ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บททดสอบแห่งความตาย(ตอนที่2)
ทหารม้าเร็วพูดกับตัวเองพร้อมเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้น   
กรุบ! กรุบ! กรุบ! กรุบ!  แล้วพุ่งผ่านปะตูค่ายด้านหน้าเข้าไป ทหารม้าดึงบังเหียนอย่างสุดแรงแล้วกล่าวว่า
  “เร็วเถิดพวกท่านข้าศึกยกทัพมาจากเทวลอยด์ได้สองวันแล้วข้าเกรงว่าข้าศึกจะมาถึงในไม่ช้า”
ทหารนายหนึ่งได้ยินเช่นนั้น จึงตะโกนบอกด้วยวาจาดุดัน
  “จุดคบเพลิงใหญ่!ข้าศึกใกล้ปะชิดแล้ว”
และเสียงโวกเวกโวยวายก็ดังขึ้นทั่วไปหมดทั้งค่าย ในขณะเดียวกันที่ค่ายด้านหลัง
 
  “ไฟ......ไฟนี้ !....ข้าศึกบุก! จุดคบเพลิงบอกในปราสาทเร็วข้าศึกบุกด้านหน้าแล้ว!”
ทหารยามกล่าวอย่างร้อนใจ  ในปราสาทเควี/ยนเนซแม่ทัพนายหนึ่ง เดินด้วยความร้อนใจตรงไปยังประตูห้องโถงใหญ่
ที่ปิดอยู่เขาใช้มือผลักประตูออกอย่างแรง แอ๊ด....ตึ่ม! 
  “ฝ่าบาทขณะนี้ข้าศึกเดินทางเข้าใกล้ค่ายด้านหน้าแล้ว ท่านต้องรับสั่งโดยเร็วว่าจะทำอย่างไร”
แม่ทัพผู้ร้อนใจกล่าวอย่างเสียงแข็ง กษัตริย์หันมองแม่ทัพผู้ร้อนใจแล้วกล่าวว่า
 
  “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร บังอาจมาสั่งข้า”
 
  “ในวาระสงครามเช่นนี้ข้ามิอาจใช้วาจาไพเราะกับใครได้ หวังว่าฝ่าบาทคงจะเข้าใจและให้อภัยข้า...โปรดรับสั่งด้วยเถิด”
แม่ทัพตอบ กษัตริย์ถอนใจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวพร้อมกล่าวว่า
  “เจ้า...นำกำลังพล 15,000 คนเดินทางไปยังค่ายด้านหน้า และบอกให้เตรียมพร้อมรบทุกเมื่อ
          ข้าให้สิทธิ์ขาดกับเจ้าสั่งทหารทุกนายจนกว่าข้าจะไป .ออกไปได้”
  “ใจเย็นก่อนเถิดกษัตริย์แห่งเควี/ยนเนซ ข้าคิดว่าท่านยังมีเรื่องต้องตัดสินใจ”
necromancers เฒ่ากล่าวจากมุมหนึ่งของห้องโถงกษัตริย์ หันกลับมาทางบัลลังก์แล้วเดินขึ้นไปนั่งพร้อมกล่าวว่า
  “อืม.............ข้ารู้แล้ว แต่สิ่งที่ไม่อาจรู้ได้นั้น คือ ข้าจะหาหญิงท้องแก่ได้ที่ไหนในเวลาสงครามเช่นนี้”
necromancers ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
  “อืม...ข้าคิดว่าข้ามีทางออกให้ท่านแล้ว...แต่มันต้องแลกกับสิ่งที่ท่านรัก”
 
  “สิ่งนั้นคืออะไร” กษัตริย์ถาม “ลูกสาวท่าน”
necromancers ตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย กษัตริย์หันมองหมอผีแก่ด้วยความโมโหสุดขีดแล้วพูดว่า
  “ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าคิดได้อย่างไรที่พูดเช่นนี้ออกมาเจ้าเห็นชีวิตลูกสาวข้าเป็นอะไร เจ้า...เจ้า necromancers
          เฒ่าผู้โง่เขลาข้าขอสั่งให้ออกไปก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนมากไปกว่านี้ไป!”
  “แต่...แต่ท่านคิดดูสิในตอนนี้ ไม่มีผู้ใดท้องเลยนอกจากตัวลูกสาวท่าน”
 
necromancers กล่าว กษัตริย์เดินตรงเข้าไปหา necromancers เฒ่าพร้อมชี้นิ้ว ไปทางประตูแล้วตะคอกใส่ว่า
  “ไปซะอย่าให้ข้าเห็นหน้าอีก...ไป!”
necromancers หันหลังพร้อมเดินออกนอกประตูบานใหญ่ เพื่อกลับไปที่ห้อง  เขาครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อให้กษัตริย์ทำตามที่เขาต้องการ 
ห่างออกไปจากหน้าต่างห้องของnecromancers ทางทิศเหนือ 10 กิโล  ที่ค่ายด้านหน้า ทหารนายหนึ่งมองออกไปยังทุ่งหญ้า
ที่กว้างจนมองไม่เห็นที่สิ้นสุด เมฆเริ่มจับตัวกันหนาขึ้นทุกที่ ความมืดเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ จนไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุดของทุ่งหญ้าได้
เมฆเริ่มเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ แสงจันทร์สอดส่องผ่านกรีบเมฆ พอให้เห็นทางข้างหน้าชัดขึ้นบ้าง เสียงครืนครางของท้องฟ้าดังขึ้น
เป็นละยะๆ เปรี้ยงงงงง! เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นท้องฟ้าสว่างวาบ ทั่วทั้งบริเวณจึงทำให้มองเห็นอะไรบางอย่าง
  “อะไรน่ะ! ข้าศึก...ข้าศึกบุกแล้ว เร็ว!”
ทหารตะโกนอย่างสุดเสียง  เสียงโวกเวกดังขึ้นในทันที ทหารที่มิอาจเตรียมตัวรับมือทันเริ่มเสียขวัญ  เสียงฝีเท้าทหารฝ่ายตรงข้ามเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
เป็นระยะและแล้วมันก็หยุดลง......ทหารเทวลอยด์นับหมื่นนาย หยุดลงพร้อมกันเพื่อรอรับคำสั่ง ห่างจากหน้าค่ายไม่ถึง 1 กิโล ...แม่ทับเทวลอยด์ยกมือพร้อมพูดว่า
  “ทหารทั้งหมดเตรียม...”
ลุย! แม่ทับเทวลอยด์ตะโกนสั่งเสียงแข็ง  ทหารนับหมื่นนายวิ่งกระโจนพร้อมโห่ร้อง  เฮ...! ทหารเควี/ยนเนส ได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารเทวลอยด์
จึงทำให้เสียขวัญมากขึ้น เมื่อทหารเทวลอยด์เริ่มเข้ามาใกล้ทหารเควี/ยนเนส ที่รู้ว่าตนเองมิอาจ ต้านอยู่ไว้ได้ จึงเริ่มกำธนูขึ้นยิงใส่ทหารเmวลอยด์ และหวังว่าทหารฝ่ายตนเองจะมาช่วยทัน...ฝึบ! เสียงลูกธนูวิ่งผ่าอากาศอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังเบ้าตาของทหารเทวลอยด์นายหนึ่ง
แรงของลูกธนูผักดันลูกตาเข้าไปด้านในจนถึงแกนสมองแล้วหยุดลง ทหารนายนั่นหงายท้อง ตามแรงของธนู หลังจากนั้นเสียงลูกธนูนับร้อยก็ตามมา ฝึบบบ ฝึ...บ....ฝึบ....ฝรึบ..ฝิบ....ฝึบ...ฝึบ ทหารเทวลอยด็ล้มตายเพราะ โดนลูกธนูเป็นจำนานมาก แต่ดูเหมือนว่าจำนวนทหารจะไม่ลดลงเลย
 
  “ข้าว่าไม่ไหวแน่เลย”
ทหารเควี/ยนเนสนายหนึ่งพูดขึ้นขณะยิงธนู ทหารอีกนายหนึ่งหันมาแล้วพูดว่า
  “เราคงทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ คงได้แต่เฝ้ารอ และหวังว่าทางปราสาทคงจะเห็นดวงไฟและส่งทหารมาช่วยทัน”
ฝึบ! ...ฉึก! เสียงลูกธนูของฝ่ายเทวลอยด์วิ่งผ่าอากาศตรงเข้าที่อกของทหารเควี/ยนเนสที่เพิ่งพูดจบอย่างไม่ทันตั้งตัวทหารเควี/ยนเนส
หล่นลงจากกำแพงที่สูงราวเกือบ 10เมตรมาสู่เบื้องล่างศรีษะแตกกระจายเลือดสาดกระเซ็นไปเต็มพื้นทำให้ทหารเควี/ยนเนสเสียขวัญมากยิ่งขึ้นฝึบบบ ฝึ...บ....ฝึบ....ฝรึบ..ฝิบ....ฝึบ...ฝึบ เสียงลูกธนูจากทหารเทวลอยด์ที่วิ่งเป็นเส้นอยู่บนอากาศนับพันลูก ตรงข้ามกำแพงสูงไปยังค่ายด้านในเสียงทหารโห่ร้องด้วยความหวาดกลัววิ่งหนีเอาชีวิตรอด มันเป็นการตอบโต้ที่ทำให้ทหารเควี/ยนเนซหมดกำลังใจสู้และล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ทหารเทวลอยด์ก็ไม่อาจเข้ายึดค่ายได้ เพราะความแข็งแกร่งของกำแพงและความสูงที่ไม่อาจปีนถึงได้ง่าย จนเวลาล่วงเลยผ่านมากว่า12ชั่วโมง
  “ข้าคิดว่าในไม่ช้าทหารของเราคงมาถึงเป็นแน่”
ทหารเควี/ยนเนสที่รอดชีวิตกล่าวกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
  “เสียง...เสียงนั้นทหารฝ่ายเรามากันแล้ว”
ทันใดนั้นหลังสิ้นเสียงของทหารนายนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น มันเป็นเสียงของวัตถุขนาดใหญ่วิ่งผ่านอากาศด้วยความเร็ว มันคือหินขนาดใหญ่
พุ่งทะลุกำแพงตกลงมาทับตัวของทหารที่พึ่งกล่าวจบ ร่างแตกกระจายไม่เป็นชิ้นดีมีเลือดสาดไปทั่วทั้งบริเวณ เพื่อนทหารที่เห็นต่างตกใจแล้ว
ร้องตะโกนดังลั่น
 
  “เครื่องดีดหิน....หาที่หลบเร็ว!”
เป็นเวลาเดียวกันกับทหารม้ากองกำลังเสริมที่ถูกส่งมาช่วยวิ่งเข้ามาในค่ายพอดี
  “จงเปิดประตูค่าย  เราจะสู้กับมันเราจะไม่ถอย”
แม่ทัพทหารม้ากล่าว พวกทหารต่างวิ่งไปช่วยกันเปิดปะตูค่าย ทหารม้าวิ่งอย่างสุดกำลังเตรียมทะยานสู่สนามรบ แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก
สิ่งที่เหล่าทหารม้าเห็นนั่นแถบไม่อยากจะเชื่อสายตามันคือหน้าไม้ยักษ์ที่มีหัวธนูใหญ่กว่าหัวคนเสียอีก เรียงรายนับสิบรออยู่ ทหารม้าไม่อาจหยุดฝีเท้าม้าได้ ลูกธนูนับสิบถูกยิงออกมาจากหน้าไม้ เฉียดเข้าที่ศรีษะของม้าตัวหน้าสุดอย่างจัง ทำให้กะโหลกม้าเปิด เศษสมองกะจายลูกตาทะลักออกจากเบ้า แล้วพุ่งชนหน้าอกของทหารที่กำลังควบมันอยู่ ลูกดอกยักษ์ทะลุอกออกหลัง  ทหารม้าลอยหล่นจากหลังม้าตกลงสู่พื้น
ทำให้ทหารม้านายอื่น ต้องดึงบังเหียนอย่างสุดแรงเพื่อพยายามหยุดม้าแต่มันไม่ทันเสียแล้ว ลูกดอกยักษ์วิ่งผ่าอากาศด้วยความเร็ว
ตรงเข้าหาทหารม้าอีกเกือบ30นาย ทหารม้าพยายามวกตัวกลับเข้าไปยังค่าย แต่ขณะที่วกตัวนั้นลูกดอกยักษ์ดอกหนึ่งพุ่งตรง
เข้ากลางลำตัวม้าทะลุออกอีกข้างหนึ่งลากลำไส้ตรงเข้าปักกำแพง ม้าทรุดตัวลงนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นทหารตกจากหลังม้าลงสู่พื้น
อย่างแรงแต่ยังไม่ทันที่ทหารนายนั้นจะลุกได้ ทหารเทวลอยด์ก็พากันวิ่งเข้าไปยังค่ายไล่ฆ่าทหารเควี/ยนเนซ 
ทหารเควี/ยนเนซอีกนับหมื่นต่างวิ่งเข้าใส่ทหารเทวลอยด์ แต่ทหารเควี/ยนเนซก็ไม่อาจสู้ทหารเทวลอยด์ที่มีอาวุธยุทธปกรและ
ขวัญกำลังใจที่ดีกว่าได้ จึงพากันวิ่งหนีไปยังค่ายด้านหลัง แต่เมื่อทหารเทวลอยด์กำลังจะวิ่งตามไปนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
  “พอแล้ว...ทหารข้า ปล่อยพวกมันไปเราจะยึดที่นี่เป็นค่าย ข้าไม่ต้องการให้เราเสียกำลังพลไปอีก”
แม่ทัพเทวลอยด์กล่าวพร้อมกับก้มหน้าแล้วบ่นพึมพำว่า
  “เตรียมรอศึกหนักได้เลยนครเควี/ยนเนซ”
กรุบ! กรุบ! กรุบ! กรุบ!  แล้วพุ่งผ่านปะตูค่ายด้านหน้าเข้าไป ทหารม้าดึงบังเหียนอย่างสุดแรงแล้วกล่าวว่า
  “เร็วเถิดพวกท่านข้าศึกยกทัพมาจากเทวลอยด์ได้สองวันแล้วข้าเกรงว่าข้าศึกจะมาถึงในไม่ช้า”
ทหารนายหนึ่งได้ยินเช่นนั้น จึงตะโกนบอกด้วยวาจาดุดัน
  “จุดคบเพลิงใหญ่!ข้าศึกใกล้ปะชิดแล้ว”
และเสียงโวกเวกโวยวายก็ดังขึ้นทั่วไปหมดทั้งค่าย ในขณะเดียวกันที่ค่ายด้านหลัง
 
  “ไฟ......ไฟนี้ !....ข้าศึกบุก! จุดคบเพลิงบอกในปราสาทเร็วข้าศึกบุกด้านหน้าแล้ว!”
ทหารยามกล่าวอย่างร้อนใจ  ในปราสาทเควี/ยนเนซแม่ทัพนายหนึ่ง เดินด้วยความร้อนใจตรงไปยังประตูห้องโถงใหญ่
ที่ปิดอยู่เขาใช้มือผลักประตูออกอย่างแรง แอ๊ด....ตึ่ม! 
  “ฝ่าบาทขณะนี้ข้าศึกเดินทางเข้าใกล้ค่ายด้านหน้าแล้ว ท่านต้องรับสั่งโดยเร็วว่าจะทำอย่างไร”
แม่ทัพผู้ร้อนใจกล่าวอย่างเสียงแข็ง กษัตริย์หันมองแม่ทัพผู้ร้อนใจแล้วกล่าวว่า
 
  “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร บังอาจมาสั่งข้า”
 
  “ในวาระสงครามเช่นนี้ข้ามิอาจใช้วาจาไพเราะกับใครได้ หวังว่าฝ่าบาทคงจะเข้าใจและให้อภัยข้า...โปรดรับสั่งด้วยเถิด”
แม่ทัพตอบ กษัตริย์ถอนใจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวพร้อมกล่าวว่า
  “เจ้า...นำกำลังพล 15,000 คนเดินทางไปยังค่ายด้านหน้า และบอกให้เตรียมพร้อมรบทุกเมื่อ
          ข้าให้สิทธิ์ขาดกับเจ้าสั่งทหารทุกนายจนกว่าข้าจะไป .ออกไปได้”
  “ใจเย็นก่อนเถิดกษัตริย์แห่งเควี/ยนเนซ ข้าคิดว่าท่านยังมีเรื่องต้องตัดสินใจ”
necromancers เฒ่ากล่าวจากมุมหนึ่งของห้องโถงกษัตริย์ หันกลับมาทางบัลลังก์แล้วเดินขึ้นไปนั่งพร้อมกล่าวว่า
  “อืม.............ข้ารู้แล้ว แต่สิ่งที่ไม่อาจรู้ได้นั้น คือ ข้าจะหาหญิงท้องแก่ได้ที่ไหนในเวลาสงครามเช่นนี้”
necromancers ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
  “อืม...ข้าคิดว่าข้ามีทางออกให้ท่านแล้ว...แต่มันต้องแลกกับสิ่งที่ท่านรัก”
 
  “สิ่งนั้นคืออะไร” กษัตริย์ถาม “ลูกสาวท่าน”
necromancers ตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย กษัตริย์หันมองหมอผีแก่ด้วยความโมโหสุดขีดแล้วพูดว่า
  “ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าคิดได้อย่างไรที่พูดเช่นนี้ออกมาเจ้าเห็นชีวิตลูกสาวข้าเป็นอะไร เจ้า...เจ้า necromancers
          เฒ่าผู้โง่เขลาข้าขอสั่งให้ออกไปก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนมากไปกว่านี้ไป!”
  “แต่...แต่ท่านคิดดูสิในตอนนี้ ไม่มีผู้ใดท้องเลยนอกจากตัวลูกสาวท่าน”
 
necromancers กล่าว กษัตริย์เดินตรงเข้าไปหา necromancers เฒ่าพร้อมชี้นิ้ว ไปทางประตูแล้วตะคอกใส่ว่า
  “ไปซะอย่าให้ข้าเห็นหน้าอีก...ไป!”
necromancers หันหลังพร้อมเดินออกนอกประตูบานใหญ่ เพื่อกลับไปที่ห้อง  เขาครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อให้กษัตริย์ทำตามที่เขาต้องการ 
ห่างออกไปจากหน้าต่างห้องของnecromancers ทางทิศเหนือ 10 กิโล  ที่ค่ายด้านหน้า ทหารนายหนึ่งมองออกไปยังทุ่งหญ้า
ที่กว้างจนมองไม่เห็นที่สิ้นสุด เมฆเริ่มจับตัวกันหนาขึ้นทุกที่ ความมืดเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ จนไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุดของทุ่งหญ้าได้
เมฆเริ่มเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ แสงจันทร์สอดส่องผ่านกรีบเมฆ พอให้เห็นทางข้างหน้าชัดขึ้นบ้าง เสียงครืนครางของท้องฟ้าดังขึ้น
เป็นละยะๆ เปรี้ยงงงงง! เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นท้องฟ้าสว่างวาบ ทั่วทั้งบริเวณจึงทำให้มองเห็นอะไรบางอย่าง
  “อะไรน่ะ! ข้าศึก...ข้าศึกบุกแล้ว เร็ว!”
ทหารตะโกนอย่างสุดเสียง  เสียงโวกเวกดังขึ้นในทันที ทหารที่มิอาจเตรียมตัวรับมือทันเริ่มเสียขวัญ  เสียงฝีเท้าทหารฝ่ายตรงข้ามเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
เป็นระยะและแล้วมันก็หยุดลง......ทหารเทวลอยด์นับหมื่นนาย หยุดลงพร้อมกันเพื่อรอรับคำสั่ง ห่างจากหน้าค่ายไม่ถึง 1 กิโล ...แม่ทับเทวลอยด์ยกมือพร้อมพูดว่า
  “ทหารทั้งหมดเตรียม...”
ลุย! แม่ทับเทวลอยด์ตะโกนสั่งเสียงแข็ง  ทหารนับหมื่นนายวิ่งกระโจนพร้อมโห่ร้อง  เฮ...! ทหารเควี/ยนเนส ได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารเทวลอยด์
จึงทำให้เสียขวัญมากขึ้น เมื่อทหารเทวลอยด์เริ่มเข้ามาใกล้ทหารเควี/ยนเนส ที่รู้ว่าตนเองมิอาจ ต้านอยู่ไว้ได้ จึงเริ่มกำธนูขึ้นยิงใส่ทหารเmวลอยด์ และหวังว่าทหารฝ่ายตนเองจะมาช่วยทัน...ฝึบ! เสียงลูกธนูวิ่งผ่าอากาศอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังเบ้าตาของทหารเทวลอยด์นายหนึ่ง
แรงของลูกธนูผักดันลูกตาเข้าไปด้านในจนถึงแกนสมองแล้วหยุดลง ทหารนายนั่นหงายท้อง ตามแรงของธนู หลังจากนั้นเสียงลูกธนูนับร้อยก็ตามมา ฝึบบบ ฝึ...บ....ฝึบ....ฝรึบ..ฝิบ....ฝึบ...ฝึบ ทหารเทวลอยด็ล้มตายเพราะ โดนลูกธนูเป็นจำนานมาก แต่ดูเหมือนว่าจำนวนทหารจะไม่ลดลงเลย
 
  “ข้าว่าไม่ไหวแน่เลย”
ทหารเควี/ยนเนสนายหนึ่งพูดขึ้นขณะยิงธนู ทหารอีกนายหนึ่งหันมาแล้วพูดว่า
  “เราคงทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ คงได้แต่เฝ้ารอ และหวังว่าทางปราสาทคงจะเห็นดวงไฟและส่งทหารมาช่วยทัน”
ฝึบ! ...ฉึก! เสียงลูกธนูของฝ่ายเทวลอยด์วิ่งผ่าอากาศตรงเข้าที่อกของทหารเควี/ยนเนสที่เพิ่งพูดจบอย่างไม่ทันตั้งตัวทหารเควี/ยนเนส
หล่นลงจากกำแพงที่สูงราวเกือบ 10เมตรมาสู่เบื้องล่างศรีษะแตกกระจายเลือดสาดกระเซ็นไปเต็มพื้นทำให้ทหารเควี/ยนเนสเสียขวัญมากยิ่งขึ้นฝึบบบ ฝึ...บ....ฝึบ....ฝรึบ..ฝิบ....ฝึบ...ฝึบ เสียงลูกธนูจากทหารเทวลอยด์ที่วิ่งเป็นเส้นอยู่บนอากาศนับพันลูก ตรงข้ามกำแพงสูงไปยังค่ายด้านในเสียงทหารโห่ร้องด้วยความหวาดกลัววิ่งหนีเอาชีวิตรอด มันเป็นการตอบโต้ที่ทำให้ทหารเควี/ยนเนซหมดกำลังใจสู้และล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ทหารเทวลอยด์ก็ไม่อาจเข้ายึดค่ายได้ เพราะความแข็งแกร่งของกำแพงและความสูงที่ไม่อาจปีนถึงได้ง่าย จนเวลาล่วงเลยผ่านมากว่า12ชั่วโมง
  “ข้าคิดว่าในไม่ช้าทหารของเราคงมาถึงเป็นแน่”
ทหารเควี/ยนเนสที่รอดชีวิตกล่าวกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
  “เสียง...เสียงนั้นทหารฝ่ายเรามากันแล้ว”
ทันใดนั้นหลังสิ้นเสียงของทหารนายนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น มันเป็นเสียงของวัตถุขนาดใหญ่วิ่งผ่านอากาศด้วยความเร็ว มันคือหินขนาดใหญ่
พุ่งทะลุกำแพงตกลงมาทับตัวของทหารที่พึ่งกล่าวจบ ร่างแตกกระจายไม่เป็นชิ้นดีมีเลือดสาดไปทั่วทั้งบริเวณ เพื่อนทหารที่เห็นต่างตกใจแล้ว
ร้องตะโกนดังลั่น
 
  “เครื่องดีดหิน....หาที่หลบเร็ว!”
เป็นเวลาเดียวกันกับทหารม้ากองกำลังเสริมที่ถูกส่งมาช่วยวิ่งเข้ามาในค่ายพอดี
  “จงเปิดประตูค่าย  เราจะสู้กับมันเราจะไม่ถอย”
แม่ทัพทหารม้ากล่าว พวกทหารต่างวิ่งไปช่วยกันเปิดปะตูค่าย ทหารม้าวิ่งอย่างสุดกำลังเตรียมทะยานสู่สนามรบ แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก
สิ่งที่เหล่าทหารม้าเห็นนั่นแถบไม่อยากจะเชื่อสายตามันคือหน้าไม้ยักษ์ที่มีหัวธนูใหญ่กว่าหัวคนเสียอีก เรียงรายนับสิบรออยู่ ทหารม้าไม่อาจหยุดฝีเท้าม้าได้ ลูกธนูนับสิบถูกยิงออกมาจากหน้าไม้ เฉียดเข้าที่ศรีษะของม้าตัวหน้าสุดอย่างจัง ทำให้กะโหลกม้าเปิด เศษสมองกะจายลูกตาทะลักออกจากเบ้า แล้วพุ่งชนหน้าอกของทหารที่กำลังควบมันอยู่ ลูกดอกยักษ์ทะลุอกออกหลัง  ทหารม้าลอยหล่นจากหลังม้าตกลงสู่พื้น
ทำให้ทหารม้านายอื่น ต้องดึงบังเหียนอย่างสุดแรงเพื่อพยายามหยุดม้าแต่มันไม่ทันเสียแล้ว ลูกดอกยักษ์วิ่งผ่าอากาศด้วยความเร็ว
ตรงเข้าหาทหารม้าอีกเกือบ30นาย ทหารม้าพยายามวกตัวกลับเข้าไปยังค่าย แต่ขณะที่วกตัวนั้นลูกดอกยักษ์ดอกหนึ่งพุ่งตรง
เข้ากลางลำตัวม้าทะลุออกอีกข้างหนึ่งลากลำไส้ตรงเข้าปักกำแพง ม้าทรุดตัวลงนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นทหารตกจากหลังม้าลงสู่พื้น
อย่างแรงแต่ยังไม่ทันที่ทหารนายนั้นจะลุกได้ ทหารเทวลอยด์ก็พากันวิ่งเข้าไปยังค่ายไล่ฆ่าทหารเควี/ยนเนซ 
ทหารเควี/ยนเนซอีกนับหมื่นต่างวิ่งเข้าใส่ทหารเทวลอยด์ แต่ทหารเควี/ยนเนซก็ไม่อาจสู้ทหารเทวลอยด์ที่มีอาวุธยุทธปกรและ
ขวัญกำลังใจที่ดีกว่าได้ จึงพากันวิ่งหนีไปยังค่ายด้านหลัง แต่เมื่อทหารเทวลอยด์กำลังจะวิ่งตามไปนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
  “พอแล้ว...ทหารข้า ปล่อยพวกมันไปเราจะยึดที่นี่เป็นค่าย ข้าไม่ต้องการให้เราเสียกำลังพลไปอีก”
แม่ทัพเทวลอยด์กล่าวพร้อมกับก้มหน้าแล้วบ่นพึมพำว่า
  “เตรียมรอศึกหนักได้เลยนครเควี/ยนเนซ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น