คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : EP.09 || Nice to see you again (3)
EP.09
Nice to see you again (3)
--------------------------
การสนทนากับลูกค้ารายนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที ฉันกับพี่บูมจำต้องหิ้วของกลับสตูดิโอด้วยอาการคอตกไปตามๆกัน
“นารา เรื่องเคสวันนี้...”
ระหว่างที่ฉันกับพี่บูมกำลังเดินไปหยั่งลานจอดรถ ฉันเอาแต่เดินเหม่อเพราะคิดถึงแต่เรื่องของลูคัสจนหูทวนลมไม่ได้ฟังสิ่งที่พี่บูมกำลังสาธยายถึงลูคัสด้วยคำพูดเกรี้ยวกราดมากแค่ไหน
“นารา!”
“!”
พี่บูมพูดคนเดียวมาได้สักพัก พอเขาเห็นนัยน์ตาของฉันดูเหม่อลอยเขาก็หันกลับมาเรียกสติฉันให้หลุดจากภวังค์
“คะ?”
ฉันชะงักก่อนหันสีหน้าตกใจขึ้นมามองหน้าพี่บูม
“พี่บอกว่าให้กลับไปที่บริษัทแล้วบอกทุกฝ่ายดิสเครดิตไอ้ลูคัสนี่ด้วย ไม่ได้ฟังที่พี่พูดเลยเหรอ”
“? ดะ..ดิสเครดิต?”
ดูแววแล้วถึงไม่ดิสเขาก็ไม่กลับมาจ้างเราแล้วล่ะ แล้วเรื่องอะไรฉันต้องกลับไปบริษัทด้วย วันนี้วันหยุดฉันนะ จริงอยู่ที่ปกติพอพี่บูมสั่งอะไรมาฉันก็จะต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ฉันกับเขาไม่มีอะไรต้องแคร์กันแล้ว!
“วันนี้เป็นวันหยุดของนารา นาราแค่มาแทนพี่เต้ ถ้าดิวงานกับลูกค้าวันนี้จบแล้วงานของนาราก็จบแล้วค่ะ”
“!...”
พี่บูมดูตกใจเล็กน้อยเพราะมันคือการปฏิเสธเขาครั้งแรกของฉัน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นนารากลับเลยนะคะ”
“.... อืม”
พี่บูมพยักหน้าตอบอย่างเฉยชาฉันเลยรีบปริตัวออกไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ขาสั้นๆของฉันจะพาฉันออกมาจากการควบคุมของพี่บูมได้ ฉันไม่น่าหลวมตัวเข้าไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่บูมแต่ต้นเลย พี่บูมเป็นลูกนักธุรกิจที่มีหัวด้านธุรกิจ การที่เขาถูกสั่งให้ดูแลเอาใจลูกสาวของคู่ค้าแบบนี้ เด็ก ป.3 ยังดูรู้เลยว่าครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายตั้งใจปลุกปั้นให้ทั้ง 2 รักกัน ฉันผิดเองที่เข้าไปแทรกแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เฮ้อ...
2 วันต่อมา
@ BOOM Art Studio
เช้าวันนี้ฉันเดินเข้ามาในบริษัทด้วยใจโหวงๆ ถ้าตอนนี้ดันป๊ะหน้าพี่บูมจังๆฉันจะประกอบสีหน้าทักทายเขายามเช้ายังไงดีเนี่ย เมื่อวานที่นั่งรถเมล์กลับบ้านก็เอาแต่นั่งฟังเพลงเศร้าตลอดทางพอกลับถึงบ้านก็ร้องไห้เหมียนหมาจนตาบวมไปหมดอีก เฮ้อ... (ถอนหายใจแบบเดิม)
“นารา มาแล้วเหรอ มานี่ๆ”
“!?”
ฉันขมวดคิ้วงงเมื่อเห็นคนในบริษัทพากันรวมตัวมุมดูอะไรสักอย่างหน้าห้องประชุมเล็ก และเป็นพี่ ‘แก้ว’ ฝ่ายบัญชีที่กวักมือเรียกฉันให้เดินเข้าไปหา
“มีอะไรกันเหรอคะ?”
“พวกเราแย่แล้วล่ะนารา”
“!? แย่อะไรคะ? เกิดอะไรขึ้น!?”
“ก็คุณบูมน่ะสิดันไปสั่งสีเพ้นท์อย่างดีมาจากเมืองนอก ก็หวังจะโกยกำไลจากเคสเมื่อวานนั่นแหละ แต่พอฝ่ายนั้นเขาขอยกเลิก ของที่คุณบูมสั่งมาเลยไม่ได้ใช้ ตัวเลขในบิลก็ทะลุหลัก 6 ซะด้วย นี่คุณบูมกับหัวหน้างานทุกแผนกก็กำลังประชุมกันอยู่ว่าจะทำยังไงต่อดี”
“อ้าว ก็ฝ่ายนั้นเขาบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าให้คิดค่าเสียหายเท่าไหร่กับเขาก็ได้”
“ก็ตอนคุยงานกันครั้งแรกฝ่ายนั้นเขาไม่ได้สั่งให้ใช้ของมียี่ห่อ คุณบูมคิดจะเอาของแพงมาขายเพื่อเกนกำไลเอง เห็นคุณบูมบอกว่าลูกค้ารายนี้ชอบสั่งเพ้นท์งานหลายบริษัทและทุกบริษัทก็ไม่ซ้ำกันเลย ลูกค้ารายนี้ใจป้ำมาก ขอแค่งานเสร็จจะเพิ่มเติมอะไรให้เขาก็รับหมดไม่เกี่ยงเรื่องเงิน คุณบูมเลยคิดจะแอบขายของแพงให้เขาไง”
แบบนี้จะเรียกว่ากรรมตามสนองดีไหมนะ เฮ้อ พี่บูมนะพี่บูม ลงทุนได้เสี่ยงจริงๆ
“นี่ก็คงต้องไปมองหาลูกค้ากระเป๋าหนักรายใหม่ล่ะมั้ง ทำไงได้ล่ะของมาส่งเต็มสตูดิโอแล้วด้วย” พี่พนักงานชายคนนึงสันนิฐานข้อสรุปในการประชุม
45 นาทีต่อมา
เหล่าหัวหน้างานต่างพากันเดินออกจากที่ประชุมแล้วแยกย้ายกันไปทำงานของใครของมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาก ด้านลูกน้องตาดำๆอย่างพวกฉันก็ทำได้แค่ส่งกำลังใจอันน้อยนิดให้เท่านั้น
และนับจากวันประชุมครั้งนั้นทุกๆวันใน BOOM Art Studio ราวกับตกอยู่ในนรกเพราะพวกเราต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำทุกแผนก เราจำต้องทำงานแบบขาดทุนเพื่อให้ได้เงินมาหมุนในบริษัท เป็นช่วงเวลาที่ห้ามป่วย ห้ามตาย ห้ามขาดงาน ฉันถึงกับลมจับเพราะต้องคิดแบบให้ลูกค้า 20 รายในเวลาเดียวกัน โอ้ยยยย นี่คนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะประมวลผลออกมาให้ได้ดั่งใจภายในเวลาไม่กี่นาที ถ้าขืนฉันต้องทำแบบนี้ทุกวันมีหวังฉันได้เข้า ICU เร็วๆนี้แน่
ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากเขา! ฉันต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้บริษัทกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ถึงจะต้องกลั้นใจกลับไปที่นั่นอีกก็คงต้องยอมแล้ว
@ Magic Bar
เวลา 23.05 น.
ฉันที่เพิ่งเคลียร์งานให้ลูกค้าเจ้าสุดท้ายเสร็จตอน 4 ทุ่ม ก็รีบบึ่งรถแท็กซี่ตรงมาที่ Magic Bar ทันที ฉันสาวเท้าตรงเข้ามาที่ประตูทางเข้าด้วยความมุ่งมั่น สายตาจับจ้องไปที่บานประตูบนสุดของขั้นบันไดซึ่งก็คือประตูห้องไดม่อน ห้องระดับ VIP สุดลึกลับที่ไม่ใช่ใครก็เข้าไปได้ พนันเลยว่าอีตาลูคัสนั่นต้องอยู่ในห้องนั้นแน่ๆ
วันนี้ฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะลูกค้าแต่จะมาขายตรงขอให้ลูคัสเห็นใจและช่วยบริษัทเราหน่อย ฉะนั้นฉันไม่จำเป็นต้องมีบัตรไดม่อนหรือบัตรห้องอะไรทั้งนั้น ขอแค่ลูคัสยอมฟังฉันและไม่ติดใจเรื่องคืนนั้นแล้ว งานของฉันก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“!!! เฮ้อ! สู้เว่ย!”
ฉันกลั้นใจฮึดสู้อยู่ตีนบันได พอเรียกขวัญกำลังใจออกมาเต็มกำมือแล้วฉันก็รีบเดินขึ้นบันไดตรงไปหยั่งห้องไดม่อนที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตาทันที
กลึก!
พอเดินมาถึงหน้าบานประตูที่ประดับด้วยเพชรทุกระเบียบนิ้วแล้วฉันก็เอื้อมมือออกไปจับลูบิดและถือวิสาสะเปิดประตูห้องไดม่อนเข้าไปพร้อมเปล่งเสียงทักทายลูคัสด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอโทษนะคะ คือฉั.......!!!”
แต่ทว่าฉันก็ต้องตาค้างและหุบยิ้มทันทีเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้ามันเป็นบาร์ที่มีขนาดเท่าห้องรับรองหรูๆห้องนึง และบนโซฟากลางห้องก็มีร่างของหญิงสาวเปื้อนเลือดคนนึงนอนสลบอยู่โดยที่ข้างๆตัวเธอมีลูคัสยืนถือกริชเงินเปื้อนเลือดเก่าๆเล่มนึงอยู่ด้วย
“!!! เธอ!?”
ลูกคัสตกใจไม่น้อยที่เห็นฉันมาโผล่อยู่หน้าห้องไดม่อนได้ ถึงมันจะดูเสียมารยาทแต่ตอนนี้ใครสนล่ะ ลูคัสฆ่าคน! เขาลงมือแทงผู้หญิงคนนั้นแน่ๆหลักฐานคามือขนาดนี้ แล้วฉันจะยืนเฉยอยู่ได้ไงล่ะ วิ่งสิคะรออะไร!!!!
ตุ้บ!
“กรี๊ด!!!!”
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เหลียวตัวกลับ ร่างของพนักงานในบาร์ที่ชื่อวิลล์ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของฉัน ฉันหันไปชนแผ่นอกแข็งๆของเขาเต็มๆ ร่างกายที่เตรียมจะพุ่งออกเลยกระเด็นล้มก้นจ้ำเบ้าแทน
“!!!! คะ..คุณ!”
วิลล์ชายหางตามองฉันด้วยความไม่พอใจนิดๆ
“บอกแล้วไงว่าถ้าไม่มีบัตรผ่านห้องไดม่อนก็เข้ามาในห้องไดม่อนไม่ได้”
ความคิดเห็น