ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chess สงครามเกมตัวหมาก

    ลำดับตอนที่ #1 : งานเลี้ยงแด่ อัจฉริยะ 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 66


    ในปี 90 ได้มีการจัดงานเปิดตัวผลงานทางด้านศิลป์ชิ้นใหม่ ผลงานชิ้นนี้ถูกตีค่ามูลค่าหลายแสนเหรียญ ถูกจัดว่าเป็นผลงานชิ้นเอกทางประวัติศาสตร์ทางงานศิลป์ ผู้จากทั่วสาระทิศต่างพามากันมาชื่นชม

    “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณเมสเตอร ที่ได้จัดแสดงผลงานชิ้นนี้ขึ้น” ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวดูมีสถานะทางสังคมกล่าวขึ้นมา พร้อมกับจับไปที่หัวไหล่ 

    ชายหนุ่มที่ชื่อว่าเมสเตอร คือ เจ้าของผลงานโบแดงชิ้นนี้ เค้าถูกจัดว่าเป็นบุคคลที่น่าจับตามองเป็นที่สุด ณ เวลานี้ 

    ผลงานที่ชายคนนี้ได้ขึ้นนำเสนอคือ รูปปั้นที่มีสัดส่วนโครงสร้างร่างกายที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากในยุคสมัยแบบนี้ ผลงานชิ้นนี้ละเอียดจนถึงเส้นทางเดินเลือดของร่างกายมนุษย์

     

    เสียงผู้คนรอบข้างต่างกล่าวขานว่าชายคนนี้แหละ อัจฉริยะแห่งยุค ท่ามกลางเสียงยกย้อชื่นชม เสียงดนตรีรอบข้างก็ได้บรรเลง เพื่อแสดงถึงความชื่นชมที่มีต่อชายคนนี้

    ในการบรรเลงของดนตรีนั้น เสียงไวโอลีนที่ถูกบรรเลงนั้นกลับโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ผู้คนทั้งต่างตบมือให้กับเสียงไวโอลีนที่ดังขึ้น

    หลังจบการบรรเลง เมสเตอรตบมือเสียงดังพร้อมกล่าวขึ้นด้วยสียิ้มแย้ม “ยอดเยี่ยมมาก ผมถูกใจในเสียงดนตรีของคุณอันเป็นที่สุด”

    ชายหนุ่มได้นิ่งเงียบไปชั่วขณะนิ่ง ก่อนที่จะยกไวโอลีนแนบไว้ข้างตัวและก้มตัวลงพร้อมกลับตอบกลับคำชื่นชมนั้น “ขอบคุณมากครับ นับว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ขึ้นมาแสดงในวันนี้”

    เมสเตอรไม่ได้กล่าวตอบกลับแต่อย่างไร แต่ใบหน้ากลับยิ้มตอบรับมันแทนก่อนที่จะ ยกแก้วไวน์ขึ้นเหนือหัวแล้วกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ “Cheer!” ม่านถูกเปิดออกกลางเวทีที่จัดแสดงนั้นมีรูปปั้นตั้งตระหง่านอยู่ ท่ามกลางเสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ตลอดเวลา

     

    ก่อนที่จะมีเสียงปรบมือดังกึกก้องกังวานไปทั่วเวทีจัดแสดง ทุกอย่างรอบข้างราวกับเวลานั้นได้หยุดลง หญิงสาวรูปงาม ดวงตาสีเหลืองทองส่องประกาย ราวกับมีมนต์เสน่ห์อยู่

    “เราไม่คิดว่าจะเตรียมงานไว้ใหญ่ขนาดนี้ เมสเตอร” หญิงสาวกล่าวขึ้นด้วยท่าทีเหย่อหยิ่ง

    “เป็นพระคุณอย่างยิ่ง ท่านคลอเร็ต” เมสเตอรกล่าวขึ้นด้วยท่าทีที่แสดงถึงความเคารพ “ไม่คิดว่าท่านจะมาด้วยตัวเอง”

    “หึ ก็เจ้าเล่นป่าวประกาศใหญ่โตขนาดนั้น ทำไมเราจะทำเป็นไม่สนใจละ” 

    ประโยคสนทนาของทั้งสองนั้น แทบจะไม่มีใครสนใจมันเลยผู้คนรอบข้างต่างพากันชื่นชมผลงานศิลปะ ราวกับต้องมนต์สะกด

    “ผู้คนพวกนี้ท่านคิดว่าอย่างไร” เมสเตอรก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนที่จะชี้นิ้วไปทางผู้คนรอบตัว “คนนี้เป็นเช่นไรบ้าง คนนี้คือเจ้าของรถไฟไอน้ำที่พึ่งจะเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้”

     เขาพยายามแนะนำผู้คนต่างๆให้กับคลอเร็ต แต่เธอกลับดูไม่มีท่าทีที่จะสนใจคนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย “อื้ม เห็นเจ้าโอ้อวดงานไว้ใหญ่โต” เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนกล่าว“เราก็เลยอดคิดไม่ได้เลยว่าจะมีคนแบบที่เราถูกใจ”

    ความมั่นอกมั่นใจก่อนหน้านี้ของเมสเตอร ได้หายไปในพริบตา “แล้วผู้ติดตามของท่านละคิดยังไงบ้าง” เมสเตอรกล่าวซักถามผู้ติดตามที่มาด้วยกันกับคลอเร็ต

    เธอมีสีผิวที่ขาวราวกับหิมะ เฉกเช่นเดียวกับสีผม แม้จะสวมเสื้อคลุมสีขาวอยู่ ก็สามารถมองเห็นดวงตาสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ได้ชัดเจน

    “เจ้ามีคนที่ถูกใจบ้างรึเปล่าละ บล็องก์ (Blanc สีขาว)”

    เธอคนนั้นผยักหัวเล็กน้อยก่อนที่จะชี้นิ้วของเธอไปที่ชายที่กำลังเล่นไวโอลีน

    “เจ้าถูกใจชายคนนั้นหรอ”

    “อื้ม” เธอกล่าวขึ้นด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย

    “ถ้าเจ้าอยากได้ชายคนนั้น เราก็จะทำให้สมหวังเอง” คลอเร็ตพูดขึ้นมาและได้สั่งเมสเตอรขึ้น “จงนำชายคนนั้นมาให้เราซะ เมสเตอร”

    แม้เมสเตอรจะไม่ได้กล่าวพูดกลับแต่อย่างไร แต่ท่าทีก็แสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่า ‘เขาเองก็ถูกใจชายคนนี้อยู่เหมือนกัน’

    สิ้นสุดประโยคสนทนา เมสเตอรได้นำพาชายคนนั้นมามอบให้กับคลอเร็ต

    วินาทีที่คลอเร็ตได้ยื่นมือมาจับที่ชายที่เล่นไวโอลีนก็ได้เกิดไฟฟ้าสถิตปรากฎที่ปลายนิ้วเล็กน้อย ก่อนที่สติของชายคนนั้นที่ได้เลือนลางก่อนหน้า ก็ได้กลับมาเป็นอย่างปกติ

    “อ๊าากก” ชายคนนั้นได้ร้องออกมาเสียงดังราวกับไฟฟ้าสถิตได้ช็อตไปทั่วร่างกาย “ที่นี่ที่ไหนกัน” เค้าตั้งคำถามขึ้นมาเพราะก่อนนี้ เขากำลังแสดงอยู่ข้างเวทีแต่ตอนนี้กลับยืนอยู่ที่นี่นั่ง VIP ของงานจัดแสดง

    “เจ้าคงกำลังสับสนอยู่สินะ หนุ่มน้อย”

    “คุณคือใครงั้นหรอแล้วทำไมคนอื่นๆถึงได้ทำเหมือนมองไม่เห็นพวกเราเลยละ” 

    “จะไปสนใจเรื่องพวกนั้นทำไม มาสนใจเรื่องของเราดีกว่า” คลอเร็ตกล่าว “เจ้าหนุ่ม เจ้ามีนามว่าอะไรหรอ”

    “น..นัวร์ (Noir สีดำ)”

    “นัวร์ อื้มเป็นชื่อที่เหมาะสมกับ บล็องก์ของเราดี” คลอเร็ตกล่าว “แต่ว่าก่อนอื่น เราขอลองชิมเจ้าก่อนละกัน เป็นถึงคนที่บล็องก์สนใจเชียว” หลังจากสิ้นสุดประโยคนั้น แววตาของเธอก็ได้เรืองแสงขึ้น ก่อนที่จะปรากฎคมเขี้ยวขึ้นมา ปากของเธออ้ากว่าขึ้นพร้อมที่กัดลงไปที่คอของนัวร์

    ก่อนที่รอยกวัดแกว่งดาบจะฟาดฟัดไปที่คลอเร็ต…

    แคร่ง!! เสียงดาบกระทบกันอย่างรุนแรง

    บล็องก์ออกตัวมารับดาบของนัวร์ได้อย่างทันเวลา

    “ทะ..ท่านคลอเร็ตเป็นอะไรรึเปล่า” เมสเตอรกล่าวขึ้นด้วยท่าทีตกใจ

    “ถึงไม่มีบล็องก์ ข้าก็สามารถหลบมันได้อย่างสบายอยู่แล้ว”  คลอเร็ตกล่าว ด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นทุกข์ร้อน ก่อนที่จะเอามือข้างนึงมาเท้าค้าง แสดงถึงท่าทีที่สนใจในตัวนัวร์

    “เป็นชายหนุ่มที่ร้อนแรงจังเลยนะ”

    “เจ้าหนุ่มนี่ บังอาจหันคมดาบใส่ท่านคลอเร็ต” เมสเตอรพูดด้วยสีหน้าไม่สูดีนัก “ก่อนหน้านี้-- ไม่มีอาวุธอยู่กับตัวแท้ๆ”

    “น่าจะเป็นคันชักไวโอลีน” คลอเร็ตขัดบทสนสนาของเมสเตอรขึ้น “คันชักอันนั้น น่าจะถูกทำขึ้นมาพิเศษโดยเฉพาะ จึงสามารถฟาดฟันได้เสมือนดาบ”

    “ผมเบื่อที่จะเล่นบทนักดนตรีเต็มทีแล้ว” นัวร์ที่ได้นิ่งเงียบมาตลอดกล่าวขึ้น “ก่อนนี้ก็คิดไว้อยู่ว่า  เธอพอจะมีฝีมือแต่ไม่คิดว่าจะขนาดรับดาบของผมไว้ได้”

    “…” บล็องก์ได้แต่ทำหน้านิ่งเฉย ไม่มีการตอบกลับหรืออะไร

    ตึง!! เสียงกระแทกผนังอย่างรุนแรง 

    บล็องก์ได้ตอบโต้การโจมตีของนัวร์ ทำให้นัวร์เสียหลักและกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงเข้าให้

    “เราก็นึกว่า เจ้าจะทำให้เราสนุกกว่านี้” คลอเร็ตแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย หมดความสนใจในตัวนัวร์อย่างเห็นได้ชัด “บล็องก์ กลับกันเถอะ”

    “ค่ะ”

    “แล้วข้าต้องทำยังไงกับเจ้าหมอนี่ละ ท่านคลอเร็ต” เมสเตอรกล่าวด้วยท่าทางร้อนล่นเล็กน้อย

    “งานของเจ้า เจ้าก็จัดการเองละกัน เมสเตอร“

    “ท่านน..”

    “ถ้าเราได้ยินเสียงเจ้าเรียกเราอีกครั้ง รอบนี้คนที่ปลิดชีพเจ้าจะไม่ใช่ชายคนนั้น แต่เป็นข้า” แววตาของคลอเร็ตที่มักจะดูเป็นมิตร แปลเปลี่ยนเป็น แววตาที่มิสามารถสบตากันได้

    “ค..ครับ” เมสเตอรก้มลงคุกเขากับพื้นด้วยร่างกายที่สั่นอยู่ตลอดเวลา “ข้าจะจัดการชายคนนั้นเองครับ”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×