ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC BLEACH : It's only the fairy tale

    ลำดับตอนที่ #3 : บทจบ * หายนะสู่พ่อมดร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 49


    มาดูตอนเช้ากันดีกว่าว่ามีกิจกรรมดีๆอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังจากกิจกรรมจับกด

     

    ห้องแรก

    เจ้าชายชูเฮย์กะเจ้าชายอุริว

     

    เพล้ง   เพล้ง

     

    กระจกรูปร่างสวยงามที่นำมาทำเป็นหน้าต่างแตกกระจายด้วยฤทธิ์ของลูกศรสีเงิน  ซึ่งผู้เป็นเจ้าของยังเดือดปุดๆอยู่ ขณะที่ต้นเหตุของอารมณ์เดือดครั้งนี้ยังวิ่งหลบลูกธนูอยู่ ก่อนจะพุ่งเข้าประชิดกับร่างขาวๆที่นั่งอยู่บนเตียงโดยปราศจากอาภรณ์ รวบข้อมือทั้งสองตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะกดร่างนั้นลงกับพื้นเตียง ปิดปากหวังกั้นเสียงโวยวายด้วยจูบร้อนแรง แต่มันกลับกระตุ้นต่อมโมโหเสียมากกว่า เพราะกายท่อนล่างที่ไม่ได้ถูกกดทับถูกหยิบยกขึ้นมาใช้กระแทกเข้าที่หน้าท้องคนจูบอย่างแรง จนคนโดนถึงกับตัวงอขยับไปไหนไม่ไหว เจ้าชายอุริวพอลุกขึ้นได้ก็เล็งธนูจ่อหัวผู้ร้ายทันที เจ้าชายชูเฮย์เห็นจวนตัวเลยต้องใช้ไม้ตาย

    ที่ข้าทำก็เพราะข้ารักเจ้าหรอกน่า

     

    ตุบ

     

    ทั้งคันธนู ทั้งลูกธนู และร่างของคนถือร่วงตุ้บลงกับเตียง เจ้าชายอุริวอ้าปากพะงาบๆ หน้าแดงแจ๋ แสดงอาการไม่เชื่อเต็มที่ จนชูเฮย์ต้องเข้ามายืนยันอีกรอบด้วยการจับกด

     

    ห้องสอง

    เจ้าชายงินกะเจ้าชายอิซึรุ

     

    กะ.......กรุณา....ปล่อย.....

    เสียงหวานร้องขอเมื่อริมฝีปากของร่างข้างบนเริ่มซุกไซ้ซอกคอตนอีกครา หากแต่คนข้างบนกลับไม่สนใจอะไรเลยนอกจากการรุกเรื่องเดียว แล้วดูเหมือนว่าสวรรค์จะช่วยร่างบางที่กำลังจะหมดแรงดิ้นให้รอดพ้น เมื่อแสงอาทิตย์สาดเข้ามากระทบร่างและทำให้ตัวเองกลายเป็นหงส์  เวลานี้เจ้าหงส์น้อยรู้สึกขอบคุณคำสาปอย่างสุดซึ้งเลยทีเดียว ที่ทำให้ตนรอดจากเงื้อมมือจิ้งจอกสีเงินได้  แต่มีหรือคนอย่างงินจะปล่อยเหยื่อให้หลุดมือไปง่ายๆ มือแกร่งลากเจ้าหงส์น้อยที่กำลังทำหน้าดีใจเข้ามาใต้ร่างอย่างเดิม ถามด้วยสีหน้าจริงจัง

    เจ้ารักใคร

    เจอแบบนี้หงส์น้อยอิซึรุก็เอ๋อรับประทานทันที คำตอบน่ะมีอยู่แล้ว แต่จะให้ตอบออกไปนี่สิ ไม่ไหวหรอก ตอนนี้นึกอยากให้ตัวเองพูดไม่ได้หรือลืมภาษาคนขึ้นมาตงิดๆ พยายามตะเกียกตะกายจนขึ้นไปอยู่บนหัวเตียงได้ งินยังคงย้ำคำถามเดิม แต่แววตาและรอยยิ้มกลับน่ากลัวกว่าเดิม

    เจ้ารักใคร.......ตอบไม่ตอบ........ไม่ตอบข้าเชือดเจ้าแน่

    ว่าแล้วก็ชูกริชขึ้นมา ตะปบเข้าที่คอหงส์น้อย ทำท่าจะปาดคอทิ้ง หงส์น้อยอิซึรุด้วยความที่กลัวและหวาดเสียวก็เอาแต่หลับตาแน่น เลยไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากของคนที่จับตนอยู่ ก่อนที่เสียงทุ้มจะพูดให้ได้ยินอย่างชัดเจน

    ข้ารักเจ้านะ อิซึรุ

     

    วาบ

     

    แสงสีทองสว่างวาบก่อนจะตามด้วยควันทั่วห้อง งินพัดมือเร็วๆให้ควันหาย ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เห็นร่างขาวเนียนอยู่ใต้กายตน ดวงเนตรสีมรกตสั่นระริก ดวงหน้าหวานแดงซ่าน  และเช่นเคยกายบางที่ไร้อาภรณ์ เสียงหวานพยายามเอ่ยถาม แต่กลับถูกเสียงทุ้มดังกลบเสียหมด

    จะทานละนะ

     

    ห้องสุดท้าย

    เจ้าชายเร็นจิกะเจ้าชายเบียคุยะ

     

    ดวงเนตรสีเข้มลืมขึ้นรับแสงตะวันยามรุ่งอรุณ ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง กลิ้งตัวลงจากแผ่นอกของคนที่โดนนอนทับแล้วจะหลับต่อ แต่พอนึกทวนภาพที่ได้เห็นก็กลิ้งกลับไปใหม่ ยันกายคร่อมร่างนั้นไว้  จ้องตาไม่กะพริบ ก่อนจะโขกหัวโป๊กลงไปจนเจ็บด้วยกันทั้งคู่

    ทำอะไรของเจ้าน่ะ

    คนถูกปลุกด้วยวิธีแปลกๆหลังจากที่ลืมตาขึ้นมาได้ก็ถามขึ้น แต่ก็ต้องมานั่งกะพริบตาปริบๆมองร่างขาวๆที่นั่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้า พึมพำออกมาคนเดียว

    เบียคุยะ.........น่ากินเป็นบ้า

    ว่าไงนะ!!!”

    คนถูกชมว่าน่ากินตะโกนถาม ก่อนจะเปลี่ยนมาดกลับมาเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง ปรายตามองชายหนุ่มผมแดงด้วยสายตาเย็นๆแบบคาดโทษ ทำเอาคนถูกมองสะดุ้งเฮือก คิดหาข้อแก้ตัวจนหัวฟู ในที่สุดก็ได้ออกมา

    เอ่อ.......อย่าเพิ่งโกรธนะ ฟังข้าอธิบายก่อน เร็นจิพยายามทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น เบียคุยะมองด้วยหางตา ไม่มีคำพูดใดๆ เร็นจิเลยพูดต่อ เจ้าเป็นคนคลายคำสาปให้ข้าใช่มั๊ยล่ะ ดังนั้นก็แสดงว่า ข้ากับเจ้าต้อง................

    ต้องอะไร ถามเสียงเย็น เร้นจิเลยสวนกลับด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์

    ต้องให้ข้าพูดด้วยเหรอ.....เดี๋ยวเจ้าจะอายเอานา ถ้าเป็นวิธีปฏิบัติก็ว่าไปอย่าง

    ว่าพลางขยับเข้าหา หมายจะรวบร่างขาวๆนั่นแล้วกดลงกับพื้นเตียง แต่ก็พลาดเป้าเพราะเบียคุยะชิงลุกหนี หยิบเอาเสื้อผ้าในตู้มาใส่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะโยนไปให้เร็นจิบ้าง พูดเสียงเย็นแต่หน้าแดง

    ใส่ซะ........แล้วลงไปข้างล่าง

    ร่างสูงยอมทำตามแต่โดยดี แต่ก็ยังมีการบ่นกระปอดกระแปด โธ่......ทีเมื่อคืนยังอ้อนข้าตั้งหลายรอบ แต่ว่าเจ้าเนี่ยร้อนแรงกว่าที่เห็นนะเนี่ย.......ว้ากกกกก!!!!!!”

     

     

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยามเช้าดูตึงเครียดเมื่อเหล่าเจาชายพากันเดินลงมาเป็นคู่ๆ โดยที่คนนึงจะต้องพยุงอีกคนไว้บ้างล่ะ ไม่มองหน้ากันบ้างล่ะ พระราชาอิจิโกะที่เริ่มเข้าใจอะไรลางๆก็พยักหน้ากับตัวเองน้อยๆ ก่อนจะหันไปทักทายแต่ละคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    อุริว เจ้าเป็นอะไรรึเปล่าหน้าแดงเชียว.......เจ้าชายชูเฮย์เบามือกับลูกข้าหน่อยนะ สั่งทางนี้เสร็จหันไปทางซ้าย เจ้าชายคิระท่าทางอาการหนักเลยนะนี่ เป็นอย่างไรบ้างล่ะ สนุกมั๊ย

    เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เล็กน้อย ก่อนจะหุบไปเมื่อเห็นว่าเจ้าเล่ห์สู้งินไม่ได้ หันไปทักคู่สุดท้ายแทน โอ้........ท่านเบียคุยะ ท่าทางปกติสุดนี่นา นึกว่าท่านเร็นจิจะทำให้หมดแรงซะอีก ว่าแต่.......ท่านเร็นจิ ตาไปโดนอะไรมาล่ะนั่น

    ประโยคสุดท้ายเยาะๆ เร็นจิแทบจะแยกเขี้ยวใส่ เบียคุยะวางฟอร์มนิ่ง ทำเป็นปกติทั้งที่ทั้งอายทั้งเจ็บจนอยากทรุดก็ตาม ทุกท่านนั่งประจำที่เตรียมลุยอาหารเช้า แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อควันสีดำปรากฏขึ้นกลางโต๊ะ  ตามด้วยเสียงหัวเราะหึหึอย่างตัวร้ายหน้าตาดี ชูเฮย์กับเร็นจิทำหน้าเบื่อโลกอย่างสุดซึ้งเมื่อมื้อเช้าถูกขัดด้วยแขกไม่ได้รับเชิญ อิซึรุทำหน้าตาตื่นเช่นเดียวกับพระนางลูเคีย พระราชาอิจิโกะกับเจ้าชายอุริวเตรียมชักอาวุธ เบียคุยะยังคงสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก งินยิ้มร่าตามปกติ ควันสีดำเริ่มพันรอบตัวเหล่าผู้ถูกหมายตาให้ไปอยู่ในฮาเร็มเคะทั้ง 5  แต่ด้วยความไว เจ้าชายชูเฮย์รีบคว้าแขนเจ้าชายอุริวไว้ ทันใดนั้นสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมา เจ้าชายทั้งหกหายไปกับควันสีดำนั้น

     

                                    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+   

     

    ตื่นได้แล้วเหล่าเคะของข้า

    เสียงทุ้มเอ่ยดังกังวานภายในปราสาทที่สร้างด้วยคริสตัล หลังจากที่ได้นำเหล่าเคะมานอนเรียงกันแล้วดูหน้าตอนหลับว่าควรเริ่มจากใครดีแล้ว ไอเซ็นก็เลยอยากลงมือปฏิบัติจริงๆจังเสียที เลยคลายมนตร์สะกดให้แล้วพุ่งตรงไปหาอิซึรุน้อยผู้น่ารักที่กำลังงัวเงียขยี้ตาอยู่ ทำเอาร่างบางตกใจสะดุ้งสุดตัว วาดฝ่ามือหมายจะตบหน้าแต่ไอเซ็นกลับหลบทัน สายลมที่เกิดจากการวาดฝ่ามือนั้นรุนแรงจนเกิดเป็นพายุ พัดปราสาทคริสตัลพังทลายแตกเป็นเศษละเอียด พ่อมดโฉดยิ้มร่า

    ยังตบหนักไม่เปลี่ยนเลยนะ.......อ๊ะ! ข้าพลาดไปหรือนี่ มองไปยังชูเฮย์ที่ประคองเจ้าชายอุริวด้วยสายตาแปลกใจ หน้าตาบอกลีลาขนาดนั้น เจ้าก็มาอยู่กับข้าด้วยสิ

    พูดเสร็จก็โยนกระดาษ 6 ใบไปตรงหน้าเจ้าชายทั้ง 6 ก่อนจะใช้มีดสั้นปักกระดาษไว้กับพื้น นี่คือลำดับของพวกเจ้าที่จะต้องมาเป็นเคะของข้า

    แต่ละคนก้มมองกระดาษตรงหน้าตนแล้วตีสีหน้าต่างกันไป เบอร์ 1 เจ้าชายอิซึรุ ที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้มเดินไปชิดเบียคุยะที่ได้เบอร์ 2  เจ้าชายอุริวยืนกำหมัดแน่นตัวสั่นพั่บๆด้วยความโกรธและตื่นเต้นที่ตนได้เบอร์ 2  ผิดกับชูเฮย์ที่ตกใจไม่น้อยเพราะตนได้เบอร์ 4  งินหันไปมองหน้าเร็นจิด้วยรอยยิ้ม  แต่แววตานั้นแฝงความโกรธด้วยคิดว่าตนคงจะเป็นคนสุดท้าย แต่ที่ไหนได้กลับได้เบอร์ 5 ประหยัดไฟเสียนี่ ผิดกับเร็นจิที่ยืนผิวปากหวือพอใจได้เบอร์สุดท้ายเบอร์ 6 จะได้มีเวลาคิดแผนหน่อย  แต่แล้วสีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เมื่อพ่อมดไอเซ็นเอ่ยประโยคต่อมา

    คนที่ได้เลขมากคือคนที่จะตกเป็นเคะของข้าก่อน.........มาสิเจ้าชายเร็นจิ.......ท่านได้เบอร์ 6 นี่นา 

    เร็นจิแทบล้มพับเมื่อได้ฟังคำพูดนั้น  เดินตรงเข้าไปหาไอเซ็นด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะส่งหมัดลุ่นๆหมายจะให้ประทับลงบนใบหน้าโฉดชั่วนั้น ไอเซ็นกระโดดหลบแต่ก็ยังโดนหมัดไปแบบถากๆ พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่แววตาชั่วร้าย

    ชอบแบบแรงๆหรือ........ข้าก็ชอบนะ

    วาดมือวูบ อากาศบีบอัดกลายเป็นกระสุนพุ่งไปยังเร็นจิ ร่างสูงวาดมือไปข้างหน้า ก่อนจะส่งไฟพุ่งตรงจากฝ่ามือนั้นเข้าปะทะกับกระสุน หวังจะหยุดยั้งและทำลายทิ้ง แต่กระสุนกลับแหวกไฟออก พุ่งปะทะร่างจนเร็นจิลอยละลิ่วไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ทางด้านหลัง เลือดสีแดงไหลตามบาดแผลและริมฝีปาก ไอเซ็นกระโดดตามเตรียมซ้ำแต่โดนเบียคุยะขวางไว้  ดาบเรียวตวัดวูบหมายตัดร่างพ่อมดโฉดเป็นสองท่อน แต่ไอเซ็นหลบทัน หันมายิ้มให้เหี้ยมเกรียม

    เจ้าอยากเป็นคนที่สองงั้นเหรอ

    เบียคุยะไม่ตอบ รุกไล่ฟันอย่างรวดเร็วโดยมีงินเข้ามาร่วมด้วย ดาบเรียวตัดเอาชายผ้าคลุมขาดตกลงพื้น เบียคุยะเหวี่ยงดาบไปข้างหน้าหวังจะเสียบคอหอย ไอเซ็นก้มหลบทำให้ดาบนั้นพุ่งตรงไปยังร่างสูงที่กำลังลุกขึ้นมา ชูเฮย์วิ่งเข้ามาปัดดาบนั้นด้วยดาบตน  ก่อนจะโยนส่งไปให้เบียคุยะ ไอเซ็นหยุดมองด้วยรอยยิ้ม  งินใช้จังหวะนั้นหลอมกรงขังยักษ์ขึ้นมาปิดกั้นอิสระของพ่อมดโฉด  ไอเซ็นยิ้มน้อยๆ เล็บสีดำงอกยาวตัดกรงขังนั้นเป็นชิ้นๆก่อนกระโดดขึ้นฟ้า อิซึรุเรียกพัดของตนขึ้นมา พัดส่งแรงลมไปยังไอเซ็น เกิดเป็นพายุหมุนหลายลูกรอตัดร่างพ่อมดโฉด เจ้าชายอุริวยิงธนูส่งขึ้นไปร่วมกับพายุนั้นปักเข้าที่แขนขวาจนเลือดสีแดงสดไหลเป็นทาง ไอเซ็นลงมายืนบนพื้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไอชั่วร้ายกลับแผ่ขยายมากกว่าเดิมจนหลายคนถึงกับชะงัก พลันพื้นหญ้าก็กลายเป็นผืนน้ำ เจ้าชายเบียคุยะใช้ความไว หลอมน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งในบัดดล ช่วยให้คนอื่นๆไม่ต้องตกลงไปในน้ำ  เร็นจิที่แสนจะแค้นเคืองที่โดนเล่นงานใช้ไฟโจมตีตรงที่พ่อมดโฉดเคยยืนอยู่จนน้ำแข็งละลาย อุริวรีบมองหาร่างของศัตรูก่อนจะส่งธนูไปให้ด้วยความรวดเร็วราวติดจรวด ไอเซ็นยกมือขึ้นใช้พลังจิตกางบาเรียไว้ทำให้ลูกธนูเจาะเข้าไม่ได้และร่วงลงกลางอากาศ  ชูเฮย์รีบหลอมปืนใหญ่ขึ้นมาระดมยิงจนบาเรียนั้นสลายไป ก่อนที่พ่อมดไอเซ็นจะพูดด้วยใบหน้าโฉดชั่วแบบไร้แววใจดี

    คิดว่าพวกเจ้าจะเอาชนะข้าได้รึไง.......สู้ยอมจำนนดีๆจะดีกว่า

    เรื่องสิ

    อิซึรุที่กระโดดขึ้นไปกลางอากาศตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้วาดพัดวูบ เกิดเป็นพายุหมุนล้อมร่างพ่อมดโฉดไว้ งินเลยใช้ชินโซของตนเสียบทะลวงเข้าไปในพายุนั้น ก่อนที่สายลมจะค่อยๆจางหายไป ร่างของพ่อมดไอเซ็นที่ถูกชินโซปักไหล่เรียกกำลังใจได้ไม่น้อย  เบียคุยะเลยใช้เซ็นบงซากุระเข้าซ้ำ แม้พ่อมดโฉดจะตะเกียกตะกายเหาะขึ้นไปกลางอากาศก็ไม่ได้ทำให้บาดแผลที่โดนจากเซ็นบงซากุระลดลงแม้แต่น้อย

    หึ.......จะทำให้เจ้าตายแบบไหนดีนะ

    งินยิ้มออกมา ขณะส่งชินโซขึ้นหมายทำลายหัวใจและมันก็ตรงเป้าเสียด้วย เลือดสีข้นไหลทะลักออกจากบาดแผล แต่ริมฝีปากนั้นก็ยังคลี่ยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า มือหนาเลื่อนขึ้นจับดาบที่แทงตน มองเหลือบลงมาด้านล่างที่ศัตรูทั้งหกของตนยืนอยู่ เลียเลือดที่เกาะอยู่ริมฝีปากด้วยท่าทางโรคจิต กระชากชินโซออกจากกายเหมือนกับว่าไร้ความเจ็บปวด  พูดด้วยเสียงเหมือนกับกำลังเล่น

    นั่นสิ.........ให้ข้าตายยังไงดีนะ....... ทำท่าคิด ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา แต่ข้าว่าเจ้าควรคิดว่าจะให้ตัวเองรอดไปได้ยังไงดีกว่า หรือไม่ก็ จะสู้อย่างไรกับคู่ต่อสู้ที่ไม่มีวันตายย่างข้า

    ว่าแล้วก็แหวกอกออก ตำแหน่งที่ควรจะมีหัวใจกลับว่างเปล่า มีเพียงหินสีแดงสดราวกับเลือดเท่านั้น  บาดแผลตามร่างกายสมานตัวอย่างรวดเร็ว เล็บสีดำงอกยาวตวัดตัดพื้นน้ำแข็งออกเป็นชิ้นๆ เจ้าชายทั้งหกรีบกระโดดขึ้นไปบนอากาศ ใช้วิชาเหยียบเมฆให้ลอยอยู่ในอากาศได้ ก่อนที่ชูเฮย์จะใช้พลังส่วนหนึ่งซัดไปที่ไอเซ็น แต่อีกฝ่ายกลับปัดออกไปอย่างง่ายดายด้วยลมปราณที่มีอยู่ล้นเหลือ  อุริวรีบใช้จังหวะที่พ่อมดโฉดยิงธนูใส่ทันที แต่พอเข้าไปใกล้ได้เพียงนิด ลูกธนูก็กลับเป็นขี้เถ้า

    ก็บอกแล้วว่าพวกเจ้าชนะข้าไม่ได้หรอก

    ไอเซ็นหันมาส่งคำพูดเยาะเย้ยถากถางตัดกำลังใจ ก่อนจะซัดพลังลมปราณเข้าใส่เบียคุยะ จนคนโดนกระเด็นออกไป แต่เร็นจิกลับเข้ามารับไว้ได้ด้วยความว่องไวกว่าสุนัข

    การต่อสู้ยืดเยื้อกินเวลากว่า 3 วัน 3 คืน ธรรมชาติที่เคยงดงามถูกทำลายไปหมดสิ้น เหลือยู่เพียงหลุมบ่อและซากต้นไม้ พ่อมดโฉดยังคงยิ้มเหี้ยมอยู่กลางอากาศ ขณะที่เหล่าเจ้าชายทั้งหกยืนหอบแฮ่กๆด้วยความเหนื่อยอ่อนและใกล้จะหมดกำลังใจ เร็นจิใช้จังหวะที่บาเรียป้องกันของไอเซ็นอ่อนลง ซัดกระสุนเพลิงเข้าใส่เท่าที่กำลังจะมี ร่างของพ่อมดโฉดหายไปกว่าครึ่งร่าง  แต่เพียงชั่วครู่เนื้อส่วนที่หายไปกลับงอกออกมาใหม่ตามด้วยเสียงหัวเราะร่า

    ข้าบอกพวกเจ้าแล้ว.........เป็นอย่างไรบ้างล่ะ พลังคืนชีพของข้า เยี่ยมไปเลยใช่มั๊ย

    เบียคุยะที่เส้นอารมณ์ขาดไปแล้วสร้างพายุหิมะขึ้นมา เกาะร่างไอเซ็นจนกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ก่อนใช้เซ็นบงซากุระจนร่างนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ก้อนเนื้อต่างๆหลุดไปกับน้ำแข็งสลายกลายเป็นผง  หินสีแดงสดที่มีก้อนเนื้อติดอยู่เพียงนิดกระเด็นเข้ามาแทบเท้าเบียคุยะ ก่อนที่จะมีเนื้องอกออกมา ก่อรูปร่างเป็นพ่อมดไอเซ็นอีกครั้ง

    หึหึ........ทำข้าตายไปอีกครั้งเลยนะท่านเบียคุยะ

    เล็บสีดำยาวเสียบทะลวงร่างของเบียคุยะ ความเจ็บทำให้ต้องนิ่วหน้า ก่อนร่างกายจะทรุดลงพื้น อิซึรุรีบวิ่งเข้ามาดูแล ขณะที่เร็นจิระดมยิงไฟใส่อย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะหฤหรรษ์ของพ่อมดโฉด งินและอุริวเลยร่วมด้วยช่วยกันส่งธนูและดาบเข้าเสียบทะลวงตรงจุดที่เป็นที่พักของหินสีแดงสดหลายต่อหลายครั้ง อิซึรุใช่พลังรักษาที่สืบทอดกันมาในราชวงศ์ปิดปากแผลของเบียคุยะ ก่อนจะวาดพัดยักษ์ในมือด้วยความรวดเร็วผสมกับพลังของเบียคุยะที่ปล่อยออกมา เกิดเป็นพายุยักษ์ที่แข็งแกร่งขนาดตัดเหล็กไหลขาด พุ่งวนตรงไปยังไอเซ็น ตัดร่างของพ่อมดโฉดเป็นชิ้นๆอย่างสวยงาม ก่อนจะพัดเข้าหมายทำลายหินนั้นแต่ร่างของไอเซ็นกลับงอกออกมาก่อน  ชูเฮย์กระโดดขึ้นกลางอาการตัดคอไอเซ็นจนขาด เร็นจิเสกเปลวเพลิงยักษ์ขึ้นเผาพ่อมดโฉดอยู่นาน ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของผู้ถูกกระทำ เบียคุยะใช่เซ็นบงซากรุซัดเข้าใส่ จนหินสีแดงสดนั้นร่วงตกลงพื้น ก่อนสลายกลายเป็นผงไป

    ร่างของเจ้าชายทั้งหกที่ต่อสู้มาอย่างเหน็ดเหนื่อย ข้าวปลาไม่ได้กินทรุดลงกับพื้น แต่ริมฝีปากกลับแต่งแต้มรอยยิ้มแห่งความปิติ เร็นจิแค่นหัวเราะออกมา

    หึ........ชนะแล้วนะ เจ้าปีศาจ

    เฮ้~

    ทั้งหกร้องออกมาพร้อมกัน ก่อนจะล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างหมดแรง  เหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้า ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเย็นที่พัดวูบเข้ามา หิมะแรกของปีโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าราวกับจะแสดงความยินดี เบียคุยะพยายามดันกายลุกขึ้นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังนอนนิ่ง ตาเบิกกว้าง

    นั่นมัน............ซานตาครอสนี่ !!!”

    เอ๋!!!!

    ทุกคนมองไปตามร่างบางเจ้าของเรือนผมสีทอง เร็นจิพึมพำออกมา ซานตาครอสจริงๆด้วย

    สายตาทั้งหกคู่จับจ้องไปยังรถลากเทียบกวางเรนเดียร์พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อรถที่แล่นตรงนั้น เลี้ยวกลับมาที่พวกตน  และหยุดลอยอยู่เบื้องหน้า เส้นผมสีขาวราวกับคนแก่ยาวถึงกลางหลัง รอยยิ้มใจดีส่งให้เช่นเดียวกับคนที่นั่งเคี้ยวดอกหญ้าอยู่ข้างกาย เสียงนุ่มเอ่ยเชิญชวน

    ขึ้นมาสิ........ข้าจะพาไปส่ง

    หา?

    ข้าจะพาพวกเจ้าไปส่งที่ปราสาทไง.....ถือเป็นของขวัญเล็กๆน้อยของการปราบพ่อมดไอเซ็นน่ะ

    ส่งยิ้มให้อีกรอบ เจ้าชายทั้งหกเลยไม่รอช้า ก้าวขึ้นรถกันเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีมารยาท  ก่อนที่รถลากจะเคลื่อนตัวสู่ท้องนภาอีกครั้ง เร็นจิเลยถามออกมาทั้งที่ตายังคงก้มชมวิวเบื้องล่าง

    ท่านเป็นซานตาครอสหรือ

    เปล่า.......ไม่ใช่ข้าหรอก ข้าเป็นผู้ช่วยน่ะ ชื่ออุคิมาเกะ จูชิโร่ ส่วนซานตาครอสน่ะนะ เว้นวรรคนิดนึงเนื่องจากพูดนานแล้วหอบ ข้างๆเจ้าน่ะแหละ เคียวราคุ ชุนซุย แต่ว่าตอนนี้รู้สึกโรคขี้เกียจจะกำเริบ ข้าเลยช่วยทำแทนน่ะ

    อ๋อ

    เร็นจิร้อง พลางมองยังคนข้างตัวที่นอนเคี้ยวดอกหญ้า เตรียมตัวหลับ พอหันกลับไปข้างหน้าก็แทบร้องออกมาไม่เป็นภาษา เมื่อเบื้องหน้ากลายเป็นอุโมงค์มืดมิด รถลากหายเข้าไปในอุโมงค์นั้น ก่อนจะโผล่ออกมาอีกทีที่หน้าปราสาท เร็นจิถามไปหอบไปด้วยความตื่นเต้น........ก็เมื่อกี้เกือบถูกปลาหมึกยักษ์จับกินแน่ะ........

    เมื่อกี้มันอะไรน่ะ........มีตัวประหลาดเต็มไปหมด

    อ๋อ....เมื่อกี้คืออุโมงค์พิศวงอา(--)ร่า น่ะ ........ข้าเห็นพวกเจ้าเหนื่อยก็เลยรีบพามาทางนั้นไง สะดวกดีออกนะ ใช่มั๊ยชุนซุย

    หันไปถามความเห็นกับคบใกล้หลับ ฝ่ายนั้นก็ร้องอือออกมาเป็นการตอบรับ เอาหละ พวกเจ้าลงไปได้แล้วหละ.......ข้าเองก็ต้องไปทำหน้าที่แล้วเหมือนกัน

    ว่าแล้วก็จับเจ้าชายทั้งหกโยนออกนอกรถ ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนอากาศ หายเข้าไปในก้อนเมฆ เบียคุยะประคองอิซึรุขึ้นมาแล้วยืนโอบ ก่อนจะพาเข้าไปในปราสาทเป็นคู่แรก งินเดินตามไปเงียบๆข้างๆ อุริวเดินไปกับชูเฮย์ ขณะที่เร็นจิยืนเอ๋อรับประทาน ซักพักนั่นแหละถึงจะวิ่งตามไป

     

                                    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+

     

    เฮ้อ.....รู้สึกว่าไม่ได้อยู่แบบนี้มานานเป็นปีเลยแน่ะ

    บ่นเบาๆเรียกให้คนข้างกายหันมาสนใจตน  เบียคุยะเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะหันไปจิบเมรัยตามเดิม ชูเฮย์เลยสวนขึ้นมาแทนให้เร็นจิตาขวางเล่น

    ก็ตั้งแต่เจ้ากลายเป็นกบ เราก็ออกเดินทางกันตลอดเลยนี่นะ.....แล้วนี่ก็เพิ่งเสร็จศึกกับพ่อมดไอเซ็นนั่นอีก....ข้าว่า....

    พอ!!”

    เร็นจิตะโกนบอก เพราะรู้ว่าถ้าตนไม่รีบหยุดไว้ก่อน ชูเฮย์มันต้องพูดแบบเบรกไม่อยู่แน่ คนถูกบรกกลางคันเลยเกิดอาการงอนยกใหญ่ สะบัดหน้าหนีหันไปเล่นกับอุริวต่อ เบียคุยะหันมามองพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    อย่างที่เจ้าชายชูเฮย์พูดนั่นแหละ......เจ้าจะเหนื่อยก็ไม่แปลกหรอก ข้าเองก็อยากพักแล้วเหมือนกัน

    เร็นจิกะพริบตาปริบๆก่อนจะแอบฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่คนเดียว แล้วหันมาพูดกับเบียคุยะด้วยน้ำเสียงที่พยายามกดไม่ให้แสดงความตื่นเต้นออกมา

    เจ้าก็ขึ้นไปนอนสิ.......อีกไม่กี่วันก็ต้องออกเดินทางแล้วด้วย

    เบียคุยะปรายตามองเย็นชาทำเอาเร็นจิหนาววูบ ก่อนจะพูดออกมาเรียบๆ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร........หยุดมันไว้แค่นั้นแหละ

    อะ.......เอ๋? เร็นจิทำหน้าเหวอ ข้าไม่ได้คิดอะไรนี่....เจ้าคิดไปเองรึเปล่า

    หึ เบียคุยะส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะพูดออกมาโดยไม่สนใจผู้ฟัง เจ้าชายเร็นจิ ข้าว่าท่านควบคุมความคิดหน่อยก็ดีนะ.....มันดังซะจนข้าได้ยินชัดเลยหละ

    เร็นจิยังคงเอ๋อต่อไปมองร่างที่ตนหมายตาหมายใจว่าจะจับกดเสียคืนนี้ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือมนตราและศาสตร์มืด 2 ด้วยความงงงวย  ก่อนจะเอนตัวล้มไปข้างหลังด้วยแรงกระแทกของแก้วที่แสกเข้าหน้าเต็มๆ คนขว้างสะดุ้งเฮือก รีบหันเข้าที่ตัวเองทำเป็นไม่สนใจ ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ทำ เร็นจิค่อยๆพยุงร่างตัวเองขึ้นมา หัวเราะหึหึด้วยคราบของมารร้าย ก่อนจะแผดเสียงดังลั่น พร้อมกับวิ่งเข้าหาเป้าหมายราวกับสุนัขคลั่ง

    ชูเฮย์!! แกตาย!!”

    คนโดนหมายหัวสะดุ้งเฮือก.......มันรู้ได้ไงฟะ........หันไปมองแล้วก็ต้องวิ่งหนีสุดกำลัง เมื่อเร็นจิเสกลูกไฟยักษ์ออกมาและซัดเข้าใส่ พระราชาอิจิโกะที่ได้ยินเสียงโครมครามวิ่งออกมาดู แล้วก็ต้องพบกับท้องพระโรงที่พังยับ และ 1 ผู้ล่า กับ 1 ผู้ถูกล่า เห็นแล้วก็แทบจะลมจับ ชักซันเงสึออกมาฟาดใส่เร็นจิ แต่ร่างสูงหลบได้หันมามองตาขวาง

    หาเรื่องเรอะ.....เจ้าหัวทัมโปโปะ

    หา....แกว่าไงนะ ไอ้หมาหัวเถิก คิ้วตลก

    พูดงี้ก็สวยซีฟะเร็นจิยื่นหน้าเข้ามาใกล้

    จะเอาเรอะ อิจิโกะเริ่มหาเรื่อง

    เออ

    เร็นจิตอกกลับแล้วชักซาบิมารุออกมา แต่ยังไม่ทันได้ฟันคู่อริ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับดาบที่พุ่งมาทางตน

    แหม........มีเรื่องสนุกแบบนี้ให้ข้าร่วมด้วยสิ

    ไม่ใช่ใคร งินนั่นเอง  การต่อสู้แบบ 3p กำลังจะเริ่มขึ้น เบียคุยะส่ายหน้าหน่ายๆก่อนจะพาอิซึรุที่เมาแอ๋ขึ้นห้องไปต่อหน้าต่อตาทั้งสาม เร็นจิเก็บดาบทันที เช่นเดียวกับงินที่วิ่งตามไป  พระราชาอิจิโกะเลยยืนเอ๋ออยู่กับที่ เจ้าชายอุริวเห็นว่าบิดาตนคงต้องห่อเหี่ยวเลยซัดธนูใส่ จนพระราชาอิจิโกะกระโดดหลบแทบไม่ทัน 

    ฝ่ายคนจะเข้าห้องไปหาเคะสุดที่รักทั้งสองก็ยืนหยุดอยู่หน้าประตู แต่เสียดายเข้าห้องไม่ได้เพราะประตูล็อค  1 หมาจิ้งจอก 1 หมาบ้าน เลยได้แต่รัวเคาะประตูเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงนั้นด้วยจินตนาการอันแสนบรรเจิดว่า  1 ร่างบางผมทองและ 1 เจ้าชายน้ำแข็งหน้าสวยกำลังทำอะไรกันอยู่ 

    ฝ่ายคนที่อยู่ในห้องอันเป็นหัวข้อจินตนาการนั้นกำลังหลับสบาย โดยที่ร่างบางผมทองซุกหน้าลงกับอกอุ่นของเจ้าชายน้ำแข็งที่โอบเอวตน  ไม่รู้เลยว่านอกห้องนั้นวุ่นวายแค่ไหน

     

    +*+*+*+*+*+* END *+*+*+*+*+*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×