DREAMER : หอคอยคู่ - นิยาย DREAMER : หอคอยคู่ : Dek-D.com - Writer
×

    DREAMER : หอคอยคู่

    คุณเคยฝันเรื่องเดิมซ้ำๆกันรึเปล่า ฝันในช่วงเวลาที่ต่างกัน เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือผ่านไปหลายต่อหลายปีจนคุณลืมมันไปแล้ว แต่วันหนึ่งคุณกลับฝันเห็นมันอีก ว่าแต่ฝันของคุณเป็นฝันดี หรือว่าฝันร้ายกันหล่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    184

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    184

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ฝันที่ 1  :  หอคอยคู่


                   
    รถบัสสีขาวแล่นผ่านป่าเขียวครึ้มดูน่ากลัว  วันนี้ฉันและเพื่อนๆ รวมยี่สิบคน มาเที่ยวกันที่ไหนฉันก็จำไม่ได้แล้ว  แต่สองข้างทางที่มองไปนั้นมีต้นไม้สูงใหญ่ไม่ต่ำกว่าสองคนโอบ  แต่แปลกที่ไม่ยักเห็นสัตว์อะไรเลยแม้กระทั่งนกสักตัว  บรรยากาศในรถดูน่าอึดอัดเล็กน้อยแทบไม่มีใครพูดคุยกันเลย  จนกระทั่งเราผ่านป่าออกมาได้เจอกับทุ่งหญ้าโล่งๆ สุดลูกหูลูกตา  ทุกคนจึงรู้สึกผ่อนคลายออกมาบ้าง  และเริ่มคุยกันเสียงดัง  แต่ทว่าฉันกลับรู้สึกถึงความขัดแย้งของทิวทัศน์ที่ปรากฎตรงหน้าอย่างประหลาด  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

                    “เอาหล่ะทุกคนสถานที่ที่เราจะไปต่อกันนั้นเป็นหอคอยคู่ที่มีมานานมาก  สร้างมาตั้งแต่สมัยไหนนั้นไม่ปรากฎแน่ชัด  ความพิเศษของหอคอยคู่นี้จะอยู่ตรงที่  การที่เราจะขึ้นไปยังชั้นบนนั้นจะต้องข้ามสะพานแขวนไปยังอีกหอคอยหนึ่งทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  จนถึงยอดของมัน”  ไกด์พูด

    ไกด์นำเที่ยวพูดแนะนำตามหน้าที่ของเธอ  แทบไม่มีใครสนใจที่เธอพูด  แม้แต่ฉันเองก็ฟังผ่านๆ  ไม่มีบ้านเรือนเลยสักหลังตั้งแต่ออกจากป่ามา  ไม่มีอะไรเลย 

    รถแล่นมาจนเห็นหอคอยอยู่ไกลๆ  ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณ  หลายคนเริ่มชี้ชวนกันดูด้วยความสนใจ

    สิ่งที่เราเห็นตรงหน้านั้น  เป็นหอคอยแฝดที่สูงมากแม้จะมีเพียงสิบชั้น  ทว่าความสูงของมันเกือบจะเท่ากับตึกยี่สิบชั้นเลยทีเดียว  หอคอยสีเทาทรงกลมเรียบๆ กับท้องฟ้าสีครามนั้นช่างดูน่าเกรงขาม  จากที่เห็นทุกชั้นของหอคอยจะมีสะพานแขวนซึ่งเป็นไม้กับเชือกเส้นใหญ่พาดผ่าน  ตรงกลางระหว่างหอคอยนั้นมองครั้งแรกฉันคิดว่าเป็นเหว  แต่ความจริงก็ปรากฎเมื่อตอนที่รถแล่นมาถึงที่จอด  และไกด์ก็พาเราไปดูใกล้ๆ

    “จากที่เราเห็นนะจ๊ะ  หอคอยนี้มีฐานมีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบห้าเมตร  บนยอดสิบเมตร  สูงสี่สิบห้าเมตร  และตรงกลางระหว่างหอคอยคู่นั้นเคยเป็นแม่น้ำมาก่อน  แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็นนะคะไม่มีน้ำแล้ว  มีความลึกประมาณห้าเมตรแม้จะไม่สูงมากแต่ก็ต้องระวังนะคะ  และถ้าเราต้องการขึ้นไปที่ชั้นสองหล่ะก็เราต้องข้ามสะพานแขวนไปที่หอคอยฟากนู้นก่อนนะคะ”  ไกด์บอก

    “แล้วมันจะปลอดภัยมั๊ยคะสะพานนั่นดูเหมือนจะเก่าแล้ว”  เอเพื่อนของฉันถามอย่างหวาดๆ  เมื่อเนสะพานแขวนชั้นบนไหวเอนตามแรงลม

    “ไม่ต้องกลัวไปหรอกคะ  สะพานนี่ยังแข็งแรงดีอยู่  ไม่เคยมีใครตกลงมาด้วยค่ะ”  ไกด์พูดยิ้มๆ

    “และก็อย่างที่บอกแล้วนะคะ การที่เราจะขึ้นไปยังชั้นบนนั้นจะต้องข้ามสะพานแขวนไปยังอีกหอคอยหนึ่งก่อน  แล้วขึ้นบันไดเวียนไปยังชั้นสอง  ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะคะสุดท้ายเราก็จะไปถึงยอดของมันค่ะ”  ไกด์พูดต่อ

    “ทำไมเค้าต้องสร้างมาให้ขึ้นไปได้ยุ่งยากอย่างนั้นด้วยคะ”  ฉันถามด้วยความสงสัย  เพราะไม่เคยได้ยินว่ามีหอคอยที่ไหนสร้างมาได้ประหลาดแบบนี้

    “อืม....  บ้างก็ว่าสร้างขึ้นเพื่อทดสอบความอดทนของผู้ที่จะขึ้นไปสักการะฟ้าหรือเทพเจ้าค่ะ  บ้างก็ว่าเอาไว้เป็นที่หลบภัยของกษัตริย์    แต่ความจริงเอาไว้ทำอะไรนั้นไม่มีใครรู้เลย  แต่อย่างน้อยเราก็รู้ประโยชน์อย่างหนึ่งนะคะ  นั่นคือเอาไว้ข้ามฟากไงหล่ะ”  ไกด์ตอบติดตลกทำเอาทุกคนหัวเราะ

    “แล้วที่ชั้นบนสุดมีอะไรคะ”  มดถามพลางแหงนหน้าขึ้นไปมองยอดหอคอย

    “มีบัลลังก์อยู่ค่ะ  ที่เรียกว่าบัลลังก์ก็เพราะว่าเป็นเก้าอี้หินอ่อนที่สลักลวดลายไว้งดงามมากเลยหล่ะค่ะ”  ไกด์บรรยายโดยทำสีหน้ารำลึกถึงความหลัง

    “พี่ไกด์เคยเห็นแล้วใช่มั๊ยคะ”  หน่อยถาม

    “ค่ะ  เห็นมาหลายครั้งแล้ว  เคยนั่งมาแล้วด้วย”  ไกด์ตอบ

    “นั่งได้ด้วยหรือคะ”  ฉันถามอย่างสนใจ  เพื่อนหลายคนตาลุกวาว  เพราะปกติแล้วสถานที่ท่องเที่ยวมักไม่ค่อยให้บุคคลทั่วไปได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด

    “แน่นอนค่ะ  สำหรับคนที่เดินขึ้นไปถึงเท่านั้นนะคะ”  ไกด์ยิ้ม  “ก็เพราะว่า  หลายคนบ่นว่าเหนื่อย  ขึ้นไม่ไหว  จนยอมแพ้กลางทางไปตามๆ กันหน่ะค่ะ”

    พวกเราพากันมองดูชั้นบนสุดของหอคอยแล้วพากันตื่นเต้นว่าจะมีใครบ้างที่สามารถพิชิตมันได้  ความรู้สึกของพวกเรา ณ เวลานั้น  ราวกับว่ากำลังจะพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสทีเดียว

    พวกเราเดินเข้าไปในหอคอยซึ่งก็เป็นอย่างที่ไกด์บอก  คือจากชั้นนี้ไม่มีบันไดให้ขึ้นไปยังชั้นสองจึงพากันเดินออกไปยังสะพานข้ามฟากไปโดยที่ไกด์รอเราอยู่ที่รถ  เพราะว่าเธอเจ็บเท้าจากที่ที่เราไปมาก่อนหน้า  สะพานแขวนส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด เมื่อเวลาเราพากันเดินข้ามไป  และก็เป็นอย่างที่ไกด์บอกแม้ว่าเราข้ามพร้อมกันทั้งหมดก็ยังสามารถผ่านไปได้  แต่เพื่อความปลอดภัยเราเลยข้ามไปกันทีละสิบคน  พอถึงหอคอยที่สองก็เจอบันไดเวียนขั้นแคบๆ ขึ้นไปยังชั้นสองแต่ไม่มีให้ขึ้นไปยังชั้นสาม  เลยต้องข้ามกลับมายังหอคอยแรก  เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ  หลายคนเริ่มหยุดพักตั้งแต่ชั้นที่สามเรื่อยมา 

    ส่วนตัวฉันเองเดินช้าๆ หยุดเป็นระยะๆ จนกระทั้งถึงชั้นที่เจ็ดต่างคนต่างก็หอบแฮก  และไม่มีใครกล้ามองลงไปยังพื้นเบื้องล่างแล้ว  ตอนนี้ฉันเดินมาเกือบถึงกลางสะพาน  ข้างหน้ามีเพื่อนเดินนำฉันอยู่หกคน  และตามหลังมาอีกสองคน  ขณะนั้นเองก็ได้มีลมพัดแรงมากจนสะพานที่พวกเรายืนอยู่ไหววูบจนแทบยืนไม่ได้  ฉันหลับตาปี๋  มือฉันกำราวสะพานแขวนไว้แน่น  เพื่อนๆ พากันกรีดร้องด้วยความตกใจ  พอสะพานเริ่มหยุดนิ่งฉันจึงกล้าลืมตาขึ้นมาด้วยความโล่งอกและพากันหัวเราะกับเพื่อนๆ 

    แต่ทันทีที่ฉันก้าวไปถึงกลางสะพาน  พื้นสะพานที่ฉันเหยียบกลับทะลุลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว  เชือกราวสะพานที่ขึงเอาไว้ก็ขาดสะบั้นลง  พวกเราทั้งเก้าคนร่วงหล่นลงมายังสะพานชั้นที่หก  และสะพานก็พังลงไปเรื่อยๆ  ฉันกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  แต่บางคนก็สามารถเกาะเชือกราวสะพานที่ขาดไว้ได้เลยไม่ร่วงลงมาด้วย   เพื่อนที่อยู่บนสะพานแขวนชั้นต่ำลงไปต่างตั้งตัวไม่ทันกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้น  เสียงกรีดร้องฟังไม่ได้ศัพท์ดังระงมไปทั่ว  ตัวของฉันกระแทกสะพานไม้ทะลุลงมาชั้นแล้วชั้นเล่าจนเจ็บระบมไปหมด  กระทั่งมาสิ้นสุดกันที่พื้นแม่น้ำที่แห้งเหือดไปแล้ว 

    ตอนนั้นฉันเบลอไปหมด  ร่างกายบอบช้ำจนขยับไม่ไหว  ฉันฝืนลืมตามองขึ้นไปยังหอคอยคู่เห็นเพื่อนหลายคนมองลงมาจากช่องสะพานแขวนของหอคอยด้วยความตกใจกลัว  บางคนเกาะเชือกไว้แน่น  บางคนพยายามโยนตัวเองไปที่ช่องสะพาน  บางคนพยายามไต่เชือกลงมาข้างล่าง

    หลายคนบาดเจ็บเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นรวมทั้งตัวฉันด้วย  ฉันรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีพยายามเอื้อมมือไปหาเพื่อนคนที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างช้าๆ  แต่ทว่าทันทีที่มือของฉันโดนตัวเพื่อนฉันก็สะดุ้งตื่นขึ้นทันที

     

                    และนี่  เป็นเรื่องราวความฝันที่ฉันเห็นครั้งแรกสมัยประถม  จำได้ว่าฝันแบบเดิมแทบทุกอาทิตย์  จนขึ้นชั้นมัถยมก็เริ่มฝันเห็นน้อยลงเพียงห้าถึงหกครั้ง  กระทั่งตอนนี้ก็ยังฝันเห็นอยู่บ้าง  แต่ทุกครั้งที่ฝันสิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือตัวฉันและเพื่อนๆ จะเป็นเพื่อนที่คบหาอยู่ ณ ช่วงเวลาที่ฝันเท่านั้น  นี่คือความฝันที่ฉันฝันเห็นบ่อยมากที่สุด  และมันคือที่มาของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในความฝันของ หอคอยคู่

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น