ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การมาเยือนอีกครั้งของเพชรบุรี
วันหยุดช่วงวันเข้าพรรษา
      คนเมืองตากและคนเมืองเพชรฯได้พบกันอีกครั้ง  ครั้งนี้มีสมาชิกเพิ่มทั้งกลุ่มผู้ใหญ่และกลุ่มเด็ก 
กลุ่มเด็กเพิ่มอีก 2 คน คนแรกเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ  นามว่าเปา เค้าเป็นเจ้าพ่อเหน่อของวงการ
ช่างตรงกับสุภาษิตที่ว่า “สำเนียงส่อภาษา...”ของแท้...    ส่วนอีกคนคือ สาวน้อยลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเธอจึงมาเที่ยวด้วย  มาคราวนี้เด็กๆน่าจะสนิทกันมากขึ้น  แต่ด้วยความเป็นเด็กผู้ชาย
(ที่จริงผู้หญิงต่างหากที่ต้องอาย  แต่กลับเป็นพวกนายอะไรกันยะ)  เราจึงเหมือนตอนแรก
ที่รู้จักกันเพียงแต่ไม่ต้องแนะนำชื่อกันใหม่เท่านั้นเอง  ยกเว้นกับสมาชิกใหม่ที่เพิ่มเติม 
คือเปากับแมรี่(ชื่อไทยคือเจิดจ้า  เธอพูดไทยได้แต่ไม่ค่อยชัด  แต่อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้ )
ก็เช่นเคยเรายังไปที่เดิมเพราะสมาชิกที่มาใหม่ยังไม่เคยมา  และสถานที่เพิ่มเติมได้แก่ น้ำตกพาเจริญ
เราไปนอนกันที่นั่น  น้ำตกนี้มีชั้นถึง97ชั้น    และประกอบกับช่วงที่มาเป็นหน้าฝนจึงไปไหนไม่ค่อยสะดวก
 
แต่ก็ไม่ได้มีอุปสรรคกับการเล่นของเด็กๆ  เราได้เล่นจานบิน(ที่นิยมเล่นกันตามริมชายหาด  แมรี่เอามาจากฝรั่งเศสด้วย)
แต่เราก็ไม่ลืมที่จะสอนการละเล่นแบบไทยๆคือเล่นซ่อนแอบ(ก็ที่นี่เหมาะเหลือเกินกับการเล่นซ่อนแอบนี่ยะ)
เรายกครัวมาทำกันเองที่นี่เพราะแม่ของเฟิร์นทำอาหารเก่ง  และพวกเมืองเพชรฯ ต่างก็ติดใจในรสชาติอาหารของแม่เฟิร์น 
เด็กๆจึงได้สนุกกันอีกครั้งตอนช่วยกันทำครัว  เมื่อทำอาหารเสร็จ  ตอนเย็นเราก็ตั้งวงกินข้าวกัน
เรายังคงแบ่งเป็นวงเด็กและผู้ใหญ่  ถึงแม้อาหารวันนั้นจะมีทั้งคาว หวาน แต่ก็ไม่หวานเท่าเขาและเธอ
เมื่อหนุ่มจากเมืองทะเลแกะเนื้อปูให้สาวชาวเหนือได้ลิ้มรสถึงความหวาน  หลังจากอิ่มหนำสำราญ  พวกผู้ชายก็ตั้งวงก๊งเหล้า
 
พวก(ผู้หญิง)ก็ตั้งวงเล่นไพ่กัน  ส่วนวงเด็กก็ตั้งอีกวง แมรี่สอนเล่นไพ่อีแก่  น้องกรรสอนเล่นไพ่สลาฟ 
และเฟิร์นสอนเล่นไพ่กบดำกบแดง(ผสมสิบ)  เราเล่นกันจนดึกแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน
(ยกเว้นแต่ฟาง  เพราะเธอมักจะหลับก่อนคนอื่นทุกครั้ง  ในตอนเช้าที่เราไปเดินเล่นกัน เธอก็มักจะเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมตื่น
 
พอทุกคนกลับมาเธอก็จะโวยวายว่าไม่เรียกเธอ  แต่เธอก็รู้ว่าเรียก แต่ก็จะโวยวายไปตามฟอร์มของเธอเท่านั้น..)
ตอนสายเราก็ออกเดินทางเที่ยวกัน  ส่วนใหญ่เวลาจะหมดไปกับการเดินทาง  แต่มันก็สนุกดี 
คืนสุดท้ายเราพักกันที่สวนป่าแม่ท้อที่นี่หนาวมาก  และคืนนี้ก็สนุกที่สุด เพราะเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน
 
พอมาถึงเรารีบไปดูห้องด้วยความตื่นเต้น ห้องมี 2 ห้องเป็นห้องใหญ่อยู่ชั้นบน  และชั้นล่างเป็นที่โล่ง 
ในขณะที่ผู้ใหญ่อยู่ข้างล่างกัน  เราก็เล่นสงครามหมอนกันอยู่ในห้อง(ดีนะที่หมอนไม่แตกอ่ะ  ซนกันจริงๆ)
 
เราเล่นกันได้พักใหญ่ก็ต้องหยุดเล่นเมื่อ  ซิ่งเดินขึ้นมา และเปิดประตูห้อง  ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ฟางโดนเปา
ซัน  กรร  ฟาดจนเซ ไปทางนั้น (ก็เด็กตากตัวเล็กกว่าเด็กเพชรนี่)
“อุ๊ย.......”ทุกคนหยุดนิ่ง  เพราะภาพที่ปรากฏต่อสายตาทุกคนคือ  ฟางล้มทับซิ่ง 
เมื่อได้สติฟางกับซิ่งก็ลุกขึ้น(แต่ทำไมต้องหน้าแดงกันด้วยล่ะ555+) 
“ไม่เล่นแล้ว” ฟางวางหมอนแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง  พวกเราจึงได้แต่ยิ้มและหัวเราะ  แล้วเราก็เลิกเล่น
เราเปลี่ยนไปเล่นซ่อนแอบในบ้านแทน(เด็กหรือลิงเนี่ย)  บ้านนี้มีห้องเก็บของอยู่ เฟิร์นกับเปาเข้าไปหลบในนั้น
(โดยไม่ได้นัดหมาย)  เราต่างซุ่มตัวเงียบเพื่อจะได้ไม่เป็น  แต่อีตาซันปากโป้งดันบอกที่ซ่อนของเฟิร์น >_<
 
(ก็หล่อนเล่นแอบที่เดิมมากี่ตาแล้วล่ะยะ)  เราเล่นกันจนมืดแล้วก็หยุดเล่น  เช้าวันรุ่งขึ้น
   
วันนี้พวกเราต้องแยกย้ายกันกลับแล้ว เราล่ำลากัน(อีกครั้ง)  แต่สิ่งที่สังเกตได้คือแววตาของฟางและซิ่ง
ทำไมต้องเศร้ากันขนาดนั้น(มีพบก็มีพราก  มีจากก็มีเจอ เศร้าทำไมยะ)  เมื่อกลับถึงบ้านเฟิร์นถึงรู้ว่าฟางกับซิ่ง
ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว  นอกจากเฟิร์นยังมีแม่ที่รู้เรื่องนี้แต่แม่ไม่ได้ว่าอะไร  แม่เพียงบอกว่าก็อย่าให้การเรียนตก 
วางตัวให้เหมาะสม  แต่หลังจากนั้นแม่ก็ดูแล  สนใจพี่ฟางมากขึ้นกว่าเก่าอีก  มิหนำซ้ำยังให้เฟิร์นเป็นคนติดตามทั้ง 2 คนอีก
(ไม้กันหมา) แต่ที่สำคัญคือพ่อรู้เรื่องนี้  เราต้องบอกพ่อว่าไม่ใช่  แล้วพ่อก็เงียบเรื่องนี้ไป  แต่ซิ่งกลับโทรหาฟางทุกวัน
เค้ายิ่งรักกันมากขึ้น  บางมุมของเรื่องอาจเป็นเรื่องโรแมนติกสำหรับพวกเขา  แต่อาจไม่หวานซึ้งเหมือนใคร
แต่เค้าก็พร้อมจะมีให้เธอคนเดียวตลอดไป.... โปรดติดตามกันได้ในตอนหน้า 
จะมีใครอีกบ้างที่จะมาเกี่ยวข้องกับพวกเค้า ...ติดตามได้กันได้เจ้าค่ะ....
            *****************************************************
      คนเมืองตากและคนเมืองเพชรฯได้พบกันอีกครั้ง  ครั้งนี้มีสมาชิกเพิ่มทั้งกลุ่มผู้ใหญ่และกลุ่มเด็ก 
กลุ่มเด็กเพิ่มอีก 2 คน คนแรกเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ  นามว่าเปา เค้าเป็นเจ้าพ่อเหน่อของวงการ
ช่างตรงกับสุภาษิตที่ว่า “สำเนียงส่อภาษา...”ของแท้...    ส่วนอีกคนคือ สาวน้อยลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเธอจึงมาเที่ยวด้วย  มาคราวนี้เด็กๆน่าจะสนิทกันมากขึ้น  แต่ด้วยความเป็นเด็กผู้ชาย
(ที่จริงผู้หญิงต่างหากที่ต้องอาย  แต่กลับเป็นพวกนายอะไรกันยะ)  เราจึงเหมือนตอนแรก
ที่รู้จักกันเพียงแต่ไม่ต้องแนะนำชื่อกันใหม่เท่านั้นเอง  ยกเว้นกับสมาชิกใหม่ที่เพิ่มเติม 
คือเปากับแมรี่(ชื่อไทยคือเจิดจ้า  เธอพูดไทยได้แต่ไม่ค่อยชัด  แต่อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้ )
ก็เช่นเคยเรายังไปที่เดิมเพราะสมาชิกที่มาใหม่ยังไม่เคยมา  และสถานที่เพิ่มเติมได้แก่ น้ำตกพาเจริญ
เราไปนอนกันที่นั่น  น้ำตกนี้มีชั้นถึง97ชั้น    และประกอบกับช่วงที่มาเป็นหน้าฝนจึงไปไหนไม่ค่อยสะดวก
 
แต่ก็ไม่ได้มีอุปสรรคกับการเล่นของเด็กๆ  เราได้เล่นจานบิน(ที่นิยมเล่นกันตามริมชายหาด  แมรี่เอามาจากฝรั่งเศสด้วย)
แต่เราก็ไม่ลืมที่จะสอนการละเล่นแบบไทยๆคือเล่นซ่อนแอบ(ก็ที่นี่เหมาะเหลือเกินกับการเล่นซ่อนแอบนี่ยะ)
เรายกครัวมาทำกันเองที่นี่เพราะแม่ของเฟิร์นทำอาหารเก่ง  และพวกเมืองเพชรฯ ต่างก็ติดใจในรสชาติอาหารของแม่เฟิร์น 
เด็กๆจึงได้สนุกกันอีกครั้งตอนช่วยกันทำครัว  เมื่อทำอาหารเสร็จ  ตอนเย็นเราก็ตั้งวงกินข้าวกัน
เรายังคงแบ่งเป็นวงเด็กและผู้ใหญ่  ถึงแม้อาหารวันนั้นจะมีทั้งคาว หวาน แต่ก็ไม่หวานเท่าเขาและเธอ
เมื่อหนุ่มจากเมืองทะเลแกะเนื้อปูให้สาวชาวเหนือได้ลิ้มรสถึงความหวาน  หลังจากอิ่มหนำสำราญ  พวกผู้ชายก็ตั้งวงก๊งเหล้า
 
พวก(ผู้หญิง)ก็ตั้งวงเล่นไพ่กัน  ส่วนวงเด็กก็ตั้งอีกวง แมรี่สอนเล่นไพ่อีแก่  น้องกรรสอนเล่นไพ่สลาฟ 
และเฟิร์นสอนเล่นไพ่กบดำกบแดง(ผสมสิบ)  เราเล่นกันจนดึกแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน
(ยกเว้นแต่ฟาง  เพราะเธอมักจะหลับก่อนคนอื่นทุกครั้ง  ในตอนเช้าที่เราไปเดินเล่นกัน เธอก็มักจะเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมตื่น
 
พอทุกคนกลับมาเธอก็จะโวยวายว่าไม่เรียกเธอ  แต่เธอก็รู้ว่าเรียก แต่ก็จะโวยวายไปตามฟอร์มของเธอเท่านั้น..)
ตอนสายเราก็ออกเดินทางเที่ยวกัน  ส่วนใหญ่เวลาจะหมดไปกับการเดินทาง  แต่มันก็สนุกดี 
คืนสุดท้ายเราพักกันที่สวนป่าแม่ท้อที่นี่หนาวมาก  และคืนนี้ก็สนุกที่สุด เพราะเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน
 
พอมาถึงเรารีบไปดูห้องด้วยความตื่นเต้น ห้องมี 2 ห้องเป็นห้องใหญ่อยู่ชั้นบน  และชั้นล่างเป็นที่โล่ง 
ในขณะที่ผู้ใหญ่อยู่ข้างล่างกัน  เราก็เล่นสงครามหมอนกันอยู่ในห้อง(ดีนะที่หมอนไม่แตกอ่ะ  ซนกันจริงๆ)
 
เราเล่นกันได้พักใหญ่ก็ต้องหยุดเล่นเมื่อ  ซิ่งเดินขึ้นมา และเปิดประตูห้อง  ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ฟางโดนเปา
ซัน  กรร  ฟาดจนเซ ไปทางนั้น (ก็เด็กตากตัวเล็กกว่าเด็กเพชรนี่)
“อุ๊ย.......”ทุกคนหยุดนิ่ง  เพราะภาพที่ปรากฏต่อสายตาทุกคนคือ  ฟางล้มทับซิ่ง 
เมื่อได้สติฟางกับซิ่งก็ลุกขึ้น(แต่ทำไมต้องหน้าแดงกันด้วยล่ะ555+) 
“ไม่เล่นแล้ว” ฟางวางหมอนแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง  พวกเราจึงได้แต่ยิ้มและหัวเราะ  แล้วเราก็เลิกเล่น
เราเปลี่ยนไปเล่นซ่อนแอบในบ้านแทน(เด็กหรือลิงเนี่ย)  บ้านนี้มีห้องเก็บของอยู่ เฟิร์นกับเปาเข้าไปหลบในนั้น
(โดยไม่ได้นัดหมาย)  เราต่างซุ่มตัวเงียบเพื่อจะได้ไม่เป็น  แต่อีตาซันปากโป้งดันบอกที่ซ่อนของเฟิร์น >_<
 
(ก็หล่อนเล่นแอบที่เดิมมากี่ตาแล้วล่ะยะ)  เราเล่นกันจนมืดแล้วก็หยุดเล่น  เช้าวันรุ่งขึ้น
   
วันนี้พวกเราต้องแยกย้ายกันกลับแล้ว เราล่ำลากัน(อีกครั้ง)  แต่สิ่งที่สังเกตได้คือแววตาของฟางและซิ่ง
ทำไมต้องเศร้ากันขนาดนั้น(มีพบก็มีพราก  มีจากก็มีเจอ เศร้าทำไมยะ)  เมื่อกลับถึงบ้านเฟิร์นถึงรู้ว่าฟางกับซิ่ง
ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว  นอกจากเฟิร์นยังมีแม่ที่รู้เรื่องนี้แต่แม่ไม่ได้ว่าอะไร  แม่เพียงบอกว่าก็อย่าให้การเรียนตก 
วางตัวให้เหมาะสม  แต่หลังจากนั้นแม่ก็ดูแล  สนใจพี่ฟางมากขึ้นกว่าเก่าอีก  มิหนำซ้ำยังให้เฟิร์นเป็นคนติดตามทั้ง 2 คนอีก
(ไม้กันหมา) แต่ที่สำคัญคือพ่อรู้เรื่องนี้  เราต้องบอกพ่อว่าไม่ใช่  แล้วพ่อก็เงียบเรื่องนี้ไป  แต่ซิ่งกลับโทรหาฟางทุกวัน
เค้ายิ่งรักกันมากขึ้น  บางมุมของเรื่องอาจเป็นเรื่องโรแมนติกสำหรับพวกเขา  แต่อาจไม่หวานซึ้งเหมือนใคร
แต่เค้าก็พร้อมจะมีให้เธอคนเดียวตลอดไป.... โปรดติดตามกันได้ในตอนหน้า 
จะมีใครอีกบ้างที่จะมาเกี่ยวข้องกับพวกเค้า ...ติดตามได้กันได้เจ้าค่ะ....
            *****************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น