NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◇ S.I.N ◇ หน่วยคนบาปล่าทรชน (จบแล้ว) [มีเล่ม มีE-book ทั้ง 2 ภาค]

    ลำดับตอนที่ #2 : บาปที่ ❶ || บาปแห่งวัยเยาว์ (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.95K
      150
      1 ม.ค. 67

    บาปที่1
    บาปแห่งวัยเยาว์ (1)

      




    :: Part Lita ::

     

    บรื้น!!!!

     

    เวลา 15.35 น.

      รถยนต์และรถบ้านคันใหญ่ขับโต้ลมเข้ามาหยั่งหมู่บ้านเล็กๆกลางเมืองที่มีชื่อว่า ‘ทวิชงค์’ ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านมีรถตำรวจจอดอยู่ 2-3 คันและเส้นกั้น crime scene do not cross ที่พันรอบจุดเกิดเหตุบริเวณโพรงหญ้าข้างทางก็ทำให้หัวใจของตำรวจฝึกหัดแผนกสืบสวนคนนี้พองโตด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้ามาในสถานที่เกิดเหตุจริงโดยไม่มีประสบการณ์อะไรมาก่อนเลย แต่ความตื้นตันนั้นก็พองโตอยู่ได้ไม่นานเพราะ...

     

    ร้อนโว้ย!!!

     

    เสียงโวยวายแบบขี้เล่นของ ‘เลน’ ตะโกนตามหลังขณะที่ฉันกำลังทอดน่องเดินลงจากรถบ้าน

              ขอย้อนกลับไปช่วงเช้าที่จ่านพคาบข่าวดีผสมร้ายมาบอกเราหน่อยนะ คดีเด็กหายตัวไปของหมู่บ้านทวิชงค์กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ อาจเพราะย่านนี้มีแต่พวกคนมีเงิน ทั้งข่าวทั้งการดำเนินคดีเลยพากันไปไวอย่างกับจรวด ตามข้อมูลที่ได้รับมาดูเหมือนครั้งแรกที่เด็กคนแรกหายตัวไปจะเป็นเมื่อ 5 วันก่อน เด็กคนนั้นมีชื่อว่าเจโน่อายุ 8 ปี หายตัวไประหว่างยืนรอพี่เลี้ยงซื้อมันเผาที่เข็นมาขายหน้าบ้าน เด็กคนที่ 1 , 2 , 3 จนถึงคนที่ 40 หายตัวไประหว่างที่พ่อแม่ไม่อยู่หรือพ่อแม่เผลอทั้งนั้น อย่างกับว่าโจรลักพาตัวฉุดพวกเด็กๆไปกลางอากาศอย่างั้นล่ะ    

               และเพราะเหตุนี้ สารวัตร ‘วิทูร’ หัวหน้าชุดสืบสวนพิเศษแผนกคดีอาชญากรรมจึงได้ส่งมอบคดีนี้มาให้หน่วยเรารีบจัดการให้เสร็จโดยเร็ว เขาเกรงว่าถ้าคดีนี้ปิดช้าเด็กๆจะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้น

    ด้วยความที่คดีนี้มีความน่าสนใจมากผู้กองเหมันต์จึงตบปากรับคำทันที แต่กำลังสงสัยกันอยู่ใช่ไหมล่ะว่าทำไมเราถึงต้องเช่ารถบ้านมาด้วย ก็เพราะหน่วยนี้มันมีแต่อาชญากรไงล่ะ! การจองโรงแรมจึงถือเป็นเรื่องที่ลำบากมากกก เพื่อตัดปัญหายุ่งยากเหล่านั้น เวลาที่ทุกคนจะออกไปทำภารกิจในสถานที่ไกลห่างจากกรมสืบสวนผู้กองเหมันต์จะใช้รถยนต์ส่วนตัวกับรถบ้านที่เช่ามาไปหาที่เหมาะๆกางเต็นท์นอนรอบกองไฟกัน และกรรมที่ต้องมาร่วมก๊วนด้วยก็ตกมาถึงฉันที่ต้องไปนอนกางเต็นท์กับพวกเขาแทนที่จะได้ไปนอนโรงแรมดีๆที่ทางการออกงบจัดหาไว้ให้

    เฮ้อ... แค่งานแรกก็เหนื่อยขนาดนี้ละ ฉันจะอดทนจนปิดคดีนี้ได้ไหมนะ

     

    ลิต้า

     

    เสียงของผู้กองเหมันต์ทำให้ฉันที่กำลังยืนเหม่ออยู่ข้างๆรถบ้านกลับมามีสติอีกครั้ง

    “ค-..ค่ะมาแล้วค่ะ!!

    ฉันสะบัดหน้าเพื่อเรียกความฝดใฝแล้วรีบวิ่งไปรวมตัวกับคนอื่นๆ

    “อ้าว ผู้กอง มาแล้วเหรอ” ชายหนุ่มท่าทางอารมณ์ดีในชุดนอกเครื่องแบบเหมือนพวกเราหันมาทักทายผู้กองเหมันต์

              “ก็เห็นแล้วนิ” ผู้กองเหมันต์ตอบแบบปัดๆก่อนหยิบถุงมือยางในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาใส่ อีกฝ่ายดูจะชินกับคำพูดและท่าทางเย็นชาของเขาเลยไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธอะไร

    อ่านี่คงเป็นเด็กฝึกงานจากแผนกสืบสวนสินะ” ผู้ชายคนนั้นหันมาส่งยิ้มให้ฉัน

              “ค่ะฉันชื่อลลิตาค่ะ หรือจะเรียกว่าลิต้าก็ได้” ฉันรีบเดินเข้าไปแนะนำตัวกับเขา

              “ผม ‘โลม’ เป็นโปรไฟเลอร์*ของคดีนี้ครับ”

              “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณโลม”

              “ครับ หมวดลิต้า” พูดจบโลมก็เดินนำฉันเข้าไปในจุดเกิดเหตุที่ตอนนี้ถูกคนในหน่วย S.I.N ยึดพื้นที่ไปหมดแล้ว “ผมแปลกใจนิดๆนะที่หน่วยนี้รับผู้หญิงเข้าหน่วยด้วย”

              “เหอะๆ ฉันก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ”

              ฉันคุยไปสำรวจหลักฐานไปโดยพยายามศึกษาวิธีการจากคนในหน่วย

              “แต่ผมว่าคุณยังดีกว่าคนก่อนนะ หมวดมานะน่ะทำตัวแปลกแยกอย่างเห็นได้ชัดเลย ไม่ยอมแม้แต่จะนั่งรถมาทำงานร่วมกับคนในหน่วยด้วย”

              “เอ๊ะ!? ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” ฉันหยุดการกระทำต่างๆแล้วมองหน้าโลมอย่างนึกสงสัย

              “ขนาดนั้นเลยแหละครับ ผมก็เข้าใจเขานะที่แสดงออกมาแบบนั้น อาชญากรปล้นฆ่า ฆาตกรโรคจิต เป็นใครก็กลัว”

              “แต่คุณดูไม่กลัวเลยนี่”

              “เหอะ เพราะผมเข้าใจพวกเขาไงครับ ผมเลยไม่กลัว”

              “คุณเข้าใจเหรอ?

              อาชญากรตามหลักของ ‘ซีซาร์ ลอมโบรโซ่’ มีสี่ประเภท หนึ่ง เป็นอาชญากรโดยกำเนิด สอง เป็นอาชญากรเพราะสารเสพติด สาม เป็นอาชญากรเพราะแรงกดดัน สี่ เป็นอาชญากรครั้งคราว ถึงสี่ประเภทนี้จะไม่ใช่หลักสากลแต่ผมก็เชื่อแบบนั้นมาตลอด”

      “ฟังดูน่าสนใจดีนะคะ”

      ฉันพยักหน้าพลางคิดเรื่องตรรกะพวกนี้ตามคำพูดของโลม

      “เอาล่ะ ตอนนี้ผมคงต้องรีบไปทำงานต่อละ เดี๋ยวผู้กองจะเบิ๊ดกะโหลกผมเอา”

      “เอ่อ..ค่ะ ตามสบายค่ะ ฉันก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน”

      โลมส่งยิ้มเป็นการบอกลาแล้วรีบตรงเข้าไปให้คำปรึกษาผู้กองเหมันต์ที่กำลังส่งสายตาเรียกให้เขาเข้ามาหาเป็นการด่วน

    ตั้งแต่ที่เราเดินเข้ามาในจุดเกิดเหตุฉันก็สังเกตได้สักพักแล้วว่ามีตำรวจวัย 30 ต้นๆนายหนึ่งกำลังยืนพิงต้นไม้จ้องมองมาที่พวกเราด้วยสีหน้าไม่พอใจอยู่ มันทำให้ฉันชักเริ่มรู้สึกอึดอันขึ้นมานิดๆยังไงก็ไม่รู้

              “อีกแล้วสินะผู้หมวดยศพล” มาร์คมองตำรวจคนนั้นแล้วกระตุกยิ้มมุมปากก่อนส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์

              “รู้จักเขาเหรอคะ?” ฉันถาม

              “เขาเป็นเจ้าของคดีนี้ อยู่ทีมสืบสวนที่ 3 แต่เขามักได้เจอแต่คดีแปลกๆ สุดท้ายพอแก้ไม่ได้ก็ตกมาเป็นคดีของเรา เขาเลยไม่มีผลงานมาตลอด 2 ปีไง”

              “น่าสงสาร” เลนเบะปากพูด

              “อย่าพูดทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆสิ น่าขนลุก” เหนือเอ็นเลน

              ก็น่าสงสารจริงๆนั่นแหละ เพราะในการสืบสวนของทีมอื่นๆต้องเวียนกันใช้โปรไฟเลอร์ที่มีอย่างจำกัด แต่สำหรับหน่วย S.I.N มีอาชญากรที่เปรียบเสมือนโปรไฟเลอร์ตั้ง 6 คน จะโมโหที่โดนชิงผลงานไปก็คงไม่แปลก

              “นี่เด็กใหม่ ไหนๆก็ได้มาอยู่หน่วยที่เก่งที่สุดในกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ช่วยโชว์ฝีมือให้เราดูหน่อยสิ” เลนท้าให้ฉันประเมินสถานการณ์จากหลักฐานทั้งหมดที่หามาได้

              “!...เอ๊ะให้ฉันลองสันนิฐานดูเหรอคะ?

              “ก็ใช่น่ะสิ”

              พอเลนพูดไปแบบนั้นเหล่าอาชญากรเลือดเย็นทั้ง 6 ที่กำลังวิเคราะห์สถานที่เกิดเหตุอยู่ต่างก็หยุดชะงักแล้วหันมาจับจ้องฉันเป็นตาเดียว

              “...”

              ถึงจะรู้สึกดีที่มีคนหล่อมองมาก็เถอะ แต่ต้องไม่ใช่คนหล่อที่เป็นโจรปล้นฆ่าสิเฮ้อ!!! โอเคๆ ตั้งสติแล้วโฟกัสที่หลักฐานตรงหน้าก่อน บริเวณที่เกิดเหตุนี้พบกระเป๋าเป้เด็ก 3 ใบ ในนั้นมีเสื้อผ้า ภาพวาด และของเล่นจำนวนหนึ่ง นอกนั้นก็ไม่มีอะไร

    รูปการณ์เหมือนกับ... พวกเด็กๆจงใจหนีออกจากบ้านมาเอง”

    ถูกไหมเนี่ย!!?

    “อ่า แล้วไงต่อ” ธามพยักหน้ารับรู้ก่อนสงสายตาคาดหวังมาที่ฉัน

    แล้วไงต่อเหรอคะ...” โอ้ย เล่นกดดันกันแบบนี้เลยเหรอ!? “ฉะ.ฉันก็คิดได้แค่นี้ล่ะค่ะ”

    “อืม ฉันก็คิดได้แค่นี้เหมือนกัน”

    อ้าวสรุป พวกเขาก็ไม่รู้เหรอ?

    “ที่น่าสงสัยสุดคือเด็กๆอุตส่าห์หอบข้าวของตั้งมากมายมาถึงตรงนี้แล้วแต่ทำไมถึงได้โยนสำภาระทุกอย่างทิ้งข้างทางไปดื้อๆแบบนี้ล่ะ” สายฟ้าวุ่นอยู่กับรูปถ่ายที่พวกเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่เจอหลักฐานพวกนี้ในวันแรก

    “แต่ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นใคร ฉันเดาว่าหมอนี่คงไม่ชอบงานศิลปะแน่” มาร์คหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งจากกองภาพถ่ายมาโชว์ให้ทุกคนดู ภาพใบนั้นคือภาพวาดในกระเป๋าเด็กคนหนึ่งที่วาดตัวการ์ตูนชายใบหน้ายิ้มแย้มแก้มสีชมพูในชุดเสื้อฮู้ดสีเขียวเข้มใส่หมวกทรงถั่วสีเทาอ่อนกำลังเป่าบางอย่างที่ดูคล้ายกับฮาร์โมนิก้าอยู่ แต่ภาพวาดนั้นกลับถูกฉีกทิ้งลงข้างทางอย่างไม่เหลือชิ้นดี

     

     

     

              “ฮือ!!! ใช่ค่ะ นั่นคือรูปของมิสเตอร์พี ที่ ‘ฟลุค’ ชอบมาก”

              หลังจากเมื่อช่วงเช้าเราไล่ตระเวนดูสถานที่เกิดเหตุรอบหมู่บ้านมาทุกจุดแล้ว ในที่สุดเราก็ได้มาที่บ้านของผู้เสียหายซึ่งเป็นพ่อแม่ของเด็กที่ทิ้งกระเป๋าไว้ข้างทางน่ะเอง

              “มิสเตอร์พีเป็นใครเหรอครับ?

              ผู้กองเหมันต์กับฉันนั่งสอบปากคำพ่อแม่เด็กอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก โดยมีเหล่าสมาชิกในหน่วยยืนรับฟังห่างๆอยู่นอกห้อง

              “เป็นตัวการ์ตูนที่เป็นคล้ายๆพรีเซ็นเตอร์ของไอศรีมยี่ห่อหนึ่งน่ะค่ะ”

              “อ๋อฉันจำได้แล้วฉันก็ว่าอยู่ว่ามันคุ้นๆ”

              “เธอรู้จักเหรอ?” ผู้กองเหมันต์หันมาถามฉัน

              “ค่ะ ตอนเด็กๆฉันชอบกินมากเลย ไอศรีมยี่ห่อมิสเตอร์พีสร้างสตอรี่แนวผจญภัยเพื่อโปรโหมด ทุกแท่งไม้จะมีคำบอกใบ้เพื่อพาเราไปสู่เกาะสายรุ้ง ความจริงมันก็แค่การเล่นคำเพื่อได้ไอศรีมฟรีนั่นแหละค่ะ อย่างเช่น ‘ตามหาคุณลุงใจดีหมวกสีฟ้าที่มีสัญลักษณ์มิสเตอร์พีแล้วจะได้รับสมบัติ’ ซึ่งมันก็คือคนขายไอศรีมนั่นเอง”

              “แล้วทำยังไงถึงจะได้ไปเกาะสายรุ้งล่ะ?

              “เอ่อ.. ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าต้องสะสมแทงไม้ที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปมิสเตอร์พีให้ครบ 10 แท่งแล้วจะได้รับตั๋วไปทัวร์สวนสนุกเกาะสายรุ้งที่อยู่ในโรงงานทำไอศรีม...” ฉันพูดพลางเปิดหน้าจอโทรศัพท์ให้ผู้กองเหมันต์ดูเกาะสายรุ้งที่ว่า “นี่ไงคะ”

              ผู้กองเหมันต์ยื่นหน้าเข้ามาดูด้วยความประหลาดใจ

              “เดี๋ยวนี้เขาขายไอศรีมกันแบบนี้แล้วเหรอ”

              “ไม่ใช่เดี๋ยวนี้แต่มันมีมาตั้งนานแล้วค่ะ มันก็น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอคะ เด็กๆถึงได้ชอบไง”

              “แล้วการที่ลูกของฉันวาดรูปมิสเตอร์พีไว้ในกระเป๋ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เขาหายตัวไปเหรอคะ?” ผู้เป็นแม่ถาม

              “เกี่ยวสิครับ เพราะตอนนี้มีเขาคนเดียวที่น่าสงสัย”

              “เอ๊ะมิสเอตร์พีเหรอคะ?” ฉันถามด้วยสีหน้างงๆ

              “ใช่ซะที่ไหนเล่า คนขายไอศรีมตังหาก”

              “อ๋อ..”




              ............................................

             *Profiler (โปรไฟเลอร์) คือ นักวิเคราะห์ลักษณะ อุปนิสัย วิธีการก่อเหตุ รวมไปถึงความคิดของอาชญากรจากหลักฐานที่เก็บมาได้ เพื่อให้ช่วยในการจับกุมตัว



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×