คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : † The Vampire Next Door † EP.I || you got that yummy
กรี๊ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“...”
เสียงตั้งปลุกจากมือถือดังขึ้นในเช้าวันจันทร์ที่แสนสดใส แต่ดูเหมือนร่างกายของฉันจะไม่รู้สึกสดใสตามสภาพอากาศด้านนอกเลยสักนิด ‘ลลิน’ หรือ ‘นางสาวรัชนิกร โชตวาณิช’ คนนี้ไม่ใช่คนตื่นยากเย็นอะไรแต่แปลกที่วันนี้ฉันกลายเป็นโรคเตียงดูดขึ้นมาซะอย่างงั้น
“อืม.. ปวดหัวจัง..” ฉันบ่นพึมพำพลางเอามือกุมขมับตัวเองก่อนตะกายร่างออกจากผ้าห่มแล้วเอื้อมมือออกไปปัดหน้าจอมือถือเพื่อกดปิดเสียง เมื่อฉันนั่งสะลึมสะลืออยู่บนเตียงได้สักพักฉันก็พยุงตังเองลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเรียนตามปกติ
“ป๊ะป๋า!!!!!”
ฉันตะโกนลั่นบ้านหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดนักศึกษาปี 1 เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังตามหาพ่อของฉันไปทั่วตั้งแต่ในห้องนอนห้องน้ำไปจนถึงห้องนั่งเล่น แต่สุดท้ายหูฉันก็ได้ยินเสียงแว่วๆเหมือนป๊ะป๋ากำลังคุยอยู่กับใครบ้างคนที่หน้าบ้าน ฉันจึงไม่รอช้ารีบสาวเท้าตามเสียงนั่นไปทันที
“ป๊ะป๋า ลลินเสร็จแล้วนะ พาลลินไป...!!”
ใจฉันตกฮวบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้เห็นว่าที่หน้าบ้านตอนนี้มีชายต่างชาติร่างสูง 2 คนกำลังยืนคุยอย่างออกรสออกชาติกับป๊ะป๋าอยู่
พวกเขามาทำอะไร!?
“อ้าวลลิน ลงมาสักทีนะ มานี่มะเดี๋ยวป๊ะป๋าจะแนะนำเพื่อนบ้านคนใหม่ของเราให้รู้จัก”
ฉันจำใจเดินไปตามคำเรียกของป๊ะป๋า ฉันไม่เคยรู้สึกแย่ที่พ่อของตัวเองเป็นคนเฟรนลี่เกินเหตุมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ทำไมครั้งนี้ป๊ะป๋าต้องมาเฟรนลี่กับคนน่ากลัวพวกนี้ด้วยก็ไม่รู้!
“นี่ลลิน ลูกสาวคนเล็กของผมเอง ภรรยาผมเสีย ลูกสาวคนโตก็ทำงานราชการอยู่ต่างประเทศนานๆกลับบ้านทีน่ะ บ้านหลังนี้เลยเงียบเหงาสุดๆเลย”
แล้วจะไปบอกเขาทำไม่ล่ะป๊ะป๋า! ทีนี้เขาก็รู้หมดน่ะสิว่าบ้านเรามีกันอยู่แค่นี้!
“เอ่อ สะ สวัสดีค่ะ” ฉันต้องเก็บอาการเฟลทั้งหมดแล้วหันไปยกมือไหว้ชายร่างสูงทั้ง 2 ตามมารยาท
“สวัสดีครับ” พวกเขายกมือรับไหว้อย่างไม่มีเคอะเขินเหมือนกับคนต่างชาติที่อยู่เมืองไทยมานานแล้ว
“พวกเขาเพิ่งย้ายมาจากโรมาเนียเป็นพี่น้องพ่อเดียวกันทั้ง 6 คนเลย คนนี้เป็นพี่โตและเป็นหมอผ่าศพชื่อ ‘เจเดน ดรากูล’ ” พูดจบป๊ะป๋าก็ชี้ไปที่ชายไหล่กว้างร่างสูงโปร่งแต่งตัวเนี๊ยบลุคคุณชายแบบเมื่อวานที่เห็นเป๊ะๆ
“คนสูงๆอีกคนนั่นชื่อ ‘เบเนดิกต์ ดรากูล’ หรือจะเรียกเขาว่าเบนก็ได้” แล้วป๊ะป๋าก็ชี้ไปที่คนถัดไปซึ่งก็คือชายร่างสูงมีเครา
ถ้าจะซักประวัติได้ขนาดนี้ ทำไมป๊ะป๋าไม่ส่งใบสมัครงานไปที่วิกิเดียไปเลยล่ะ
“ค่ะ..” ถึงในใจจะมีคำสบถเป็นหมื่นล้านคำแต่ฉันก็ได้แต่ก้มหน้าตอบไปแค่ ‘ค่ะ’ เท่านั้น
“เมื่อคืนเราเอะอะโวยวายกันเสียงดังมาก เป็นเพราะคนงานต้องช่วยกันยกของเข้าบ้านก่อนข้ามคืน เสียงคงรบกวนพวกคุณจนนอนกันไม่หลับแน่” เจเดนพูดด้วยน้ำเสียงทุ่มน่าฟังตามสไตล์คุณหมอ แต่นัยยะที่แฝงอยู่ทำให้ฉันถึงกับชะงัก
เขาโกหก!
“อืม.. ก็ไม่นะครับ เมื่อคืนหลังจากที่ผมนั่งเขียนนิยายสืบสวนเรื่องใหม่เสร็จผมก็หลับเป็นตายเลย เราแทบไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านด้วยซ้ำ ใช่ไหมลูก?”
“!! เอ๊ะ!..” ฉันไม่ทันตั้งตัวกับคำถามของพ่อเลยดูตื่นๆ ในขณะเดียวกันสายตาของชายทั้ง 2 ที่จับจ้องฉันอยู่ก็ดูราวกับว่าจะจับผิดอะไรบางอย่าง “คือลลิน...”
“ว่าไง พวกเรารบกวนเธอรึเปล่า?” เบนย้ำคำถามด้วยเสียงใส่แจ๋ว ยิ่งกดดันให้ฉันจนตรอกเข้าไปใหญ่
“เอ่อ.. นะ..หนู.. คือว่าเมื่อคืนหนู...”
“ลลิน!”
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!”
ฉันใจหายว๊าปเมื่อจู่ๆก็มีมือของใครบางคนเตะมาที่บ่า พอหันหลังกลับไปดูก็พบว่าชายหนุ่มคนนั้นคือ ‘ดิน’ เพื่อนสมัยเด็กและเพื่อนหลังบ้านของฉันนั่นเอง
“ไอ้บ้าดิน! เล่นบ้าอะไรเนี่ย! ถ้าเกิดฉันหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำยังไง! แล้วก็เลิกสักทีนะไอ้นิสัยชอบปีนเข้าบ้านคนอื่นโดยพลการเนี่ย!” ฉันไม่ว่าปากเปล่า มือพยายามคว้าตัวดินที่กำลังวิ่งหนีไปหลบหลังป๊ะป๋าเพื่อทุบเขาสัก 2-3 ทีให้หายตกใจ
“เฮ้ยๆๆ ใจเย็นก่อน วันนี้อะไรเข้าสิงลูกสาวเนี่ยลุงทศ!”
ดินเองก็เก่งไม่น้อยในการหลบหลีจากกำปั้นของฉัน
“จะให้ฉันบิดแขนนายดีๆหรือจะให้ฉันแถมลูกถีบให้ด้วย!”
“ไม่เอาๆ พอๆ เราเป็นผู้หญิงนะลลินทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย” ป๊ะป๋าหรือนาย ‘ทศวรรษ โชตวาณิช’ รีบแยกลูกสาวกับเพื่อนชายให้ออกห่างกันก่อนวางมาดทำเป็นอบรมเราทั้งคู่ “เธอก็เหมือนกันดิน แกล้งเพื่อนแบบนี้ไม่ดีเลยนะ เอาเป็นว่าทั้ง 2 คนกอดคืนดีกันแล้วพูดว่า ‘เพื่อนจ๋า เราขอโทษนะ’ เป็นอันจบเรื่อง”
“ไม่!”
“ไม่!”
ดินกับฉันปฎิเสธการทำโทษแบบเด็กๆของป๊ะป๋าอย่างทันควัน ป๊ะป๋าเลยโอบไหล่ดินและลูบหัวฉันก่อนหันไปหาเพื่อนข้างบ้านทั้ง 2 แบบเขินๆ
“ฮ่าๆๆ ขอโทษนะครับที่ต้องให้มาเห็นอะไรแบบนี้แต่เช้า มวยคู่เอกน่ะครับ”
“อ๋อ ไม่ต้องขอโทษหรอกครับบ้านเราเด็กๆก็ตีกันบ่อย” เบนตอบ
“เด็กคนนี้...” เจเดนคอยๆชี้ไปทางดินเหมือนจะถามว่าดินเป็นใคร
“เขาชื่อดินครับ เป็นลูกชายของเพื่อนผมเองเพราะงั้นดินกับลลินเลยรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านเขาอยู่ซอยถัดไปแต่ก็อยู่แค่หลังบ้านนี่แหละ ชอบผลุบๆโผล่ๆมาที่บ้านเราบ่อยๆ ถ้าเห็นเขาป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้านผมก็อย่าตกใจนะครับ”
“แล้วนี่ลุงยังไม่พาลลินไปมออีกเหรอ จะแปดโมงครึ่งละนะ” ดินถามขึ้นทำให้ฉันและป๊ะป๋านึกเรื่องสำคัญนั้นได้
“เออจริงด้วย! รีบไปเรียนกันดีกว่าลลิน วันนี้ก็จะติดรถลุงไปมอด้วยใช่ไหมดิน”
“ครับผม”
“ไอ้กาฝาก!”
ป๊ะป๋าถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับสงครามย่อมๆที่ดูท่ายังไม่สงบลงง่ายๆแล้วหันไปลาเพื่อนข้างบ้านเพื่อทำกิจวัตรประจำวันของเขาต่อ
“งั้นผมขอตัวไปส่งเด็กๆก่อนนะครับ ครั้งหน้าเราค่อยมาคุยเรื่องห้องผ่าตัดกันต่อ”
“ได้สิครับ ไม่มีปัญหา” เจเดนรับปากด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่พอป๊ะป๋าพาพวกเราไปนั่งในรถสายตาของชายข้างบ้านทั้ง 2 ก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
“พี่คิดเหมือนที่ผมคิดไหม” เบนเปิดประเด็นถามก่อน
“อืม เธอยังจำเรื่องเมื่อคืนได้” เจเดนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆปนโมโหนิดๆ
“เราต้องระวังเธอเป็นพิเศษแล้วล่ะ” เบนยังไม่ละสายตาไปจากพวกเราจนกระทั้ง...
แพร้ง!!!! แพร้งๆๆๆ!!!!!!!!!!!!
“!”
“!”
เสียงคล้ายกับมีอะไรแตกดังลอดออกมาจากบ้านเลขที่ 6 ทั้งสองเลยหันขวับกลับไปที่บ้านพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายราวกับจะรู้กันว่าข้างในบ้านนั้นเกิดอะไรขึ้น
“ตอนนี้เรารีบเข้าไปช่วยแอชเชอร์กันดีกว่า ลำพังเขาแค่คนเดียวคงเอานานะไม่อยู่” เจเดนเดินนำเบนกลับบ้านด้วยความร้อนใจพลางคิดถึงเหตุผลที่เขาและน้องๆต้องย้ายมาไทยอย่างกะทันหันแบบนี้
ขอล่ะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรจนกว่าเราจะหาตัวแม่มดคนนั้นเจอนะ นานะ
ณ. มหา'ลัย KKK
รถยนต์สีดำราคาแพงหูฉี่จอดอยู่ใต้อาคาร 7 ซึ่งเป็นตึกของคณะนิติศาสตร์ ภายในรถนั้นตรงที่นั่งคนขับมีชายต่างชาติผมสีดำแต่งตัวดูดีด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกางเกงสแล็คสีดำและรองเท้าหนังขัดใหม่เอี่ยม กับสองนักศึกษาชาวต่างชาติที่เพิ่งโอนย้ายมาเรียนที่มหา'ลัยแห่งนี้กำลังนั่งบึ้งตึงกันอยู่ที่เบาะหลัง
“ก่อนออกจากรถพี่ขอทวนวิธีอยู่อย่างคนปกติของเราหน่อยนะ โดยเฉพาะนายที่ต้องตั้งใจฟังฉันให้ดี เลวัส” ชายร่างสูงกำยำหันตัวกลับมาหาน้องๆและจ้องไปที่เด็กหนุ่มผมสีชมพูหรือ ‘เลวัส ดรากูล’ ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ พี่เซย์น” แต่มีเพียงเด็กหนุ่มผมสีเงินคนเดียวเท่านั้นที่ตอบกลับพี่ชายอย่างใสซื่อ
“ครั้งนี้พี่ไม่ขอแต่จะสั่ง ระหว่างที่เราอยู่ที่นี่ เลวัส นายต้องดูแลน้องให้ดีอย่าห่างจากน้องแม้แต่เมตรเดียว ลูเซียสเองก็เหมือนกัน พวกพี่ไม่ได้อยู่ใกล้นายตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนอย่างที่เราอยู่ในปราสาทแล้ว นายต้องหัดเอาตัวรอดเองให้ได้ พี่รู้ว่ามันใหม่สำหรับนายแต่นายเป็นคนหัวไวนายทำได้อยู่แล้ว พี่ทำเรื่องมาบรรจุเป็นอาจารย์ของที่นี่เรียบร้อยละ ฉะนั้น ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้รีบมาหาพี่ที่ห้องพักอาจารย์ตึก 7 ชั้น 3 นะ แล้วก็..นี่ ไอเทมฉุกเฉินเผื่อนายจะทนกลิ่นคนหมู่มากไม่ได้” พูดจบชายผมดำหรือ ‘เซย์น ดรากูล’ ก็ยื่นแมสปิดปากให้เด็กหนุ่มผมเงินหรือ ‘ลูเซียส ดรากูล’
“อ้อ! จำไว้อีกอย่างนึงก็ดี มนุษย์เพศหญิงวัยนี้กำลังสนใจเรื่องเพศตรงข้าม อย่าได้ไปโปรยเสน่ห์ใส่พวกเธอเชียวล่ะ”
“จะห้ามได้เหรอ พี่ก็รู้ดีนิว่าธรรมชาติสร้างให้พวกเราหน้าตาดีไว้เพื่ออะไร” เลวัสที่เอาแต่นั่งกอดอกเงียบอยู่นาน จู่ๆก็พูดขึ้นราวกับว่าอยากจะท้าทายคำสั่งของเซย์น
“แล้วนายก็รู้ดีใช่ไหมว่าเรามีบทลงโทษไว้เพื่ออะไร”
“ชิ!”
กึก! กึก! กึก! ฟืบ!!!!!
ฉันกับดินรีบร้อนวิ่งเข้าห้อง 741 แต่พอเปิดประตูออกมาปุ๊บเราก็ถึงกับโล่งใจเพราะตอนนี้เลยเวลาเข้าเรียนมา 15 นาทีแล้วแต่อาจารย์สอนอังกฤษคนใหม่ยังไม่มา
“เฮ้อ.. รอดตายไปอีกหนนะเราสองคน” ดินพูดอย่างเหนื่อยหอบ
“ไม่น่าวิ่งขึ้นบันไดเลยรู้งี้น่าจะรอลิฟท์อ่า!!!” ฉันถึงกับเข่าล้าเดินโซซัดโซเซเข้าห้องตามดิน
“อ้าว! มาแล้วเหรอ!” เสียงใสแจ๋วของสาวผมยาวสีนำ้ตาลทำไฮไลท์สีชมพูข้างหนึ่งดังขึ้นมากลางห้อง
“เอ้อ! ฉันมาแล้วโอ..”
“ดิน!!!!!!!”
ฟิ้ว...
ร่างของเพื่อนตัวดีวิ่งผ่านฉันไปอย่างไร้เยื่อใยราวกับมิตรภาพที่มีให้กันตลอด 8 ปีนั้นไม่มีความสำคัญเมื่อเทียบกับดิน
“กรี๊ด!! คิดถึงจังเลยดิน ไม่ได้เจอกันตั้งนานแหนะ” ‘โอลีฟส์’ 1 ใน 2 เพื่อนสนิทของฉันเอาแต่เกาะแขนดินไม่ยอมปล่อย
เอา 3 วินาทีที่ฉันทักเธอเมื่อกี้คืนมายัยเพื่อนบ้า!
“พูดอะไรของเธอน่ะ เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานตอนเย็นเองนะ ที่ร้านอาหารของพ่อเธอไง จำไม่ได้เหรอ?” ดินดูงงๆกับปฏิกิริยาสุดโอเวอร์ของโอลีฟส์
“ฉันนับเวลาที่เราห่างกันหลังจากนั้นตังหาก นานตั้ง 15 ชั่วโมงแหนะ!”
กลิ่นความรักของโอลีฟส์ที่มีให้ดินไปกระตุกต่อมแซวของเพื่อนชายร่วมห้อง 2 คนเข้า
“มึงดู โอลีฟส์นี่ก็ตื้อไอ้ดินใช่เล่นเนอะ เห็นตามมันมาตั้งแต่มอปลายล่ะ”
“จนถึงตอนนี้ก็ยังกินแห้วตลอด น่าฉงฉาน”
ตุ๊บ!
ฝ่ามืออรหันต์ของโอลีฟส์ทุบลงบนโต๊ะของเพื่อนร่วมชั้นทั้งสองพร้อมๆกับการส่งสายตาพิฆาตใส่พวกเขา
“อยากเก็บปากไว้แตกหน้าหนาวไหมพวกนาย”
“ขอโทษจ้า!!!!!”
ก๊อก ก๊อก
“หยุดเล่นกันได้แล้วเด็กๆ กลับไปนั่งที่เดี๋ยวนี้เลยครับ ไม่งั้นอาจารย์ไม่เช็คชื่อให้นะ”
ในขณะที่พวกเรากำลังหยอกล้อกันอยู่ ชายร่างสูงก็เดินเข้ามาเคาะประตู 2 ทีก่อนก้าวขายาวๆเข้ามาให้ห้อง สะกดทั้งนักศึกษาชายและหญิงให้มองมาที่เขาเป็นตาเดียวได้อย่างน่าประหลาด
“!!!!”
แต่ก็มีเพียงฉันแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นใคร และมันยิ่งทำให้ฉันประหลาดใจเป็นทวีคูณที่ได้เห็น 1 ใน 6 เพื่อนข้างบ้านมาเป็นอาจารย์ในมหาลัยฯที่ฉันเรียนอยู่!!
“อาจารย์เป็นอาจารย์คนใหม่เหรอคะ!? หล๊อหล่ออ่า สอนเซคไหนบ้างหรอกคะ หนูจะไปลงเรียนทุกตัวเลยค่ะ!!!” โอลีฟส์ถูกความหล่อของอาจารย์คนนี้ตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เอ้า! มัวแต่ส่งสายตาหื่นๆใส่อาจารย์กันอยู่ได้ รีบไปนั่งที่สิเดี๋ยวก็อดเช็คชื่อหรอก” ดินลากทั้งฉันที่กำลังยืนอึ้งกับโอลีฟส์ที่กำลังวอแวอาจารย์คนใหม่อย่างออกนอกหน้าให้กลับไปนั่งที่
“ขอบใจนะดิน” ‘ตาต้า’ สาวน้อยผมสั้นน่ารักตัวเล็กรีบดึงแขนเพื่อนทั้ง 2 ที่จิตหลุดไปแล้วให้นั่งที่ทีละคน
“ดูหน่อยนะตาต้า ท่าทางจะหนักทั้งคู่” ดินเริ่มเป็นห่วง
“อืม นายก็รีบไปนั่งที่ได้แล้วเดี๋ยวอาจารย์ก็ว่าอีกหรอก”
“โอเค”
เมื่อภายในห้องเรียนอยู่ในความสงบแล้วอาจารย์คนใหม่ก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ เขาวางสมุดเช็คชื่อไว้บนโต๊ะและแนะนำตัวเองตามธรรมเนียม
“สวัสดีครับ ผมชื่อ เซย์น ดรากูล เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษในงานกฎหมายแทนอาจารย์สุธี อาจารย์เป็นอาจารย์มาใหม่ทุกคนคงยังไม่คุ้นหน้าสักเท่าไร หวังว่าเจอกันครั้งหน้าทุกคนจะจำอาจารย์ได้นะ เดี๋ยวหลังจากเรียนเสร็จหัวหน้าห้องมาแอดอาจารย์เข้ากลุ่ม LiXX วิชานี้ด้วยนะครับ เอาล่ะ วันนี้นอกจากเซคนี้จะมีอาจารย์คนใหม่แล้ว เซคนี้ยังมีนักเรียนที่โอนย้ายมาเพิ่มด้วย เชิญครับ..” พออาจารย์เซย์นผายมือออกไปทางหน้าประตูก็ปรากฏร่างนักศึกษาชาย 2 คนที่แผ่ออร่าความหล่อจนฟุ้งกระจายไปทั่วห้องออกมา พวกเขาทั้ง 3 มีเสน่ห์ดึงดูดที่น่าหลงใหลแต่แฝงไปด้วยความอันตรายแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ไม่มีใครสังเกตเห็นความอันตรายนั้นเลยนอกจากฉัน
‘โคตรพ่อโคตรแม่หล่อเลยมึง!’
‘น่ารักอ่ะแก!!!!!’
‘อย่างกับตุ๊กตาเดินได้เลย’
‘Do you have a girlfriend?’
“ทั้งสองแนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักหน่อยสิ” อาจารย์เซย์นพูดขึ้น
“ผมชื่อ เลวัส ดรากูล เพิ่งย้ายมาจากโรมาเนีย ภาษาไทยผมยังไม่ค่อยแข็งแรง Sorry ล่วงหน้านะครับ”
“ผมชื่อ ลูเซียส ดรากูล.. เอ่อ..” เมื่อลูเซียสไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เขาก็หันไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์เซย์น
“โอเค เรารู้จักเพื่อนใหม่กันพอหอมปากหอมคอแค่นี้เนอะ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจที่พวกเขานามสกุลเหมือนอาจารย์นะ พวกเขาเป็นน้องชายอาจารย์เอง ฝากดูแลพวกเขาด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะอาจารย์!!!!” นักศึกษาสาวในห้องพร้อมใจกับตอบ
“หู๊ยแก แค่ลูกๆ ยังหล่อวัวตายความล้มกันขนาดนี้เลยอ่ะ แล้วพ่อแม่จะหล่อสวยขนาดไหนเนอะอยากเห็นจัง” โอลีฟส์หันมาเม้าท์มอยกับฉันทำให้ฉันหลุดจากห่วงความคิดของตัวเองในทันที
“อ๋อ เออ! นั้นสิ คงงานดีสุดๆแน่เลย”
พอโอลีฟส์ได้ฟังคำตอบที่ถูกใจเธอก็หันกลับไปจ้องมอง 3 หนุ่มหน้าห้องด้วยความหลงใหลไม่ต่างจากนักศึกษาหญิงคนอื่นๆ
“พวกนายไปหาที่นั่งใกล้ๆกันไว้นะ แล้วก็อย่าลืมดูแลน้องด้วยล่ะ เลวัส” อาจารย์เซย์นเดินมากระซิบระซากอยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มทั้งสอง
คำพูดของอาจารย์เซย์นไปกระตุ้นความเหลืออดของเลวัสเข้าอย่างจังเขาเลยเดินตรงดิ่งมาแถวเดียวกับที่ฉันและเพื่อนๆนั่งอยู่ ก่อนชี้ไปที่โต๊ะข้างๆตาต้าที่ว่างอยู่ที่หนึ่งพอดี
“Excuse me ตรงนี้มีใครนั่งรึเปล่าครับ?” เลวัสถามตาต้า
“ไม่มีหรอก”
“นั่งเลย!ๆ” โอลีฟส์ที่นั่งถัดจากตาต้ายุให้เลวัสนั่งที่ที่โหว่อยู่ที่เดียวตรงนั้น ทำให้ที่นั่งของเลวัสเต็มทั้งซ้ายและขวา
“เฮ้อ.. เอากับมันสิ เรื่องประชดนี่เก่งนัก” เซย์นเอือมระอากับพฤติกรรมของน้องรอง แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่สามารถดุด่าอะไรเลวัสได้จึงปล่อยเลยตามเลย “งั้นนายไปนั่งที่ว่างแถวเดียวกับเลวัสละกันนะ”
“ครับ” ลูเซียสพยักหน้าตอบรับแล้วเดินตรงไปนั่งที่ว่างท้ายสุดของแถวซึ่งอยู่ติดกับที่นั่งของฉันพอดี
แล้วทำไมหมอนี่ต้องมานั่งข้างฉันด้วยเนี่ย!!!!!
........................................................................................................
ลลินจะรับมือกับเพื่อนบ้านกลุ่มใหม่นี้ได้อย่างไร?
โปรดติดตามตอนต่อไป!
ความคิดเห็น