คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บาปที่ ❶ || บาปแห่งวัยเยาว์ (2)
“นี่เป็นภาพบันทึกการสอบปากคำของคนขายไอศกรีมที่ผู้หมวดยศพลไปสอบปากคำมาแล้วครับ”
ตำรวจนายหนึ่งยื่นวีดีโอเทปให้ผู้กองเหมันต์ที่กำลังยืนรอเขาหน้าโบสถ์ประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเกิดเหตุสำคัญของคดีนี้พร้อมกับทุกคนในหน่วยดู
“ฮู้ว สืบเก่งเหมือนกันนะเนี่ย” อคินแซวผู้หมวดยศพลพลางทำสีหน้าชื่นชมแบบเฟคๆ
“ตั้งแต่วันที่ 2 ที่ทางการประกาศว่ามีเด็กหายเขาก็ไม่ได้ขับรถไอศกรีมมาขายที่หมู่บ้านนี้อีกเลย เขามีพยานยืนยันหลายคนว่าไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านทวิชงค์ตอนเกิดเหตุของวันที่ 5 ด้วย ผมว่าวีดีโอนี้คงไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับผู้กองหรอกครับ”
“เรื่องนั้นฉันจะตัดสินใจเอง ขอบใจสำหรับวีดีโอนะ”
“ครับ”
เมื่อเอาวีดีโอมาให้แล้วตำรวจนายนั้นก็เดินกลับไปทำงานของตนต่อทันที
“ถึงจะมีพยานที่อยู่แต่ถ้าเด็กๆเต็มใจถูกจับตัวไปเองเขาก็ยังน่าสงสัยอยู่นะ” เหนือยังไม่เลิกสงสัยคนขายไอศกรีม
“จะเป็นไปได้เหรอที่เด็กๆยอมเอง” ธามเกิดคำถาม
“ที่แย่กว่าคือเจ้าหน้าที่ยังมาบอกอีกว่าหม้อแปลงระเบิดทำให้กล้องวงจรปิดทั้งหมู่บ้านใช้การไม่ได้ อะไรจะเป็นใจให้คนร้ายก่อคดีได้ไหลลื่นขนาดนี้” สายฟ้ายังคงยืนกอดอกพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามสไตล์
“จะว่าไปโจรคนนี้จะลักพาตัวเด็กๆไปทำไมถ้าไม่ต้องการอะไรจากผู้ปกครองเลย?” จู่ๆฉันก็คิดขึ้นมาได้
“มีเหตุผลอีกตั้ง 108 อย่างที่โจรโรคจิตสักคนต้องการจากเหยื่อ เราแค่ต้องหาจาก 1 ใน 108 อย่างนั่นให้เจอก็เท่านั้นเอง” เลนหันมาตอบฉันด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ฟังดูชักไม่ได้การ... เรารีบตามหาตัวเด็กๆกันต่อเถอะค่ะ”
“อืม ฉันกับเหนือจะไปเปิดวีดีโอนี้ดูที่รถ คนที่เหลือก็หาเบาะแสต่อที่นี่นะ ถ้าได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมให้มารายงานฉันทันที เข้าใจไหม”
“ค่ะ!/คร้าบบบ!”
ผู้กองเหมันต์ออกคำสั่งเสร็จปุ๊บพวกเราก็กระจายตัวกันไปปั๊บ และที่แรกที่พวกเราจะมาหาเบาะแสก็คือโบสถ์ประจำหมู่บ้าน ที่เราต้องมาหาเบาะแสที่นี่ก็เพราะตั้งแต่มีเด็กหายตัวไปถึง 3 คนพวกผู้ปกครองและตำรวจต่างก็ลงความเห็นที่จะพาพวกเด็กๆมาอยู่รวมกันที่โบสถ์เพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อตอนเช้าของวันนี้พวกเด็กๆกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้ปกครองบางส่วนและตำรวจที่เฝ้ายามอยู่ต่างก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ที่นี่ก็มีเส้นกั้น crime scene do not cross พันล้อมรอบอยู่เหมือนกับจุดเกิดเหตุอื่นๆ
‘นั่นพวกเขาจริงเหรอ!?’
‘เห็นว่ากรมสืบสวนพิเศษส่งมา’
‘ผู้กองเหมันต์ไม่อยู่ด้วย ถ้าเกิดพวกมันอาละวาดใครจะเป็นคนห้ามล่ะเนี่ย’
‘ไม่ต้องห่วงน่าจ่า คนของเราเยอะกว่า ปืนก็มีจะกลัวอะไร’
‘นี่ดาบไม่ได้อ่านข่าวรึไง ไอ้ฆาตกรโรคจิตที่หั่นศพเป็น 10 ท่อนน่ะก็คือไอ้หมอนี่!’
‘อ้าวเหรอ!? คนเดียวกันเหรอ!?’
ถ้าจะเม้าส์ระยะเผาขนกันขนาดนี้เดินมาสะกิดถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยไหมล่ะ? แต่จะว่าไป ‘หั่นศพ 10 ท่อน’ นี่เรื่องจริงรึเปล่า? ถ้ามันคือเรื่องจริงคนพวกนี้ฉันก็ไม่ควรเข้าใกล้มากเกิน...
“หมวดลิต้ามาทางนี้หน่อย!”
ฉันยังคิดไม่ทันจบเลนก็เดินมาคล้องแขนฉันเพื่อลากไปดูอะไรบางอย่างซึ่งมันก็คือเอกสารตรวจหาสารเคมีต่างๆจากเลือดของผู้ปกครองและตำรวจที่มาเฝ้ายามในคืนเกิดเหตุนั่นเอง
“ไม่พบยานอนหลับหรือสารเสพติดในกระแสเลือดของพวกเขา..” ฉันพยายามแงะแขนของฉันออกจากวงแขนของเลนอย่างหวาดๆในขณะที่เขากำลังเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่กองเอกสารพวกนั้น “นี่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกำลังจะบอกเราว่ามีคนร่ายเวทย์มนต์ทำให้พวกเขาหลับแล้วพาเด็กๆเดินออกไปจากโบสถ์ชิลๆงั้นเหรอ!? ฮ่า ฮ่ะฮ่า..”
“นะ.นายขำอะไรน่ะ”
“ฮ่าๆๆ ก็มันน่าขำดีนี่หน่า เรากำลังเผชิญหน้ากับคนร้ายที่ขี้ขลาดสุดๆอยู่ เพราะถ้ามันคือคนร้ายโรคจิตจริงๆมันจะเหลือหลักฐานให้เราสืบหาตัวมันเจอ ไม่งั้นมันจะทำเรื่องทั้งหมดไปทำไมถ้าไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นคนทำ” สีหน้าของเลนตอนพูดประโยคหลังน่าขนหัวลุกสุดๆ อันที่จริง แค่เขาส่งยิ้มธรรมดาๆให้ฉันฉันก็ตัวสั่นด้วยความกลัวแล้ว
“ละ.แล้วถ้ามันไม่ได้โรคจิตล่ะ?”
“สิ่งที่ทำให้โจรปกติก่อเหตุมีอยู่สามอย่าง” อคินเดินเข้ามาประกบข้างฉัน “หนึ่ง เพื่อเงิน สอง เพื่อล้างแค้น สาม เพื่อชื่อเสียง แต่ดูเหมือนไอ้หมอนี่จะไม่ต้องการทั้งเงินและชื่อเสียง งั้นก็เหลือเหตุผลอีกแค่อย่างเดียว”
“ล้างแค้นเหรอ?”
“ล้างแค้นก็ไม่น่าใช่ โจรลักพาตัวคนนี้ไม่น่าใช่โจรปกติ โจรปกติไม่ทำอะไรซับซ้อนแบบนี้ แต่มันก็ไม่น่าใช่โจรโรคจิตอีกนั่นแหละ” เลนพูดเองสับสนเอง
“ตีกับตัวเองในหัวอีกแล้วเหรอ” อคินแซว
“หมู่บ้านนี้กำลังจะถูกรื้อถอนไปสร้างโรงแรมนะ พวกพี่รู้กันรึยัง?”
ฉันกำลังคิดเหตุผลของคนร้ายอยู่เพลินๆสายฟ้าก็คาบข่าวใหม่มาบอกเรา
“เห๋.. จะสร้างโรงแรมกลางเมืองเหรอ ทำเลดีน่าดู” อคินพูดขึ้น
“มีป้ายไล่พวกนายหน้าอยู่ด้านนอกด้วย สงสัยจะตกลงกันได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ธามชะเง้อหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างของโบสถ์
“ทุกคน!”
พวกเราวุ่นอยู่กับการสันนิฐานกันได้ไม่เท่าไหร่มาร์คก็เดินตรงมารายงานสิ่งที่เขาไปสืบมาให้พวกเรารู้
“ประตูหน้าต่างรอบโบสถ์ไม่มีการถูกงัดแงะ ด้านนอกมีแต่รอยเท้าพวกเด็กๆเดินออกไปจากโบสถ์ แต่ที่น่าแปลกคือรอยเท้าดันมาหายตอนเด็กๆเดินไปที่ถนนใหญ่ พวกเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานหารอยต่อของรอยเท้าพวกนั้นไม่เจอเหมือนกับพวกเด็กๆเดินเข้าประตูวิเศษแล้วหายไปอีกมิตินึงอย่างไงอย่างงั้น”
“โห๋..”
เลนอ้าปากค้าง
“อึ้งที่พวกเด็กๆหายตัวไปเองได้เหรอ”
อคินรู้สึกหมั่นไส้ใบหน้านั้น
“เปล่า อึ้งที่พี่มาร์คพูดว่าประตูวิเศษตังหาก หายากนะที่เขาจะมีจินตนาการแบบนั้น”
“จริงด้วย ปกติเขาจะมีจินตนาการล้ำๆกับพวก ปืน ระเบิด หรือว่ามีดอาบยาพิษอะไรพวกนี้มากกว่า” ธามร่วมแกล้งมาร์คอีกคน
“พอเลย กูได้เบาะแสด้านนอกมาให้พวกมึงแล้ว แล้วด้านในล่ะเป็นไงบ้าง” มาร์คพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“นอกจากรอยเท้าเด็กๆที่เดินออกไปจากโบสถ์เองแล้วในนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นเบาะแสเลยสักอย่าง” อคินรายงาน
“ผลลัพธ์ของเรื่องทั้งหมดนี้มันทำให้ใครได้ประโยชน์มากที่สุดกันนะ?” ฉันบ่นงึมงมอยู่คนเดียว
“แย่แล้ว!!!! แย่แล้วครับคุณตำรวจ!!!!!”
ในขณะที่ฉันและคนอื่นๆกำลังยืนคิดหนักจู่ๆก็มีชายวัยกลางคนวิ่งตาลีตาเหลือกฝ่าเส้นกั้น crime scene do not cross เข้ามาหาพวกตำรวจ
“ใจเย็นครับคุณ ที่นี่เป็นที่เกิดเหตุเราไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาในนี้นะครับ”
“เด็ก!ๆ ผมเจอเด็กๆแล้วครับ!”
“!!!”
คำพูดของเขาดึงความสนใจของทุกคนไปโดยปริยาย
“ว่าไงนะ!”
เลนเดินนำทุกคนไปเค้นเอาความจริงจากชายคนนั้น
“มึงพูดจริงใช่ไหม! แจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคดีอาญาเลยนะเผื่อมึงไม่รู้!”
“ตะ.แต่มึงไม่ใช่ตำรวจนี่!”
“กูหมายถึงเขา” เลนชี้ไปที่ตำรวจที่ชายคนนี้มาโวยวายใส่ในตอนแรก
“เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะค่ะ”
ฉันเข้ามาหยุดสงครามน้ำลายของทั้ง 2 คนก่อนจะยืดเยื้อไปมากกว่านี้ จากนั้นก็หยิบตราตำรวจขึ้นมาโชว์ให้ชายคนนั้นดูเพื่อความสบายใจ
“ฉันเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษและทำหน้าที่สืบสวนคดีนี้โดยตรง ที่คุณบอกว่าเจอเด็กๆแล้ว คุณเจอที่ไหนคะ? แล้วตอนนี้เด็กๆเป็นยังไง?”
“ผมเจอที่หลุมในทุ่งดอกทานตะวัน ผมมีหน้าที่ดูแลทุ่งนั้นครับพอเห็นว่ากลางทุ่งมันแหว่งเลยเดินเข้าไปดู ผมก็เลยเห็น...”
“!?”
ไม่นะ.. ลางสังหรณ์แบบนี้ไม่ชอบเลย
“เห็นซากศพเด็กๆวางกองเรียงกันในหลุมนั้นครับ!”
ความคิดเห็น