คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : EP.07 || Nice to see you again (1)
EP.07
Nice to see you again (1)
--------------------------
เช้าวันธรรมดาที่อากาศไม่ได้สดใสมากนัก ฉันค่อยๆขยับตัวที่รู้สึกเมื่อยล่าและระบมไปหมดทุกสัดส่วนของร่างกายช้าๆ แค่จะพลิกตัวไปด้านข้างยังรู้สึกปวดคอเหมือนนอนตกหมอนทั้งคืนขนาดนี้ คงไม่มีใครจินตนาการความเจ็บปวดตอนฉันยันตัวออกจากฟูกนุ่มๆนี้ได้แน่ว่าจะเป็นยังไง
“อ๊า...”
หลังจากสายตาเริ่มโฟกัสภาพตรงหน้าได้แล้วฉันก็ค่อยๆหันขวาไปมองร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณขอบเตียง สภาพเขาตอนนี้ก็อิดโรยไม่แพ้ฉันเหมือนกัน เรื่องเมื่อคืนถึงจะจำได้ลางๆแต่ก็ยังจำได้ ผู้ชายคนนี้ข่มขืนฉัน ถึงจะรู้อย่างนั้นแต่ฉันก็ทำได้แค่นั่งกอดเข่ากุมขมำที่ปวดจี๊ดๆเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมาให้ไวเท่านั้น ตอนนี้ฉันควรร้องโวยวายให้เขาตื่นขึ้นมารับผิดชอบแบบหนังไทย หรือย่องหนีออกไปแบบหนังฝรั่งดี?
ครืน ครืน!!!
ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดได้ จู่ๆเสียงโทรศัพท์สั่นจากกระเป๋าถือที่หล่นกระจายอยู่บนพื้นก็ดังเตือนขึ้นมาในความเงียบ ฉันขยี้ตาแรงหนึ่งทีก่อนคลานออกจากเตียงด้วยสภาพเปลือยเปล่าเพื่อไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองกับโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข้อความที่ถูกส่งมาในยามเช้า
ปุยฝ้าย : มอนิ่งงงง ตื่นยังแม่สาวขี้เซา เมื่อคืนทำไมไม่ส่งข้อความหาฉันหะ
ปุยฝ้าย : (สติ๊กเกอร์หน้าโกรธ)
ปุยฝ้ายนี่เอง ส่งข้อความตอบกลับหน่อยละกันเดี๋ยวจะดูน่าสงสัย
นารา : เมื่อคืนกลับมาก็ตุ้บเลย โทษทีแก
พอฉันตอบปุยฝ้ายเสร็จก็รีบจัดแจงเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย ฉันหยิบเดรสสีเลือดหมูมาใส่แล้วเดินไปสำรวจร่องรอยการสู้รบเมื่อคืนตรงกระจกในห้องน้ำ ใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยรอยลิปสติกที่ถูกเขาบดขยี้ริมฝีปากหลายต่อหลายหน ที่คอ ไหล่ หน้าอก มีรอยจ้ำแดงและคิสมาร์กเต็มไปหมด ไหนจากคราบน้ำอุ่นๆตรงหว่างขาอีก นี่เขาคลั่งเซ็กส์ขนาดนั้นเลยรึไง ผู้ชายอะไรป่าเถื่อน! ไร้ความรับผิดชอบ!
ฉันเปิดน้ำในอ่างล้างหน้าเพื่อเช็ดร่องรอยความสกปรกทุกอย่างที่เขาฝากไว้ในกายด้วยความรู้สึกแย่เอามากๆ มันแย่ถึงขั้นที่ฉันเผลอร้องไห้ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ฉันก็ยังคงสตรองก้มหน้าก้มตาล้างมันต่อไปด้วยความรู้สึกผิดต่อตัวเอง พอชำละล้างทุกอย่างเสร็จสรรพฉันก็เดินดุ่มๆออกมาจากห้องน้ำแล้วควานหาเสื้อสูทสีดำจากตู้เสื้อผ้าของเขามาใส่ทับตัวอีกชั้นเพื่อปกปิดบาดแผลทุกอย่างที่เขาได้เป็นคนลงมือทำ ค่ำคืนนั้นแลกกับสูทตัวเดียวมันคงไม่มากเกินไปหรอกนะ ถือว่าเมื่อคืนฉันช่วยสนองตัณหาให้เขาก็แล้วกัน
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินไปหยิบร้องเท้าส้นสูงซึ่งวางอยู่ข้างๆขอบเตียงในจุดที่เขานอนพาดอยู่ ฉันสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาดูเจ็บปวดทรมานมาก เหงื่อก็ไหลอาบทั่วหน้า คิ้วเข็มๆขมวดจนจะชิดติดกันอยู่แล้ว หรือว่าเขากำลังฝันร้ายอยู่?
“ไม่... ท่านแม่ อย่าฆ่าเธอ...”
“!?”
ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆเขาก็ละเมอออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนเจ็บปวด เขาในตอนนี้ดูไร้ทางสู้ ดูน่าสงสาร ต่างกับคนเมื่อคืนนี้ลิบลับเลย อ๊าก!!! ไม่ๆๆๆ ฉันจะให้ความน่าสงสารนี้มาเปลี่ยนแปลงความจริงที่เขาข่มขืนฉันไม่ได้ รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่าขืนอยู่นานกว่านี้แล้วเขาตื่นมาเขาอาจจะคลั่งไล่ข่มขืนฉันอีกก็ได้ หนีๆๆๆ
ฉันปล่อยให้เขาจมอยู่กับฝันร้ายนั้นต่อไปแล้วรีบโกยหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ตอนนี้เช้าแล้วทำให้ฉันมองเห็นทางมากขึ้น ฉันเดินกลับทางเก่าเพื่อไปตั้งต้นหยั่งบานประตูที่มีเพชรและทองประดับอยู่ จากนั้นก็ควานหาทางไปที่จอดรถแล้วเดินเร็วแบบไม่คิดชีวิตออกจากซอยนี้ไป
ฉันที่มั่นใจในความไวของตัวเองไม่สังเกตเลยว่าตรงสวนมีชายผมสีชมพูอมแดงหรือนักร้องเสียงฟ้าประทานคนนั้นกำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้าอยู่ และเมื่อเขาเห็นฉันรีบเดินแจ้นหนีออกมาจากห้องของนายใหญ่ เขาก็ถึงกับชะงักมองตามฉันออกไปอย่างไม่วางตา ทันทีที่ฉันเดินพ้นออกไปจากอาณาเขตบาร์ เขาก็ได้แต่คิดทบทวนหนักว่าเหตุการณ์เมื่อกี้มันคืออะไร เมื่อทนต่อความอยากรู้ไม่ไหวเขาจึงตัดสินใจเดินไปขอคำตอบจากเจ้าของห้องนั้นด้วยตัวเอง
“ลูคัส!!!”
เสียงตะโกนของชายผมสีชมพูอมแดงดังอบอวนไปทั่วห้องรับรองแขกก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้าไปหยั่งห้องนอนของน้องเล็กที่บัดนี้ผันตัวกลายเป็นเจ้าของบาร์ต้องมนต์แห่งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ลูคัส! ตื่น!”
สิ้นเสียงตะโกนแบบเน้นคำ ชายเจ้าของชื่อที่กำลังนอนฝันร้ายอยู่ก็สะดุ้งตื่นทันที
“ฮึก!”
ลูคัสเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนที่สติของเขาจะเริ่มกลับมาและประมวลผลได้ว่าภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่มันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
“.... พี่นาคิน?”
“ใช่ ฉันเอง”
ลูคัสรับรู้ได้ถึงสีหน้าเคร่งเครียดและน้ำเสียงโทนต่ำที่ฟังดูโมโหมากของนาคิน เขาค่อยๆยันตัวขึ้นจากเตียงแล้วลูบหน้าเสยผมตัวเองที่มีเหงื่อไหลพรากออกมาจนชุ่มไปหมด
“พี่มีอะไร”
“ฉันตังหากที่ต้องถามนาย เมื่อกี้มันอะไร”
“แล้วมันอะไรล่ะ” ลูคัสเค้นเสียงแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยขณะก้มหัวกุมขมำด้วยความสับสน
“ฉันเห็นนาราเดินออกมาจากห้องนายเมื่อกี้ เมื่อคืนเธออยู่กับนายทั้งคืนเลยเหรอ”
“!!!”
ลูคัสแน่นิ่งก่อนที่ภาพความทรงจำเมื่อคืนจะไหลเข้ามาในหัวราวกับวีดีโอกำลังรีเพลย์
“นารา..”
นาคินจับจุดได้ว่าลูคัสดูตกใจและกระวนกระวายแปลกๆเขาจึงถามเสียงนิ่งกลับไปเพื่อเค้นเอาความจริงทันที
“เกิดอะไรขึ้น”
“มะ..เมื่อคืน หลังจากออกไปล่ากับพี่แซคมาผมก็ไปรายงานผลกับทางสภาฯ แล้วก็รีบกลับมาที่ห้องเพื่อจะกินอาหาร.. แต่กลับไม่มีอาหาร...”
“ไม่มีอาหารเหรอ?”
“ปกติแล้วพี่ศิลาต้องเตรียมอาหารไว้ให้ผมทุกครั้งที่ผมออกล่าไม่ใช่เหรอ เขาก็รู้ถ้าผมต้องใช้พลังปีศาจเยอะๆสัญชาตญาณดิบของผมจะตื่นตัว”
“เดี๋ยว ประเด็นตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่อาหารหายไปไหน แต่เมื่อคืนนายไม่ได้กินอาหารแล้วนายสยบสัญชาตญาณดิบของปีศาจได้ยังไง”
“!”
จู่ๆลูคัสก็หน้าถอดสีซ้ำยังสบถสีหน้าก่อนหันหน้าหนีนาคินอีก
“.... นี่นาย อย่าบอกนะว่านาย... นอนกับนารา?”
ลูคัสขมวดคิ้วเคร่งเครียดก่อนพยักหน้าตอบนาคินไปเบาๆ
“ให้ตายสิ! ฉันอยากจะ...” นาคินถึงกับหัวเสียพูดไม่ออกเลยเอามือขยี้หัวแรงๆแทน “นายก็รู้ว่าพ่อนายสั่งห้ามไม่ให้เราเข้าใกล้นารา แล้วนี่นายทำอะไรลงไปหะ!”
“มันก็แค่ครั้งเดียว พี่ทำเป็นไม่เห็นก็ได้นิ”
พูดจบลูคัสในสภาพเปลือยเปล่าก็ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่
“จะทำเป็นไม่เห็นได้ไงก็ฉันเห็นอยู่เนี่ย! แล้วทีนี้นายจะให้ฉันแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่มีครั้งที่ 2 อีก นายอย่าลืมสิว่าตัวเองก็มี ‘คู่หมั้น’ อยู่แล้ว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างนายกับนาราเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่นายกับนาราไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ สักวันเธอก็ต้องตายแล้วคืนดวงวิญญาณของท่านเฮเลนรีน่าให้ท่านยมทูต ถ้าขืนนายคิดต่อต้านพวกเขา สิ่งที่เราทำมาตลอด 1,025 ปีเพื่อให้ทางสภาฯยอมรับนายในฐานะ ‘ลูก’ ของท่านยมทูตก็จะสูญเปล่า”
“...”
ลูคัสได้แต่ยืนหันหลังแน่นิ่งไป
“ที่นายล่าวิญญาณเป็นร้อยเป็นพันดวงก็เพื่อให้ตัวเองถูกยอมรับในฐานะยมทูตไม่ใช่ปีศาจ นั่นคือสิ่งที่นายต้องการมาตลอดไม่ใช่เหรอ ลูคัส”
“...”
“เฮ้อ.. แต่ก็เอาเถอะ ครั้งนี้ฉันจะทำเป็นไม่เห็น ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากดึงนารามาพัวพันกับเรื่องนี้แล้ว ถ้านายยังหวังดีกับเธอเหมือนกับฉัน นายรู้ใช่ไหมว่าการปล่อยเธอไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
“... อืม ผมรู้”
ความคิดเห็น