ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความทรงจำกับวันที่เพิ่งเริ่มต้น
ตอนที่1
13  มกราคม  2548 
“พ่อค่ะ  แม่ค่ะ  ครบปีแล้วซินะค่ะ  ที่พ่อกับแม่จากพวกเราไป แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ หนูกับน้องสบายดีค่ะ
 
ใกล้สอบแล้ว  หนูจะเข้าโรงเรียนนั้นให้ได้ค่ะ  หนูจะไม่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ต้องผิดหวังเป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะค่ะ
แล้วเราจะมาใหม่ค่ะ”ปลายฝันวางดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงแดงลงคู่กัน
“ฟ้าใส นายไม่พูดอะไรกับ คุณพ่อ  คุณแม่หน่อยหรอ”ปลายฝันหันไปถามน้องชายที่นั่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ
“ผมเสร็จตั้งนานแล้ว  ก็พี่มัวแต่ขอพรเป็นกิโลอยู่ได้  พี่นี่!ขนาดท่านไปดีแล้วยังทำให้ท่านต้องเหนื่อยอีก 
เป็นลูกที่แย่จริงๆ”ฟ้าใส  น้องชายปากร้ายที่ชอบพูดจากวนประสาทคนรอบข้างเสมอ แม้แต่พี่สาว(นั่น!ดูมัน)
“หนอย!!ไอ้น้องบ้า ..”ปลายฝันไล่ตีฟ้าใสเหมือนเด็กๆ(ดูๆ ทำไปได้  จะม.4 แล้วนะเธอ)
ความเดิม ครอบครัวของปลายฝันและฟ้าใสเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากครอบครัวหนึ่ง และเคยได้รับรางวัลครอบครัวตัวอย่าง
ของโรงเรียน  คุณพ่อเป็นวิศวกรมือหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา  และเป็นคนไทยที่เติบโตที่นี่
 
ฐานะทางบ้านของคุณพ่อนั้นร่ำรวยมาก  ส่วนคุณแม่เป็นคนมีฝีมือ ไม่นานจึงได้เป็นดีไซด์เนอร์ชื่อดังระดับประเทศ
 
แต่ฐานะทางบ้านของคุณแม่ไม่รวยนัก  ในตอนนั้นคุณแม่เป็นตัวแทนของประเทศไทยที่นำแฟชั่นไปแสดงที่อเมริกา
และได้พบรักกับคุณพ่อ  เมื่อท่านแต่งงานกัน จึงตัดสินใจสละทุกอย่างและมาอยู่เมืองไทย
 
คุณพ่อซื้อที่และออกแบบบ้านด้วยตัวเอง  บ้านของเราจึงดูแปลกตาและเด่นกว่าบ้านหลังอื่นๆในละแวกนี้
 
ครอบครัวของเราอยู่กันอย่างมีความสุข  แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อวันหนึ่งระหว่างทางที่คุณพ่อ
คุณแม่กลับบ้านมีรถบรรทุกคันหนึ่งขับตัดหน้า  ท่านหักหลบรถ  รถจึงตกลงข้างทางและพลิกคว่ำ
เมื่อตำรวจไปถึงท่านทั้ง 2 ก็เสียชีวิตแล้ว  แต่สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาและยังคงประทับใจทุกคนนั่นคือ
หญิงชายคู่หนึ่งมือจับกันแน่นราวกับจะไม่พรากจากกันแม้ร่างนั้นจะไร้ลมหายใจไปแล้วก็ตาม...แต่สิ่งที่ทิ้งไว้ให้ลูกๆของ
เขาคือความรักที่มีมากมาย  กับทรัพย์สินอีกส่วนหนึ่ง  ซึ่งลูกๆของเขาก็รักษามันดีพอๆกับความรักที่ได้มาด้วยนั่นเอง...
ระหว่างทางกลับบ้าน
“โคจิคุง  นายบอกอะไรกับพ่อ แม่ฉันหรอ”
“เราก็บอกว่า  ไม่ต้องห่วงเราจะดูแลเธอเอง  ด้วยชีวิตของเราไง”สายตาคู่นั้นช่างเปียมไปด้วยความยินดียิ่งนัก
“หนอย!น้อยๆหน่อยเถอะย่ะ  เธออายุน้อยกว่าฉันนะจะดูแลชั้นได้ไง”(แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ)
“ใช่!พี่หนะออกจะเป็นหญิงถึกซะขนาดนี้  ไม่ต้องดูแลหรอก  555..”
“ดีงั้นเย็นนี้ก็อดข้าวเย็น  เชอะ”(งอนแล้วใครจะง้อยะ)
“ดีเหมือนกัน  ผมจะได้ออกไปกินข้างนอก  กินข้าวต้มทุกวันแบบนี้  เบื่อจะตายอยู่แล้ว”
“หนอย! นี่นายกล้าว่าข้าวที่ฉันอุตส่าห์ตั้งใจหุงขนาดนี้เลยหรอยะ”(ควันออกหู  ออกจมูกแล้ว)
“ไม่เป็นไร ไอ้ฟ้ามันไม่กินแต่เรากิน ถึงมันจะไหม้  จะเละยังไง แต่เราก็จะกิน เพราะมันเป็นฝีมือของปลายจัง”
(มือเริ่มมาเกาะมาโอบแล้ว)(ช่างเป็นเด็กที่ทะลึ่ง  และลามปรามจี๊งๆTOT)
“ใช่ซิ! ก็มันฟรีนี่ยะ  มากินบ้านฉันทุกวันเลยอ่ะ  ฉันรู้หรอกไม่ต้องมาทำปากหวานเลย”
“แฮ่  ๆๆๆ”
 
ระหว่างทางกลับบ้านวันนี้ช่างมีแต่รอยยิ้มแล้วเสียงหัวเราะ  แต่ทางข้างหน้าต่อไปจะเป็นยังไงต้องติดตามกันต่อไปจ้า..
                               
                        *******************************************************
13  มกราคม  2548 
“พ่อค่ะ  แม่ค่ะ  ครบปีแล้วซินะค่ะ  ที่พ่อกับแม่จากพวกเราไป แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ หนูกับน้องสบายดีค่ะ
 
ใกล้สอบแล้ว  หนูจะเข้าโรงเรียนนั้นให้ได้ค่ะ  หนูจะไม่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ต้องผิดหวังเป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะค่ะ
แล้วเราจะมาใหม่ค่ะ”ปลายฝันวางดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงแดงลงคู่กัน
“ฟ้าใส นายไม่พูดอะไรกับ คุณพ่อ  คุณแม่หน่อยหรอ”ปลายฝันหันไปถามน้องชายที่นั่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ
“ผมเสร็จตั้งนานแล้ว  ก็พี่มัวแต่ขอพรเป็นกิโลอยู่ได้  พี่นี่!ขนาดท่านไปดีแล้วยังทำให้ท่านต้องเหนื่อยอีก 
เป็นลูกที่แย่จริงๆ”ฟ้าใส  น้องชายปากร้ายที่ชอบพูดจากวนประสาทคนรอบข้างเสมอ แม้แต่พี่สาว(นั่น!ดูมัน)
“หนอย!!ไอ้น้องบ้า ..”ปลายฝันไล่ตีฟ้าใสเหมือนเด็กๆ(ดูๆ ทำไปได้  จะม.4 แล้วนะเธอ)
ความเดิม ครอบครัวของปลายฝันและฟ้าใสเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากครอบครัวหนึ่ง และเคยได้รับรางวัลครอบครัวตัวอย่าง
ของโรงเรียน  คุณพ่อเป็นวิศวกรมือหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในอเมริกา  และเป็นคนไทยที่เติบโตที่นี่
 
ฐานะทางบ้านของคุณพ่อนั้นร่ำรวยมาก  ส่วนคุณแม่เป็นคนมีฝีมือ ไม่นานจึงได้เป็นดีไซด์เนอร์ชื่อดังระดับประเทศ
 
แต่ฐานะทางบ้านของคุณแม่ไม่รวยนัก  ในตอนนั้นคุณแม่เป็นตัวแทนของประเทศไทยที่นำแฟชั่นไปแสดงที่อเมริกา
และได้พบรักกับคุณพ่อ  เมื่อท่านแต่งงานกัน จึงตัดสินใจสละทุกอย่างและมาอยู่เมืองไทย
 
คุณพ่อซื้อที่และออกแบบบ้านด้วยตัวเอง  บ้านของเราจึงดูแปลกตาและเด่นกว่าบ้านหลังอื่นๆในละแวกนี้
 
ครอบครัวของเราอยู่กันอย่างมีความสุข  แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อวันหนึ่งระหว่างทางที่คุณพ่อ
คุณแม่กลับบ้านมีรถบรรทุกคันหนึ่งขับตัดหน้า  ท่านหักหลบรถ  รถจึงตกลงข้างทางและพลิกคว่ำ
เมื่อตำรวจไปถึงท่านทั้ง 2 ก็เสียชีวิตแล้ว  แต่สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาและยังคงประทับใจทุกคนนั่นคือ
หญิงชายคู่หนึ่งมือจับกันแน่นราวกับจะไม่พรากจากกันแม้ร่างนั้นจะไร้ลมหายใจไปแล้วก็ตาม...แต่สิ่งที่ทิ้งไว้ให้ลูกๆของ
เขาคือความรักที่มีมากมาย  กับทรัพย์สินอีกส่วนหนึ่ง  ซึ่งลูกๆของเขาก็รักษามันดีพอๆกับความรักที่ได้มาด้วยนั่นเอง...
ระหว่างทางกลับบ้าน
“โคจิคุง  นายบอกอะไรกับพ่อ แม่ฉันหรอ”
“เราก็บอกว่า  ไม่ต้องห่วงเราจะดูแลเธอเอง  ด้วยชีวิตของเราไง”สายตาคู่นั้นช่างเปียมไปด้วยความยินดียิ่งนัก
“หนอย!น้อยๆหน่อยเถอะย่ะ  เธออายุน้อยกว่าฉันนะจะดูแลชั้นได้ไง”(แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ)
“ใช่!พี่หนะออกจะเป็นหญิงถึกซะขนาดนี้  ไม่ต้องดูแลหรอก  555..”
“ดีงั้นเย็นนี้ก็อดข้าวเย็น  เชอะ”(งอนแล้วใครจะง้อยะ)
“ดีเหมือนกัน  ผมจะได้ออกไปกินข้างนอก  กินข้าวต้มทุกวันแบบนี้  เบื่อจะตายอยู่แล้ว”
“หนอย! นี่นายกล้าว่าข้าวที่ฉันอุตส่าห์ตั้งใจหุงขนาดนี้เลยหรอยะ”(ควันออกหู  ออกจมูกแล้ว)
“ไม่เป็นไร ไอ้ฟ้ามันไม่กินแต่เรากิน ถึงมันจะไหม้  จะเละยังไง แต่เราก็จะกิน เพราะมันเป็นฝีมือของปลายจัง”
(มือเริ่มมาเกาะมาโอบแล้ว)(ช่างเป็นเด็กที่ทะลึ่ง  และลามปรามจี๊งๆTOT)
“ใช่ซิ! ก็มันฟรีนี่ยะ  มากินบ้านฉันทุกวันเลยอ่ะ  ฉันรู้หรอกไม่ต้องมาทำปากหวานเลย”
“แฮ่  ๆๆๆ”
 
ระหว่างทางกลับบ้านวันนี้ช่างมีแต่รอยยิ้มแล้วเสียงหัวเราะ  แต่ทางข้างหน้าต่อไปจะเป็นยังไงต้องติดตามกันต่อไปจ้า..
                               
                        *******************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น