DREAMER : หอคอยคู่
คุณเคยฝันเรื่องเดิมซ้ำๆกันรึเปล่า ฝันในช่วงเวลาที่ต่างกัน เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือผ่านไปหลายต่อหลายปีจนคุณลืมมันไปแล้ว แต่วันหนึ่งคุณกลับฝันเห็นมันอีก ว่าแต่ฝันของคุณเป็นฝันดี หรือว่าฝันร้ายกันหล่ะ
ผู้เข้าชมรวม
184
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ฝันที่ 1 : หอคอยคู่
รถบัสสีขาวแล่นผ่านป่าเขียวครึ้มดูน่ากลัว วันนี้ฉันและเพื่อนๆ รวมยี่สิบคน มาเที่ยวกันที่ไหนฉันก็จำไม่ได้แล้ว แต่สองข้างทางที่มองไปนั้นมีต้นไม้สูงใหญ่ไม่ต่ำกว่าสองคนโอบ แต่แปลกที่ไม่ยักเห็นสัตว์อะไรเลยแม้กระทั่งนกสักตัว บรรยากาศในรถดูน่าอึดอัดเล็กน้อยแทบไม่มีใครพูดคุยกันเลย จนกระทั่งเราผ่านป่าออกมาได้เจอกับทุ่งหญ้าโล่งๆ สุดลูกหูลูกตา ทุกคนจึงรู้สึกผ่อนคลายออกมาบ้าง และเริ่มคุยกันเสียงดัง แต่ทว่าฉันกลับรู้สึกถึงความขัดแย้งของทิวทัศน์ที่ปรากฎตรงหน้าอย่างประหลาด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เอาหล่ะทุกคนสถานที่ที่เราจะไปต่อกันนั้นเป็นหอคอยคู่ที่มีมานานมาก สร้างมาตั้งแต่สมัยไหนนั้นไม่ปรากฎแน่ชัด ความพิเศษของหอคอยคู่นี้จะอยู่ตรงที่ การที่เราจะขึ้นไปยังชั้นบนนั้นจะต้องข้ามสะพานแขวนไปยังอีกหอคอยหนึ่งทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงยอดของมัน” ไกด์พูด
ไกด์นำเที่ยวพูดแนะนำตามหน้าที่ของเธอ แทบไม่มีใครสนใจที่เธอพูด แม้แต่ฉันเองก็ฟังผ่านๆ ไม่มีบ้านเรือนเลยสักหลังตั้งแต่ออกจากป่ามา ไม่มีอะไรเลย
รถแล่นมาจนเห็นหอคอยอยู่ไกลๆ ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณ หลายคนเริ่มชี้ชวนกันดูด้วยความสนใจ
สิ่งที่เราเห็นตรงหน้านั้น เป็นหอคอยแฝดที่สูงมากแม้จะมีเพียงสิบชั้น ทว่าความสูงของมันเกือบจะเท่ากับตึกยี่สิบชั้นเลยทีเดียว หอคอยสีเทาทรงกลมเรียบๆ กับท้องฟ้าสีครามนั้นช่างดูน่าเกรงขาม จากที่เห็นทุกชั้นของหอคอยจะมีสะพานแขวนซึ่งเป็นไม้กับเชือกเส้นใหญ่พาดผ่าน ตรงกลางระหว่างหอคอยนั้นมองครั้งแรกฉันคิดว่าเป็นเหว แต่ความจริงก็ปรากฎเมื่อตอนที่รถแล่นมาถึงที่จอด และไกด์ก็พาเราไปดูใกล้ๆ
“จากที่เราเห็นนะจ๊ะ หอคอยนี้มีฐานมีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบห้าเมตร บนยอดสิบเมตร สูงสี่สิบห้าเมตร และตรงกลางระหว่างหอคอยคู่นั้นเคยเป็นแม่น้ำมาก่อน แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็นนะคะไม่มีน้ำแล้ว มีความลึกประมาณห้าเมตรแม้จะไม่สูงมากแต่ก็ต้องระวังนะคะ และถ้าเราต้องการขึ้นไปที่ชั้นสองหล่ะก็เราต้องข้ามสะพานแขวนไปที่หอคอยฟากนู้นก่อนนะคะ” ไกด์บอก
“แล้วมันจะปลอดภัยมั๊ยคะสะพานนั่นดูเหมือนจะเก่าแล้ว” เอเพื่อนของฉันถามอย่างหวาดๆ เมื่อเนสะพานแขวนชั้นบนไหวเอนตามแรงลม
“ไม่ต้องกลัวไปหรอกคะ สะพานนี่ยังแข็งแรงดีอยู่ ไม่เคยมีใครตกลงมาด้วยค่ะ” ไกด์พูดยิ้มๆ
“และก็อย่างที่บอกแล้วนะคะ การที่เราจะขึ้นไปยังชั้นบนนั้นจะต้องข้ามสะพานแขวนไปยังอีกหอคอยหนึ่งก่อน แล้วขึ้นบันไดเวียนไปยังชั้นสอง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะคะสุดท้ายเราก็จะไปถึงยอดของมันค่ะ” ไกด์พูดต่อ
“ทำไมเค้าต้องสร้างมาให้ขึ้นไปได้ยุ่งยากอย่างนั้นด้วยคะ” ฉันถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยได้ยินว่ามีหอคอยที่ไหนสร้างมาได้ประหลาดแบบนี้
“อืม.... บ้างก็ว่าสร้างขึ้นเพื่อทดสอบความอดทนของผู้ที่จะขึ้นไปสักการะฟ้าหรือเทพเจ้าค่ะ บ้างก็ว่าเอาไว้เป็นที่หลบภัยของกษัตริย์ แต่ความจริงเอาไว้ทำอะไรนั้นไม่มีใครรู้เลย แต่อย่างน้อยเราก็รู้ประโยชน์อย่างหนึ่งนะคะ นั่นคือเอาไว้ข้ามฟากไงหล่ะ” ไกด์ตอบติดตลกทำเอาทุกคนหัวเราะ
“แล้วที่ชั้นบนสุดมีอะไรคะ” มดถามพลางแหงนหน้าขึ้นไปมองยอดหอคอย
“มีบัลลังก์อยู่ค่ะ ที่เรียกว่าบัลลังก์ก็เพราะว่าเป็นเก้าอี้หินอ่อนที่สลักลวดลายไว้งดงามมากเลยหล่ะค่ะ” ไกด์บรรยายโดยทำสีหน้ารำลึกถึงความหลัง
“พี่ไกด์เคยเห็นแล้วใช่มั๊ยคะ” หน่อยถาม
“ค่ะ เห็นมาหลายครั้งแล้ว เคยนั่งมาแล้วด้วย” ไกด์ตอบ
“นั่งได้ด้วยหรือคะ” ฉันถามอย่างสนใจ เพื่อนหลายคนตาลุกวาว เพราะปกติแล้วสถานที่ท่องเที่ยวมักไม่ค่อยให้บุคคลทั่วไปได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
“แน่นอนค่ะ สำหรับคนที่เดินขึ้นไปถึงเท่านั้นนะคะ” ไกด์ยิ้ม “ก็เพราะว่า หลายคนบ่นว่าเหนื่อย ขึ้นไม่ไหว จนยอมแพ้กลางทางไปตามๆ กันหน่ะค่ะ”
พวกเราพากันมองดูชั้นบนสุดของหอคอยแล้วพากันตื่นเต้นว่าจะมีใครบ้างที่สามารถพิชิตมันได้ ความรู้สึกของพวกเรา ณ เวลานั้น ราวกับว่ากำลังจะพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสทีเดียว
พวกเราเดินเข้าไปในหอคอยซึ่งก็เป็นอย่างที่ไกด์บอก คือจากชั้นนี้ไม่มีบันไดให้ขึ้นไปยังชั้นสองจึงพากันเดินออกไปยังสะพานข้ามฟากไปโดยที่ไกด์รอเราอยู่ที่รถ เพราะว่าเธอเจ็บเท้าจากที่ที่เราไปมาก่อนหน้า สะพานแขวนส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด เมื่อเวลาเราพากันเดินข้ามไป และก็เป็นอย่างที่ไกด์บอกแม้ว่าเราข้ามพร้อมกันทั้งหมดก็ยังสามารถผ่านไปได้ แต่เพื่อความปลอดภัยเราเลยข้ามไปกันทีละสิบคน พอถึงหอคอยที่สองก็เจอบันไดเวียนขั้นแคบๆ ขึ้นไปยังชั้นสองแต่ไม่มีให้ขึ้นไปยังชั้นสาม เลยต้องข้ามกลับมายังหอคอยแรก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ หลายคนเริ่มหยุดพักตั้งแต่ชั้นที่สามเรื่อยมา
ส่วนตัวฉันเองเดินช้าๆ หยุดเป็นระยะๆ จนกระทั้งถึงชั้นที่เจ็ดต่างคนต่างก็หอบแฮก และไม่มีใครกล้ามองลงไปยังพื้นเบื้องล่างแล้ว ตอนนี้ฉันเดินมาเกือบถึงกลางสะพาน ข้างหน้ามีเพื่อนเดินนำฉันอยู่หกคน และตามหลังมาอีกสองคน ขณะนั้นเองก็ได้มีลมพัดแรงมากจนสะพานที่พวกเรายืนอยู่ไหววูบจนแทบยืนไม่ได้ ฉันหลับตาปี๋ มือฉันกำราวสะพานแขวนไว้แน่น เพื่อนๆ พากันกรีดร้องด้วยความตกใจ พอสะพานเริ่มหยุดนิ่งฉันจึงกล้าลืมตาขึ้นมาด้วยความโล่งอกและพากันหัวเราะกับเพื่อนๆ
แต่ทันทีที่ฉันก้าวไปถึงกลางสะพาน พื้นสะพานที่ฉันเหยียบกลับทะลุลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว เชือกราวสะพานที่ขึงเอาไว้ก็ขาดสะบั้นลง พวกเราทั้งเก้าคนร่วงหล่นลงมายังสะพานชั้นที่หก และสะพานก็พังลงไปเรื่อยๆ ฉันกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่บางคนก็สามารถเกาะเชือกราวสะพานที่ขาดไว้ได้เลยไม่ร่วงลงมาด้วย เพื่อนที่อยู่บนสะพานแขวนชั้นต่ำลงไปต่างตั้งตัวไม่ทันกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้น เสียงกรีดร้องฟังไม่ได้ศัพท์ดังระงมไปทั่ว ตัวของฉันกระแทกสะพานไม้ทะลุลงมาชั้นแล้วชั้นเล่าจนเจ็บระบมไปหมด กระทั่งมาสิ้นสุดกันที่พื้นแม่น้ำที่แห้งเหือดไปแล้ว
ตอนนั้นฉันเบลอไปหมด ร่างกายบอบช้ำจนขยับไม่ไหว ฉันฝืนลืมตามองขึ้นไปยังหอคอยคู่เห็นเพื่อนหลายคนมองลงมาจากช่องสะพานแขวนของหอคอยด้วยความตกใจกลัว บางคนเกาะเชือกไว้แน่น บางคนพยายามโยนตัวเองไปที่ช่องสะพาน บางคนพยายามไต่เชือกลงมาข้างล่าง
หลายคนบาดเจ็บเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นรวมทั้งตัวฉันด้วย ฉันรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีพยายามเอื้อมมือไปหาเพื่อนคนที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างช้าๆ แต่ทว่าทันทีที่มือของฉันโดนตัวเพื่อนฉันก็สะดุ้งตื่นขึ้นทันที
และนี่ เป็นเรื่องราวความฝันที่ฉันเห็นครั้งแรกสมัยประถม จำได้ว่าฝันแบบเดิมแทบทุกอาทิตย์ จนขึ้นชั้นมัถยมก็เริ่มฝันเห็นน้อยลงเพียงห้าถึงหกครั้ง กระทั่งตอนนี้ก็ยังฝันเห็นอยู่บ้าง แต่ทุกครั้งที่ฝันสิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือตัวฉันและเพื่อนๆ จะเป็นเพื่อนที่คบหาอยู่ ณ ช่วงเวลาที่ฝันเท่านั้น นี่คือความฝันที่ฉันฝันเห็นบ่อยมากที่สุด และมันคือที่มาของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในความฝันของ หอคอยคู่
ผลงานอื่นๆ ของ ARAKI ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ARAKI
ความคิดเห็น