขี่ได้ 2 คน เราจึงต้องผลัดกันขี่เล่น

      

    รอบแรกเฟิร์นไปกับเปา ทำให้รู้ว่าบ้านแต่ละหลังแถวนี้มีสุนัขตัวโตเฝ้าบ้านหมดทุกหลัง  เราขี่ไปก็ระแวงกันไป

      

    แต่สุนัขที่น่ากลัวก็ไม่เท่ากรรปั่นจักรยาน  มีครั้งหนึ่งที่เฟิร์นไปกับกรร   เรามองเห็นคนส่งผ้าหอบผ้าพะรุงพะรังมาแต่ไกล



    ก็คิดแล้วว่าต้องไม่ดีแน่  ด้วยสัญชาตญาณเราร้องกันเสียงดังแต่ก็ต้องขอบคุณในความช่างสังเกตของกรรที่หาที่หลบได้ดี



    เพราะที่ตรงนั้นเป็นช่องว่างระหว่างซีเมนต์ถนนกับดิน  แล้วยังมีรั้วสังกะสีด้วยแต่เราก็รอดได้อย่างหวุดหวิด



    คนส่งผ้าได้แต่หัวเราะ หลังจากนั้นเฟิร์นก็ไม่คิดที่จะซ้อนกรรอีกเลย{TOT} เมื่อทานอาหารเสร็จ



    พวกเราก็เข้าไปเล่นเกมส์กันในห้อง(ยืมเกมส์ที่บ้านซิ่งมา)  เราเล่นกันพอสมควรก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

      

    เหมือนเมื่อวานวันนี้เป็นอีกวันที่พวกเรานอนเร็ว...





    วันศุกร์



    วันนี้พวกเราเริ่มมีปฏิกิริยากันนิดหน่อย  เพราะวันนี้พ่อของเฟิร์นจะมา  และพวกเมืองตากต้องกลับวันอาทิตย์



    แต่เราก็ยังคงทำให้มีความสุขมากที่สุดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ตอนเช้าเรายังคงปั่นรถเล่นกันแถวบ้านกรร  



    อานกบอกว่าวังบ้านปืน(ที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งของเพชรบุรี)ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก  ให้ซิ่งพาพวกเราไป  



    แต่เนื่องจากรถมีจำนวนน้อยเราจึงต้องยกเลิกโปรแกรม  ลุงเมากับอานกวางโปรแกรมกันว่าจะพาเที่ยวแถวๆในเมือง



    แต่ก็ต้องยกเลิกด้วยเหตุผลบางประการ   เราเลยนั่งเล่นกันในบ้าน  เล่นเกมส์บ้าง  ออกไปเล่นข้างนอกบ้าง

      

    แต่เราก็สนุกและมีความสุขกันดีถึงการมาเที่ยวครั้งนี้จะเหมือนการใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน  ธรรมดา  



    แต่กลับทำให้เรารู้สึกว่าการเที่ยวแบบนี้เหมือนให้ความเป็นกันเอง  และอบอุ่นกว่าการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆอีกมาก



    เพราะเราอาจไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้   ทำให้เราไม่สนิทกัน  ไม่ความผูกพันกัน...นั่นแหละ!คือสิ่งแย่ที่สุด



    ในการสร้างมิตรไมตรี...  พ่อของเฟิร์นมาถึงในตอนเย็น  พวกเราทุกคน(คนเมืองตาก+คนเมืองเพชรฯ)



    จึงไปทานอาหารด้วยกันที่ร้านครัวป้าปี๊ด..  หมูหวานของที่นี่ขึ้นชื่อมาก   หลังจากที่เราทานกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ



    พวกเด็กๆคุยกันว่าอยากกินไอศกรีมด้วยกันอีก  พวกเราใจไม่ดีเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ไป  แต่แล้วก็ได้ไปเพราะขอพ่อของเฟิร์นได้



    คราวนี้เราไปกันที่ร้านมุมสบาย..(เวลาประมาณ 21.00 โดยประมาณ) ร้านยังไม่ปิด  ร้านนี้เป็นร้านๆ จัดแบบน่ารักๆเหมาะกับวัยรุ่น



    ซันไม่ได้มากับพวกเราตามเคย  เราสั่งไอศกรีมถ้วยใหญ่ 20 ลูกมากินด้วยกันทั้งหมด  ร้านนี้มีเชอร์รี่ตกแต่งให้

      

    เราต้องเปิดศึกแย่งกันตามพิธี  คนแรกที่ได้กินเชอรี่คือฟาง(หล่อนฟาดฟันเอาสุดชีวิต)  ยิ่งกินเชอรี่ก็ยิ่งน้อยลง  



    สุดท้ายเหลือเชอรี่อยู่ที่เปา และซิ่งคนละลูก  ฟางและเฟิร์นจะฟาดฟัน แย่งเพื่อความสะใจแต่เรื่องมันง่ายกว่าที่คิด



    เพราะทั้งเปาและซิ่งยกให้ เฟิร์น   ฟางคนละลูก  งานนี้ทั้งฟางและเฟินเลยสบายแต่ก็อดเสียใจนิดๆไม่ได้ที่ได้มาโดยง่าย.. -*-



    หลังจากกินไอศกรีมเสร็จเราก็แยกกันกลับบ้าน...ถึงไอศครีมมื้อนี้จะเป็นมือ้สุดท้ายที่เราจะได้กินด้วยกัน..แต่ก็ว่าคุ้มค่าแล้ว..





    วันเสาร์



    วันนี้ยิ่งทำให้พวกเรารู้สึกกันมากขึ้นว่า  เวลาแห่งการสิ้นสุดจะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว  ใช่!เราต้องทำวันนี้ให้มีความสุขมากที่สุด



    วันนี้ลุงเมาพาพ่อของเฟิร์นไปพบหลวงพ่อในถ้ำ  วันนี้เฟิร์นไม่เป็นเหมือนเมื่อวาน  แต่แค่ซึมลงเมื่ออยู่ที่นี่  



    เมื่อออกจากวัดและเลียบเลาะชายฝั่งดูวิวทะเลกันไปเรื่อย  พวกผู้หญิงไปจ่ายตลาดเพราะวันนี้จะจัดงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้านของกรร  



    เด็กๆอย่างเราเลยต้องช่วยกันเตรียมงาน  วันนี้ซิ่งก็ยังไม่ลืมที่จะถ่าย V.D.Oเก็บไว้อีกครั้ง  เราเปิดเพลงฟังไปด้วย  



    ช่วยเตรียมของทำอาหารกันไป  เพลงที่ฟังตอนนั้นคือเพลง “คนเจียมตัว”ของโซคูล..  เพลงของบัวชมพู  เพลง “คนน่ารัก”



    และเพลงอื่นๆอีกมากมาย  แต่เราสนุกกันมากที่สุดคือช่วยกันปิ้งอาหารทะเล  เราปิ้งแม่กระพรุน  ปลาหมึก  กุ้ง  หอย  



    เราพลัดเวรกันดู  ดูไปก็กินไปโดยเฉพาะซัน  เผลอทีไรเป็นกินทุกที  ถึงแม้ว่าจะสุกบ้าง  ดิบบ้าง แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน



    ว่าอย่าให้ซันปิ้งอีก(555+) (แต่ให้ตายเถอะ !เวลาแบบนี้  เขาและเธอก็ยังหวานกันตลอด  ทั้งซับเหงื่อให้   ตักน้ำให้กันตลอด



    โอ้!เจ้าหวานกันมากๆ ดูฉันซิยะ  น้ำจะกินต้องตักเอง   หยิบทิชชูเอง ถ้าจะซับเหงื่อ  แต่อีตาเด็กบ้า!! พอฉันเอาน้ำมาพวกหล่อนก็แย่งกิน



    หมด  กระดาษฉันเอามาก็แย่งไปเช็ด  แต่สะใจมาก  เปา มีอะไรจะบอก...กระดาษที่หล่อนซับไปหน่ะ  ฉันใช้แล้ว  



    ก็อยากแย่งไปดีนัก  สม555+ ; รี่เฟิร์น)  หลังจากช่วยกันทำ(ยุ่ง)  เราก็ได้เวลากิน  หลังจากที่กินเสร็จ



    พวกผู้ใหญ่ก็ลุกผลัดกันขึ้นมาจับไมล์ร้องเพลง  ส่วนเด็กๆก็ออกไปเล่นกันข้างนอก  เราขี่จักรยานเล่นบ้าง



    แต่แล้วเราก็เปลี่ยนไปเล่นซ่อนแอบกันแต่เล่นได้ซักพักก็ต้องเลิกเพราะลุงเมาบอกว่าไม่ให้เล่นซ่อนแอบกันตอนกลางคืน  



    เราจึงต้องเปลี่ยนไปเล่นโอเล่ย์(จับมือกันเป็นวงกลม  กระโดดไล่แปะกัน ใครอยู่เป็นคนสุดท้ายก็ชนะ)



    เราก็เล่นกันได้อีกแค่เดี๋ยวเดียว  เพราะว่าเราจะกินไอศกรีมด้วยกันเป็นวันสุดท้ายและเป็นการส่งท้าย  เราไปที่ร้านปังเย็น  



    ร้านนี้คนค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะตอนกลางคืน   ซันได้ไปกับพวกเราเป็นครั้งแรก  แต่เนื่องจากคราวนี้คนที่ไปมีเยอะขึ้น  



    เราต้องแบ่งเป็น 2 ถ้วย  วันนี้เรารู้สึกว่าไอศกรีมที่ไม่อร่อยที่สุด  และกลืนยากที่สุดเท่าที่เคยกินมา  



    ทั้งที่มาจากบริษัทเดียวกันแต่กลับรู้สึกว่าไม่อร่อย  ไม่น่ากิน  เราปล่อยจนไอศครีมละลาย  แล้วสุดท้ายเราก็เอา 2 ถ้วยมารวมกันจนได้



    เมื่อเอามารวมกัน สีและรสของไอศกรีมปนกันไปหมด  แต่เราก็ช่วยกันกินจนหมดได้  หลังจากกินอิ่ม  เราก็แยกกันกลับ  



    ขากลับพวกเรานั่งกันข้างนอกนั่งคุยกัน  เราต่างก็ยังไม่อยากกลับ และยังไม่อยากให้กลับ  แต่ศวรรค์ช่างโหดร้าย



    ที่ให้เวลาความสุขและสนุขผ่านไปเร็วยิ่งนัก....





    วันสุดท้าย..



    เช้าวันนี้อากาศก็ยังคงสดใสเหมือนเดิม  แต่ทำไมหน้าตาของพวกเราถึงได้ไม่ค่อยแจ่มใสกันเลย



    พ่อกับแม่ของเฟิร์นและลุงเมาออกไปซื้ออาหารทะเลเตรียมแพ๊คกลับบ้านกันแต่เช้า  วันนี้ซิ่งยังคงมาแต่เช้า  



    แต่เปาไม่ได้มาด้วย  สิ่งที่เราทำกันในวันนี้คือ  นั่งมองนาฬิกา  และภาวนาไม่ให้ถึงเที่ยงไวๆ  เพราะพ่อของเฟิร์นคงกลับมาตอนนั้น  



    อาหารเช้าวันนั้น  เท่าที่จำได้  เราทานกันไปน้อยมาก  วันนี้เงียบกว่าปกติ  เราไม่ร่าเริงกันเหมือนเคย  



    ซิ่งยังคงมาอยู่กับฟางจนวินาทีสุดท้าย ...เมื่อพวกพ่อของเฟิร์นกลับมา...เราต่างก็คิดว่าถึงเวลาที่เราต้องจากกันจริงๆแล้วหรือ?



    แต่ไม่ใช่  เพราะวันนี้เราพรากจาก  วันหน้าเราก็ต้องพบกันอีกจนได้  แน่นอน..   ก่อนกลับเราล่ำลากัน  ซิ่งร้องไห้



    ไม่น่าเชื่อเฟิร์นพึ่งเคยเห็นน้ำตาของผู้ชายก็วันนี้  ซิ่งร้องไห้มากมาย  ฟางเองก็น้ำตาซึม..(เศร้าจริงๆ)  แม่ของเฟิร์นเข้ามากอดซิ่ง



    เป็นการปลอบ  แม่ของเฟิร์นที่จริงก็ชอบซิ่งอยู่มาก  เพราะซิ่งเองก็เป็นเด็กดีในสายตาของแม่  วันนั้นไม่เพียงแต่ซิ่งเท่านั้นที่ร้องไห้  



    ยังมีอานก  และพวกที่น้ำตาซึมอย่างกรร  ลุงเมา  และคุณยายสาคร(เป็นยายของซิ่ง  และเป็นคุณยายที่แสนใจดีกับพวกเรา..จริงๆ)



    พ่อของเฟิร์นเองก็กอดลุงเมาก่อนจากกัน   คนเพชรบุรีมาส่งคนตากขึ้นรถ(เอารถมากันเอง)   พวกคนตากเองก็มีน้ำตาซึมอยู่เหมือนกัน..



    ระหว่างทางที่รถจากตากกำลังแล่นออกไปเรายังเห็นมือปาดคราบน้ำตา  กับมือที่โบกหย่อยๆ เป็นสัญญาณแห่งการจากลา



    เรายังคงมองจนพวกเค้าหายลับไปในสายตา   และนี่คือเครื่องพิสูจน์ของคำว่า...ความผูกพัน....ตลอดไป.....  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×